ตอนที่แล้วตอนที่ 130 ภายในสวรรค์อมตะ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 132 เจ้ากำลังรบกวนข้า

ตอนที่ 131 สามพี่น้องตระกูลซู


"ฮึ่ม เขาสามารถชนะเจ้าได้เมื่อสามปีที่แล้ว เจ้ามีระดับการบ่มเพาะที่ยอดเยี่ยม ด้วยสมบัติที่มากมายที่เป็นประโยชน์แก่เจ้า ความแข็งแกร่งของเจ้าได้เพิ่มขึ้นทุกวัน ข้าไม่เชื่อว่าคนที่สามารถเอาชนะเจ้าได้เมื่อสามวันที่แล้วจะมีคุณสมบัติพอที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเจ้าในตอนนี้"เมิ่งหยูเย้ยหยัน

"อาจจะเป็นอย่างนั้น"เจียงเมิ่งเอ๋อพยักหน้าเล็กน้อย นางค่อนข้างที่จะเห็นด้วย

นางนั้นเป็นศิษย์หลักของนิกายดาบเทียนหยวน ในช่วงสามปีที่ผ่านมา นางได้รับทรัพยากรที่ดีที่สุดสำหรับการบ่มเพาะและยังมีผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากที่สอนนางเป็นการส่วนตัว ซึ่งมันช่วยให้ความแข็งแกร่งของนางดีขึ้นอย่างมาก

แต่สำหรับเจียงวู่เฉิง?

เขาอยู่ตัวคนเดียว...ไม่ได้รับคำแนะนำจากบรรดาผู้เชี่ยวชาญและไม่มีทรัพยากรในการบ่มเพาะ ในสามปีที่ผ่านมาเขาจะก้าวไหนไปได้สักเพียงไหน?

"บางทีเขาอาจจะยังไม่ถึงขั้นอาณาแก่นทองคำด้วยซ้ำ ข้าช่างโง่เง่ายิ่งนักที่ยกฐานะของเขาเป็นคู่ต่อสู้ มันทำให้เกิดรอยแผลในใจของข้าเป็นเวลาถึงสามปี"เจียงเมิ่งเอ๋อร์คิดและยิ้มอย่างไม่แยแส

ศิษย์หลักทั้งสองของนิกายดาบเทียนหยวนยังคงพูดคุยกับเจียงเมิ่งเอ๋อร์ต่อไป พวกเขาไม่ทราบว่าสิ่งที่พวกเขาพูดนั้นถูกได้ยินโดยนักดาบที่สวมเสื้อคลุมสีดำที่อยู่ในมุมหนึ่งอย่างชัดเจน

นักดาบที่สวมชุดคลุมสีดำกำลังนั่งฟังโดยไม่ได้พูดอะไรทั้งสิ้น เค้าทำแค่นั่งดื่มคนเดียวอย่างเงียบๆ อย่างไรก็ตามใบหน้าที่ซ่อนอยู่ใต้หมวกฟางนั้นปรากฏรอยยิ้มแปลกๆ

ปึก~~~

เสียงฝีเท้าที่เบาแต่หนักแน่นก็ได้ยินมาจากบันไดอีกครั้ง ทันใดนั้นผู้คนจากตำหนุกขุนพลดาบพลันเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด

กลุ่มคนที่เดินขึ้นไป มีคนเดินนำอยู่สามคน

คนที่เดินนำทั้งสามนั้นแข็งแกร่งอย่างมากและรัศมีลมปราณที่ปล่อยออกมาจากพวกเขานั้นสร้างความกดดันอย่างมาก โดยเฉพาะชายร่างใหญ่ที่อยู่ตรงกลาง ออร่าลมปราณของเขานั้นเหมือนกับสัตว์ลมปราณ

คนคนนี้คือซูหลง!

เจียงเมิ่งเอ๋อร์,เมิ่งหยูและซูรูเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม

แม้ว่าพวกเขาจะพูดเหมือนง่ายดาย แต่พวกเขายังรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อยเมื่อเผชิญหน้ากับซูหลง พวกเขาสามารถสัมผัสได้ว่าใครเป็นคนที่แข็งแกร่งกว่าเพียงแค่ออร่าที่เปล่งออกมา

"เจียนซินหง เจ้าเชิญเรามาที่นี่มีเรื่องอะไร?พูดมาตรงๆ"ซูหลงมองอย่างเฉยเมยและนั่งลงบนเก้าอี้ พี่น้องทั้งสองของเขาและคนอื่นๆยืนอยู่ข้างเขา

"ซูหลง เหตุผลที่ข้าเชิญเจ้ามาที่นี่ในวันนี้เพื่อจะหารือเกี่ยวกับศึกระหว่างตำหนักขุนพลดาบและกลุ่มสัตว์ป่าคลั่ง"เจียนซินหงพูดอย่างจริงจัง"ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ไม่ว่าศึกที่ลับหรือที่แจ้งทำให้เราสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่..."

โดยไม่รอให้เจียงซินหงพูดเสร็จ ซูหลงก็ขัดจังหวะและพูดขึ้นว่า"เจ้าคิดผิด เจ้าคือคนที่ทุกข์ทรมานกับการสูญเสียไม่ใช่พวกเรา.

"หลังจากการต่อสู้ แม้ว่ากลุ่มสัตว์ป่าคลั่งจะสูญเสียผู้คนไปจำนวนมาก แต่เราก็ได้รับชื่อเสียงมากขึ้น ผู้คนจำนวนมากเข้าร่วมกลุ่มของเราเพื่อช่วยให้บรรลุเป้าหมาย และหลายคนก็มีความเกลียดชังต่อตำหนักขุนพลดาบ ดังนั้นโดยรวมแล้วเราไม่ได้อ่อนแอลงแต่เรากลับแข็งแกร่งยิงขึ้น!"

"ดังนั้น ถ้าเจ้าแค่ต้องการจะคุยเรื่องไร้สาระ เราไม่จำเป็นต้องพูดกันอีก"

เจียงซินหงดูแปลกไปเล็กน้อย เขารู้ว่าสิ่งที่ซูหลงพูดนั้นเป็นเรื่องจริงและนั่นคือเหตุผลสำคัญที่เขาไม่กล้าที่จะสู้กับกลุ่มสัตว์ป่าคลั่ง หากเขายิ่งสู้กับกลุ่มสัตว์ป่าคลั่งมันยิ่งทำให้ตำหนักขุนพลดาบอนาถขึ้นเรื่อยๆ ในท้ายที่สุดพวกเขาจะถูกทำลายโดยกลุ่มสัตว์ป่าคลั่ง

"ซูหลง ตำหนักขุนพลดาบของข้ายินดีที่จะถอยให้"เจียนซินหงกล่าวอย่างจริงจัง"จากนี้ไปเราจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อยับยั้งลูกศิษย์ของเราจากการขัดแย้ง ในเวลาเดียวชื่อของกองกำลังปาชุยเราจะมอบให้เจ้า และนอกจากนั้นเราจะให้1ส่วนของสมบัติของพวกเรา เจ้าคิดว่ายังไง?"

"หืม?"ซูหลงดูตื่นเต้นเล็กน้อย"นั่นคือสิ่งที่เจ้าควรพูด แต่อย่างไรก็ตาม1ส่วนนั้นยังคงน้อยเกินไป!"

"1ส่วนนี่ก็มากแล้ว"เจียนซินหงกล่าวเสียงต่ำ

"ซูหลง!"เจียงเมิ่งเอ๋อร์ลุกขึ้นยืนและพูด"ข้าคือเจียงเมิ่งเอ๋อร์ของนิกายดาบเทียนหยวน อาจารย์ของข้าคือผู้อาวุโสแห่งนิกายดาบเทียนหยวน"สุ่ยหานซิน" เพื่อเห็นแก่นางอย่าสร้างความลำบากให้แก่นิกายดาบเทียนหยวนของเรามากนัก"

เจียงเมิ่งเอ๋อร์อาจจะกล่าวอย่างสุภาพ แต่ความจริงคือนางสร้างแรงกดดันให้แก่ซูหลงโดยใช้นิกายดาบเทียนหยวนและอาจารย์ของนาง

"นิกายดาบเทียนหยวน?"ซูหลงเหลือบมองเจียงเมิ่งเอ๋อร์และกล่าวด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย"ข้าได้ยินมานานแล้วว่ามีเด็กสาวคนหนึ่งจากตำหนักขุนพลดาบกลายเป็นศิษย์หลักของนิกายดาบเทียนหยวน เจ้าคงเป็นสตรีคนนั้น แต่เจ้ากำลังดูถูกข้าอยู่"

"นิกายดาบเทียนหยวนนั้นทรงพลังมากจริงๆและมันไม่ใช่สิ่งที่คนอย่างข้าจะกล้าไปยั่วยุ อย่างไรก็ตามเจ้าเป็นเพียงแค่ศิษย์หลัก เจ้าไม่สามารถเป็นตัวแทนของนิกายดาบเทียนหยวน!"

"ส่วนผู้อาวุโสสุ่ยหานซิน?ฮึ่ม ในนิกายดาบเทียนหยวน ทุกคนยกเว้นคนในขั้นอาณาระเบิดหยินหยาง หลิงเฟิงเป็นเพียงคนเดียวที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของข้า สุ่ยหานซินนั้นไม่นับเป็นอะไรเลย!"

หลังจากพูดเสร็จ เขาก็หันไปที่เจียนซินหงอีกครั้งและพูดว่า"เจียงซินหงอย่าคิดว่าได้ศิษย์จากนิกายดาบเทียนหยวนมาและจะทำให้ข้ากลัวได้ ข้าบอกไว้เลยว่า ข้าต้องการสมบัติ9ส่วนของเจ้า หากไม่ได้ การเจรจาเป็นอันยกเลิกและตำหนักขุนพลดาบจะกลายเป็นประวัติศาสตร์!"

"9ส่วน?"เจียงซินหงมองอย่างเย็นชา

เจียงเมิ่งเอ๋อร์ก็มีสีหน้าที่เย็นชา

"เจ้านั้นอยากจะตายสินะ!"เมิ่งหยูและซือหยูที่อยู่ข้างๆพวกเขาโกรธสุดๆ

"เมิ่งเอ๋อร์หยุดพูดเถอะ เราสู้กับเขาโดยตรงเถอะเขาต้องได้รับบทเรียนจากศิษย์นิกายดาบเทียนหยวนอย่างเรา"เมิ่งหยูร้องเสียงเบา

"แน่นอนว่าเขาไม่ได้อยู่ที่อันดับ90ของทำเนียบมังกรปฐพี เราไม่ต้องกลัวเขาหรอก"ซือหยูร้องด้วยความโกรธ

เจียงเมิ่งเอ๋อร์ไม่พูดอะไรทั้งสิ้น อย่างไรก็ตามดาบยาวสีม่วงอ่อนก็ปรากฏในมือของนาง นั่นแสดงให้เห็นถึงการตัดสินใจ

"ฮ่าฮ่า เหล่าศิษย์ของนิกายดาบเทียนหยวนไม่เข้าใจสถานการณ์จริงๆ"เมื่อเห็นการกระทำของพวกเขาซูหลงก็หัวเราะ จากนั้นเขาก็จ้องมองไปที่ชายร่างใหญ่ข้างๆเขา

"น้องสาม เจ้าไปจัดการกับเด็กทั้งสามที อย่างไรก็ตามพวกเขาเป็นศิษย์จากนิกายดาบเทียนหยวน เราไม่สามารถฆ่าพวกเขาได้ แต่เราสามารถจะสอนบทเรียนให้แก่เขาได้"ซูหลงกล่าว

"ไม่ต้องห่วงพี่ใหญ่ ข้าจัดการได้"ซูเปากล่าว เขายิ้มและเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง

"เจ้าสามคนมาสู้กับข้า"ซูเปากล่าวอย่าเยือกเย็น

"เจ้ากำลังจะตาย!"เมิ่งหยูและซือหยูโกรธสุดๆ

ในฐานะศิษย์ของนิกายดาบเทียนหยวน พวกเขาค่อนข้างที่จะภูมิใจในตัวเองและตั้งแต่พวกเขาเข้าไปในร้านอาหารแห่งนี้ ซูหลงจึงเป็นคู่ต่อสู้ที่คู่ควรคนเดียวของพวกเขา ในเรื่องที่เกี่ยวกับน้องชายทั้งสองของเขา พวกเขาไม่นับเป็นอะไรเลย

ดังนั้นเมื่อเขาได้ยินสิ่งที่ซูหลงพูด พวกเขาจึงโกรธแค้นอย่างมาก

หลังจากนั้นไม่นาน ซือหยูก็สะบัดดาบของเขาเพื่อปล่อยพลังลมปราณและแทงเข้าหาซูเปา

...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด