ตอนที่แล้วมารดาปีศาจ ตอนที่ 7 เลี้ยงดูซอมบี้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปมารดาปีศาจ ตอนที่ 9 ถูกเปิดเผย

มารดาปีศาจ ตอนที่ 8 เผชิญหน้า


ตอนที่ 8 เผชิญหน้า

 

หลังขุดเอาเศษผลึกออกมา จ้าวฉิงก็พ่นลมหายใจออกมาอย่างผ่อนคลาย เอ้อร์ไตและเธอเข้ากันได้ดีมาก เจ้าซื่อบื้อได้พาเธอไปที่เมือง และกวาดล้างซอมบี้ทั้งฝูงที่รวมตัวกันอยู่ ยามนี้ ที่มุมหนึ่งในมิติพิเศษของจ้าวฉิง มีเศษผลึกรวมกันเป็นกองใหญ่แล้ว

 

นั่นเป็นวันที่สองของการทำงานหนักของพวกเธอ ผลึกเหล่านี้ ไม่รวมกับส่วนที่แบ่งไว้ให้เอ้อร์ไต ก็ถือว่าพอเพียงสำหรับเสี่ยวเปาจื่อให้ใช้กินไปได้ตลอดสองเดือน

 

จากนั้นจ้าวฉิงจึงเตรียมตัวจะจากไป ก่อนออกเดินทาง เธอพาเอ้อร์ไตไปยังห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในเมือง เธอตั้งใจจะกวาดล้างที่นี่ให้ว่างเปล่า เพื่อให้เอ้อร์ไตใช้เป็นสถานที่อยู่อาศัยในภายหลัง

 

ถึงอย่างไร ก็เป็นไปไม่ได้ที่จ้าวฉิงจะนำซอมบี้ติดตัวไปด้วย ไม่ว่าเอ้อร์ไตจะเฉลียวฉลาดกว่าซอมบี้โดยทั่วไปมากแค่ไหนก็ตาม

 

ด้านในห้างสรรพสินค้า มีผู้คนติดค้างอยู่จำนวนมาก เพียงเข้าไปในชั้นแรก เธอก็มองเห็นซอมบี้ที่เดินวนอยู่รอบๆ ได้บ่อยกว่ายามอยู่ที่ถนนหลายเท่า

 

เมื่อเข้าไปด้านในห้างสรรพสินค้าแล้ว หนึ่งมนุษย์หนึ่งซอมบี้ก็เริ่มเคลื่อนไหวทันที ถึงแม้พวกเธอจะรู้จักกันมาเพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆ จ้าวฉิงและเอ้อร์ไตก็เริ่มเพาะสร้างความเข้าใจกันได้โดยไม่ต้องเอ่ยปากแล้ว

 

เพียงแค่เห็นว่าเอ้อร์ไตกำลังพยายามล่อซอมบี้กลุ่มที่ดูคล่องตัวกว่ากลุ่มอื่นไปยังประตู จ้าวฉิงก็จะซ่อนตัวเตรียมพร้อมลอบจู่โจมทันที เพื่อประสานการจู่โจมกับเอ้อร์ไตและฆ่าซอมบี้กลุ่มนี้ไปให้หมด

 

ทุกครั้งที่ซอมบี้จำนวนหนึ่งถูกสังหาร เจ้าซื่อบื้อก็จะควานหาผลึกจากข้างในกะโหลกศีรษะซอมบี้ออกมาอย่างกระตือรือร้น และมอบพวกมันให้กับจ้าวฉิงราวกับสมบัติล้ำค่า จ้าวฉิงก็จะนำเอาทั้งผลึกและมือของเอ้อร์ไตที่ปกคลุมไปด้วยเศษมันสมองไปล้างจนสะอาด แล้วจากนั้นเธอจึงจะเก็บเศษผลึกเข้าไปในมิติส่วนตัว

 

เพราะกังวลว่าหากทิ้งเสี่ยวเปาจื่อไว้ในรถแล้วเขาจะไม่สบายตัว จ้าวฉิงจึงทำสายสลิงสีดำผูกเสี่ยวเปาจื่อไว้ บางครั้งก็จะนำเศษผลึกที่แขวนไว้ยื่นเข้าไปในปากที่เปิดกว้างของเสี่ยวเปาจื่อเองด้วย

 

เมื่อพวกเธอจัดการชั้นแรกจนเกลี้ยงเกลา ไม่คาดคิดว่าด้านนอกห้างสรรพสินค้า กลับมีเสียงรถขนาดใหญ่ดังกระหึ่มใกล้เข้ามา จ้าวฉิงและเอ้อร์ไตเข้าใจกันได้โดยปริยาย ทั้งคู่รีบไปหาที่หลบซ่อนทันที

 

ไม่นานก็ได้เห็นผู้ชายสามคนและผู้หญิงหนึ่งคนก้าวเข้ามาจากด้านนอก ผู้หญิงคนนั้นยิงบอลไฟออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ซอมบี้ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงถูกเผาจนตายไปหมด

 

“อ๋า...ทำไมถึงมีซอมบี้น้อยนักล่ะ ฉันนึกว่าจะมีซอมบี้อยู่ในห้างสรรพสินค้ามากกว่านี้ซะอีก” เด็กสาวถอนหายใจออกมา จากนั้นชายร่างสูงที่อยู่ข้างหลังเธอก็ชี้นิ้วไปที่ทิศทางหนึ่ง “พวกนายดูที่พื้นสิ มีซากศพซอมบี้อยู่เกลื่อนกลาดเลย ฉันกลัวว่าก่อนที่พวกเราจะมาถึง ก็คงมีคนอื่นเข้ามาก่อนแล้วล่ะ”

 

“แล้วยังมีพวกวัตถุดิบข้างในหลงเหลืออยู่บ้างไหม” ในหมู่พวกเขามีคนอ้วนท่าทางใจร้อนแผดเสียงขึ้นมา “ถ้าไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย งั้นการเดินทางของพวกเราเที่ยวนี้ก็ไม่ใช่ว่าเปล่าประโยชน์หรอกเหรอ”

 

“ลองเข้าไปดูก่อน อย่าได้ประมาท พวกเราต้องระมัดระวังอย่างที่สุด” สมาชิกคนสุดท้ายในกลุ่มกล่าวขึ้น เป็นบุรุษท่าทางเคร่งขรึม

 

ดังนั้นกลุ่มคนทั้งสี่จึงก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ ด้วยความระแวดระวังอย่างมาก ชายอ้วนที่อยู่ด้านข้างเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่ใส่ใจในขณะที่กำลังเดินอยู่ “สมมุติว่าพวกมันได้วัตถุดิบไปแล้ว เสบียงที่เรามีก่อนหน้านี้ก็แทบใช้ไปหมดแล้ว ถ้าพวกเราหาวัตถุดิบจากที่นี่ไม่ได้เลย ถ้างั้นพวกเราก็ต้องปล้นชิง จิ๊ จิ๊ ถ้าหากพวกเราสามารถปล้นจากเหยื่อง่อยๆ ที่สะสมเสบียงไว้แล้วจนเต็มเปี่ยม นั่นคงเยี่ยมไปเลย พวกเราอาจจะอิ่มหนำไปตลอดทั้งสัปดาห์ได้เป็นอย่างต่ำ”

 

เด็กสาวกลับหัวเราะอย่างเย็นชา “ถ้าพวกนายไม่ได้ไปหานังโสเภณีพวกนั้นแล้วก็เล่นการพนัน พวกเราจะใช้วัตถุดิบทั้งหมดไปจนร่อยหรอเร็วขนาดนี้ได้ยังไง”

 

“เอาล่ะ หยุดเถียงกันได้แล้ว” ชายร่างสูงขมวดคิ้ว “ระวังรอบๆ ตัวนายเอาไว้ เจ้าอ้วน เพิ่มความตื่นตัวแล้วก็เปิดสัมผัสรับรู้ไว้ด้วย”

 

“เปิดสัมผัสรับรู้จะทำให้ฉันเสียพลังจิตไปมากเลยนะ....” เจ้าอ้วนพึมพำออกมาเช่นนี้ขณะที่เขาเปิดสัมผัสรับรู้ขึ้นมา ทันใดที่ขยายสัมผัสรับรู้ออกไป เขาก็กรีดร้องเสียงดังทันที “มีคนอยู่ข้างหน้านั่น!”

 

คนทั้งสี่ตื่นตัวขึ้นมาในทันใด กระจายตัวเป็นวงล้อมเตรียมพร้อมโจมตี จ้าวฉิงจึงตระหนักได้ในวินาทีนั้นเองว่าพลังพิเศษของเจ้าอ้วนนั่นจะต้องเป็นบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับสัมผัสรับรู้ของเขาแน่ มันน่าจะเป็นความสามารถในการสแกนพื้นที่ จึงทำให้พวกเขาตรวจพบเธอได้เช่นนี้

 

จ้าวฉิงมองหน้าเอ้อร์ไตเพื่อส่งสัญญาณให้เขาใจเย็นไว้ แล้วก้าวออกไป “ฉันขอโทษที ฉันไม่แน่ใจว่าคนที่เข้ามาจะเป็นคนแบบไหน ก็เลยไม่กล้าเปิดเผยตัว”

 

จ้าวฉิงรู้ว่านี่ไม่ใช่เวลาที่ควรจะแสร้งทำเป็นบอบบาง เพราะถ้าหากเธอเป็นหญิงสาวอ่อนแอบอบบางจริงล่ะก็ เธอคงไม่มาปรากฏตัวอยู่กลางศูนย์การค้าที่เต็มไปด้วยซอมบี้แบบนี้

 

เมื่อคนทั้งสี่เห็นจ้าวฉิง สายตาของพวกเขาก็เปลี่ยนแปลงไปทันที โดยเฉพาะยามที่เห็นศีรษะเล็กๆ ของเสี่ยวเปาจื่อโผล่ลอดออกมาจากด้านหลังของเธอ พวกเขาก็ยิ่งระวังตัวมากขึ้น

 

ผู้หญิงตัวคนเดียวที่แบกเด็กทารกติดตัวไว้ด้วยคนหนึ่ง กลับสามารถเอาชีวิตรอดอยู่ได้ในเมืองที่เต็มไปด้วยซอมบี้ ทั้งยังไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่ปลายเส้นผม! ชัดเจนอยู่แล้วว่าความแข็งแกร่งของหญิงสาวคนนี้ย่อมไม่อาจดูแคลนได้เลย!

 

ถึงขนาดที่ว่าหากเปรียบเทียบกับพวกเขาทั้งหมด เธอก็จะต้องแข็งแกร่งกว่าอย่างแน่นอน เพราะถึงอย่างไร พวกเขาทั้งสี่ก็ยังไม่กล้าเดินทางลึกเข้าไปในเมืองด้วยคนเพียงเท่านี้

 

เห็นว่าจ้าวฉิงเป็นสตรี ผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มสี่คนนั้นจึงก้าวขึ้นมาเอ่ยคำ “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ พวกเรามาจากฐานผู้รอดชีวิตเมือง S คุณเป็นคนฆ่าซอมบี้ที่นี่ไปเหรอ”

 

จดจำได้ว่าฐานที่พวกเขาพูดถึงนั้น เป็นสถานที่เดียวกับกลุ่มผู้ชายที่เธอได้เจอก่อนหน้านี้พักอยู่ ความคิดของเธอเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่แสดงออกทางสีหน้าแม้แต่น้อย หญิงสาวแย้มยิ้มกล่าว “ยินดีที่ได้เจอพวกคุณเหมือนกันค่ะ ฉันก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนฆ่าซอมบี้พวกนี้ ตอนที่ฉันเข้ามาที่นี่ มันก็กลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว”

 

ทั้งสี่คนลอบส่งสายตากันไปมา พวกเขาทั้งหมดล้วนไม่มีใครเชื่อคำพูดของจ้าวฉิง เด็กสาวหัวเราะแผ่วเบาและเอ่ยต่อ “ฉันคือผู้ใช้พลังพิเศษธาตุไฟระดับ 1 นี่คือกลุ่มเพื่อนของฉัน: นี่ผู้ใช้สัมผัสรับรู้ระดับ 1, ผู้ใช้พลังพิเศษเสริมพลังกายระดับ 1 แล้วก็ผู้ใช้พลังพิเศษธาตุลมระดับ 1”

 

“มีการจำแนกประเภทแล้วก็ระดับขั้นระหว่างผู้ใช้พลังพิเศษด้วยหรือ?” จ้าวฉิงกระพริบตาปริบๆ รู้สึกอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา ผู้หญิงคนนั้นดูลังเลเล็กน้อย เอ่ยถาม “ตั้งแต่เกิดภัยพิบัติวันสิ้นโลก คุณคงไม่ได้ออกไปจากเมืองนี้เลยใช่ไหม”

 

จ้าวฉิงผงกศีรษะ จากนั้นเด็กสาวจึงเริ่มแนะนำให้จ้าวฉิงรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ปรากฏว่าหลังจากวันสิ้นโลก มีประชากรส่วนหนึ่งบนโลกได้กลายเป็นซอมบี้ อีกส่วนหนึ่งกลายเป็นผู้มีพลังพิเศษ และส่วนสุดท้ายที่เหลืออยู่เป็นเพียงพลเมืองธรรมดา

 

ผู้มีพลังพิเศษนั้นมีอยู่หลากหลายประเภทอย่างยิ่ง มีรูปแบบแปลกประหลาดน่าอัศจรรย์ทั้งหมดเท่าที่จะคิดได้ แต่หากจำแนกโดยเปรียบเทียบเฉพาะรูปแบบที่พบเห็นได้บ่อยๆ ก็จะแบ่งเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งก็คือผู้ใช้พลังธรรมชาติ ซึ่งใช้พลังธาตุได้แก่ โลหะ, ไม้, น้ำ, ไฟ, ดิน, ลม, สายฟ้า และน้ำแข็ง

 

กลุ่มที่สองคือผู้ที่ใช้พลังร่างกาย บางคนก็ได้ยินชัดเจนในระยะไกล หรือสายตาดี โดดเด่นกว่าสัมผัสอื่นๆ บ้างก็สามารถกระโดดได้สูงขึ้น ผิวหนังแข็งแรงขึ้นใช้เป็นเกราะป้องกัน หรืออาจจะเสริมพลังขึ้นมาก็ได้ กลุ่มนี้ยังรวมถึงผู้ที่พัฒนาทางด้านพลังจิต ซึ่งเป็นการวิวัฒนาการส่วนสมอง

 

ผู้มีพลังพิเศษรูปแบบอื่นๆ ที่ไม่รวมอยู่ในการจำแนกประเภทเช่นนี้จะมีอยู่น้อยมาก และทั้งหมดจะถูกจัดอยู่ในกลุ่ม ‘ประเภทอื่นๆ’

 

ปัจจุบันนี้ มีผู้ใช้พลังพิเศษจำนวนมากที่กระตุ้นพลังขึ้นมาได้เมื่อไม่นานมานี้ เนื่องจากผู้ใช้พลังธรรมชาตินั้นมีประโยชน์ใช้สอยน้อยกว่ามาก ทั้งเปรียบเทียบแล้วยังอ่อนแอกว่า ในขณะที่ผู้ใช้พลังร่างกายนั้นฝึกฝนพัฒนาเพิ่มเติมได้ โดยเฉพาะผู้เสริมพลัง – ผู้ใช้พลังร่างกายประเภทนี้ถือว่าเป็นผู้ที่ได้รับความนิยมและมีสถานะสูงส่งกว่าผู้ใช้พลังธรรมชาติ

 

อย่างไรก็ตาม ในเมื่อพวกเขาตระหนักถึงเรื่องนี้ได้แล้ว ผู้ใช้พลังธรรมชาติย่อมจะมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มความแข็งแกร่งของตนเอง

 

นอกจากการเพิ่มระดับขึ้นไปอย่างช้าๆ แล้ว ผู้เสริมพลังนั้นยังพิเศษอย่างยิ่ง พวกเขาสามารถเพิ่มศักยภาพของตัวเองเพื่อนำไปสู่พลังเหนือธรรมชาติในรูปแบบใหม่

 

ครุ่นคิดอยู่เล็กน้อย จ้าวฉิงก็ยื่นมือออกไป “ฉันน่าจะเป็นผู้ใช้ความเร็ว สำหรับเรื่องที่ว่าอยู่ในระดับเท่าไหร่ ฉันเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ยังไงก็ตาม เพราะฉันเพิ่งจะกระตุ้นพลังได้เมื่อไม่นานมานี้ ฉะนั้นฉันคงอยู่ในระดับ 1 ฉันดีใจมากที่ได้พบพวกคุณทุกคนค่ะ”

 

ผู้หญิงคนนั้นเหลือบมองเพื่อนในกลุ่มของเธอ จากนั้นก็เดินมาจับมือจ้าวฉิงเขย่าอย่างกระตือรือร้นและส่งยิ้มให้ “พวกเราก็มีความสุขมากๆ....ที่ได้บังเอิญมาพบกับคุณค่ะ”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด