ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0064 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0066 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0065 [อ่านฟรี]


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK [จบแล้ว]

สารบัญ โกลาหลแห่งอสนีบาต

สารบัญ จอมมารสะท้านภพ

สารบัญ จอมเวทอหังการ

••••••••••••••••••••

ตอนที่ 65 : ยันต์หนังสัตว์

“อย่าได้จองหองนัก!” เมื่อฉินเจิ้งเฟิงได้เห็นดาบหยกหมาป่าของตนแตกหัก เขาถึงกับโพล่งโทสะออก ใบหน้านี้แปรเปลี่ยนเป็นเย็นเยือกทั้งยังโหดเหี้ยมพร้อมฆ่าฟันผู้อื่นไม่ต่างอะไรกับจักรพรรดินี

โดยทันที เขาทะยานกายขึ้นและต่อยเข้าที่ฉินหยุน ทุกสิ่งอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก กระทั่งกรรมการยังห้ามไม่ทัน!

หมัดของฉินเจิ้งเฟิงกระจายพลังรุนแรง กระทั่งกระเบื้องหินบนลานประลองยุทธ์ยังแตกกระจาย!

เมื่อฉินหยุนสัมผัสได้ เขากลับกลายเป็นซีดเผือด เขาเร่งรีบปล่อยหมัดปะทะกับฉินเจิ้งเฟิงที่ยังอยู่กลางอากาศ!

ทันทีเมื่อหมัดของเขาเข้าปะทะ เขาพลันใช้งานสร้อยข้อมือผังวิญญาณสายฟ้า ปลดปล่อยสายอสนีบาตรุนแรงออกมา ความรุนแรงนี้ปะทะเข้ากับหมัดของฉินเจิ้งเฟิง!

“อ๊าก!” ฉินเจิ้งเฟิงร้องคำรามโทสะเปี่ยมล้น แขนของเขาโดนสายฟ้าเผาไหม้จนควันลอยขึ้น สภาพแก่ผู้พบเห็นตอนนี้ไม่ว่าใครก็ต้องสะพรึง!

หมัดของฉินเจิ้งเฟิงรุนแรงปะทะเข้ากับฉินหยุน เป็นผลให้เขาบาดเจ็บภายในไม่ใช่น้อย กระทั่งกระอักโลหิตออก!

“เจ้ากล้าดียังไงละเมิดกฎ!” น้ำเสียงกราดเกรี้ยวของต้วนเฉียนดังขึ้นพร้อมออร่าที่ปกคลุมสะกดพื้นที่

ต้วนเฉียนปลดปล่อยคลื่นพลังปราณจากระยะไกลเข้าปกคลุมร่างฉินเจิ้งเฟิง ทั้งยังทำให้อีกฝ่ายร่างกระเด็นไปนอกโรงฝึก!

ถัดจากนั้น ต้วนเฉียนที่โกรธเกรี้ยวพลันร่างร่อนลงที่ลานประลอง เขาเร่งรีบนำเม็ดยาเป็นประกายออกมาพร้อมยัดเข้าใส่ปากของฉินหยุน

ทุกคนที่นี้ล้วนไม่กล้าหายใจเสียงดัง คนที่เพิ่งส่งให้องค์ชายรัชทายาทแห่งเทียนฉินร่างกระเด็นออกไปนั้นต้องทรงอำนาจเพียงใดกัน!

หลายคนต่างตระหนักได้ว่าบุคคลนี้คือผู้จัดการของตำหนักจารึกเทวะ ต้วนเฉียน

อาการบาดเจ็บรุนแรงของฉินหยุนเป็นต้วนเฉียนรับผิดชอบ

หลังฉินเจิ้งเฟิงถูกส่งกระเด็นออกนอกประตู สภาพนั้นแทบดูไม่ได้ เหตุการณ์ครั้งนี้ทั้งเสียหน้า ทั้งเสียดาบหยกหมาป่า เป็นผลให้เขาเกลียดชายหน้ากากนั่นเข้ากระดูกดำ!

ผู้อาวุโสประกาศดังก้อง “นักล่ามังกรชนะ! เลื่อนขึ้นสู่อันดับหกของเทียบอันดับมังกรซ่อนเร้น!”

ฝูงชนเพียงค่อยกล้าพูดคุยกันเมื่อเห็นต้วนเฉียนพาฉินหยุนออกไปแล้ว

“ฉินเจิ้งเฟิงไม่ได้รับบาดเจ็บ เพียงแค่ถูกส่งออกไปด้านนอก!”

“อย่างไรแล้วเขาก็เป็นอัจฉริยะแห่งสถาบันยุทธ์เทียนเสวียน ต่อให้เป็นผู้จัดการใหญ่ของตำหนักจารึกเทวะก็ยังต้องไว้หน้า!”

“กระนั้น นี่ก็ยังน่าอับอายมากมายแล้ว นอกจากนี้ดาบหยกหมาป่ายัง... ถูกทำลายไม่เหลือ!”

“ต้องพูดเลยว่าชายหน้ากากนั่นน่าทึ่งมาก... บางทีเขาอาจเป็นช่างตีเหล็ก ฝีมือการใช้ค้อนนั่นไม่ใช่เล่นเลย ทั้งยังมีค้อนหลอมแปรธาตุ!”

ผังแปรธาตุนับได้ว่าเป็นสิ่งหาได้ยากยิ่งที่สุดท่ามกลางผังวิญญาณ กล่าวได้ว่ามีผู้เชี่ยวชาญจารึกจำนวนน้อยนิดเท่านั้นถึงจะเข้าใจผังแปรธาตุ กระทั่งปรมาจารย์เว่ยยังต้องสอบถามต่อผู้อื่นหากคิดแกะสลักพวกมัน!

ต้วนเฉียนเองยังต้องแตกตื่นกับผังแปรธาตุของฉินหยุน กับผังวิญญาณระดับสูงถึงเพียงนี้ ความแข็งแกร่งของมันแทบไม่ต้องกล่าว

ความจริงที่ค้อนหลอมสามารถทำลายดาบหยกหมาป่าได้ หมายความถึงผังแปรธาตุนั้นมีระดับที่สูงยิ่ง!

ในช่วงไม่กี่วันมานี้ เทียบอันดับมังกรซ่อนเร้นมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก

จากอันดับหนึ่งถึงอันดับหก เรียงกันคือเชี่ยวหลาง เชี่ยวเย่ว์เหม่ย เมิ่งเฟยหลิง เย่เสินเหล่ย ชี่เสวี้ย และฉินหยุน!

บุคคลที่ยินดีที่สุดไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเชี่ยวหลางแล้ว ฉินเฟิงผู้ซึ่งเดิมได้ครอบครองดาบหยกหมาป่าคือภัยคุกคามใหญ่ที่สุด แต่แล้วตอนนี้อีกฝ่ายบาดเจ็บหนัก ดาบหยกหมาป่าก็ถูกทำลายเรียบร้อย

ทว่าในชั่วเวลานี้เอง เด็กสาวในชุดสีน้ำเงินสวมใส่หน้ากากสีขาวพลันประกาศว่านางคิดท้าทายอันดับหนึ่งอย่างเชี่ยวหลาง!

คนเพียงหนึ่งเดียวที่มีคุณสมบัติเพียงพอท้าทายอันดับหนึ่งได้ก็คือเชี่ยวเย่ว์เหม่ยซึ่งอยู่อันดับสองแล้ว!

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยมักสวมใส่หน้ากากสีขาวตลอด เรื่องนี้ผู้คนทราบกันดี ทุกคนต่างเสียดายที่ไม่อาจได้ยลโฉมเด็กสาวอัจฉริยะ ทั้งยังเป็นถึงโฉมงามผู้หนึ่ง

เชี่ยวหลางแทบยินดีไม่ออก เขาเกือบลืมไปว่ายังมีเชี่ยวเย่ว์เหม่ย

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยอายุเพียงสิบสี่ ทว่านางตอนนี้อยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่หกแล้ว นอกจากนี้วิญญาณยุทธ์ของนางยังลึกลับยิ่ง กระทั่งองค์ชายอันดับที่สองแห่งเทียนเชี่ยวอย่างเขายังไม่ทราบ

ทุกคนต่างยินดีกันขึ้นมา นี่เป็นข่าวดีที่จะได้รับชมเรื่องสนุก!

ฉินหยุนตอนนี้กำลังนั่งบนที่นอนในห้องหรูของตำหนักจารึกเทวะ เขากำลังมองชี่เม่ยเหลียนที่สภาพน่าเวทนาบนที่นอน

อาการบาดเจ็บตอนนี้นางคงสภาพแล้วหลังหยางฉีเย่ว์ช่วยใช้กำลังภายในรักษาให้

“พี่หยุน ข้าไม่เป็นไรแล้ว” ชี่เม่ยเหลียนเผยใบหน้าประดับรอยยิ้มหวาน “ได้เห็นท่านอีกครั้งถือเป็นความสุขที่สุดสำหรับข้าในช่วงหลายปีมานี้แล้ว!”

ฉินหยุนยิ้มขณะสำรวจใบหน้างดงามของนาง เขากล่าวเสียงเบา “ข้าเองก็ยินดียิ่งที่ได้พบเจ้าอีกครั้ง”

เมื่อชี่เม่ยเหลียนได้ยินเสียงอ่อนเบาของฉินหยุน นางพลันขมวดคิ้วเอ่ยถามเป็นกังวล “พี่หยุนบาดเจ็บหรือ?”

ฉินหยุนเพียงยิ้มรับและทำเสียงให้ดีขึ้นมาบ้าง “บาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น ข้ายังสบายดี!”

เขาได้กินยาอายุวัฒนะที่ต้วนเฉียนมอบให้จึงสามารถฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว

ขณะยืนเคียงข้าง หยางฉีเย่ว์กล่าวต่อฉินหยุนว่า “เชี่ยวเย่ว์เหม่ยท้าประลองเชี่ยวหลางแล้ว เจ้าจะไปดูหรือไม่? พวกเขาทั้งสองล้วนเป็นคู่ต่อสู้ในอนาคตของเจ้า!”

“พี่หยุนอยู่อันดับเท่าไหร่แล้ว?” ชี่เม่ยเหลียนเผยใบหน้าน่ารักเอ่ยถามด้วยความเป็นกังวล นางตระหนักได้ดีถึงความโหดเหี้ยมของการประลองยุทธ์ครั้งนี้

ฉินหยุนยิ้มกล่าว “อันดับหก! น้องเม่ยเหลียนพักผ่อนก่อน พี่ขอตัวไปที่โรงฝึกมังกรซ่อนเร้น อีกไม่นานพี่จะท้าประลองกับชี่เสวี้ยที่อยู่อันดับห้า เพื่อล้างแค้นให้น้อง!”

หยางฉีเย่ว์นั่งข้างที่นอน นางลูบผมชี่เม่ยเหลียนเบามือและกล่าว “หลังผ่านการรักษาระดับหนึ่งเจ้าจะค่อย ๆ ฟื้นฟู อย่าได้ห่วงเลย!”

“อาจารย์ ขอบคุณขอรับ!” ฉินหยุนทำได้เพียงจดจำความเมตตาครั้งนี้ไว้ในใจ

“ไม่ต้องมากมารยาทกับข้า รีบไปที่การประลองยุทธ์มังกรซ่อนเร้นแล้วจัดตารับชมให้ดี!” หยางฉีเย่ว์กล่าวทั้งหัวเราะคิกคัก

แดนยุทธ์มังกรซ่อนเร้นอยู่ไม่ไกลจากหอหลักของตำหนักจารึกเทวะ ไม่นานฉินหยุนก็มาถึง

ขณะที่กำลังเข้าสู่ด้านใน ผู้คนล้วนได้เห็นสองคนกำลังอยู่บนลานประลองหลัก พวกเขาคือเชี่ยวหลางซึ่งขี่ราชสีห์เหมันต์ และเชี่ยวเย่ว์เหม่ยผู้สวมใส่หน้ากากสีขาว!

“ขี่สัตว์ปีศาจได้ด้วย?”

“กรรมการไม่ห้าม ก็หมายความว่าได้!”

“สารเลว เพราะมีตระกูลดีคอยหนุนหลัง ถึงกับกล้าขี่สัตว์ปีศาจ นี่ไม่ยุติธรรมเกินไปแล้ว!”

“การประลองยุทธ์มังกรซ่อนเร้นแต่เดิมก็จัดขึ้นเพื่อพวกเขาอยู่แล้ว ทั้งหมดล้วนเป็นนักเรียนของสถาบันยุทธ์ระดับเสวียนทั้งสาม ดังนั้นกฎจึงเอื้อต่อพวกเขา!”

ฉินหยุนลอบประหลาดใจเพราะเชี่ยวหลางกำลังขี่ราชสีห์เหมันต์ซึ่งเป็นสัตว์ปีศาจระดับเจ็ด นับว่าเป็นตัวตนทรงพลังน่าหวาดกลัวไม่ใช่น้อย

“ข้าขอยอมแพ้!” เชี่ยวหลางพลันตะโกนขึ้น

ผลที่ได้ ทุกคนที่เปี่ยมด้วยความคาดหวังดูการประลอง กลับต้องกลายเป็นความกราดเกรี้ยว ทั้งสองไม่สู้กัน อันดับหนึ่งอย่างเชี่ยวหลางกลับเป็นฝ่ายขอยอมแพ้!

ทว่า ฝูงชนก็ไม่ได้พูดกล่าวว่าเชี่ยวหลางหวาดกลัวคู่ต่อสู้ อย่างไรแล้วเขาก็ยังแข็งแกร่งทั้งยังมีราชสีห์เหมันต์

อีกทั้ง คู่ต่อสู้ครานี้คือเชี่ยวเย่ว์เหม่ยที่มีศักดิ์เป็นน้องสาว

หากเขาพลาดทำเชี่ยวเย่ว์เหม่ยบาดเจ็บในการประลอง ไม่เพียงแต่ราชวงศ์เทียนเชี่ยวจะลงทัณฑ์ อาจถึงขั้นพี่สาวอย่างเชี่ยวเย่ว์หลานจะมาแหกอกเขาด้วยซ้ำ!

ฉินหยุนเพียงเพิ่งมาถึงก็ได้พบว่าการต่อสู้จบสิ้นลงแล้ว เขาทำได้เพียงแต่รีบเดินกลับตำหนักจารึกเทวะ

หลังกล่าวถามต้วนเฉียนกว่าชั่วโมงเพื่อช่วยฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของตน จากนั้นเขาจึงค่อยเริ่มการหลอมยันต์อัคคีและสายฟ้า!

ไม่ช้าหรือไม่นาน เขาจะต้องพบกับเชี่ยวหลาง อีกฝ่ายครอบครองราชสีห์เหมันต์ นับเป็นคู่ต่อสู้ที่หินไม่ใช่น้อย ดังนั้นก็ต้องมีการเตรียมตัว!

ต้วนเฉียนมาพบฉินหยุนที่ห้องซึ่งกำลังทำยันต์อยู่จึงกล่าว “เจ้าครอบครองผังวิญญาณระดับสูง เจ้าน่าจะใช้หนังสัตว์เพื่อสร้างยันต์ได้ มันจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น”

“การทำยันต์ด้วยหนังสัตว์ยากหรือไม่ขอรับ?” ฉินหยุนอยากลองมาโดยตลอด ทว่าเขาเป็นกังวลว่ามันอาจต้องใช้เวลาเยอะจนเกินไป

ทั้งนี้เขายังไม่มีหนังสัตว์มากมายเท่าใดนัก

ต้วนเฉียนนำยันต์ที่สร้างขึ้นจากหนังสัตว์ออกมาให้ดูพร้อมยิ้มให้ “เจ้าสามารถใช้มีดแกะสลักเพื่อสร้างยันต์ ดังนั้นการสร้างยันต์หนังสัตว์ด้วยผังวิญญาณก็สมควรง่ายดาย”

เมื่อฉินหยุนได้เห็นยันต์หนังสัตว์ เขาเริ่มให้ความสนใจไม่น้อย

“เจ้าลองทำดูสักหนึ่งแผ่น หากเจ้ารู้สึกว่าไม่น่าจะสำเร็จหรือได้ตามที่หวัง ก็ค่อยกลับไปใช้ยันต์กระดาษก่อน”

หลังต้วนเฉียนจากไป ฉินหยุนจึงเริ่มกระบวนการจัดทำโดยทันที ทั้งนี้หยางฉีเย่ว์ยังช่วยเหลือเขาตัดหนังสัตว์เพื่อทำยันต์

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด