ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0086
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0088

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0087


ตอนที่ 87 : หอคอยทัณฑ์สวรรค์

เจียงหลางครอบครองวิญญาณยุทธ์ในตำนาน ทั้งยังอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่หก แต่แล้วเขากลับพ่ายแพ้ในการโจมตีเพียงครั้งเดียว เรื่องนี้กล่าวได้ว่าเป็นการพ่ายแพ้อย่างหมดรูป!

ท่ามกลางลานฝึกยุทธ์เงียบสนิท ผู้คนจากตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามและตระกูลเจียงเร่งรีบพุ่งกายไปยังลานประลอง

“ทั้งพลังปราณและวิญญาณยุทธ์แตกสลาย...” ผู้นำตระกูลเจียงกล่าวน้ำเสียงสั่นเครือด้วยความโศก

บรรดาผู้มาจากตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามสีหน้าราวเถ้าถ่าน พวกเขาเปี่ยมไปด้วยความโศกไร้สิ้นสุด!

เบื้องล่างลานประลองยุทธ์ จักรพรรดินีมองฉินหยุนที่สงบยิ่ง นางรู้สึกคล้ายหัวใจถูกบดขยี้ มันเป็นความรู้สึกหวาดกลัวที่สะกดข่มนาง

คลื่นลูกใหม่ที่นางคาดหวังเอาไว้สูงว่าสามารถบดขยี้ฉินหยุนได้กลับพ่ายแพ้ในการโจมตีเดียว!

“นี่คือเคล็ดวิชาระดับลึกล้ำ ระเบิดปราณ ทั้งยังสำเร็จถึงขั้นสมบูรณ์ วิชาระเบิดปราณมีพลังทัดเทียมสายฟ้า นี่เจ้าไปเรียนรู้มันจากที่ใดกัน!?” ผู้อาวุโสจากตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามคำรามถามฉินหยุน

ฉินหยุนคล้ายเพิ่งตระหนักได้ว่าตนใช้เคล็ดวิชาระเบิดปราณออกไป ทว่าสีหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ของเขายังดำเนินต่อ เสียงกล่าวตอบเย็นเยือก “ข้าไม่ตอบ!”

เมื่อครู่ เขาใช้วิญญาณยุทธ์สั่นไหวปลดปล่อยพลังปราณสั่นไหวปกคลุมทั่วทุกส่วนของร่างกาย

ยามที่คลื่นเสียงโจมตีใส่ มันจึงถูกพลังสั่นไหวสลายจนหมดสิ้น เพราะเหตุนี้เขาจึงไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด

วิญญาณยุทธ์สั่นไหวชะล้างคลื่นเสียงได้โดยสมบูรณ์!

“นี่เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่าทำอะไรลงไป?” ชายชราจากตำหนักดวงดาวตะโกนด้วยโทสะ

นักเรียนผู้ซึ่งครอบครองวิญญาณยุทธ์ในตำนาน พลังปราณแตกสลาย วิญญาณยุทธ์ก็แตกสลาย!

ฉินหยุนแค่นเสียง “การประลองยุทธ์ล้วนเกี่ยวข้องถึงชีวิตและความตาย ไม่ใช่เจียงหลางก็สังหารนักเรียนไปหลายคนก่อนหน้านี้หรือ? ทำไมข้าถึงไม่เห็นท่านโกรธหรือเสียใจอะไรเลยเล่า? และเจียงหลางก็ยังไม่ตาย!”

“เจียงหลางครอบครองวิญญาณยุทธ์ในตำนาน!” หากผู้อำนวยการไม่อยู่เคียงข้าง เขาคงเข้าโจมตีฉินหยุนไปแล้ว

ฉินหยุนกล่าวเหยียดหยัน “การประลองยุทธ์นั้นโหดร้าย เจียงหลางก็โหดเหี้ยมไม่แพ้กัน ในการประลองฝีมือ การกระทำของเขาทั้งโหดเหี้ยมและโฉดชั่ว เขาไม่เคยมอบโอกาสแก่ผู้อื่นด้วยซ้ำ! ตัวเขายังเอาแต่บอกว่าอ่อนแอสมควรตาย และข้าจึงคืนกลับคำพูดนั้นแก่มัน!”

“แต่ข้าก็ไม่ได้โหดร้ายเพียงนั้น ข้ายังเปิดโอกาสให้มันได้รอดชีวิต!”

กระทั่งว่าเจียงหลางยังมีชีวิต มันก็เจ็บปวดยิ่งกว่าความตายแล้ว!

“หากมันไม่อาจเอาชนะเส้นวิญญาณหนึ่งตะวันที่เป็นขยะเช่นข้า แล้วมันจะมีวิญญาณยุทธ์ในตำนานไว้ทำอะไร? พวกท่านคิดหรือว่าคนเช่นมันเป็นสมบัติ น่าขัน!”

ผู้คนจากตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามและตระกูลเจียงล้วนโกรธแค้น หัวใจพวกเขาแมบมอดไหม้เพราะเพลิงแค้น ทั้งยังต้องโดนฉินหยุนฉีกหน้า

ทุกผู้คนล้วนเห็น ว่าต่อให้ฉินหยุนจัดการเจียงหลางด้วยพลังที่เหนือล้ำกว่า เขาก็ยังคงถูกตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามเหยียดหยันเพราะมีเส้นวิญญาณเพียงหนึ่งตะวัน!

ผู้อำนวยการเร่งรีบเดินเข้ามากล่าวประกาศเสียงดัง “การทดสอบรอบสุดท้ายของเด็กใหม่เสร็จสิ้น ฉินหยุนได้รับชัยชนะ และได้รับรางวัลเป็นเม็ดยาพลังธาตุชั้นเลิศจำนวนสิบเม็ด และยังได้รับสิทธิ์ให้เข้าสู่ลานสะสมพลังปราณเป็นเวลาสองเดือน และยังได้รับสิทธิ์ลดค่าใช้จ่ายในภาคเรียนหน้า!”

รางวัลที่ได้ไม่แย่ โดยเฉพาะกับการได้รับอนุญาตให้เขาสู่ลานสะสมพลังปราณถึงสองเดือน

ภายในลานสะสมพลังปราณ มันประกอบด้วยมหาค่ายอาคมรวบรวมพลังปราณ มันคือสถานที่ซึ่งเหล่าอาจารย์ใช้เก็บตัวฝึกฝน และผู้อำนวยการใหญ่ก็อยู่ในนั้นเช่นกัน

หลังฉินหยุนรับเม็ดยาพลังธาตุชั้นเลิศสิบเม็ด ผู้อาวุโสจากตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามพลันคำราม “มันทำลายนักเรียนเพียงหนึ่งเดียวของสถาบันยุทธ์ฮัวหลิงที่ปลุกวิญญาณยุทธ์ระดับตำนาน มันสมควรถูกลงโทษ!”

“พวกเจ้าล้วนทราบว่าวิชายุทธ์ส่วนใหญ่ของสถาบันยุทธ์ฮัวหลิงได้รับสืบทอดจากบรรพบุรุษพวกเรานามหลันเซียว จงทำตามข้าสั่ง!”

ผู้อาวุโสหลายคนคิดอยากจับกุมฉินหยุน ทว่าพวกเขากลับโดนผู้อำนวยการจางหยุดยั้งไว้

“พวกเราต้องลงทัณฑ์มัน ไม่เช่นนั้นพวกเราจะสั่งปิดสถาบันยุทธ์ฮัวหลิง!” ผู้อาวุโสตำหนักดวงดาวกราดเกรี้ยวตะโกนลั่น คล้ายกับว่าเขามีความสามารถในการทำเช่นนี้จริง

อย่างกะทันหัน น้ำเสียงไร้ตัวตนดังขึ้นจากที่ใดไม่ทราบ ชั้นแล้วชั้นเล่าของเสียงเริ่มดังขึ้น ผู้คนล้วนแตกตื่นเมื่อได้ยิน

เสียงนี้กล่าวขึ้น “ฉินหยุนกระทำรุนแรงจนทำให้นักเรียนผู้ล้ำค่าซึ่งครอบครองวิญญาณยุทธ์ในตำนานต้องพิการ แต่อาชญากรรมของเจียงหลางก็ไม่อาจให้ภัย วิธีการที่เขาใช้ทั้งโหดเหี้ยมและรุนแรง เขาไม่ต่างอะไรกับผู้เสพความตาย”

“ข้าจะส่งฉินหยุนสู่หอคอยทัณฑ์สวรรค์เป็นเวลาสิบปีเพื่อให้สำนึกผิด ให้ข้าลงทัณฑ์เขาเช่นนี้เป็นอย่างไร?”

แม้คนที่กล่าวไม่เผยตัวตน แต่ทุกคนล้วนทราบดีว่านี่คือผู้อำนวยการใหญ่ที่ลึกลับของสถาบันยุทธ์ฮัวหลิง ฉินหย่งเหอ!

หอคอยทัณฑ์สวรรค์ คือหอคอยที่ไม่มีผู้ใดเปิดได้เว้นเสียแต่ผู้อำนวยการใหญ่

มันเป็นหอคอยที่ไร้ซึ่งพลังวิญญาณ หลังโดนขังปิดตายเป็นเวลาสิบปี นั่นเทียบเท่าได้กับเสียเวลาการฝึกฝนถึงสิบปี

“หากจะไม่ปล่อยมันออกมาเป็นเวลาสิบปี พวกเราก็ยอมรับ” ผู้อาวุโสจากตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามกล่าว เขารู้สึกได้ถึงออร่าที่ฉินหย่งเหอปลดปล่อยออกมา น้ำเสียงนี้คล้ายโอนอ่อนลงไม่น้อย

“กฎของหอคอยทัณฑ์สวรรค์ถูกตั้งไว้โดยปรมาจารย์หลันเซียว หากเขาสามารถหลบหนี ก็เป็นเขาที่ได้รับอิสรภาพด้วยกำลังของตัวเอง ดังนั้นแล้วภายในสิบปี ฉินหยุนสามารถออกจากหอคอยทัณฑ์สวรรค์ได้หากเขาใช้กำลังของตนเอง”

ฉินหย่งเหอไม่ได้ปรากฏกายด้วยตนเอง เขาเพียงใช้กำลังภายในส่งเสียงมาที่นี่

กระทั่งผู้มาจากตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามยังต้องลอบแตกตื่นเพราะความลึกล้ำของกำลังภายในระดับนี้

ฉินหยุนกัดฟันกรอด เขาไม่ยินยอมคิดรับการลงทัณฑ์ครั้งนี้

“ฉินหยุน ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ยินยอมรับเรื่องนี้ แต่นี่ก็เพื่อให้ทั้งสถาบันยุทธ์ฮัวหลิงสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้!”

“ข้า ฉินหย่งเหอขอรับประกันว่าหลังผ่านไปสิบปี เมื่อเจ้าออกจากหอคอยทัณฑ์สวรรค์ ตราบเท่าที่ข้ามีชีวิต ข้าจะตอบแทนความสูญเสียของเจ้าตลอดช่วงระยะเวลาสิบปีที่ทุกข์ทรมานอย่างสมน้ำสมเนื้อ” คำกล่าวของฉินหย่งเหอทำให้จักรพรรดินีและผู้อื่นล้วนไม่สบายใจ

ฉินหย่งเหอทั้งลึกลับและแกร่งกล้า เขาย่อมรักษาคำพูด หากฉินหยุนออกมาในอีกสิบปีให้หลังและได้รับสิ่งตอบแทน เขาอาจถึงขั้นก้าวทะยานในช่วงเวลาอันสั้น

“ด้วยพวกเราตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามอยู่ที่นี่ ไม่ช้าพื้นที่แถบนี้จะต้องแปรเปลี่ยนอย่างพลิกกลับภายในสิบปี!” ผู้อาวุโสจากตำหนักดวงดาวแค่นเสียงรับ

ฉินหยุนกัดฟันแน่น ผู้อำนวยการยังอยู่ที่ด้านหลังของเขา อีกฝ่ายได้แต่ถอนหายใจและกล่าว “ฉินหยุน ข้าจะพาเจ้าไปยังหอคอยทัณฑ์สวรรค์”

ด้วยเหตุนี้ ทุกผู้คนจึงต้องรับชมฉินหยุนถูกพาตัวไปยังหอคอยทัณฑ์สวรรค์

ผู้คนจากตำหนักดวงดาววิญญาณสีคราม ตระกูลเจียง จักรพรรดินีและคณะล้วนเป็นกังวล พวกเขาติดตามอีกฝ่ายไปด้วยเพราะต้องการเห็นฉินหยุนถูกคุมขังด้วยตาของตัวเอง

* * *

บริเวณศูนย์กลางของสถาบันยุทธ์ฮัวหลิง มันถูกล้อมเอาไว้ด้วยกำแพงสูง การป้องกันแน่นหนา

หอตำราวิชายุทธ์ หอคอยทัณฑ์สวรรค์ และลานรวบรวมพลังปราณ ทั้งหมดตั้งอยู่ในพื้นที่บริเวณเดียวกัน

หอคอยทัณฑ์สวรรค์อยู่ไม่ไกลจากหอเก็บตำรา ความสูงของมันเพียงห้าชั้น ภายนอกล้อมรอบด้วยสีเขียวหนาทึบ แทบจะกลายเป็นรกทึบก็ว่าได้ คล้ายกับมันคงอยู่มานานตั้งแต่โบราณกาล กระทั่งฝุ่นยังหนาเตอะคล้ายไม่ได้เปิดมาเป็นเวลานานยิ่ง

กลุ่มคนติดตามด้านหลังผู้อำนวยการจางและฉินหยุนเข้าสู่พื้นที่ของหอคอยทัณฑ์สววรรค์ ประตูเปิดออกด้วยตัวเองปรากฏเป็นห้วงความมืดภายใน คลื่นความชั่วร้ายพัดผ่านตามสายลม กระทั่งออร่าชวนสะพรึงยังมีปล่อยออก เป็นผลให้หลายคนถึงกับขนลุกชี้ชัน

“ฉินหยุน หากเจ้ามีความสามารถทำลายหอคอยนี้จากภายใน เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องรอถึงสิบปี!” ฉินหย่งเหอเผยเสียงดังขึ้น มันชัดเจน ราวกับว่าเขาอยู่เพียงใกล้แค่เอื้อม

ผู้อาวุโสจากตำหนักดวงดาวแค่นเสียง “หอคอยทัณฑ์สวรรค์คืออุปกรณ์วิญญาณระดับราชันที่ถูกหลอมขึ้นโดยตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามของพวกเรา มันทนทานหาสิ่งใดเทียบเปรียบ คิดหรือว่ามันจะถูกทำลายง่ายปานนั้น?”

ฉินหยุนลอบสูดลมหายใจเข้าลึก เขาไม่คาดคิดเลยว่าหอคอยนี้จะเป็นอุปกรณ์วิญญาณระดับราชัน

หลังผ่านความแตกตื่นชั่วครู่ เขาเอ่ยถาม “ผู้อำนวยการฉิน หากข้าออกมาได้ ท่านจะยังมอบสิ่งตอบแทนนั้นอยู่หรือไม่?”

หลังเงียบงันชั่วครู่ ฉินหย่งเหอจึงตอบกลับ “ใช่ แต่สิ่งตอบแทนล้วนขึ้นอยู่กับข้า!”

“ได้!” ฉินหยุนก้าวเดินเข้าสู่ภายในหอคอย ประตูค่อย ๆ ปิดลงเชื่องช้าตามหลัง

“ภายในไม่มีทั้งพลังวิญญาณและอาหาร สิบปีจะยังมีชีวิตรอดได้หรือเปล่าเถอะ มันสมควรต้องถูกหอคอยทัณฑ์สวรรค์ทำลายสิ้นซากจึงค่อยออกมาได้! ช่างฝันหวานนัก!” กลุ่มคนจากตำหนักดวงดาวแค่นเสียงต่อฉินหยุนที่เข้าไปแล้วด้วยโทสะที่ยังไม่จางหาย

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด