ตอนที่แล้วตอนที่ 328 ของขวัญที่ยิ่งใหญ่สำหรับตระกูลเฟิง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 330 ยังกล้าดูถูกองค์ชายหยูอีกหรือไม่ ?

ตอนที่ 329 ตระกูลเฟิงยากจนมากจนไม่มีเงินซื้อเนื้อให้เจ้าทานหรือ


ฮูหยินผู้เฒ่านิ่งงันและมองไปที่คังอี้อย่างกังวล อย่างไรก็ตามคังอี้ได้เรียกสติของนางกลับมาแล้วเดินไปข้างหน้าอย่างสง่างามและช่วยประคองหญิงสาวแซ่เฉิงทั้งสองคนด้วยตัวเอง “น้องสาวลุกขึ้นเร็ว เมื่อเจ้าเข้ามาในตระกูลเฟิงแล้ว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเราเป็นครอบครัวเดียวกัน”

หญิงสาวทั้งสองคนหลังจากได้รับความช่วยเหลือก็ถอยกลับไปครึ่งก้าว จากนั้นพวกนางก็โค้งคำนับอีกครั้ง “อนุผู้นี้คารวะฮูหยินเจ้าค่ะ”

คังอี้ยิ้มอย่างสงบ “พวกเจ้าอายุน้อยกว่า เป็นสาวงาม และพวกเจ้าก็มีการศึกษาที่ดีและมีเหตุผล เมื่อเจ้าสองคนอยู่เคียงข้างท่านพี่ ดูแลเขา ข้าจะรู้สึกสบายใจ”

เมื่อเห็นว่าคังอี้แสดงความคิดเห็นของนาง ฮูหยินผู้เฒ่าก็กล่าวว่า “ถูกต้อง ! การมีสอง…” นางรู้สึกสับสนเล็กน้อยที่เรียกว่าทั้งสองว่าอย่างไร นางสามารถเรียกพวกนางว่าองค์หญิง แต่พวกนางไม่ใช่องค์หญิง แต่ถ้าพวกนางไม่ถือว่าเป็นองค์หญิง พวกนางเป็นหลานสาวของฮองเฮาที่ได้รับการเลี้ยงดูในพระราชวังเป็นเวลา 10 ปี ดังนั้นนางจะเรียกพวกนางว่ายังไง?

คนที่งามกว่านั้นก็คือเฉิงจุนม่านซึ่งเป็นพี่สาว เมื่อเห็นว่าฮูหยินผู้เฒ่าลังเลอยู่ นางยิ้มอย่างสง่างามและกล่าวว่า "ข้า และน้องจุนเหม่ยเป็นอนุ เราไม่อาจเรียกท่านฮูหยินผู้เฒ่าว่าท่านแม่ได้ แต่ในจิตใจของเรารู้สึกนับถือท่านฮูหยินผู้เฒ่า หากท่านฮูหยินผู้เฒ่าไม่ชอบให้เรียกชื่อของพวกเราก็ได้เจ้าค่ะ”

เฉิงจุนม่านพูดช้ามากและเสียงของนางไพเราะมาก เนื่องจากนางได้รับการเลี้ยงดูในพระราชวังแห่งนี้ กริยาท่าทางของนางจึงดูสูงส่งเช่นเดียวกับคังอี้แต่นางอายุน้อยกว่าคังอี้ และดูเหมือนว่านางจะมีกลิ่นอายที่สงบและกลมกลืน สิ่งนี้ทำให้ผู้คนมีความรู้สึกในเชิงบวก แม้กระทั่งฮูหยินผู้เฒ่าก็ไม่มีข้อยกเว้น “ดี ดี ! จุนม่าน จุนเหม่ย”

“ฮ่า ๆ !” ซวนเทียนหมิงเริ่มหัวเราะ “ตระกูลเฟิงมีโชควาสนาอย่างต่อเนื่อง ถ้าท่านฮูหยินผู้เฒ่ามีความสุข ข้าจะได้รายงานแก่เสด็จพ่อ”

เฟิงหยูเฮงยืนพิงรถเข็น และกล่าวว่า “ฮองเฮาเป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่ เนื่องจากพวกเจ้าเป็นหลานของพระองค์ พวกเจ้าจะไม่ขาดแคลนสิ่งใดแน่นอน” นางมีความสุขมากและเริ่มกระโดด นางจับมือของซวนเทียนหมิง นางกล่าวว่า “ซวนเทียนหมิง มันยอดเยี่ยมมาก ! พวกนางเป็นญาติของฮองเฮา พวกนางไม่กลั่นแกล้งข้าแน่นอน !”

ซวนเทียนหมิงบีบแก้มของนาง “ใช่แล้ว พวกนางจะไม่กลั่นแกล้งเจ้าอย่างแน่นอน” จากนั้นเขาก็บีบมือนางเพิ่มอีกนิดหน่อย “ทำไมเจ้าดูผอมลง ? ตระกูลเฟิงไม่มีเงินซื้อเนื้อให้เจ้ากินหรือ ? ข้าไม่ได้ให้เงินเจ้าหรือ ? หรือเจ้าไม่รู้ว่าจะใช้มันอย่างไร ?”

“ข้ารับผิดชอบอาหารของตัวเองอยู่แล้ว” เฟิงหยูเฮงเตือนเขา “ข้าอาศัยอยู่ที่เรืองตงเซิง อาหารที่ข้ากินและสิ่งที่ข้าใช้ก็ใช้เงินของเจ้าซื้อทั้งหมด โอ้ ใช่แล้ว ยังมีเงินเดือนจากการเป็นองค์หญิงแห่งในมณฑลอีกด้วย”

“หืม ?” ซวนเทียนหมิงรู้สึกว่ามีบางอย่างถูกปิดบัง “เจ้าไม่กินข้าวกับพวกเขา แต่พวกเขาไม่ให้เงินแก่เจ้าหรือ ?”

เฟิงหยูเฮงส่ายหัว “ไม่ได้ให้”

“เรื่องนี้ถือว่าผิดกฎ !” ซวนเทียนหมิงจ้องมองคนในตระกูลเฟิง “เจ้าไม่อาจเลือกที่จะไม่มอบเงินให้นางเพราะนางไม่ร้องขอ พวกนางเป็นบุตรสาวของตระกูลเฟิง และอาเฮงก็เป็นบุตรสาวของฮูหยินใหญ่ด้วย เราไม่ขอให้เจ้ามอบเงินให้นางมากกว่าบุตรสาวของอนุ แต่อย่างน้อยควรก็ให้นางในจำนวนที่เท่ากัน แต่ทำไม...”

“องค์ชาย” คังอี้พูดอย่างรวดเร็ว “องค์ชายกำลังเข้าใจผิดเพคะ แม้ว่าข้าเพิ่งเข้ามาในคฤหาสน์ ข้าก็ได้ยินท่านแม่พูดถึงมันเมื่อวานนี้ ท่านแม่บอกว่าถึงแม้องค์หญิงแห่งมณฑลจะไม่ทานอาหารกับเรา แต่ส่วนขององค์หญิงก็ถูกเก็บไว้เป็นเงินที่สามารถมอบให้องค์หญิงแห่งมณฑลได้ตลอดเวลา”

“โอ้” ซวนเทียนหมิงพยักหน้า “ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ดี” จากนั้นเขาก็ไม่ได้มองนางแล้วหันมาหาเฟิงหยูเฮง “เจ้าต้องเอาใจใส่มากกว่านี้ด้วย อย่ายิ้มให้ใครก็ตามที่เจ้าพบ อย่าโดนโกงโดยไม่รู้ตัว เอาล่ะ ข้าจะกลับแล้ว หากเจ้ามีปัญหาไปหาข้าที่ตำหนักหยู”

“ได้” เฟิงหยูเฮงพยักหน้าแล้วเข็นรถเข็นของซวนเทียนหมิงออกจากคฤหาสน์ด้วยตัวเองหลังจากที่ทุกคนเห็นซวนเทียนหมิงขึ้นรถม้าแล้ว พวกเขาทั้งหมดก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ฮูหยินผู้เฒ่าที่ยืนอยู่กับยายจาวนั้นไม่ค่อยมีแรง แต่นางก็รีบสั่งเฟิงเฟินไดและคนอื่น ๆ “เร็ว ! ช่วยประคองฮันชิลุกขึ้นยืน และเชิญแพทย์มาตรวจครรภ์เร็ว !”

เฟิงเฟินไดก็รู้ว่าเรื่องนี้ไม่อาจล่าช้าได้ ฮันชินั้นบอบบางและพื้นดินก็เย็น ใบหน้าของนางดูไม่ค่อยดีนัก แม้ว่านางต้องการที่จะดูฉากตรงหน้าต่อไป นางก็รู้วิธีประเมินสิ่งที่สำคัญ ไม่ว่าเรื่องอื่น ๆ จะมีความสำคัญแค่ไหน แต่เด็กในท้องฮันชินั้นสำคัญที่สุด พวกเขาต้องกลับไป

นางกระทืบเท้าของนางและออกไปอย่างไม่เต็มใจขณะที่ช่วยประคองฮันชิ เฟิงหยูเฮงกลับมาจากนอกคฤหาสน์ ฮูหยินผู้เฒ่าและคังอี้เฝ้าดูนางเดินก้าวเล็ก ๆ ทีละก้าว ชั่วครู่หนึ่งพวกเขาไม่รู้ว่าควรพูดคุยกับนางอย่างไร แต่เป็นพี่น้องตระกูลเฉิงที่ทักทายนางก่อน พวกนางเดินไปอย่างรวดเร็วเพื่อคำนับเฟิงหยูเฮง “คารวะองค์หญิงแห่งมณฑลเพคะ”

เฟิงหยูเฮงยิ้ม และกล่าวว่า “พวกเจ้าเป็นอนุของท่านพ่อ และพวกเจ้าก็เป็นหลานสาวของฮองเฮาด้วย ไม่จำเป็นต้องคำนับข้าเมื่อเห็นข้า นับจากวันนี้เป็นต้นไปตั้งแต่ที่พวกเจ้าเข้ามาในตระกูลเฟิง ดูแลท่านพ่ออย่างดี และดูแลท่านย่า และท่านแม่ให้ดีที่สุด อีกไม่กี่วันข้าจะต้องมุ่งเน้นไปที่การผลิตเหล็ก ดังนั้นพวกเจ้าจะต้องจัดการกับงานในคฤหาสน์มากกว่านี้”

ทั้งสองพูดพร้อมกัน “อนุจะปฏิบัติตามคำสั่งขององค์หญิงแห่งมณฑลเจ้าค่ะ”

เมื่อได้ยินแบบนั้น คังอี้และเฟิงเฉินหยูสบตากันและมองเห็นสัญญาณเตือนภัยในดวงตาของกันและกัน

ทันใดนั้นตระกูลเฟิงก็มีอนุอีก 2 คนเข้ามาในคฤหาสน์ ทำให้ในคฤหาสน์วุ่นวาย อย่างไรก็ตามเฟิงจินหยวนยังไม่กลับมา ฮูหยินผู้เฒ่าคิดหนักและคิดอยู่นานก่อนตัดสินใจว่าเรือนจินฟูซึ่งเดิมจะมอบให้รุ่ยเจีย นางจะยกให้เฉิงจุนม่าน จากนั้นนางให้บ่าวรับใช้ทำความสะอาดเรือนรือหยูซึ่งเป็นเรือนที่อยู่ใกล้เรือนจินฟูมากที่สุด เพื่อให้จุนเหม่ยสามารถย้ายเข้าในค่ำคืนนั้นได้

ฮูหยินผู้เฒ่าได้มอบเรือนให้ ในขณะที่คังอี้ดูแลการกำกับบ่าวรับใช้เป็นการส่วนตัวเพื่อดูแลทำความสะอาดเรือนทั้งสอง สำหรับน้องสาว 2 คนที่เพิ่งเข้ามาในคฤหาสน์ พวกนางก็มาสนทนากับฮูหยินผู้เฒ่าที่เรือนซูหยาตลอดทั้งวัน พวกนางทานอาหารกลางวันด้วยกัน เมื่อเรือนทั้งสองได้รับการทำความสะอาดและคังอี้มุ่งหน้าไปที่เรือนซูหยาเพื่อรายงานต่อฮูหยินผู้เฒ่า นางพบว่าฮูหยินผู้เฒ่าและอนุทั้งสองคนเข้ากันได้เป็นอย่างดี นางมีความสนใจในเรื่องซุบซิบที่มาจากพระราชวัง

ฮูหยินผู้เฒ่าก็เริ่มมองพระราชวังในฐานะสถานที่แห่งศรัทธา ในสายตาของนาง พระราชวังเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดภายใต้สวรรค์ แม้ว่ามันจะเหมือนว่านางไม่เคยไป แต่นางเคยไปร่วมงานเลี้ยงมากมาย แต่ยิ่งนางไป นางก็ยิ่งรู้สึกว่าผู้คนที่อยู่ในอันดับสูงสุดอาศัยอยู่ในพระราชวัง อำนาจของฮ่องเต้และความงามของฮองเฮานั้นเหนือสิ่งอื่นใดในสายตาของนาง แต่ตระกูลเฟิงนั้นเป็นตระกูลที่ไม่มีรากฐานในเมืองหลวง หากพวกเขาต้องการได้ยินบางสิ่งเกี่ยวกับพระราชวัง มันก็ยากมาก อย่างไรก็ตามนางไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันหนึ่งที่คนจากพระราชวังจะกลายเป็นลูกสะใภ้ของนาง !

ใช่แล้ว ฮูหยินผู้เฒ่ามองว่าอนุทั้งสองคนนั้นอยู่ในระดับเดียวกับคังอี้ นางไม่ได้โง่ ทั้งสองคนนี้ถูกส่งมายังคฤหาสน์โดยฮ่องเต้ พวกนางเป็นเหมือนผู้สังเกตการณ์ที่ออกมาเพื่อสังเกตการณ์ของตระกูลเฟิง พวกนางไม่สามารถถูกตีหรือถูกด่าได้ และพวกนางไม่สามารถถูกมองข้ามได้ มิฉะนั้นหากพวกนางไม่ระวัง เมื่อทั้งสองคนนำข่าวนั้นออกไป เฟิงจินหยวนก็จะได้รับความเดือดร้อน

คังอี้เข้าใจความคิดของผู้คนเป็นอย่างดี เมื่อเห็นฉากนี้ นางรู้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าได้ตัดสินใจที่จะยอมรับมันและยอมประนีประนอม นางจะพูดอะไรได้อีก ท้ายที่สุดสถานที่แห่งนี้คือราชวงศ์ต้าชุน และฮ่องเต้ส่งหญิงสาว 2 คนนี้มา พวกนางยังเป็นหลานสาวของฮองเฮา นางสามารถโต้เถียงกับทุกคนได้ยกเว้นเชื้อพระวงศ์ นางรู้ว่านางไม่มีความสามารถนี้ อย่างน้อยก็ไม่ได้ตอนนี้

“ท่านแม่” นางเดินไปข้างหน้าพร้อมกับรอยยิ้ม “ลูกสะใภ้ได้จัดเตรียมเรือนทั้งสองเรือนเสร็จแล้วเจ้าค่ะ เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ข้าจะพาน้องสาวทั้งสองคนไปดู หากมีสิ่งใดที่พวกเจ้าไม่พอใจ เราสามารถปรับเปลี่ยนมันได้ ตอนนี้ใกล้มืดแล้ว พวกเจ้าคงเหนื่อยแล้ว”

ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้า “เจ้าทำงานของเจ้าได้ดีมาก มันทำให้ข้ารู้สึกสบายใจ” จากนั้นนางพูดกับหญิงสาวสองคนว่า “รีบไปดูที่เรือนเร็ว”

จุนม่านและจุนเหม่ยยืนขึ้น และคำนับฮูหยินผู้เฒ่าก่อนเดินออกมาตามหลังคังอี้ พวกนางออกจากเรือนซูหยา หลังจากที่ทั้งสามเดินจากไปแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในขณะที่บ่าวรับใช้นวดไหล่นาง นางถามยายจาว “เจ้าส่งคนไปที่พระราชวังเพื่อสอบถามหรือไม่ ?”

ยายจาวกล่าวว่า “ทั้งสองคนถูกส่งมาแล้ว พวกเขากล่าวว่ามีเรื่องมากมายที่ราชสำนักต้องดูแล มันไม่ใช่แค่เจ้านายของเรา ข้าราชสำนักทุกคนยังอยู่ในราชสำนัก ท่านฮูหยินผู้เฒ่าอย่ากังวลเลยเจ้าค่ะ”

เมื่อได้ยินว่าเจ้าหน้าที่ทุกคนยังอยู่ในราชสำนัก ในที่สุดฮูหยินผู้เฒ่าก็สงบลงในที่สุด “ก็ดีถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเขา วันนี้ข้ารู้สึกวิตกกังวลอยู่ตลอดเวลา ข้าสงสัยว่าจะมีบางอย่างไม่ดีเกิดขึ้น แต่ข้าไม่คิดว่าองค์ชายเก้าจะมาเร็วขนาดนี้”

ยายจาวปลอบใจนางว่า “องค์ชายเก้าดูเหมือนจะหงุดหงิดกับท่านฮูหยินคนใหม่ ดูพระองค์ยังสุภาพกับท่านอยู่นะเจ้าคะ”

ฮูหยินผู้เฒ่าก็เข้าใจเช่นกัน แต่เมื่อนางคิดว่าคังอี้ถูกกรรโชกเงิน 5,000,000 เหรียญทอง นางรู้สึกปวดใจอย่างเหลือล้น “นั่นคือเหรียญทอง ! 5,000,000 เหรียญทอง บอกข้าที ถ้ามันถูกขนส่งจากเฉียนโจวมายังราชวงศ์ต้าชุนจะต้องใช้รถม้ากี่คัน ? ขบวนคาราวานจะยาวขนาดไหน ? ฮะ ! มันจะถูกส่งไปที่คฤหาสน์ขององค์หญิงแห่งมณฑล มัน… จริง ๆ แล้ว…”

นางพูดอย่างจริงจัง แต่ก็ยังไม่จบประโยค ยายจาวไม่สามารถกลั้นยิ้มในขณะที่นางคิดกับตัวเอง เป็นไปได้หรือไม่ว่าฮูหยินผู้เฒ่าหวังจะได้รับเงินจำนวนนั้น นั่นเป็นสิ่งที่ท่านสามารถหวังได้หรือไม่ ? สำหรับองค์ชายเก้า การที่ไม่ทำให้ท่านเดือดร้อนก็ถือเป็นโชคดีแล้ว ควรจะรู้จักพอ !

แต่ฮูหยินผู้เฒ่าก็เป็นคนประเภทนี้ เมื่อพูดถึงความมั่งคั่ง นางไม่รู้สึกพอ เหรียญทองยังอยู่ในเฉียนโจว แต่นางวางแผนไว้ว่าจะปฏิบัติต่อเฟิงหยูเฮงให้ดีขึ้นเล็กน้อย โดยหวังว่าจะได้รับประโยชน์บางอย่าง

“ใช่แล้ว” ฮูหยินผู้เฒ่าคิดได้ทันที “รีบไปที่วัดแล้วย้ายเจ้าแม่กวนอิมไปที่เรือนยูหลาน ไม่อนุญาตให้ฮันชิสร้างปัญหา สำหรับนางที่พยายามไม่ให้เฟิงจินหยวนกลับไปหาคังอี้ที่เรือนเมื่อคืน แม้ว่าคังอี้จะเป็นองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ แต่นางก็มาจากต่างแคว้นอยู่ดี แต่จุนม่านและจุนเหม่ยเป็นคนที่ฮ่องเต้ส่งมา หากทั้งสองคนขุ่นเคือง ตระกูลเฟิงจะต้องเดือดร้อนแน่นอน”

ยายจาวรับตอบกลับอย่างรวดเร็ว “ท่านฮูหยินผู้เฒ่าไม่ต้องกังวลเจ้าค่ะ บ่าวรับใช้คนนี้จะไปที่เรือนยูหลาน ไม่เพียงแต่ข้าจะต้องส่งเจ้าแม่กวนอิม ข้าจะต้องเตือนอนุฮันด้วยเจ้าค่ะ”

“ดี” ฮูหยินผู้เฒ่ารีบเร่งนาง “ไปเร็ว”

ในขณะที่ยายจาวมุ่งหน้าไปยังวัด เฟิงจินหยวนก็รีบกลับมาเช่นกัน สิ่งแรกที่เขาทำเมื่อกลับมาที่คฤหาสน์คือมาหาฮูหยินผู้เฒ่า หลังจากเข้าไปในห้อง เขาไม่มีเวลาทักทายเขาถามอย่างใจจดใจจ่อ “ท่านแม่ พบทั้งสองคนหรือยังขอรับ ?”

ฮูหยินผู้เฒ่าถอนหายใจ และพยักหน้าโดยกล่าวว่า “พบแล้ว พวกนางอยู่ที่เรือนจินฟูและเรือนรือหยู คืนนี้เจ้าจะ…”

“คืนนี้ข้าต้องค้างคืนที่เรือนเทียนเซียง” เฟิงจินหยวนมีความแน่วแน่อย่างยิ่ง “เมื่อคืนนี้ข้าดื่มมากเกินไปและไม่คิดให้รอบคอบในหลายสิ่งหลายอย่าง สิ่งนี้ไม่เหมาะสมอย่างแท้จริง คืนนี้ไม่ว่าอย่างไรข้าต้องไปที่เรือนเทียนเซียง ข้าต้องอธิบายกับคังอี้ ข้อที่สอง…” เขาหยุดคิดสักครู่ก่อนพูดต่อ “ท่านแม่ก็เห็น ฮ่องเต้ และฮองเฮาส่งอนุทั้งสองมายังคฤหาสน์ สิ่งนี้ทำให้เกิดปัญหากับตระกูลเฟิงอย่างชัดเจน พูดตามความเป็นจริง จิตใจของข้านั้นค่อนข้างยุ่งเหยิง ความยุ่งเหยิงนี้สามารถถูกจัดการโดยใครบางคนเท่านั้น คนที่มีความคิดที่ชัดเจนอย่างคังอี้”

ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้า มันคงหนีไม่พ้นที่นางจะสับสนเล็กน้อยเช่นกัน “บอกข้ามาสิ ฮ่องเต้ปกป้องตระกูลเฟิงของเราเพราะคังอี้เข้ามาในคฤหาสน์หรือไม่ ? ไม่ถูกต้อง ก่อนหน้านี้เจ้าไม่ได้พูดว่าฮ่องเต้รู้สึกขอบคุณเมื่อเจ้าบอกว่าเจ้าจะแต่งงานกับคังอี้หรือ ?”

เฟิงเฟิงจินหยวนย่ำเท้าของเขา “การอยู่ใกล้กับฮ่องเต้ก็เปรียบเสมือนการอยู่ใกล้กับเสือ ข้าได้ช่วยบรรเทาปัญหาของราชวงศ์ต้าชุนโดยป้องกันไม่ให้เฉียนโจวและกูซูรวมตัวกันจากการแต่งงานเชื่อมสัมพันธไมตรี ท่านแม่ไม่ต้องกังวล เรื่องนี้ยังคงต้องสังเกตอีกสองสามวัน เมื่อเร็ว ๆ นี้มีการเปลี่ยนแปลงมากมายในคฤหาสน์ มันต้องทำให้ท่านแม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยอย่างแน่นอน”

“มันช่วยไม่ได้” ฮูหยินผู้เฒ่าโบกมือ “ไม่เป็นไรถ้าเจ้าเข้าใจ ไม่ว่าในกรณีใด เจ้าต้องไปพบอนุทั้งสองคนในวันนี้ อย่าปฏิบัติกับพวกเขาอย่างเย็นชา”

“ข้าเข้าใจ ข้าขอตัวกลับก่อน” หลังจากพูดอย่างนี้เขาก็หันหลังกลับออกไปทันที ใครจะรู้ว่าก่อนที่เขาจะก้าวออกจากประตู ทันใดนั้นคนผู้หนึ่งก็รีบเข้ามาจากข้างนอก ทำให้ชนกับเขา...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด