ตอนที่แล้วมารดาปีศาจ ตอนที่ 9 ถูกเปิดเผย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปมารดาปีศาจ ตอนที่ 11 เข้าไปในฐาน

มารดาปีศาจ ตอนที่ 10 แยกทาง


ตอนที่ 10 แยกทาง

 

อย่างไรก็ตาม เอ้อร์ไตไม่อาจกระโจนเข้าไปในกองเพลิงวงนั้นได้สำเร็จ เพราะทันใดนั้นก็มีเปลวไฟสีเขียวเข้มพุ่งวาบขึ้นสูง กีดกั้นเขาไว้ไม่ให้เขาไป

 

อัคคีที่ลุกวาบฮือโหมค่อยๆ จางหายไป เผยให้เห็นรังไหมสีเขียวเข้มที่อยู่ภายใน รังไหมนั้นดูแล้วคล้ายกับทำมาจากกิ่งก้านของต้นหลิวที่ถักทอเข้าด้วยกัน พลันกระเพื่อมไหวเต้นตุบเป็นจังหวะ ตั้งอยู่ท่ามกลางเปลวเพลิงทว่ากลับไม่ได้รับความเสียหายแม้แต่น้อย

 

รอจนกองไฟดับวูบลงไปอย่างสมบูรณ์ รังไหมที่ห่อหุ้มนี้ก็ย่นตัวลีบลงอย่างช้าๆ เผยให้เห็นจ้าวฉิงที่อยู่ภายใน นอกจากสีหน้าที่เผือดซีดกว่าเดิมแล้วก็ดูเหมือนจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เลยแม้แต่น้อย

 

เอ้อร์ไตตกตะลึง ผู้มีพลังพิเศษที่เหลืออีกสองคนก็ตะลึงงันไปเช่นกัน ผู้ที่ได้สติขึ้นมาเป็นคนแรกยังคงเป็นชายร่างสูงผู้ใช้ธาตุลมคนนั้น โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขาทิ้งเพื่อนของตัวเองไว้และหมุนกายหลบหนีไปทันที จ้าวฉิงหันขวับมามองเขาในฉับพลัน เถาไม้สีเขียวปรากฏขึ้นจากพื้นใต้ฝ่าเท้าของชายร่างสูง เลื้อยพุ่งขึ้นไปอย่างรวดเร็ว เกี่ยวกระหวัดรัดพันไปถึงต้นขาของผู้ชายคนนั้นและจับตรึงเขาไว้จนแน่นหนา

 

กิ่งก้านเถาไม้เหล่านี้มีหนามขนาดเล็กอยู่ หนามเล็กจิ๋วเหล่านี้ทิ่มแทงเข้าไปในผิวเนื้อ มันปลดปล่อยยาชาเข้าไปสู่ร่างกายของคนที่ถูกมัดตรึงไว้ได้อย่างรวดเร็ว

 

รูม่านตาของบุรุษผู้นั้นเบิกกว้าง ขณะที่ร่างกายเริ่มอ่อนยวบ เขาพยายามบังคับตัวเองให้ใช้พลังพิเศษออกไป ทว่าก่อนที่คมมีดสายลมเล่มเล็กของเขาจะทันได้พุ่งเข้าไปใกล้เถาไม้เหล่านั้น กรงเล็บคมกริบก็เจาะทะลุด้านหลังศีรษะเขาเข้าไปแล้ว

 

ทางข้างหลังกะโหลกศีรษะตรงด้านล่าง จะมีส่วนที่เรียกว่าท้ายทอยซึ่งเป็นรอยต่อระหว่างกะโหลกและกระดูกคอ ซึ่งตรงนั้นจะเป็นช่องว่างที่ไม่มีกระดูกปกคลุมอยู่เลย[1] หากทิ่มแทงลงตรงพื้นที่เล็กๆ นั้น เพียงคราเดียวก็สามารถเจาะทะลุเข้าไปสู่สมองอันอ่อนนุ่มได้ทันที

 

เมื่อจ้าวฉิงหดกรงเล็บให้กลับมาสั้นลง ระหว่างเล็บมือทั้งสองของเธอก็มีผลึกสีฟ้าใสที่ถูกดึงออกมาถือไว้เรียบร้อยแล้ว

 

คนสุดท้ายเป็นผู้เสริมพลัง ใบหน้าของเขาเผือดซีดไร้สีเลือด เขาย่อมคิดถึงผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นกับตนเองได้แล้ว หากสามคนร่วมมือกันยังไม่อาจจัดการจ้าวฉิงหรือเอ้อร์ไตได้ เช่นนั้นอาศัยเขาเพียงลำพังย่อมไม่อาจกระทำสิ่งใดได้อย่างแน่นอน!

 

ขณะนี้ดวงตาของจ้าวฉิงวาบแสงสีแดงออกมา เธอค่อยๆ กดใบหน้าลงต่ำ ใช้นัยน์ตาอันเย็นชาจับจ้องไปที่ชายผู้เคร่งขรึมคนนั้นอย่างเงียบๆ ขณะที่ดวงตาของอีกฝ่ายค่อยๆ หม่นแสงลงเพราะเอ้อร์ไตกำลังบดกระดูกสันหลังของเขาจากทางด้านหลัง

 

เศษผลึกที่แตกต่างกันทั้งสี่ทำให้จ้าวฉิงรู้สึกพึงพอใจอย่างยิ่ง ยามนี้เธอมีความเข้าใจเกี่ยวกับพลังพิเศษเหล่านี้ลึกซึ้งขึ้นแล้ว นั่นทำให้เธอมีความเชื่อมั่นมากขึ้น

 

คราวนี้ ถึงแม้ว่าเธอจะเข้าไปแทรกซึมอยู่ในกลุ่มคนเหล่านี้ เธอก็สามารถปลอมแปลงเป็นผู้มีพลังพิเศษได้อย่างง่ายดาย และยังเพิ่มความมั่นใจให้เธอมากขึ้นด้วย

 

หลังจากที่นำผลึกทั้งหมดมาเก็บไว้แล้ว จ้าวฉิงก็อุ้มเสี่ยวเปาจื่อขึ้นมาบนหลังอีกครั้ง เธอรู้สึกผิดที่ต้องโยนลูกออกไปแบบนั้น จึงตรวจสอบร่างกายเสี่ยวเปาจื่ออย่างละเอียดถี่ถ้วน โชคดีที่เสี่ยวเปาจื่อนั้นไม่ใช่เด็กทารกตามปกติ มิฉะนั้นแล้ว การโยนเขาออกไปเช่นนั้นคงทำให้เด็กน้อยต้องเจ็บปวดมาก

 

หลังจัดการกับเรื่องวุ่นวายจนจบสิ้น จ้าวฉิงก็พาเอ้อร์ไตขึ้นไปยังชั้นต่อไป เนื่องจากเห็นว่าหญิงสาวแทบจะต้องสูญเสียชีวิตของเธอไปเมื่อครู่ เอ้อร์ไตจึงไม่ยอมให้จ้าวฉิงออกห่างจากเขาไกลจนเกินไป

 

แม้แต่ในตอนที่พวกเธอกำลังทำการกำจัดซอมบี้เหล่านั้น เอ้อร์ไตก็ยังพยายามอยู่ใกล้จ้าวฉิงให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ หลังจากใช้เวลาตลอดช่วงกลางวันที่เหลืออยู่จัดการกวาดล้างศูนย์การค้า ทั้งสองก็ทำความสะอาดได้จนเกลี้ยงเกลา

 

โยนซากศพทั้งหมดออกไปจากนั้นก็จัดการเก็บกวาดอีกนิดหน่อย ในที่สุดจ้าวฉิงก็นั่งพักลงบนพื้น และเรียกเอ้อร์ไตให้มานั่งเคียงข้างเธอ “มานี่สิ”

 

เจ้าซื่อบื้อผู้เชื่อฟังนั่งลงข้างกายจ้าวฉิง เปิดดวงตาใสกระจ่างราวกับลูกแก้วจ้องมองเธอเหมือนไซบีเรียนฮัสกี้ตัวหนึ่ง

 

จ้าวฉิงหยิบเอาเศษผลึกจำนวนหนึ่งออกมาจากมิติส่วนตัวของเธอ และยังมีถุงขนาดเล็กสีแดงที่ไร้ลวดลายใดๆ ถุงหนึ่ง มันเป็นเพียงผ้าสองชิ้นเย็บติดเข้าด้วยกัน

 

หญิงสาวใส่ผลึกเหล่านั้นลงในถุง แล้วผูกถุงไว้รอบคอเอ้อร์ไต เจ้าซื่อบื้อมองดูถุงอย่างตื่นเต้นสนอกสนใจ เขาใช้มือลูบคลำมันไม่หยุด แต่แล้วก็กังวลว่าเล็บยาวๆ ของตนอาจจะทำให้ถุงฉีกขาด จึงลูบไล้มันอย่างอ่อนโยนและระมัดระวังอย่างยิ่ง ท่าทีทะนุถนอมนั้นช่างน่ารักน่าเอ็นดูอย่างถึงที่สุด

 

“เอ้อร์ไต ฉันต้องจากไปแล้ว หลังจากนี้นายก็.... ใช้ชีวิตแบบซอมบี้อยู่ที่นี่เถอะนะ อย่าได้ไปจู่โจมซอมบี้กลุ่มใหญ่เกินไปล่ะ พวกมันดุร้ายมาก ถ้าพวกมันรวมฝูงกันแล้วมาทำร้ายนาย นายอาจจะจัดการไม่ได้ทั้งหมด ใช้ชีวิตอยู่ให้ดีนะ! ใครจะไปรู้ล่ะ ในอนาคตเราอาจจะได้เจอกันอีกก็ได้” จ้าวฉิงลูบหัวเอ้อร์ไตอย่างอ่อนโยน จากนั้นก็แย้มยิ้ม เธอเอ่ยถ้อยคำมากมายกับซอมบี้ตัวนี้ แต่เขาจะเข้าใจมันได้บ้างหรือเปล่านะ

 

เหนือความคาดหมาย เอ้อร์ไตกลับเบิกตากว้างขึ้น หันหน้าเข้าหาจ้าวฉิงแล้วก็เริ่มร้องไห้คร่ำครวญเสียงดัง เขาถึงขนาดดึงเอาถุงสีแดงออกมาแล้ววางกลับใส่ในมือจ้าวฉิง สีหน้าท่าทางที่แสดงออกมานั้นบ่งบอกชัดว่าเขารู้สึกไม่ดีอย่างมาก ทำให้จ้าวฉิงรู้สึกไม่อาจทนทานรับไหวอยู่บ้าง

 

ถึงจะอยู่ด้วยกันมาแค่ไม่กี่วัน จ้าวฉิงก็สามารถเข้าใจความหมายของเอ้อร์ไตได้แล้ว เขากำลังแสดงให้เห็นว่า เขาไม่ต้องการผลึกจำนวนมากเหล่านี้ เขาเพียงต้องการให้จ้าวฉิงไม่จากไปเท่านั้น

 

ทว่า จ้าวฉิงจะไม่จากไปได้อย่างไร? ไม่ว่าร่างกายของเธอจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ที่สุดแล้วในจิตใจของเธอก็ยังเป็นมนุษย์อยู่ จะให้ใช้ชีวิตอยู่ในสถานที่ซึ่งไม่มีมนุษย์คนอื่นอาศัยอยู่เลยเป็นเวลานาน ต่อให้เป็นคนจิตใจแข็งแกร่งที่สุดก็อาจเป็นบ้าได้ง่ายๆ ยังไม่พูดถึงเรื่องที่ว่าเธอยังต้องไปแก้แค้นอีกด้วย!

 

“ฉันต้องไปแล้ว....นาย...ดูแลตัวเองดีๆ” หญิงสาวผูกถุงขนาดเล็กสีแดงใบนั้นกลับไปที่รอบคอเอ้อร์ไต จ้าวฉิงก้าวลงบันไดไป ขณะที่เธอก้าวเดินไปข้างหน้า เอ้อร์ไตทำท่าราวกับเด็กที่กระทำความผิด เขายังติดตามเธอมาข้างหลัง

 

หากจ้าวฉิงก้าวเดิน เอ้อร์ไตก็จะเดิน เมื่อจ้าวฉิงหยุด เอ้อร์ไตก็จะหยุด เพียงเธอหันศีรษะกลับมามอง เธอก็จะเห็นเอ้อร์ไตยืนอยู่ด้านหลังเธอตรงนั้นไม่ไกลออกไป คล้ายอยากจะเดินเข้ามาใกล้แต่ก็ไม่กล้า

 

เธอรู้สึกอ่อนไหวในจิตใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นใด หญิงสาวบังคับตัวเองให้ก้าวเข้าไปในรถ และออกตัวพุ่งทะยานตรงไปที่ประตูอย่างบ้าคลั่ง ทว่าเธอไม่อาจห้ามตัวเองไม่ให้หันศีรษะกลับไป

หญิงสาวหันกลับไปมองเอ้อร์ไตที่ยืนอยู่ตรงปากทางเข้า เรือนร่างโปร่งบางนั้นดูอ่อนแอ เขาร้องตะโกนด้วยสีหน้าเจ็บปวดรวดร้าวจนเกินบรรยาย เสียงนั้นดังก้องสะท้อนอยู่ในหูของจ้าวฉิง

 

เธอหักห้ามใจตัวเองอย่างยากลำบากไม่ให้ย้อนกลับไป หญิงสาวเหยียบคันเร่งและรถก็แล่นปราดไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด ทอดทิ้งเอ้อร์ไตให้ยืนอยู่ที่นั่นเพียงลำพัง แตะสัมผัสถุงขนาดเล็กที่ใส่ของไว้จนหนักอึ้ง เขาเริ่มร่ำไห้สะอึกสะอื้นออกมา

 

สุ้มเสียงของเขาค่อยๆ จางหายไปกลายเป็นเสียงกระซิบครวญแผ่วเบา หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ เอ้อร์ไตก็ก้าวเดินออกไปที่ประตูอย่างเงียบเชียบ เขาหันศีรษะกลับไปมองที่เมืองข้างหลังตนเอง จากนั้นเขาก็ก้าวเท้าไปข้างหน้าโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย

-----------

[1] บริเวณที่พูดถึงคือช่องว่างระหว่างกะโหลกศีรษะกับกระดูกคอ ตามรูป https://previews.123rf.com/images/lello4d/lello4d1112/lello4d111200009/11713062-very-detailed-and-scientifically-correct-human-skull-back-view-on-white-background-anatomy-image-.jpg

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด