ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0083
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0085

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0084


ตอนที่ 84 : กลองทดสอบ

คำพูดของหยางฉีเย่ว์เผยให้เห็นว่า นางก็คิดเข้าร่วมตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามในภายหน้า ด้วยพรสวรรค์ของนาง ย่อมไม่ใช่เรื่องยากได้เป็นศิษย์ของตำหนักดวงดาววิญญาณสีคราม

ฉินหยุนแทบไม่มีความประทับใจอันดีต่อตำหนักดวงดาววิญญาณสีคราม เหตุผลหลักก็เพราะเขาได้เจอกับศิษย์ตำหนักอย่างตู้หย้าหยวน

“อาจารย์ขอรับ ข้าจะทำอย่างเต็มที่เพื่อผลลัพธ์ดีที่ในการทดสอบปลายภาคเรียน” ฉินหยุนกล่าวคำหนักแน่น

“หากเจ้าทำได้ดี ก็กล่าวได้ว่าเจ้ามีสิทธิ์ได้รับการชี้แนะเป็นการส่วนตัวโดยผู้อำนวยการ ถึงตอนนั้นเจ้าอาจได้รับเคล็ดวิชายุทธ์!” หยางฉีเย่ว์มั่นใจในตัวฉินหยุนไม่น้อย ในบรรดากลุ่มเด็กใหม่ เขานับว่าแข็งแกร่งที่สุดแล้ว

ฉินหยุนพลันนึกขึ้นมาได้ว่าหยางฉีเย่ว์เคยเอ่ยอะไรแบบนี้มาก่อน “อาจารย์ขอรับ ท่านบอกว่าก่อนหน้านี้ตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามได้มาประจำการที่สถาบันยุทธ์?”

หยางฉีเย่ว์พยักหน้ารับ “ตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามได้มอบทรัพยากรแก่สถาบันยุทธ์แต่ละแห่ง ดังนั้นแต่ละสถาบันยุทธ์จึงทำข้อตกลงให้พวกเขาเข้ามาได้ หากทุกสิ่งเป็นไปตามแผนการ ในภาคเรียนหน้าจะเริ่มมีคนจากตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามเข้ามา พวกเขาจะได้รับตำแหน่งสำคัญของแต่ละสถาบันยุทธ์”

“เจ้าไม่ต้องกังวลไป ผู้อำนวยการใหญ่บอกต่อข้าก่อนหน้านี้ ว่าตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามถูกแบ่งออกเป็นสี่ตำหนัก ตำหนักทั้งสี่ต่างแยกกันเป็นเอกเทศ และก็มีสองตำหนักที่อยู่ระหว่างต่อสู้กันเอง”

หยกวิญญาณมวลหนัก ศิลาวิญญาณลอยล่อง และศิลาวิญญาณว่างเปล่า ทั้งหมดนั้นคือสิ่งที่หลุดลอยออกมาเพราะการต่อสู้ของพวกเขา

ฉินหยุนคิดว่าการทดสอบปลายภาคเรียนจะเริ่มขึ้นภายในเวลาหนึ่งเดือน ดังนั้นจึงเริ่มเก็บตัวฝึกฝน เขาต้องฝึกฝนให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นก่อนจึงค่อยสามารถควบแน่นวิถีหัวใจให้ก่อเกิด

หากคนผู้หนึ่งเลื่อนระดับพลัง พละกำลังย่อมเพิ่มขึ้นตามอย่างมหาศาล

เหตุผลว่าเพราะอะไรเขาถึงมีเปรียบท่ามกลางการแข่งขันของผู้ฝึกตน ก็เพราะเขามีความรู้ความเข้าใจวิชายุทธ์ที่ดี

แม้ฝีมือยุทธ์ของผู้อื่นจะอยู่ระดับสูง แต่พวกเขาเหล่านั้นต่างเข้าใจกันแค่ขั้นต้นหรือไม่ก็ขั้นกลาง พวกเขาไม่อาจแสดงพลังของกำลังภายในออกมาได้มากกว่านั้น

วิชายุทธ์ของเขาเพียงแค่ระดับสูง แต่เขาสามารถเข้าใจได้ถึงขั้นสูง และกระทั่งขั้นสมบูรณ์ เขาจึงสามารถดึงเอาศักยภาพของพลังภายในและระเบิดออกมาก่อให้เกิดเป็นพลังอันแข็งแกร่งได้

นักเรียนหลายคนต่างก็เตรียมสำหรับการทดสอบปลายภาคเรียน หากพวกเขาไม่อาจผ่าน พวกเขาก็ต้องไปจากสถาบันยุทธ์ฮัวหลิง

เรื่องหนึ่งที่ควรทราบคือ นักเรียนหลายคนได้ใช้ทรัพยากรของตระกูลไปไม่น้อยเพื่อเข้าร่วมสถาบันยุทธ์ฮัวหลิง หากพวกเขาโดนไล่ออกจากสถาบันยุทธ์ฮัวหลิง ถึงตอนนั้นตระกูลที่หนุนหลังต้องรอเล่นงานพวกเขาแล้ว กระทั่งว่าอาจไม่มีโอกาสได้โงหัวขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นได้

* * *

หนึ่งเดือนผ่านพ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะกับผู้ที่ฝึกฝนตลอดทั้งวันและคืน พวกเขาเหล่านี้แทบไม่ทันได้ตระหนักเลยว่าเวลาผ่านไปรวดเร็วเพียงนี้

ช่วงเดือนมานี้ ฉินหยุนได้ฝึกฝนเคล็ดวิชาระเบิดปราณถึงขั้นสมบูรณ์

พลังขั้นสมบูรณ์ของเคล็ดวิชาระเบิดปราณนับว่าน่ากลัวอย่างยิ่ง พลังของระเบิดปราณนี้เทียบเท่ากับสายฟ้าที่ฟาดผ่าลงมา!

ในช่วงที่ผ่านมา เขายังได้ประมือกับหยางฉีเย่ว์อยู่หลายครั้ง ดังนั้นความรู้ความเข้าใจการใช้พลังในการต่อสู้ของเขาจึงเพิ่มขึ้นไม่น้อย

“เจียงหลางกลับมาจากตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามแล้ว เขาก้าวหน้าเร็วมาก จากขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่ห้าสู่ระดับที่หก มีหลายคนที่ตั้งคำถามต่อพลังอำนาจของตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามก่อนหน้า แต่ตอนนี้พวกเขาเหล่านั้นล้วนเข้าร่วม”

“ดูเหมือนตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามจะใช้เจียงหลางเป็นใบเบิกทางจึงหล่อเลี้ยงเขาดียิ่ง”

หยางฉีเย่ว์เพิ่งกลับจากภายนอก และบอกกล่าวฉินหยุนถึงคราวข่าว

เจียงหลางครอบครองวิญญาณยุทธ์ในตำนาน เส้นวิญญาณที่ครอบครองก็ไม่แย่ นับว่าเขาควรค่าแก่การสนับสนุนจริง

แต่แล้วก็ไม่มีผู้ใดคาดคิด ว่าตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามจะถึงขั้นสามารถทำให้เจียงหลางเลื่อนระดับพลังสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่หกภายในหนึ่งเดือน!

ฉินหยุนยังอยู่ในขั้นตอนฝึกฝนวิถีวิญญาณอยู่ เพียงผ่านขั้นตอนนี้เขาก็สามารถเลื่อนระดับพลังสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่หก นอกจากนี้มันยังเป็นเรื่องยากเย็นยิ่งที่เขาจะก้าวสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่หกได้

หยางฉีเย่ว์ตบไหล่ฉินหยุนและกล่าวหัวเราะ “ใจเย็นไว้ อย่าได้กดดันตัวเอง! เชี่ยวหลางก็อยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่หก แต่เขาใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าหรือไม่! พลังของเจียงหลางคือวิญญาณยุทธ์เสียง ให้ความสนใจในเรื่องนี้จะดีกว่า”

“หากเป็นข้าได้ประลองกับเขา ข้าคงต้องระวังคลื่นเสียงให้มาก” ฉินหยุนพยักหน้ารับ คลื่นเสียงที่ทรงพลังสามารถสร้างการทำลายล้างอันใหญ่หลวงได้

แต่อย่างไรแล้ว คลื่นเสียงก็มีพื้นฐานโดยใช้การสั่นสะเทือนในการกระจาย เขารู้สึกว่าตนสมควรใช้พลังสั่นไหวในการต้านทานคลื่นเสียงเอาไว้ได้

* * *

ภายในสถาบันยุทธ์ฮัวหลิง ลานฝึกฝนซึ่งใหญ่ที่สุดซึ่งตรงอยู่ตรงหน้าของสถาบันยุทธ์ ตอนนี้เต็มไปด้วยเสียงอึกทึกของผู้คนในยามรุ่งสาง

หยางฉีเย่ว์และฉินหยุนสวมใส่ชุดเรียบง่ายสีขาวขณะเดินเข้าสู่พื้นที่ฝึกฝนพร้อมกัน

นักเรียนหลายคนต่างอยู่ที่นี่ พวกเขากำลังเตรียมรับการทดสอบปลายภาคเรียน

เมื่อพวกเขาได้เห็นฉินหยุน พวกเขาล้วนกระซิบกระซาบกัน

“การทดสอบปลายภาคเรียนครั้งนี้ต้องมีการประลองยุทธ์ด้วยแน่แล้ว! ท่ามกลางเด็กใหม่ ฉินหยุนและเจียงหลางถือว่าแข็งแกร่งที่สุด ดังนั้นศึกรอบสุดท้ายคงเป็นระหว่างพวกเขาประลองกันเองแล้ว”

“ฉินหยุนยังอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่ห้านี่? แม้ก่อนหน้านี้จัดการเชี่ยวหลางไปได้ แต่ครั้งนั้นก็ใช้อาวุธกับยันต์ไปจำนวนมหาศาลเลย และของพวกนั้นก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ในการประลองยุทธ์ของสถาบันยุทธ์ฮัวหลิง หากฉินหยุนไม่อาจใช้อาวุธหรือยันต์ หมอนั่นคงโดนคลื่นเสียงทำลายล้างเหมือนโดนคลื่นยักษ์สาดซัดแล้ว”

“วิญญาณยุทธ์เสียงถือเป็นวิญญาณยุทธ์ในตำนาน ทั้งยังเป็นวิญญาณยุทธ์ที่รุนแรงยิ่ง มีคนบอกว่าใครก็ตามที่สู้กับเจียงหลางก่อนหน้านี้ ล้วนบาดเจ็บสาหัสไม่ก็ตายตกกันทั้งนั้น”

“ก่อนหน้านี้เจียงหลางยังได้ฝึกฝนในตำหนักดวงดาววิญญาณสีคราม เขาต้องเชี่ยวชาญการใช้วิญญาณยุทธ์เสียงแน่ มันต้องแข็งแกร่งขึ้นไม่ใช่น้อย!”

“เมื่อใดที่เจียงหลางจัดการฉินหยุนได้ เขาจะยิ่งกระจายชื่อเสียงของตำหนักดวงดาววิญญาณสีครามให้ขจรไกล ถึงตอนนั้นเขาคงได้รับการสนับสนุนเพิ่มขึ้นอีกมหาศาลแน่!”

บรรดานักเรียนใหม่ที่รวมตัวกันเริ่มสนทนากันสนุกปาก ไม่ช้ารอบแรกของการทดสอบปลายภาคเรียนก็เริ่มขึ้น

รอบแรกคือการทดสอบความแข็งแกร่งของพลังภายใน

กฎคือ ให้นักเรียนผู้รับการทดสอบโจมตีสุดแรงแก่กลองหนังสัตว์ซึ่งถูกสร้างขึ้นเป็นพิเศษ

โดยจะมีหินพิเศษวางเอาไว้บนพื้นผิวของหน้าสัมผัสกลอง

ยิ่งมีพลังภายในแข็งแกร่งเท่าไหร่ เสียงกลองก็จะยิ่งดังขึ้นเท่านั้น หินพิเศษดังกล่าวที่วางเอาไว้บนหนังหน้ากลอง ยิ่งมีกำลังภายในสูงมากเพียงใด มันก็จะยิ่งลอยขึ้นไปสูงมากขึ้นเท่านั้น

“แรงสั่นไหวที่เกิดขึ้นจากการตีกลองจำต้องทำให้ก้อนหินขึ้นไปสูงหนึ่งร้อยเมตร จึงจะนับว่าผ่านคุณสมบัติ”

“หากได้สามอันดับแรก จะได้รับรางวัลเป็นเม็ดยาล้ำค่าหรือไม่ก็เหรียญผลึก เอาละ เริ่มได้!”

เสียงชายชราดังก้องประกาศเริ่มการทดสอบ

ฉินหยุนและนักเรียนคนอื่นต่อแถวกัน เพื่อรอให้ถึงคิวเพื่อตีกลอง

แถวมีทั้งสิ้นสามแถว และเจียงหลางก็อยู่แถวอื่น

ตู้ม!

นักเรียนคนหนึ่งตีกลอง เสียงดังสนั่นบังเกิด ก้อนหินบนกลองลอยขึ้นสูงก่อนจะหยุดอยู่กลางอากาศ

ที่ไหล่ของกรรมการ จะมีนกแก้วตัวหนึ่งซึ่งสามารถพูดภาษามนุษย์ มันจะบินขึ้นฟ้าเพื่อไปวัดความสูง

นกแก้วตัวนี้คือนกวิญญาณ ไม่เพียงแต่สามารถพูดภาษามนุษย์ได้ มันยังสามารถวัดความสูงได้อีกด้วย

หลังนกแก้วร่อนลงมา มันจะประกาศด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “เก้าสิบห้าเมตร เก้าสิบห้าเมตร ไม่ผ่าน ไม่ผ่าน!”

นักเรียนคนนั้นชักสีหน้าจนแปรเปลี่ยน เขาสลดใจกับผลลัพธ์จนแทบร้องไห้ออก

เมื่อได้เห็นดังนี้ นักเรียนคนอื่นที่ต่อแถวอยู่ล้วนเกิดความกังวลภายในใจ นี่เป็นเพราะพวกเขาล้วนก็เหมือนกับนักเรียนคนอื่น พวกเขาต่างอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่สี่ และผลลัพธ์ที่ได้คือแทบทั้งหมดขาดคุณสมบัติ

ในบรรดาเด็กใหม่ มีจำนวนเพียงน้อยนิดที่ก้าวสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่ห้า

ตู้ม!

เสียงกลองดังขึ้นขณะกลุ่มนักเรียนในแถวไหลไปเรื่อยเพื่อทดสอบความแข็งแกร่งของพลังภายใน หลังการทดสอบผ่านไปหลายสิบคน มีเพียงครึ่งเดียวที่ผ่าน

ตู้ม! เสียงพลันดังขึ้นอีกครั้ง ก้อนหินพิเศษที่วางเอาไว้บนกลองยักษ์พลันลอยลิ่วขึ้นสูง มันสูงเกินกว่าหนึ่งร้อยเมตรไปไกลลิบ

ด้วยการมองเพียงเท่านี้ เขาก็ทราบได้ว่าผู้ที่ตีกลองรอบนี้ต้องอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่ห้า

“แปดร้อยเมตร แปดร้อยเมตร!” นกแก้วบินลงมาขณะพูดทวนซ้ำให้ได้ยิน

ผลลัพธ์นี้ทำเอาเด็กใหม่หลายคนริษยาตาร้อนผ่าว!

นักเรียนส่วนใหญ่อยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่สี่ เพียงทำให้ได้หนึ่งร้อยเมตรก็ยากเย็นยิ่งสำหรับพวกเขาแล้ว พอได้เห็นพลังภายในที่ทรงพลังขอบขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่ห้าซึ่งแข็งแกร่งว่าระดับที่สี่มหาศาลเพียงนี้ก็ทำให้พวกเขาอดไม่ได้ที่จะอิจฉากันถ้วนหน้า

“ถึงคราวเจียงหลางแล้ว!” คนหนึ่งร้องตะโกนขึ้น

เจียงหลางอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่หก พลังภายในของเขาย่อมไม่อ่อนด้อย ทุกคนล้วนคาดหวังว่าจะได้เห็น ว่าเขานั้นแข็งแกร่งเพียงใด

4 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด