ตอนที่แล้วบทที่ 205 - เห็นฉันไหมล่ะ? (6) [22-09-2019]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 207 - เห็นฉันไหมล่ะ? (8) [26-09-2019]

บทที่ 206 - เห็นฉันไหมล่ะ? (7) [24-09-2019]


บทที่ 206 - เห็นฉันไหมล่ะ? (7)”

[เรื่องนี้เกิดขึ้นในตอนที่ฉันเกิด ฉันก็เลยไม่รู้รายละเอียดเลย ยังไงก็ตามฉันรู้ว่าคนที่มอบบันทึกให้กับฉันมีพลังที่มหาศาลมาก]

"แล้วเธอก็ไม่รู้สินะว่าใครเป็นคนให้เธอ"

[ไม่เลย ยังไงก็ตามฉันรู้ว่า 'เขา' ไม่พอใจในตัวนายมากๆ นี้บางทีก็อาจจะเป็นเหตุผลที่เขารส่งพลังมาให้ฉันก็ได้]

"ฟู่..."

[ฉันคือข้อพิสูจน์นั้น ตอนนี้ที่ฉันหลุดของมาจากร่างกายเดิมแล้วตัวฉันในตอนนี้ก็ไม่ได้ไม่พอใจนายอีกต่อไปแล้ว]

"นี่มันทำให้ฉันดีใจจนน้ำตาไหลเลย"

ฟ้าเหนือฟ้างั้นสินะ? เขาอุส่าห์คิดไปว่าในที่สุดเขาก็เอาชนะสิ่งมีชีวิตชั้นสูงได้ แต่แล้วมันกลับกลายมาเป็นว่าเธอคนนี้ยังเป็นแค่ลูกน้องของคนๆหนึ่งอีก นี่มันพล็อตนิยายทั่วไปที่มีดาษดื่นเลยนี่นา

แต่ถ้าหากจะมีอะไรที่มันเป็นเรื่องดีมันก็คงจะเป็นที่ว่าสถานการณ์ในตอนนี้มันชัดเจนแล้ว

"บางทีเขาคนนั้นอาจจะเป็นหัวหน้าดันจี้ยนนั่นก็ได้ ส่วนทำไมเขาถึงเกลียดฉัน ฉันมั่นใจเลยล่ะ"

กลุ่มก้อนมานามหาศาลที่ทำให้เกิดดันเจี้ยนขนาดใหญ่ได้ ความสามารถในการซ่อนตัวที่หลบจากยูอิลฮานที่เชี่ยวชาญในด้านนี้ดีได้ และยิ่งไปกว่านั้นเสียงของเขาคนนั้นที่บอกไม่ให้เขากลับไปอีกในตอนที่เขาออกมาจากดันเจี้ยนได้ชี้ชัดว่าคนๆนั้นคือ 'สิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่ง'

"แล้วเขาก็ออกมาจากดันเจี้ยนหรอ...?"

[บอสดันเจี้ยนไม่จำเป็นต้องปกป้องดันเจี้ยนตลอดเวลาดังนั้นมันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ถ้ามันเป็นแบบนั้นนี่ก็โชคดีมากเลยที่เราออกมาก่อนที่จะได้เจอกับเขา ถ้าหากว่ามิสทิคได้เกิดมาจากบันทึกของเขาจนเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงได้ ถ้าแบบนั้นเขาต้องเป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งมากๆแน่ บางทีเขาคือ...]

"บางทีอะไรล่ะ?"

[...เปล่า ไม่มีอะไรหรอก]

ยูอิลฮานก็ไม่ได้ซักไซ้อะไรอีก เขาได้คาดเดาถึงสิ่งที่เธอพูดได้แล้ว และต่อให้เธอพูดอะไรออกมาก็ไม่ได้ทำให้ความจริงเปลื่ยนแปลงไป

'ฉันจะต้องแข็งแกร่งให้เร็วกว่านี้อีก'

ยูอิลฮานได้กำหมัดแน่นพูดกับตัวเลย ศัตรูของเขาคือสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งมากกว่าที่เขาคิดเอาไว้ แค่การเอาชนะมิสทิคมาได้ไม่ได้ทำให้เขาพักได้

"มิสทิค เธอไม่รู้อะไรอย่างอื่นเรื่องโลกนี้เลยหรอ?"

[ไม่เลย สิ่งที่ฉันรู้ก็แค่มีสิ่งีชีวิตที่แข็งแกร่งมากๆในโลกใบนี้แล้วสิ่งมีชีวิตนั้นก็ไม่ชอบนาย]

"เธอนี่ไม่ได้ช่วยอะไรเลย"

[ฉันตอบคำถามไปแล้วนะ เอาร่างกายมาให้ฉันได้แล้ว]

มิสทิคได้เร่งยูอิลฮาน เธอดูจะไม่ได้รู้ตัวเลยว่าเธอเพิ่งจะมอบปัญหาที่ใหญ่มากแค่ไหนให้กับยูอิลฮาน

ยังไงก็ตามในตอนนี้มันก็ดีแล้ว ต่อให้เขาจะหดหู่ไปก็ไม่ได้จะช่วยอะไร ยูอิลฮานได้ถอนหายใจออกมาและตอบเธอกลับไป

"ร่างกายของเธอน่ะเสร็จสมบูรณ์นานแล้ว"

[ไหนล่ะ!]

"ที่นี่ไง"

ยูอิลฮานได้ชี้ไปที่พื้นที่เขาเหยียบอยู่และพูดออกมา เธอได้เงียบไปอยู่พักหนึ่งเพราะน้ำเสียงที่มั่นใจของเขา จากนั้นเธอก็ร้องตะโกนจนเหมือนกับจะร้องไห้ออกมา

[นายอยากจะฝังฉันเอาไว้ใช่ไหม? เหมือนกับศพของฉันที่เละอยู่บนพื้น!]

"ไม่ ถ้าฉันจะทำแบบนั้นทำไมฉันถึงทำให้เธอมาเป็นลูกน้องของฉันล่ะ ที่ฉันชี้น่ะไม่ได้พื้นดิน แต่เป็นป้อมปราการลอยฟ้านี่"

[ป้อมปราการลอยฟ้า...?]

"ใช่แล้ว ปราสาทยักษ์ที่บดขยี้่ร่างกายเธอจนเละนั่นแหละ"

น้ำเสียงของเขาค่อยๆเพิ่มระดับความมีชีวิตชีวาขึ้นมา ไม่ว่าศัตรูที่อยู่ตรงหน้าจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่มันก็ชัดเจนว่าเขากำลังพัฒนาขึ้นไปทีละก้าวในทุกๆวินาที

"ฉันจะให้เธอจัดการควบคุมป้อมปราการนี้จากภายใน เธอจะไม่เบื่อแน่นอน"

[อะไรนะ!??]

มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะโน้มน้าวให้เธอยอมรับใน 'ร่าง' นี้ที่แตกต่างจากที่เธอคิดไว้คนเรื่องกัน แต่ในท้ายที่สุดมิสทิคก็ได้ยอมรับที่จะผสานรวมเข้ากับป้อมปราการลอยฟ้า

นี่คือสิ่งก่อสร้างขนาดยักษ์ที่หากไกลไปจากการที่จะ 'ขยับอย่างอิสระ' นอกไปจากนี้ร่างใหม่นี้ยังเป็นร่างที่บดขยี้ร่างเก่าของเธอด้วย ถ้าจะบอกว่าเธอไม่ได้รู้สึกแย่เลยก็คงจะเป็นการโกหก แต่ว่าด้วยพลังงานที่มหาศาลและการเคลื่อนไหวของป้อมปราการนี้ก็มีเสน่ห์อย่างแน่นอน

[ฮึ่ม อย่างน้อยก็ดีกว่าการติดอยู่ในอาวุธล่ะนะ] (มิสทิค)

[เธอนี่เป็นจิตวิญญาณมือใหม่ที่น่าขำจริงๆ ข้ามีอิสระมากกว่าคนแบบเธอซะอีก] (โอโรจิ)

[อิสระแล้วยังไงล่ะ? นายน่ะก็อ่อนแออยู่ดี] (มิสทิค)

[กรอดดดดดดด!] (โอโรจิ)

แม้ว่าทั้งสองจิตวิญญาณจะได้รับร่างที่ต่างกันแต่ก็ยังเถียงกันอยู่ดี แน่นอนว่าทั้งคู่ต่างก็อยู่ภายใต้การปกครองของยูอิลฮานดังนั้นก็จะไม่มีอะไรมากต่อให้พวกเขาสู้กันก็ตาม

ถ้าเป็นไปได้ยูอิลฮานก็อยากจะให้พวกเขาสนิทกัน แต่ว่าสำหรับในตอนนี้ที่โอโรจิอ่อนแอกว่ามิสทิค เขาคิดว่ามันยังเป็นไปไม่ได้

[โอ้ ปราสาทนี้คืออาร์ติแฟค! มีอะไรตั้งหลายอย่างให้ฉันทำเลยนี่!]

"แต่ถ้าจู่ๆเธอลดระดับความสูงลงหรือเพิ่มความเร็วขึ้นฉับพลันขึ้นโดยไม่บอกก่อนฉันดุเธอแน่"

[หืมม งั้นลำแสงนั่นที่ยิงทะลุร่างฉันก็มาจากกระจกพวกนี้นี่ โอ้ โอ้ววววววว? ฉันจะหยุดเจ้านี่ได้ยังไงล่ะเนี้ย!?]

"ให้ตายสิ ฉันควรจะรอให้มีจิตวิญญาณที่ใจเย็นมากกว่านี้ดีกว่านะเนี้ย!"

มันไม่มีทางเลยที่มิสทิคจะปรับตัวเข้ากับการควบคุมป้อมปราการลอยฟ้าได้ง่ายๆในเมื่อในตอนที่เธอเกิดขึ้นมาเธอก็ยังไม่อาจจะก้าวเท้าได้แม้แต่ก้าวเดียว

เธอได้ผ่านการทดลองมาหลายต่อหลายวันและผ่านความผิดพลาดเพื่อที่จะทำให้ตัวเงเคยชินกับการจัดการควบคุมป้อมปราการลอยฟ้า และยูอิลฮานก็ไม่อาจจะหยุดพักได้แม้แต่วินาทีเดียวเพราะหากเขาประมาทแม้เพียงนิดก็จำให้ป้อมปราการลดระดับลงและชนปะทะกับพื้นหรืออะไรซักอย่าง หรือไม่ก็กระจกคำสาปแห่งการทำลายก็อาจจะยิงมั่วซั่วพังอะไรไปหมด

[น่าทึ่ง นี่มันเหมือนกับว่าพวกมอนสเตอร์บนพื้นเป็นแค่มดตัวจ้อยเลย]

"ฉันก็บอกเธอแล้ว"

[ว้าว ฉันยิงลำแสงร้อยเส้นได้พร้อมกันด้วยล่ะ!]

"อันนั้นฉันก็บอกไปแล้วด้วย แล้วก็นะถ้าเธอไม่เปลื่ยนทิศทางเธอจะชนเข้ากับพื้นแล้วนะ"

ยังไงก็ตามผลจากความพยายามนั้นน่าพึงพอใจเอามากๆ ด้วยความที่มีผู้ควบคุมป้อมปราการคนใหม่ทำให้ยูอิลฮานไม่ต้องแบ่งแยกสติมาควบคุมแล้วทำให้ความสามารถของยูอิลฮานใช้ได้เต็มที่แล้ว และเขาก็ยังสั่งให้มิสทิคที่ควบคุมป้อมปราการมาช่วยสู้ได้อย่างง่ายดาย

ปัญหาเดียวที่มีก็คือไม่มีมอนสเตอร์ที่มากพอให้เขาได้ลองใช้การร่วมมือกันนี้ ตั้งแต่ก่อนที่มิสทิคจะเกิดขึ้นมามอนสเตอร์ที่โผล่ขึ้นมาบนโลกก็ลดลงไปแล้ว ในตอนนี้ก็ยิ่งน้อยลงไปอีก เรื่องนี้ได้ทำให้เขาคิดว่าบางทีโลกนี้อาจจะอยู่ในช่วงฟื้นตัวเนื่องจากว่าโลกเพิ่งจะให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตคลาส 5 มา

[หรือบางทีก็อาจจะเพราะโลกกำลังสร้างสิ่งมีชีวิตคลาส 5 ขึ้นมาอีกก็ได้นะ] (เลียร่า)

"ถ้างั้นฉันจะรู้สึกขอบคุณมากลยนะ ฉันกำลังคิดอยู่เลยว่าฉันกำลังขาดทรัพยากรอยู่"

[ทรัพยากร...? เดี๋ยวนะอิลฮาน!] (เลียร่า)

ยูอิลฮานได้ตอบกลับเลียร่าไปอย่างชัดเจน ยังไงก็ตามเลียร่าก็ต้องใช้เวลาอยู่นานคิดถึงคำพูดจนเธอเข้าใจในคำพูดของเขาโดยไม่ผิดไป... ยูอิลฮานไม่ได้ให้โอกาสเธอได้ถามต่อแล้ว เขาได้หยิบเอา 'ทรัพยากร' ออกมาแล้ว

"ในตอนนี้ฉันจะใช้สิ่งนี้แหละสร้างอุปกรณ์ที่แข็งแกร่งที่สุดขึ้นมา"

[เฮ้!] (เลียร่า)

[นะ นายท่านเอาอะไรออกมานะ? ไม่ใช่ว่าฝังไปแล้วหรอ!?] (มิสทิค)

สิ่งที่เขาเอาออกมาไม่ใช่อะไรอื่นนอกไปเสียจากส่วนที่เหลืออยู่ของมิสทิค นอกไปจากนี้ที่ที่เขากำลังจะใช้สร้างอุปกรณ์ก็ยังเป็นในที่ทำงานภายในป้อมปราการลอยฟ้าด้วย ตัวเขาไม่ได้คิดถึงสภาพจิตใจคนอื่นเลยสักนิด

"สภาพร่างนี้ของเธอมันเสียหายจนกู้คืนไม่ได้แล้ว แถมเธอในตอนนี้ก็ยังคุ้นกับร่างใหม่แล้วนี่ ฉันจะลบร่องรอยในอดีตของเธอให้หมดเอง"

[หา? แก้ตัวได้เยี่ยมจริงๆ!] (เลียร่า)

[ฮึก ฮึก...]

ระหว่างที่มิสทิคกับเลียร่ากำลังตกใจอยู่นี้ ยูอิลฮานก็ได้เริ่มทำงานของเขาแล้ว ในส่วนร่างกายของเธอที่เหลืออยู่ไม่มีอะไรที่ใช้ประโยชน์ได้เลยนอกเสียจากกระดูกที่มีคุณสมบัติของโลหะเนื่องจากส่วนอื่นนิ่มเกินไปที่จะเอามาใช้ได้ เขาได้โยนส่วนที่เหลือทั้งหมดของศพเข้าไปในเตาเผาที่เพลิงนิรันดร์ลุกไหม้อยู่เพื่อเผาส่วนที่ใช้ไม่ได้ทิ้งไป

เพลิงนิรันดร์ได้จัดการขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ออกไปและดูดซับร่างมาเพื่อวิวัฒนาการยกระดับขึ้นอีกครั้งด้วย ทุกๆอย่างสมบูรณ์แบบมาก!

[นายท่านมันไม่ใช่นุษย์]

"เธอไม่ต้องมาพูดเลย"

คุณสมบัติหลักที่มีมากที่สุดของกระดูกมิสทิคก็คือความทนทานที่ไม่หายเลยแม้แต่นิดต่อให้จะเจอการโจมตีเต็มกำลังของกระจกคำสาปแห่งการทำลายหรือถูกป้อมปราการลอยฟ้าชนก็ตาม นี่ทำให้ยูอิลฮานคิดว่าในที่สุดนี้ก็ถึงเวลาที่จะสร้างอุปกรณ์ใหม่แล้ว

"ฉันได้ใช้เกราะพวกนี้มานานแล้ว แต่ในตอนนี้ฉันก็ไม่คิดว่ามันจะพออีกแล้ว"

[อ่า ง้้นแสดงว่านายกำลังจะทำเกราะ] (เลียร่า)

ตอนแรกเขาคิดว่าหากได้รับร่างของสิ่งมีชีวิตชั้นสูงมาเขาก็จะทำอาวุธใหม่ ยังไงก็ตามหลังจากที่ได้ยินว่ามิสทิคได้เกิดขึ้นมาจากบอสจ้าวแห่งดันเจี้ยนนรกทำให้เขารู้สึกได้ถึงวิกฤติร้ายแรง

ก่อนหน้านี้เขาได้เชื่อมั่นกับทั้งสกิลการซ่อนเร้นกับการป้องกันของเขาเป็นอย่างดี แต่ในตอนนี้มันไม่ใช่แบบนั้นแล้ว

ความสามารถทั้งหมดของเขาที่มีการพัฒนาขึ้นต่างก็สนับสนุนให้กับการโจมตีทั้งนั้น ในขณะเดียวกันที่การป้องกันของเขายังไม่ค่อนจะพอ ด้วยแบบนี้ทำให้เขาจะต้องสร้างเกราะที่อย่างน้อยจะต้องทนการโจมตีให้ได้สักครั้งหนึ่งไม่ว่าเขาจะเจอกับใครก็ตามเผื่อไว้ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด

[ฉันกำลังกลัวว่านายกำลังจะไปทำอะไรแบบเครื่องขุดเจาะซะอีก] (เลียร่า)

[เครื่องขุดเจาะ? มันฟังดูเจ๋งเลยนะ!]

"จริงๆแล้วฉันก็คิดจะทำเครื่องขุดเจาะเหมือนกัน แต่ว่าสถานการณ์ในตอนนี้มันเร่งด่วนเกินไป"

ยูอิลฮานได้ะลานโลหะหายากทั้งหมดที่เขาได้มาจานถึงตอนนี้ รวมไปถึงกระดูกมังกรและผสานเข้ากับกระดูกของมิสทิค

การจะสร้างโลหะที่สมบูรณ์แบบจะต้องไร้ซึ่งข้อผิดพลาดใดๆทั้งสิน

"ตัวโลหะสมบูรณ์แบบ..."

[นายกำลังพูดอะไรน่ะทั้งๆที่โลหะนั่นยังไม่ได้แข็งตัวเลย] (เลียร่า)

"งี่เง่า ถ้ามันแข็งตัวฉันก็ขึ้นรูปมันไม่ได้สิ"

[แล้วนายใช้เพลิงนิรันดร์ทำอะไรกับมันไม่ได้เลยงั้นหรอ!?] (เลียร่า)

เพลิงนิรันดร์ได้โบกสะบัดราวกับมันจะปฏิเสธในเรื่องนี้ ไม่ว่ามันจะน่าทึ่งมากแค่ไหนมันก็มีขีดจำกัดอยู่เช่นกัน หากว่าเพลิงนิรันดร์หลอมละลายโลหะได้ ถ้างั้นเขาก็อย่าได้หวังจะพูดเรื่องการป้อมกันการโจมตีที่ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามได้อย่างน้อยหนึ่งครั้งเลย

[ถ้างั้นแล้วนายจะทำยังไงล่ะ?]

"แบบนี้ไงล่ะ"

เขาได้ถอดเกราะที่เขากำลังใส่อยู่ออกมา และใส่มันลงไปในแม่พิมพ์พิเศษที่ประกอบขึ้นมาจากเนื้อของปีศาจและผงของหินพลังเวทย์ต่างๆ จากนั้นเขาก็บดขยี้หินพลังเวทย์คลาส 4 เทลงไปด้านบนเกราะโดยไม่สนใจเลียร่าที่ดูเหมือนจะอ้วกออกมาเลย และจากนั้นเขาก็เทโลหะเหลวลงไปด้านบน

[นายกำลังทำอะไร!]

"ฉันกำลังทำเกราะของฉันไง เนื้อปีศาจข้างในน่าจะทนได้นานพอให้โลหะแข็งตัว"

[ฉันคิดว่านี้มันเกินกว่าขอบเขตของการตีเหล็กแล้วนะ...]

"ใช่แล้ว วิธีการปกติมันใช่ไม่ได้ ถ้าหากใครเรียกมันว่าการตีเหล็ก ฉันจะไปเตะก้นมันให้ดู"

ยูอิลฮานได้เงยหน้าขึ้นมา ในมือของเขามีหินพลังที่กำลังส่องประกายแสงสีม่วงสดใสออกมา

"สิ่งที่ฉันกำลังทำมันไม่ใช่การตีเหล็กแล้ว"

[อิลฮาน นาย!?]

[กรี๊ดด นี้มันบ้าอะไรเนี้ย! ปริมาณมานานี่มันบ้ามาก!]

"ก็ช่วยไม่ได้นี่"

เขาได้กัดฟันพึมพัมออกมา

"ฉันได้แค่หวังว่าในอนาคตอันใกล้นี้จะมีสิ่งมีชีวิตคลาส 5 ปรากฏขึ้นมาบนโลกมากมายเลยล่ะ!"

หินพลังเวทย์ที่เขาถืออยู่ได้ส่องประกายและละลายลง ในเวลาเดียวกันโลหะดหลวที่อยู่บนตัวเกราะได้ส่องแสงออกมา

โลหะที่เกิดมาจากชิ้นส่วนของสิ่งมีชีวิตชั้นสูงและมีหินพลังเวทย์อีกอันหนึ่งเป็นแกนกลาง ทั้งสองอย่างนี้ได้ถูกช่างตีเหล็กที่มีความสามารถยอดเยี่ยมที่สุดในทุกทิศทุกโลกจัดการนำพาให้มันถูกยกระดับขึ้นไปในขอบเขตที่สูงขึ้น

นี่คือเทคนิคลับที่มีเพียงแต่ช่างตีเหล็กที่ได้รับพรจากเทพแห่งช่างตีเหล็ก และเชี่ยวชาญในการทำหัตถกรรมมานาถึงขีดสุดจากการดูดซับแก่นแท้แห่งความรู้ของวิศวกรรมเวทย์เท่านั้นที่จะทำได้ - ช่างตีเหล็กที่สร้างชิ้นงานผ่านหัตถกรรมมานาได้เกิดขึ้นมา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด