ตอนที่แล้วตอนที่ 324 คนเจ้าเล่ห์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 326 ผู้เก็บเกี่ยวมาถึงแล้ว

ตอนที่ 325 ทำลายเทียนมงคลของเจ้าสาว


“องครักษ์ขององค์ชายเซียง ท่านโทษว่าตระกูลเฟิงของข้าเพราะไม่รับรองแขกให้ดีหรือ เจ้ารังเกียจองค์หญิงแห่งมณฑลขั้นสองเพราะไม่อยู่ในสถานะที่สูงพอหรือ ? ในเมื่อเจ้ารังเกียจผลไม้จานนั้น”

องครักษ์คุกเข่าบนพื้นด้วยสีหน้าที่ไม่เต็มใจ เขาพยายามจะลุกขึ้นยืน แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างหัวเข่าของเขารู้สึกเจ็บปวดจนกลายเป็นชาแทบไม่มีความรู้สึก ไม่ว่าเขาจะทำเช่นไร เขาไม่สามารถใช้กำลังเพื่อลุกขึ้นยืนได้

เฟิงหยูเฮงมองที่เขาด้วยแววตาที่ทำให้เขารู้สึกตกใจ “เจ้าเป็นใคร ? เจ้าเป็นแค่องครักษ์ที่ต่ำต้อย แต่องค์หญิงแห่งมณฑลผู้นี้ไม่มีสิทธิ์ที่จะลงโทษเจ้าเช่นนั้นหรือ ?”

ยิ่งองครักษ์มองเฟิงหยูเฮงเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกตกใจมากขึ้นเท่านั้น เขาได้แต่หันหน้าไปมองซวนเทียนเย่ แต่เขาเห็นซวนเทียนเย่พยักหน้าให้เขา ดังนั้นเขาจึงตอบว่า “บ่าวรับใช้ผู้ต่ำต้อยไม่กล้าขอรับ!”

“เจ้าไม่กล้าหรือ ?” แสงเย็นๆ ในดวงตาของเฟิงหยูเฮงปะทุขึ้น “เท่าที่ข้าเห็น มันไม่มีอะไรที่เจ้าไม่กล้าทำ !” นางเอนกายเล็กน้อยและพาตัวเองเข้าไปใกล้กับองครักษ์

ความรู้สึกกดดันที่เพิ่มมากขึ้นทำให้คิ้วขององครักษ์ชุ่มไปด้วยเหงื่อ เขาต้องการหลีกเลี่ยงนาง แต่เขาขยับขาไม่ได้ เมื่อใบหน้าของเฟิงหยูเฮงเข้ามาใกล้เขามากขึ้น การหายใจของเขาก็หยุดนิ่ง

“องค์..องค์หญิงแห่งมณฑลขอรับ!”

“หืมม !” เฟิงหยูเฮงเหวี่ยงแขนเสื้อแล้วลุกขึ้นยืน “ไม่ใช่ว่าเจ้ากำลังดูถูกองค์หญิงแห่งมณฑลผู้นี้ เช่นนั้นก็คุกเข่าต่อไป ! จงอยู่ที่นั่นจนกระทั่งกลางคืนก่อนจะกลับไปหาองค์ชาย !”

ซวนเทียนเย่ขมวดคิ้วและถามด้วยความสงสัยต่อเฟิงหยูเฮง “เจ้าหาเรื่องบ่าวรับใช้ทำไม ?”

เฟิงหยูเฮงหัวเราะเยือกเย็นเนื่องจากคำที่หลู่โชวจากกูโม่พูดกับนางดังก้องในหูของนางอีกครั้ง ในขณะที่องค์ชายเก้าถูกล้อมรอบบนภูเขา แม่ทัพผู้ต่ำต้อยคนนี้ข้าพบเขาเผชิญหน้า...

นางกัดฟันแน่นและดวงตาของนางก็มีแสงพุ่งออกมา เมื่อนางมองซวนเทียนเย่อีกครั้ง นางก็ไม่แสดงความมีน้ำใจอีกต่อไป นางพูดว่า “ไม่มีประเด็นใดที่จะโกรธบ่าวรับใช้ ข้าแค่เตือนเจ้านายของเขา จำสิ่งที่เคยทำมาในอดีตให้ดี วันหนึ่งข้าจะคิดบัญชี” นางหันหลังกลับแล้วเดินจากไป อย่างไรก็ตามนางพูดเสียงดังขึ้นว่า “ไม่ช้าก็เร็ว วันหนึ่งจะมาถึงตาท่าน !”

เมื่อนางพูดสิ่งนี้นางปล่อยให้พวกเขาตัวสั่นอยู่ในศาลา

ซวนเทียนเย่กำหมัดแน่นจนข้อมือของเขาเปลี่ยนเป็นขาว คนที่เดินจากไปเหมือนกับหนามแหลมที่ทิ่มแทงใจและเขาก็เกลียดที่ไม่สามารถดึงมันออกได้

น่าเสียดายที่เขาทำไม่ได้

“ในเวลานั้นเจ้าทิ้งร่องรอยอะไรที่ทำให้ระบุว่าเป็นเจ้าไว้หรือไม่ ?” เขาถามองครักษ์ที่คุกเข่าอยู่ข้างเขา

องครักษ์คิดเล็กน้อยแล้วพูดว่า “บ่าวรับใช้คนนี้ระวังตัวเสมอ ข้าไม่เคยเปิดเผยใบหน้าต่อหน้าแม่ทัพของราชวงศ์ต้าชุน เป็นไปไม่ได้ที่องค์หญิงแห่งมณฑลจี่อันจะรู้เรื่องนี้พะยะค่ะ”

ซวนเทียนเย่กัดฟัน จากนั้นเขาก็ตบองครักษ์ “แต่วันนี้นางมาหาเรื่องเจ้าอย่างชัดเจน !” เขาชี้ไปที่เลือดไหลออกมาจากขาขององครักษ์ “ในการต่อสู้ครั้งนั้นขาของซวนเทียนหมิงถูกทำลาย เห็นได้ชัดว่านางได้แก้แค้นแทนซวนเทียนหมิงแล้ว !”

“องค์ชาย !”

“ลืมมันซะ!” ซวนเทียนเย่โบกมือ “ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะโกรธพวกเขา เจ้าคุกเข่าต่อไป ขาคู่นี้… ถือว่าชดใช้ให้เขา”

งานแต่งงานในวันนี้สิ้นสุดลงหลังจากพระอาทิตย์ตกดิน โดยแขกที่มาร่วมงานทยอยกลับไปมาอย่างเป็นระเบียบ เฟิงจินหยวนส่งแขกคนสำคัญออกไปด้วยตัวเอง กลุ่มสุดท้ายคือซวนเทียนฉี ตามด้วยกลุ่มบ่าวรับใช้ในพระราชวังที่พารุ่ยเจียออกจากคฤหาสน์

เฟิงจินหยวนมองรุ่ยเจียและเขารู้สึกว่าหัวใจของเขากระตุก บุตรสาวคนนี้ยังไม่ได้เข้ามาในคฤหาสน์ แต่นางก็มีปัญหามากมายแล้ว เขาจะอธิบายให้คังอี้ทราบได้อย่างไร !

มองดูรถม้าของซวนเทียนฉีหายไปลับตา เฟิงจินหยวนก็เริ่มรู้สึกปวดหัวจากการดื่มสุรามากเกินไป หันกลับมา เขาเดินกลับเข้าไปในคฤหาสน์ สวมชุดแต่งงานสีแดง เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับคังอี้ได้อย่างไร

“วันนี้ท่านพ่อดื่มหนัก ลูกสาวได้เขียนใบสั่งยาไว้แล้วเพื่อช่วยให้ท่านพ่อหายเมาค้าง และมอบมันให้กับบ่าวรับใช้เพื่อเตรียมยาแล้วเจ้าค่ะ” เฟิงจินหยวนเงยหน้าขึ้นและเห็นเฟิงหยูเฮงเดินมาหาเขา

เขาตัวแข็งชั่วครู่จากนั้นก็รู้สึกว่าแอลกอฮอล์ส่งผลกระทบกับเขาอย่างแรงอีกครั้ง เขาจับไหล่เฟิงหยูเฮงและขอร้องนางว่า “อาเฮงช่วยพ่อด้วย เจ้าช่วยรุ่ยเจียได้หรือไม่ ?”

เฟิงหยูเฮงงงงวย “องค์หญิงรุ่ยเจียจะเข้าไปในพระราชวังเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับกฎของราชวงศ์ต้าชุน นี่คือสิ่งที่ดี ทำไมท่านพ่อถึงจะให้ข้าช่วยนางเจ้าคะ ?”

“อ๊ะ !” เฟิงจินหยวนกระทืบเท้า “ลูกสาวที่รัก แค่เจ้าช่วยพ่อครั้งนี้ ถือว่าพ่อขอร้องเจ้าได้หรือไม่ ?”

“ขอให้ข้าช่วยหรือเจ้าคะ ?” เฟิงหยูเฮงหัวเราะ “ท่านพ่อ ครั้งสุดท้ายที่ท่านพ่อขอร้องลูก ท่านสละคฤหาสน์เฟิง ครั้งนี้ท่านพ่อพร้อมจะสละสิ่งใด ?” นางหัวเราะเยาะและก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว “ลูกจะบอกท่านพ่ออย่างตรงไปตรงมา ถ้านางกล้าพูดเช่นนั้นอีกครั้ง ข้าจะส่งนางไปพบเสด็จพ่อโดยตรง !”

เฟิงจินหยวนก็ถอยห่างออกไปสองสามก้าวด้วยความกลัว ด้วยใจของเขาสับสน เขาก้าวพลาดและล้มลง

บ่าวรับใช้ที่อยู่ข้างหลังเขาพยุงเขาแล้วหันหลังกลับ อย่างไรก็ตามเขาพบว่าเฟิงหยูเฮงจากไปแล้ว ร่างที่จากไปของนางนั้นหยิ่งและไร้ความรู้สึก เรื่องนี้ทำให้เขาสงสัยว่านางยังเป็นบุตรสาวของเฟิงจินหยวนหรือไม่

“ท่านใต้เท้า” บ่าวรับใช้เตือนเขาจากด้านข้าง “รีบกลับเรือนเถิดเจ้าค่ะ ท่านฮูหยินใหญ่รออยู่ที่เรือนเทียนเซียงนานแล้ว ท่านใต้เท้ากลับได้แล้วเจ้าค่ะ”

คงจะดีกว่านี้ถ้าเขาไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องนี้ เมื่อพูดถึงเรื่องนี้เฟิงจินหยวนก็ยิ่งหดหู่มากขึ้น

เขาคอไม่แข็ง ถ้าเขามีสติ ด้วยความสามารถของเขาในฐานะเสนาบดี เขาจะยังคงมีความสามารถในการโน้มน้าวและการสื่อสาร แต่เมื่อเขาดื่มสุรา และในฐานะเจ้าภาพเขาดื่มมากกว่าปกติ ความสามารถในการเดินเป็นเส้นตรงคือขีดจำกัดของเขา หากเขาถูกขอให้เผชิญหน้ากับคังอี้ซึ่งกำลังขอร้องแทนบุตรสาวของนางอยู่ เฟิงจินหยวนก็รู้สึกว่าศีรษะของเขาพองโตอย่างแท้จริง

ขณะที่เขาลังเล เขาเห็นบ่าวรับใช้อายุน้อยรีบวิ่งมา เมื่อเห็นเฟิงจินหยวน นางพูดอย่างรวดเร็ว “ท่านใต้เท้า! ท่านใต้เท้า อนุฮันเจ็บท้องมาครึ่งชั่วยามแล้วเจ้าค่ะ รีบไปดูเถิดเจ้าค่ะ !”

“อะไรนะ ?” เฟิงจินหยวนตกตะลึงอย่างยิ่ง ในเวลาเดียวกันด้วยเหตุผลบางอย่างเขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกเล็กน้อย หากมีสิ่งใดเกิดขึ้นกับครรภ์ของฮันชิ เขาก็มีเหตุผลที่จะไปเยี่ยมนาง แม้ว่าเขาจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงปัญหานี้ได้ตลอดไป แต่ก็เป็นเรื่องดีที่จะหลีกเลี่ยงในตอนนี้ ดังนั้นเขาจึงรีบพูดว่า “ไปเร็ว! ไปที่เรือนหยูหลานกันเถอะ”

เมื่อบ่าวรับใช้คนนี้มารายงาน เฟิงหยูเฮงยังเดินไปได้ไม่ไกล นางได้ยินเสียงเบา ๆ เกี่ยวกับครรภ์ของฮันชิเลยทำให้นางหันไปมอง เฟิงจินหยวนกำลังติดตามบ่าวรับใช้และเดินไปในทิศทางของเรือนหยูหลาน

หวงซวนกล่าวว่า “วันนี้เป็นวันแต่งงานและฮูหยินคนใหม่กำลังรออยู่ในห้องเจ้าสาว แต่เสนาบดีเฟิงคนนี้กำลังจะไปที่ห้องของอนุ ถ้าองค์หญิงคังอี้รู้นางจะไม่โกรธหรือ?”

เฟิงหยูเฮงคิดไตร่ตรองเล็กน้อยจากสิ่งที่น่าสนใจ และพูดว่า “ไปกันเถอะ”

ด้านในเรือนของยูหลานกำลังวุ่นวาย ฮันชิร้องตลอด เสียงร้องของนางสร้างความตกใจ เมื่อเฟิงจินหยวนเข้าไปในสนามหญ้า เขาถูกเฟิงเฟินไดยึดตัวเขากล่าวซ้ำ ๆ ว่า “ท่านพ่อ  ท่านพ่อไม่สามารถเพิกเฉยต่อแม่รองได้ นางกำลังทุกข์ทรมานอย่างมากกับการตั้งครรภ์บุตรคนนี้ นางยุ่งตลอดทั้งวัน ตอนนี้นางปวดท้องมากเจ้าค่ะ นางเรียกหาท่านพ่อตลอดเวลา”

แต่แน่นอนเสียงกรีดร้องของฮันชินั้น เฟิงจินหยวนที่อยู่หน้าเรือนก็ได้ยิน “ท่านพี่ ! ทำไมท่านพี่ไม่ต้องการข้า ข้ากำลังตั้งครรภ์บุตรของท่านพี่อยู่ !”

เฟิงจินหยวนกังวลเรื่องการได้ยิน เฟินไดถูกดึงไปตามเขาเข้าไปในห้องของฮันชิ ขณะเดินนางพูดว่า “หยุดตะโกน อย่าทำร้ายเด็กนะ” ในขณะเดียวกันเขาก็ถามเฟินไดว่า “เรียกหมอมาหรือยัง ?”

เฟิงเฟินไดส่ายหัว “วันนี้เป็นวันแห่งการเฉลิมฉลอง การเชิญแพทย์มาที่คฤหาสน์เป็นความโชคร้ายนะเจ้าคะ !”

หญิงสาวคนหนึ่งที่อยู่ข้าง ๆ นั้นกล่าวอย่างรวดเร็ว “ไม่ใช่ว่ามีหมอหลวงมารักษาองค์หญิงรุ่ยเจียหรือเจ้าคะ ?”

เฟิงเฟินไดดุนาง “ทำไมเจ้าพูดเช่นนี้ ? นางเป็นองค์หญิง เอาแม่รองฮันไปเปรียบเทียบกับนางได้อย่างไร?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฟิงจินหยวนก็ไม่มีความสุข “เด็กที่อยู่ในท้องของฮันชิคือเลือดเนื้อของข้า จะเปรียบเทียบไม่ได้อย่างไร รีบไปเรียกหมอมา !”

ในเวลานี้พวกเขาเดินไปที่เตียง และฮันชิก็คว้ามือของเฟิงจินหยวนทันทีว่า “ท่านพี่ ท่านไม่สามารถเรียกหมอได้ วันนี้เป็นวันแห่งการเฉลิมฉลองที่คฤหาสน์ อนุผู้นี้ไม่สามารถก่อเรื่องกับฮูหยินใหญ่ได้ !”

เมื่อนางพูดเช่นนี้ทำให้เฟิงจินหยวนสงสารนาง ในขณะที่เขาจับมือนางไว้ และพูดว่า "บุตรในท้องของเจ้ามีความสำคัญ หากคังอี้จะอยู่ที่นี่ นางก็จะให้เรียกหมอเข้ามา”

“ท่านพี่ !” น้ำตาของฮันชิเริ่มไหล “อนุผู้นี้คิดว่าเมื่อองค์หญิงเข้ามา อนุผู้นี้จะไม่ได้เห็นหน้าท่านพี่อีกแล้ว ท่านพี่…” ขณะที่นางพูดสิ่งนี้ นางเริ่มร้องไห้

นางร้องไห้ เฟิงเฟินไดก็เช็ดน้ำตาให้ “ท่านพ่อ แม่รองร้องไห้ตลอด 3-4 วันที่ผ่านมา ลูกสาวจะไม่ขออะไรอย่างอื่น ข้าจะขอให้ท่านพ่อมาเยี่ยมแม่รองที่เป็นอนุบ่อยกว่านี้ก่อนที่น้องของข้าจะคลอด เพียงแค่… ให้ถือว่ามันเป็นการดูแลน้องชายที่ยังไม่เกิดของข้านะเจ้าคะ”

เฟิงจินหยวนพยักหน้า “เป็นสิ่งที่ข้าควรทำ ข้าสัญญา ดังนั้นหยุดร้องไห้ได้แล้ว”

เขาพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อปลอบใจพวกเขา เมื่อบ่าวรับใช้อีกคนมารายงาน “ท่านใต้เท้า คุณหนูรองมาถึงแล้วเจ้าค่ะ”

“นางมาทำอะไรที่นี่ ?” เฟิงเฟินไดกรอกตา ขณะที่ดวงตาของนางสว่างขึ้น

อย่างไรก็ตามเฟิงจินหยวนกล่าวว่า “นางมาทันเวลาพอดี ก่อนที่หมอจะมาถึง ให้นางตรวจมารดาของเจ้าก่อน เมื่อตรวจแล้วเราจะได้วางใจได้”

ฮันชิไม่เห็นด้วยกับการให้เฟิงหยูเฮงตรวจรักษา นางขณะที่นางร้องซ้ำ ๆ “ไม่ ข้าไม่ต้องการให้ใครมาตรวจข้า อนุผู้นี้ต้องการให้ท่านพี่อยู่กับข้าเท่านั้น ข้าไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว !”

ในเวลานี้เฟิงหยูเฮงได้เข้าไปในห้องแล้ว ในขณะที่เดินนางพูดว่า "แม่รองฮัน แม้ว่าเจ้าจะไม่คิดถึงตัวเอง เจ้าต้องพิจารณาเลือดเนื้อของตระกูลเฟิงที่อยู่ในท้องของเจ้า" ขณะที่นางพูดแบบนี้ นางก็หยุดอยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้ว เมื่อมองที่เฟิงจินหยวน นางก็ถามว่า “ท่านพ่ออนุญาตให้ข้าตรวจหรือไม่เจ้าคะ ?”

เฟิงจินหยวนปลอ่ยมือฮันชิ และเปิดทางให้เฟิงหยูเฮง

ฮันชิตื่นเต้นมาก ๆ เมื่อมองไปที่เฟิงหยูเฮง นางอยากจะหายตัวไปจากเตียงอย่างหมดหวัง อย่างไรก็ตามเฟิงหยูเฮงจับข้อมือนางแล้ว ดูเหมือนว่าจะไม่ใช้กำลังมาก แต่ฮันชิไม่สามารถเคลื่อนไหวได้แม้แต่น้อย นางได้แต่ยอมให้เฟิงหยูเฮงตรวจนาง

หลังจากนั้น เฟิงหยูเฮงกล่าวว่า “อารมณ์ของนางอ่อนไหวและนางเครียด นางวิตกกังวลมากไป และทารกในครรภ์ก็ไม่แข็งแรง”

“นั่นหมายความว่าอย่างไร ?” เฟิงจินหยวนถามนาง“ทารกในครรภ์ไม่แข็งแรง”

นางปล่อยข้อมือของฮันชิและกล่าวกับเฟิงจินหยวน “แม่รองฮันกำลังทุกข์ทรมานจากอาการป่วยทางจิต และความเครียดของนางส่งผลต่อทารกในครรภ์ เราจะต้องทำให้นางอารมณ์ดีให้มากที่สุด เพื่อให้ทารกแข็งแรง”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฟินไดก็ตกตะลึง เฟิงหยูเฮงถึงช่วยพูดแทนฮันชิ ? ทำไม ?

นางไม่สามารถเข้าใจได้ แต่เมื่อนางได้ยินสิ่งที่ตามมา นางก็เข้าใจทันที ในขณะที่นางได้ยินเฟิงหยูเฮงกล่าวเพิ่ม “สภาพของแม่รองฮัน ท่านพ่อก็เห็นแล้ว สิ่งที่หญิงตั้งครรภ์ต้องการมากที่สุดคือความใส่ใจของสามี แต่ท่านพ่อไม่เพียงแต่ไม่ดูแลนาง ท่านพ่อยังพาฮูหยินคนใหม่เข้ามาในเวลานี้ แม่รองฮันจะทนรับได้อย่างไร”

เฟิงจินหยวนตื่นตกใจ จากนั้นเขาก็มองเฟิงหยูเฮงและถามนางว่า “ถ้าอย่างนั้นจะต้องทำอย่างไร ? มียาสำหรับอาการป่วยนี้หรือไม่?”

เฟิงหยูเฮงกล่าวว่า “วิธีที่ดีที่สุดคือไม่ทานยา ท่านพ่อควรจะอยู่เฝ้าอนุฮันในคืนนี้ บางทีอาการป่วยนี้จะดีขึ้นในเช้าวันพรุ่งนี้”

เฟินไดเข้าใจในทันที เฟิงหยูเฮงไม่ชอบคังอี้และบุตรสาวของนาง นางได้เฆี่ยนรุ่ยเจียอย่างไร้ความปราณีในระหว่างงานแต่งงาน และตอนนี้นางต้องการใช้ฮันชิทำลายเทียนมงคลในห้องเจ้าสาวของคังอี้ แต่นี่ก็ดี นี่จะเป็นการสอนบทเรียนให้กับองค์หญิงทั้งสองคนนั้น ต่อให้เจ้าเป็นองค์หญิงใหญ่แล้วอย่างไรล่ะ ?  เมื่อก้าวเข้ามาในตระกูลเฟิง นางก็ไม่สามารถวางก้าวได้

เฟิงจินหยวนรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่เหมาะสมและเขาต้องการกลับที่เรือนเทียนเซียง แต่ขาของเขาไม่ขยับไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น หลังจากคิดอีกเล็กน้อยแทนที่จะไปเผชิญหน้ากับฮูหยินที่รอบุตรสาวของนาง ฮันชิได้ให้เหตุผลที่เหมาะสมแก่เขา

ดังนั้นเขาพยักหน้า และพูดว่า “ได้ เพื่อความปลอดภัยของบุตรของตระกูลเฟิง คืนนี้ข้าจะอยู่ดูแลอนุฮันเอง”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด