ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0057 [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0059 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0058 [อ่านฟรี]


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK [จบแล้ว]

สารบัญ โกลาหลแห่งอสนีบาต

สารบัญ จอมมารสะท้านภพ

สารบัญ จอมเวทอหังการ

••••••••••••••••••••

ตอนที่ 58 : ปูทางสู่สิบอันดับแรก

หลายคนต่างเชื่อว่าฉินหยุนจะต้องโดนชายร่างยักษ์สะกดข่มอย่างไม่อาจโต้กลับได้แต่แรก!

อย่างเกินความคาดคิด หลังแสดงวิชาหานซานออกมา ออร่าที่ปลดปล่อยออกนั้นไม่ด้อยไปกว่าชายร่างยักษ์

ทั้งยังทำให้ชายร่างยักษ์กระเด็นลิ่วเพียงสองกระบวนท่า

หลังใช้วิชาหานซาน ฉินหยุนราวกับพบเห็นภูเขาที่อีกฟากหนึ่ง ทั้งยังได้เห็นตัวเองเป็นยักษ์ร่างใหญ่ราวขุนเขาและพร้อมที่จะพุ่งชนผลักอีกขุนเขาตรงหน้าให้กระเด็น!

ราวกับเขาได้ทำการผลักขุนเขาออกไปจริง นี่คือพลังของวิชาหานซาน

หลังชายร่างยักษ์ยืนขึ้น ฉินหยุนพุ่งเข้าหาโดยไม่คิดรอและปลดปล่อยวิชาหานซานออกอีกครั้งหนึ่ง ส่งผลให้ร่างยักษ์ลอยลิ่วไปกลางอากาศ

ตึง!

ท้ายที่สุด ชายร่างใหญ่มหึมา แม้น้ำหนักมหาศาล ก็ได้ร่วงหล่นกับพื้นนอกลานประลองเสียงดังสนั่น มันกระทั่งทำกระเบื้องหินที่ปูไว้ด้านล่างแตกด้วยซ้ำ

“นักล่ามังกรชนะ ขึ้นสู่อันดับที่หนึ่งร้อย!”

ชี่เสวี้ยมองฉินหยุนผู้ซึ่งกำลังก้าวเดินลงจากลานประลอง นางอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วกล่าว “เจ้านี่เข้าหนึ่งร้อยอันดับแรกง่ายดายนัก ต่อให้เป็นข้าก็ไม่ใช่เรื่องง่ายล้มชายร่างยักษ์กระเด็นออกนอกลานประลองเช่นนี้!”

เย่เสินเหล่ยก็ดูเคร่งเครียด “นั่นคือวิชาหานซาน พื้นเพหมอนี่มันยังไงกันแน่ถึงสามารถเชี่ยวชาญวิชานอกรีตแบบนั้นได้? เหมือนกับมันเรียนมาหลายปีแล้วด้วย!”

เชี่ยวหลางหัวเราะ “เจ้าก็เป็นชายตัวใหญ่นะ กลัววิชายุทธ์แบบนั้นหรือ?”

เย่เสินเหล่ยไม่คิดเช่นนั้น ทั้งยังขึ้นเสียงตอบกลับ “มันหรือ? ยังอ่อนเยาว์เกินไป! ข้ามีวิญญาณยุทธ์ขวานสายฟ้า เมื่อใดที่ข้าใช้พลังภายใน สายฟ้าจะถูกปลดปล่อย หากมันเข้ามาใกล้ตัวข้า มันก็โดนสายฟ้าทำให้ชะงักแล้ว”

เมื่อครู่ฉินเฟิงเพิ่งออกไป หลังผลักประตูเปิดเข้ามา เขาจึงกล่าวด้วยร่องรอยความสงสัย “ข้าได้ข่าวว่าชายสวมหน้ากากนั่นพักอาศัยในตำหนักจารึกเทวะ!”

ชี่เสวี้ยร้องอุทาน “เป็นฉินหยุนจริงหรือ?”

ฉินเฟิงส่ายหน้าและกล่าว “ชายสวมหน้ากากไม่ควรใช่ฉินหยุน! หยางฉีเย่ว์กลับมาจากสถาบันยุทธ์เทียนเสวียนแล้ว นางมาที่ตำหนักจารึกเทวะและพาฉินหยุนไปที่อื่น ตอนคนของข้าไปที่ตำหนักจารึกเทวะ พวกมันพบว่าชายสวมหน้ากากเป็นช่างตีเหล็กของตำหนักจารึกเทวะที่เชี่ยวชาญการสร้างกระดูกเหล็กกล้าระดับต่ำ”

“ไม่แปลกใจเลยที่จะดูลึกลับขนาดนี้ ในเมื่อชายคนนั้นพักอาศัยอยู่ในตำหนักจารึกเทวะ ก็น่าจะเป็นเช่นนี้ ไม่มีอะไรน่าแปลกอีก ถ้าหากไม่ใช่ฉินหยุน ก็คงไม่ต้องรายงานกลับไปยังตระกูล” เย่เสินเหล่ยสงบใจลงขณะล้มกายนั่งและดื่มไวน์

ในตำหนักจารึกเทวะ ห้องฝึกฝน

หยางฉีเย่ว์กำลังกล่าวชมฉินหยุนเรื่องการประลอง

ทางด้านฉินหยุนตอนนี้กำลังหมดแรงหลังฝึกมายาวนานกว่าสองชั่วโมง สำหรับหยางฉีเย่ว์ นางแทบไม่เปิดโอกาสให้หายใจด้วยซ้ำ

นางรินน้ำชาใส่ถ้วยก่อนส่งให้ฉินหยุนและกล่าว “ยังมีเวลาอีกสี่สิบวันก่อนการประกาศผล ยังพอมีเวลาระดับหนึ่ง ทางที่ดีเจ้าควรพัฒนาตนเองในช่วงเวลานี้เพื่อให้ได้กลายเป็นอันดับหนึ่ง!”

ฉินหยุนจิบของเหลวสีม่วงเข้าปาก มันเป็นเครื่องดื่มที่ยากจะกลืนลงคอ แต่เพราะมันถูกส่งมาโดยหยางฉีเย่ว์ เขาทำได้เพียงกล้ำกลืนมันลงคอ

เมื่อหยางฉีเย่ว์เห็นสีหน้าเหยเกของฉินหยุน นางอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกราวระฆังเงินก้องกังวาน นางกล่าวว่า “นั่นสินะ มันยากจะดื่มไปบ้าง แต่นี่จะช่วยให้เจ้าฟื้นตัวได้รวดเร็วขึ้นนะ”

ก็เป็นความจริง หลังฉินหยุนดื่มเข้าไปไม่นาน ร่างกายเขาคล้ายเกิดปาฏิหาริย์ฟื้นฟูกำลังวังชากลับมาอย่างรวดเร็ว

ถัดจากนั้นเขาต้องประมือกับหยางฉีเย่ว์ต่อเนื่อง และค่อยหยุดลงเมื่อหมดแรงอย่างไม่เหลืออะไรให้หมด

ฉินหยุนนั่งที่พื้นขณะหันหน้าเข้าหากำแพง หลังดื่มเครื่องดื่มที่ไม่น่ารื่นรมย์เข้าไปแล้ว เขาพลันพูดด้วยความเสียดาย “อาจารย์ วิชาวายุสังหารทั้งหกกระบวนท่าทรงพลังยิ่ง แต่ข้าตอนนี้ไม่สามารถใช้งาน นี่ถือเป็นการจำกัดพลังข้าไม่ใช่น้อย!”

ย้อนกลับไป เขาเคยใช้เคล็ดวิชานี้กำราบเยี่ยนชิงหยู หากเขาไม่สามารถใช้งาน พละกำลังจะถูกลดทอนไปไม่ใช่น้อยจริง

หยางฉีเย่ว์ก้มหน้าครุ่นคิด หลังผ่านไปไม่นาน นางจึงค่อยกล่าวคำ “วิชาวายุสังหารเป็นวิชากระบี่ ไหนให้ข้าลอง ดูกันว่าข้าสามารถเปลี่ยนเป็นใช้ค้อนได้หรือไม่ เจ้าจะได้ใช้มันเพื่อหลอมอุปกรณ์ได้ ในอนาคตน่าจะพอช่วยเหลืออะไรได้บ้างไม่มากก็น้อย”

ฉินหยุนพลันยินดีขึ้นมาขณะยิ้มกล่าวรับคำ “อาจารย์ ท่านสมแล้วที่เป็นผู้เชี่ยวชาญวิชายุทธ์ ความรู้ความเข้าใจวิชายุทธ์ของท่านรวดเร็วยิ่งกว่าข้าเสียด้วยซ้ำ ท่านเปรียบเสมือนปรมาจารย์ยามเมื่อชี้แนะแก่ข้า ทั้งยังงดงามยิ่ง!”

หยางฉีเย่ว์หัวเราะรับ “เจ้าหนู อย่าเล่นลิ้นถึงเพียงนี้ ข้าเพียงเข้าใจวิชายุทธ์ได้รวดเร็ว แต่ไม่อาจเข้าใจได้ถึงแก่นของมัน โดยหลักแล้วเป็นเพราะพื้นฐานที่ข้าสั่งสมมาตั้งแต่ยังเยาว์ เพราะได้รู้เห็นวิชายุทธ์จำนวนมากพลิกผ่านดวงตาคู่นี้ต่างหาก”

“เจ้าอยู่ที่นี่และฝึกฝนต่อ ข้าจะสร้างเคล็ดวิชาค้อนให้ก็แล้วกัน” นางกลับเข้าห้องส่วนตัว เพราะนางต้องการความเงียบสงบเพื่อวิเคราะห์เคล็ดวิชา

เพื่อลดระยะห่างระหว่างตนและหยางฉีเย่ว์ ฉินหยุนยิ่งพยายามมากขึ้น

หลังฝึกฝนกว่าสองชั่วโมง อย่างกะทันหัน เขาได้รับการแจ้งเตือน

มีคนท้าประลองเขา และต้องตอบรับภายในสี่ชั่วโมง

“เพิ่งเข้าสู่หนึ่งร้อยอันดับแรกก็มีคนท้าประลองเราแล้ว!” ฉินหยุนคิดอยากรู้ว่าใครกันที่ท้าประลองตนเอง

ผ่านไปอีกกว่าสองชั่วโมง

ฉินหยุนกำลังเดินบนเส้นทางมุ่งหน้าลานประลองยุทธ์มังกรซ่อนเร้น

ระหว่างทาง หญิงวัยกลางคนผู้หนึ่งได้เดินมาทางเขาพร้อมส่งกระดาษให้แผ่นหนึ่ง

เมื่อเปิดออกและอ่าน เขาจึงพบว่าเป็นลายมือของเมิ่งเฟยหลิง

“น้องหยุน ข้าจับตาดูอย่างใกล้ชิดอยู่นะ แต่ข้าไปพบเจ้าไม่ได้ ข้าไม่อยากเปิดเผยตัวตนเจ้า แต่อย่าลืมว่าข้าเป็นกำลังใจให้อยู่!”

หลังอ่านลายเส้นอักษรที่งดงามนี้เรียบร้อย เขาจึงกำมันไว้ในหมัดแน่นขณะปล่อยเปลวเพลิงเผาทิ้งไม่ให้เหลือหลักฐาน

คู่ต่อสู้ของเขาตอนนี้ยืนรออยู่ก่อนแล้ว เป็นชายชราผู้ซึ่งอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่หก อีกฝ่ายคล้ายมั่นใจไม่ใช่น้อย เสื้อผ้าที่สวมใส่ดูสะอาดสะอ้านด้วยสีขาว แขนเสื้อก็ม้วนขึ้นเล็กน้อย

ฉินหยุนเร่งรีบเดินขึ้นลานประลอง ไม่ช้ากรรมการก็ตะโกนประกาศเริ่มการประลอง

“รับมือ!”

ชายชราในชุดขาวกล่าวสุภาพยิ่ง ทว่าการกระทำนั้นหาได้สุภาพไม่

เคล็ดวิชากรงเล็บ มันทั้งน่ากลัวและโหดเหี้ยม การโจมตีเหล่านี้เสมือนหมาป่าคิดเข้าขย้ำ เป็นผลให้หลายคนต่างรู้สึกหวาดกลัวในใจ

ฉินหยุนก็ประหลาดใจไม่น้อย เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องพบเจอคนแข็งแกร่งเพียงนี้เร็วขนาดนี้

ความเร็วของชายชราในชุดขาวยังไม่ใช่เล่น ไม่ว่าจะทั้งความเร็วการโจมตีหรือความเร็วการเคลื่อนไหว ทั้งสองล้วนเร็วเหนือกว่าฉินหยุน

ที่ห้องรับรองหรูด้านบนชั้นสองของลานประลองยุทธ์มังกรซ่อนเร้น เชี่ยวหลางกำลังถือแก้วไวน์ในมือขณะยิ้มอ่อน “โจมตีดุดันประหนึ่งหมาป่า ความเร็วดั่งสายลม สมแล้วที่เป็นตาเฒ่าหลาง”

เย่เสินเหล่ยกล่าว “หมาป่าชราผู้นี้คือผู้ติดตามของเย่ว์เหม่ย? ทรงพลังยิ่งนัก!”

เชี่ยวหลางยิ้ม “เย่ว์เหม่ย เด็กน้อยนี้ถึงกับให้ผู้ติดตามเข้าร่วมการประลองยุทธ์มังกรซ่อนเร้น นางต้องอยากให้เขาเข้าถึงสิบอันดับแรกด้วยแน่ ถึงตอนนั้นหากเจ้าไม่อาจแม้กระทั่งเอาชนะคนรับใช้ของนาง เจ้าได้กลายเป็นที่หัวเราะแน่ ช่างเป็นเด็กสาวที่ขี้เล่นนัก!”

ฉินหยุนผู้อยู่บนลานประลอง หาได้ทราบไม่ว่าผู้เฒ่าหลางคนนี้คือผู้ติดตามของเชี่ยวเย่ว์เหม่ย เขาเพียงทราบว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งเหนือธรรมดา ทั้งยังมีประสบการณ์ต่อสู้โชกโชน

หลังผ่านไปกว่าร้อยกระบวนท่ารับมือกับชายชรา เขายังมองไม่ออกด้วยซ้ำว่าวิญญาณยุทธ์ของอีกฝ่ายคืออะไร

จนกระทั่งถึงตอนนี้ เขาโดนสะกดข่มเอาไว้อย่างสมบูรณ์ ทำได้เพียงหลบเลี่ยงศัตรูที่ทั้งโจมตีรวดเร็วและน่าพรั่นพรึงผู้นี้

“หรือชายชราคนนี้จะมีวิญญาณยุทธ์สองคุณลักษณ์ เป็นวิญญาณยุทธ์หมาป่าสายลมงั้นหรือ?!” ฉินหยุนคาดเดาภายในใจ

วิญญาณยุทธ์สองคุณลักษณ์จะเหนือกว่าทั่วไประดับหนึ่ง เพราะวิญญาณยุทธ์ดังกล่าวครอบครองพลังถึงสองประเภท

วิชาหานซานสามารถใช้เพียงรับมือกับผู้ฝึกตนที่เชื่องช้าและมีพลังป้องกันแข็งแกร่ง มันไม่อาจใช้รับมือกับผู้ฝึกตนที่มีความคล่องตัวสูงยิ่งได้

ฉินหยุนสับสนไม่น้อย เขาตอนนี้ไม่อาจใช้ก้าวอัคคีเมฆา และไม่อาจใช้วิชาวายุสังหาร หาไม่แล้วเขาคงจัดการโค่นล้มอีกฝ่ายด้วยการสวนกลับอย่างไม่ทันตั้งตัวได้แล้ว

วิชาวายุสังหารเป็นวิชายุทธ์ที่เอาไว้ตอบโต้ในฉับพลัน

เขาในตอนนี้โดนโจมตีกว่าสิบครั้งแล้ว ทว่าไม่อาจส่งแรงกดดันตอบกลับใดไปยังอีกฝ่ายได้ เหตุผลหลักก็เพราะอีกฝ่ายรวดเร็วมาก ทั้งยังสามารถหลบเลี่ยงได้ตลอด!

“งั้นก็เหลือทางเดียว!” ฉินหยุนพลันใจแข็งรวบรวมพลังปราณสะสมจนแทบล้นทะลัก

ที่เขาต้องการใช้คือเคล็ดวิชาระเบิดปราณ!

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด