ตอนที่แล้วบทที่ 98 เอาชนะกั่วเซี่ย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 100 การต่อสู้ของท็อป

บทที่ 99 กวาดทุกคนที่ต่ำกว่าระดับห้า


บทที่ 99

กวาดทุกคนที่ต่ำกว่าระดับห้า

ด้วยกั่วเซี่ยที่ออกไป จึงไม่ได้มีใครเข้าไปดึกั่วเหยาออกมา

“หลี่ฟู่เฉิน เซี่ยเหม่ย มีจิตใจที่ดีและยอมรับความพ่ายแพ้ของตนเอง แต่ข้าไม่ได้เป็นเช่นนาง” กั่วเหยาถูกวานมาจัดการหลี่ฟู่เฉินให้บาดเจ็บสาหัส มันจะเป็นการดีที่สุดถ้าเขาสามารถทำลายจิตวิญญาณการต่อสู้ของหลี่ฟู่เฉินได้ ผลักเขาเข้าสู่สภาวะตกต่ำ ปล่อยให้เขาเสื่อมโทรมและกลายบุคคลที่ไร้ประโยชน์

“กั่วเหยา หากเจ้าต้องการต่อสู้ ข้าจะให้เกียรตินั้นกับเจ้า”

หลี่จิ่นซิ่วก้าวออกมา

“หลี่จิ่นซิ่ว เจ้าเป็นนักสู้ขอบเขตต้นกำเนิดระดับที่แปด เจ้าไม่รู้สึกละอายกับการท้าทายกั่วเหยาทั้งๆ แบบนี้?”

หลี่เทียนชียืนอยู่เคียงข้างหลี่จิ่นซิ่วและกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ่มลึก “กั่วเหยาเป็นนักสู้ขอบเขตต้นกำเนิดระดับที่ห้า เขาไม่ละอายที่จะท้าทายฟู่เฉินหรือไร?”

กั่วหยี่หลงเปล่งเสียงทางจมูก “มันไม่สำคัญ เราตระกูลกู่นั้นแข็งแกร่ง ดังนั้นเราจึงเป็นกฎ ตระกูลหลี่ของเจ้าทำได้เพียงแต่ปฏิบัติตามแต่เพียงเท่านั้น”

“หลี่เทียนชี กั่วหยี่หลงกล่าวถูก วันอันรุ่งโรจน์ของตระกูลหลี่จบสิ้นลงไปแล้ว ยอมรับชะตากรรมของเจ้า! ข้าเชื่อว่ากั่วเหยาคงจะมีข้อจำกัดของตัวเอง และจำไม่เข้าทำร้ายเด็กคนนี้”

หยางโอ๋ตระหนักว่าการต่อสู้ระหว่าง 3 ตระกูลครั้งนี้ได้กลายเป็นการต่อสู้ระหว่าง 2 ตระกูลไปแล้ว แม้ตระกูลหยางยังไม่ได้ก้าวเข้ามา แต่เขาก็พึงพอใจกับการแสดง

ในระหว่างการต่อสู้ทุกครั้ง มันมักจะเป็นทั้งตระกูลกั่วหรือไม่ก็ตระกูลหยางที่เยาะเย้ยตระกูลหลี่เพื่อความสุขของพวกเขา

“หยางโอ๋ เจ้า…!”

หลี่เทียนชีกลายเป็นโกรธ

“เทียนชีเก๋อ(พี่) ตั้งแตที่พวกเขาต้องการต่อสู้ ข้าก็จะเล่นกับพวกเขา ท่านไม่จำเป็นต้องยุ่งเกี่ยว”

หลี่ฟูเฉินเองก็กลายเป็นตื่นเต้นเช่นกัน ปัจจุบันเขายังไม่สามารถหาทางกวาดล้างทั้งตระกูลกั่วและตระกูลหยางได้ แต่มันยังคงเป็นไปได้สำหรับเขาที่จะเอาชนะคนที่อยู่ระดับที่ห้าของขอบเขตต้นกำเนิดจากตระกูลกั่ว

นอกจากนี้ เขา หลี่ฟู่เฉิน ไม่ได้เป็นนักบุญ

หากตระกูลกั่วและตระกูลหยางเย่อหยิ่งมากเกินไป ในอนาคตอันใกล้ เขาจะให้ตระกูลของพวกนั้นรู้ถึงราคาของความเย่อหยิ่งเหล่านั้น

ด้วยการรับรู้ของเขา เขาเชื่อว่าเมื่อเขาผ่านไปสู่ระดับที่สี่ของขอบเขตต้นกำเนิด เขาก็อาจสามารถชนะผู้นำกลุ่มของตระกูลกั่วและตระกูลหยางได้

“ฟู่เฉิน เจ้ารู้หรือไม่ว่ากั่วเหยาอยู่ขอบเขตต้นกำเนิดระดับที่ห้า” หลี่เทียนชีเตือน

หลี่ฟู่เฉินตอบกลับ “ข้ารู้ขีดจำกัดของข้าดี”

“หากเป็นงั้นก็เอาเถอะ! จิ่นซิ่ว ถอยกลับมา” หลี่เทียนชีกล่าวกับหลี่จิ่นซิ่ว

หลี่จิ่นซิ่วพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจและถอยกลับไปยังจุดเดิมที่หลี่เทียนชียืนอยู่ เธอดูเหมือนจะกังวลเรื่องความปลอดภัยของหลี่ฟู่เฉิน

“ข้าได้ยินไม่ผิดใช่หรือไม่?! เจ้าหนุ่มผู้นี้ยอมรับการท้าทายของกั่วเหยาจริงๆ?” กลุ่มคนจากตระกูลหยางตกใจและหัวเราะเป็นครั้งแรก มันราวกับว่าพวกเขาได้ยินเรื่องตลกที่สุดในโลก

ขอบเขตต้นกำเนิดระดับที่สองกับขอบเขตต้นกำเนิดระดับที่ห้า ความแตกต่างสามระดับ

มันไม่ได้เป็นการพูดเกินจริงที่จะกล่าวว่าสถานการณ์นี้ เป็นเหมือนการที่จอมยุทธ์ขอบเขตพลังฉีระดับที่สองพยายามที่จะเอาชนะจอมยุทธ์ขอบเขตพลังฉีระดับที่เจ็ด อปุสรรคนี้ไม่ใช่สิ่งที่ใครก็จะจินตนาการได้

“โง่เขลา” คำกล่าวนั้นออกมาจากปากของหยางไคผู้ซึ่งบรรลุจุดสูงสุดของขอบเขตพลังฉีระดับที่เก้า

“โง่เขลาอย่างแท้จริง” หยางจานและหยางเหล่ยล้อเลียน

=ภายใต้ศาลา =

กลุ่มเฉินตู่กำลังรอให้หลี่ฟู่เฉินกลายเป็นเรื่องตลก

เมื่อเปรียบเทียบกับการต่อสู้ระหว่าง 3 ตระกูลก่อนหน้านี้ การต่อสู้ในปีนี้สนุกสนานอย่างยิ่ง มันคุ้มค่าซะจนต้องมาสังเกต

“เด็กน้อยผู้โง่เขลา ข้าสงสัยว่าเจ้ารอดมาจนถึงวันนี้ได้อย่างไร บางทีสวรรค์ดวงตาอาจจะมืดบอดและล่อให้เจ้ามาจนถึงที่แห่งนี้” กั่วเหยายิ้มเยาะและเผยให้เห็นฟันขาวของเขาเล็กน้อย

“เจ้าต้องลองดูด้วยตนเอง” หลี่ฟูเฉินวางมือไว้ที่ด้ามจับของดาบเหล็กดำ

กับศิษย์ชั้นในขอบเขตต้นกำเนิดระดับที่ห้า เขาไม่สามารถต่อสู้ทั้งๆ ที่ตัวเปล่าได้

“หมอบลงกับพื้นซะเจ้าเด็กน้อย”

กั่วเหยาทั้งการรับรู้และโครงกระดูกอยู่ตามค่าเฉลี่ย แต่เขามีประสบการณ์เป็นศิษย์มามากกว่า 10 ปี นับตั้งแต่ที่เข้ามาสู้นิกายคังหลุน

สิบปีที่ผ่านมานี้ก็เพียงพอแล้วที่เขาจะบรรลุเทคนิคหยกเงาลี้ลับระดับที่เก้า เวลาเดียวกันเขาก็โคจรเทคนิคหยกเงาลี้ลับจนถึงขีดจำกัด ดาบถูกขยายด้วยพลังฉีจนกลายเป็นใบดาบที่ยาวมากกว่า 4 ฟุต จากนั้นเขาก็เฉือนไปยังหลี่ฟู่เฉิน

โคจรเทคนิคเปลวเพลิงลี้ลับระดับสิบเอ็ด หลี่ฟูเฉินยืนต้อนรับการเฉือนนั้นด้วยการฟันดาบเข้าใส่

เมื่อดาบทั้งสองปะทะกัน พื้นดินมีรอยบากยาวและมีรอยยุบตัวซึ่งเกิดจากพลังฉีที่ระเบิดออกมาจากดาบเหล็กดำของทั้งสอง

‘แข็งแกร่งกว่าชายสวมหน้ากากเล็กน้อย’ หลี่ฟู่เฉินตัดสินความสามารถของกั่วเหยาได้ในทันที

ชายสวมหน้ากากบ่มเพาะเทคนิคสีเหลืองระดับสูงสุด ดังนั้น แม้ว่าเขาจะบ่มเพาะได้ถึงระดับสูงสุด มันก็คงจะเทียบได้แค่ระดับที่เจ็ดของเทคนิคเปลวเพลิงลี้ลับ

สำหรับกั่วเหยา หยกเงาลี้ลับของเขาน่าจะอยู่ระดับที่เก้า สูงกว่าชายสวมหน้ากากสองระดับ

แต่ระดับการฝึกฝนของชายสวมหน้ากากก็สูงกว่าของกั่วเหยาเล็กน้อย

ซึ่งนั้นจึงเป็นสาเหตุที่ชายสวมหน้ากากและกั่วเหยามีความแข็งแกร่งเท่ากัน

ความแข็งแกร่งทางกายภาพของกั่วเหยานั้นเหนือกว่าชายสวมหน้ากาก ดังนั้นความสามารถโดยรวมของเขาจึงเพิ่มมากขึ้น

‘น่าเสียดายที่ข้าไม่ได้เป็นอย่างที่เคยเป็นอีกต่อไป’

ถ้าเป็นช่วงเวลานั้น หลี่ฟูเฉินคงจะไม่สามารถต่อสู้กับกั่วเหยาได้ เขาจะต้องพึ่งพาการป้องกันทางกายภาพที่ยอดเยี่ยมของเขาและย่างก้าวเงาวายุเพื่อจัดการกับกั่วเหยา

แต่ปัจจุบันหลี่ฟู่เฉินได้ทะลวงเข้าสู่ระดับที่ 11 ของเทคนิคเปลวเพลิงลี้ลับแล้ว ย่างก้าวเงาวายุและวิชาดาบดาวตกของเขาเองก็อยู่ในขั้นสมบรูณ์ ความสามารถโดยรวมของเขาตอนนี้อยู่ในระดับใหม่ทั้งหมด

เคร๊ง เคร๊ง เคร๊ง…

ทั้งสองโจมตีกันอย่างต่อเนื่อง ประกายไฟโบยบินและสถานที่ก็เต็มไปด้วยคลื่นระเบิดของพลังฉี

‘เขาสามารถต้านทานกำลังของข้าได้จริงๆ’

กั่วเหยาตกอยู่ในความไม่เชื่อและเค้นพลังฉีของเขาออกมาสุดกำลังเพื่อรักษาความยาวของใบดาบพลังฉีไว้ จากนั้นก็เฉือนไปที่หลี่ฟู่เฉินอย่างบ้าคลั่ง

เขาต้องการใช้ประโยชน์จากความได้เปรียบเรื่องเวลาในการเอาชนะหลี่ฟูเฉิน

ใครจะรู้ว่าหลี่ฟูเฉินเต็มไปด้วยประสบการณ์การต่อสู้และไม่อนุญาตให้เขาใช้ความได้เปรียบในด้านเวลา หลี่ฟู่เฉินโถมเข้าไปและโจมตีด้วยพลัง ถ้าเขาไม่เว้นระยะห่างเพื่อเฉือนฟัน หลี่ฟู่เฉินก็จะเข้ามาประหัตประหารกับทักษะดาบของเขาและสะกดข่มมันได้อย่างสมบูรณ์ ลบล้างความได้เปรียบด้านพลังฉีที่ปล่อยออกมาจากดาบทันที

“ตัดทลายเมฆา!”

หลังจากผ่านไปหลายสิบกระบวนท่า กั่วเหยาคว้าโอกาส และจู่โจมไปที่หลี่ฟู่เฉินทันที ดาบพลังฉีของเขากลายเป็นเหมือนแส้และสบัดที่หลี่ฟู่เฉิน

ปึก!

ใบดาบพลังฉีผ่าร่างกายของหลี่ฟู่เฉิน

แต่มันก็เป็นเพียงแค่ภาพติดตา

ตอนนี้ย่างก้าวเงาวายุอยู่ในขั้นสมบรูณ์ ความคล่องแคล่วว่องไวของหลี่ฟู่เฉินจึงอยู่ที่จุดสูงสุด เขาพุ่งทะยานไปที่ด้านข้างของกั่วเหยา

“ดาบดาวตก!”

กลางอากาศ หลี่ฟู่เฉินใช้กระบวนดาบ

แสงไฟกระพริบและพลังฉีป้องกันของกั่วเหยาก็พังทลายลง ดาบเหล็กสีดำเจาะเข้าไปในไหล่ของเขา

ใช้กำลังแขน เขายกกั่วเหยาขึ้น

“เจ้าเป็นฝ่ายแพ้!”

หลี่ฟู่เฉินชูคู่ต่อสู้ขึ้นไปในอากาศและกล่าวอย่างเยือกเย็น

ร่างกายของกั่วเหยากระตุกด้วยความเจ็บปวด มันรู้สึกได้ถึงความอัปยศควบคู่ไปกับความขสยหน้าที่ไม่สามารถอธิบายออกมาได้

นักดาบที่ถูกใครบางคนจับตัวยกขึ้น มันจะน่าอัปยศขนาดไหน

“หลี่ฟู่เฉินยังเป็นมนุษย์อยู่หรือเปล่า?”

หลี่เทียนชีและหลี่จิ่นซิ่วมองดูด้วยปากที่กำลังอ้าค้าง

เอาชนะกั่วเหยาทั้งๆ ที่ห่างกันถึงสามระดับ มันเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่กล้าจินตนาการ

กั่วเหยาไม่ใช่นักสู้ธรรมดาที่ไม่มีเทคนิคหรือวิชาต่อสู้ที่ดี เขาเป็นถึงศิษย์ชั้นในที่อยู่ในขอบเขตต้นกำเนิด สิ่งที่กั่วเหยาเข้าถึงย่อมต้องมากกว่านักสู้ปกติมาก

“เป็นไปไม่ได้”

สีหน้าของกั่วหยี่หลงเปลี่ยนไปมาขณะที่ริมฝีปากของเขากระตุก

กลุ่มตระกูลกั่วที่อยู่ด้านหลังเขาต่างก็จ้องมองกันด้วยใบหน้าที่ว่างเปล่า บางคนขยี้ตาเพื่อยืนยันว่านี้เป็นภาพหลอนหรือไม่

“หากมีโอกาส คนผู้นี้ต้องถูกกำจัดทันที”

หยางโอ๋กล่าวคำออกมา ในขณะที่พยายามอย่างดีที่สุดเพื่อควบคุมตัวเอง

ด้วยการคงอยู่ของหลี่ฟู่เฉิน ตระกูลหยางจะตกอยู่ในอันตราย ถ้าหลี่ฟู่เฉินยังเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยระดับเช่นนี้ต่อไป เขาจะต้องเข้าถึงขอบเขตปฐพีเป็นแน่ หยางโอ๋กลัวว่าแม้แต่กระทั่งเจ้าเมืองของเมืองหยุนหวู เฉินตู่เจียนเหอก็ไม่สามารถข่มหลี่ฟูเฉินได้อีกแล้ว

“ในมุมมองของเจ้า เจ้าคิดว่าตระกูลเฉินตู่ได้รับผลประโยชน์เพราะตัวของเราเอง หรือจากการแข่งขันกับตระกูลที่แข็งแกร่งอยู่ตลอด?” เฉินตู่เจียนหมิ๋งยืนขึ้นแล้วกล่าว

“โดยธรรมชาติแล้วที่ผ่านมามันย่อมเป็นเพราะตระกูลเฉินตู่เรา”

กลุ่มเฉินตู่ทั้งหมดมีความคิดเห็นแบบเดียวกัน

“หาโอกาสและทำลายเขา” เฉินตู่เจียนหมิ๋งกล่าวด้วยท่าทีที่ไม่แยแส

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด