ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0056
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0058

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0057


ตอนที่ 57 : วิชาหานซาน

หลังหยางฉีเย่ว์ส่งตำราสองเล่มแก่ฉินหยุนแล้ว นางจึงกล่าวต่อ “นี่คือวิชาหานซาน ตามที่เคล็ดวิชาบันทึกไว้ มันสามารถทำให้พลังปราณแข็งแกร่งขึ้นได้ หากฝึกฝนมันได้มากพอ มันกระทั่งสามารถสะเทือนภูเขา”

“ส่วนนี่คือฝ่ามือพันอาชา ได้ยินมาว่าหากเรียนรู้วิชานี้ถึงขั้นสมบูรณ์ รวมกับพลังระดับขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า มันจะมีพลังเทียบเปรียบได้กับกำลังม้าถึงหนึ่งหมื่นตัว กล่าวได้ว่าหนึ่งหมื่นแรงม้าก็ได้ เป็นวิชาที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในบรรดาวิชายุทธ์ระดับสูงเลยทีเดียว”

กับฉินหยุน เป็นเรื่องไม่ยากที่เขาจะสามารถเชี่ยวชาญวิชายุทธ์ระดับสูง และนี่ก็เป็นช่วงจังหวะเวลาอันดีที่เขาจะได้เรียนรู้พวกมันเพื่อนำไปใช้

ด้วยความสามารถรู้และเข้าใจวิชายุทธ์ของเขา เขาสามารถเชี่ยวชาญมันถึงขั้นกลางได้ภายในหนึ่งเดือน!

วิชาหยางสีดำเองก็เป็นวิชาระดับสูง เขาถึงกับเรียนรู้มันถึงขั้นสมบูรณ์

อย่างกะทันหัน หยางฉีเย่ว์นึกได้ว่าความจริงแล้วนางไม่ได้สอนอะไรฉินหยุนถึงสองเดือนด้วยกัน โดยทันทีนางจึงเริ่มเข้าสภาวะของอาจารย์ที่ดี ใบหน้างดงามของนางแปรเปลี่ยนเป็นจริงจังขณะกล่าว “เริ่มเรียนรู้มันกันเลยดีกว่า!”

ฉินหยุนพยักหน้ารับเหมือนอย่างเคย เขาตั้งใจฟังคำอธิบายของหยางฉีเย่ว์โดยไม่ขาดตกแต่อย่างใด

ผ่านไปหกชั่วโมง ฉินหยุนสามารถรู้และเข้าใจวิชาทั้งสองได้ถึงขั้นต้น

หยางฉีเย่ว์ตอนนี้เพียงแค่ประหลาดใจเล็กน้อย นางไม่มีอาการแปลกใจรุนแรงกับพรสวรรค์ระดับท้าทายสวรรค์ของฉินหยุนอีกต่อไปแล้ว

เมื่อหมดเวลาพัก คำท้าประลองก็เข้ามา ฉินหยุนจึงต้องมุ่งหน้าไปยังลานประลองยุทธ์มังกรซ่อนเร้นทันที

ชั่วขณะที่เขาเข้าสู่ลานประลองยุทธ์ ฉินหยุนก็เริ่มการท้าประลองและไต่อันดับขึ้นอีกครั้ง

ทั้งนี้เขายังทดลองเคล็ดวิชาใหม่ที่เพิ่งเรียนมาระหว่างการต่อสู้ไปด้วย

หยางฉีเย่ว์ก็มาที่โรงฝึกมังกรซ่อนเร้นเช่นกัน นางสวมใส่ชุดคลุมและสวมหน้ากากเพื่อปิดบังตัวตน

ในลานประลองยุทธ์มังกรซ่อนเร้น มีผู้คนมากมาย พวกเขาล้วนปิดบังตัวตนกันทั้งสิ้น

ต้วนเฉียนเพิ่งทราบว่าฉินหยุนปกปิดตัวตนเข้าร่วมการแข่งขันประลองยุทธ์มังกรซ่อนเร้นเช่นกัน

นี่เป็นเพราะหยางฉีเย่ว์บอกต่อเขาเพื่อให้ช่วยปิดบังตัวตนของฉินหยุนหากมีเรื่องอะไรไม่คาดคิดเกิดขึ้น

ฉินหยุนตอนนี้กำลังท้าประลองกับชายกลางคนใบหน้าเหลี่ยม อีกฝ่ายเป็นชายอายุสี่สิบพร้อมพลังขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่หก อีกฝ่ายสวมใส่ชุดดูหรูหรา ชัดเจนว่าต้องเป็นผู้ลากมากดีระดับหนึ่งเลยทีเดียว

ตั้งแต่เริ่มการประลอง ชายหน้าเหลี่ยมผู้นี้มีวิชาเคลื่อนไหวดีเยี่ยม เหมือนดั่งแมลงปอสัมผัสผิวน้ำ ปลายเท้านั้นแตะที่น้ำหลายครั้งทว่าแผ่วเบา ไม่ช้าร่างนั้นพลันเคลื่อนอยู่เหนือศีรษะฉินหยุน ต้นขายกขึ้นสูงเตรียมฟาดฟันลงเสมือนการใช้ขวานสับลงมา!

ต้นขานั้นเพียงมองก็บ่งบอกได้ว่าทรงพลังไม่น้อย มันเหมือนขวานที่พร้อมจะสับภูเขาให้แหลกได้ กระทั่งเกิดเสียงสายลมหวีดหวิวยามเมื่อมันสับลงมาอย่างรวดเร็ว

การโจมตีนี้ลื่นไหลเป็นธรรมชาติ ผู้ชมไม่น้อยต่างปรบมือส่งเสียงโห่ร้องให้กำลังใจกันไม่ขาด

อย่างรวดเร็ว ฉินหยุนเคลื่อนกายหลบไปหลายเมตร

ชายหน้าเหลี่ยมก็คล้ายคิดอยู่ก่อนแล้วว่าเขาจะเคลื่อนไหวเช่นนี้จึงเปลี่ยนท่าทางกลางอากาศด้วยความคล่องตัวสูงยิ่ง ราวกับปลากำลังแหวกว่ายในสายน้ำ เขาไล่ตามฉินหยุนที่กำลังหลบหนี ต้นขาตอนนี้ยิ่งมายิ่งหนาใหญ่ราวขวานยักษ์ที่พร้อมจะสับต้นไม้ใหญ่ให้แหลกไปข้าง

“ฝ่ามือพันอาชา!”

ฉินหยุนคำรามในใจ ฝ่ามือนี้ยกขึ้นขณะฟาดใส่ต้นขาที่กำลังจะสับลงมา สายลมวูบเพราะฝ่ามือฟาดออกขณะปรากฏเสียงแหวกอากาศคล้ายเสียงม้าร้อง

ตึง!

สองขุมพลังเมื่อปะทะกันจึงเกิดเสียงดังสนั่น

ชายวัยกลางคนหน้าเหลี่ยมนั้นมั่นใจเกินไป จนเป็นผลให้หย่อนความระวังขณะโดนฝ่ามือของฉินหยุนที่ฟาดออกเล่นงานเข้าอย่างจัง เป็นผลให้เขาต้องร่วงหล่นจากลานประลองด้วยสภาพน่าตลกขบขันไม่ใช่น้อย

“นักล่ามังกรชนะ!” กรรมการประกาศก้อง

ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่หก แต่แล้วต้องพ่ายแพ้แก่ผู้ฝึกตนที่แฝงนามด้วย ‘นักล่ามังกร’!

เรื่องนี้ส่งผลกระทบไม่ใช่น้อย

บรรดาผู้คนที่อันดับตัวเลขน้อยเริ่มให้ความสนใจฉินหยุนใกล้ชิด

แม้ฉินหยุนชนะมาได้ เขากลับไม่พึงพอใจเท่าใดนัก ดังนั้นเขาจึงเริ่มท้าประลองอย่างต่อเนื่องเพื่อไต่อันดับให้ถึงสิบอันดับแรก

เขาไม่ได้ท้าประลองอย่างหน้ามืดตามัว แต่เป็นเพราะต้องการฝึกฝนวิชายุทธ์ ด้วยเหตุนี้ยิ่งนานเขายิ่งท้าประลองผู้คนจำนวนมากขึ้น

ด้วยเหตุนี้เองเขาจึงสู้ต่อเนื่องอีกสิบนัด ทั้งยังชนะรวดมาได้

ถึงตอนนี้ เริ่มมีคนตระหนักได้แล้วว่าวิชายุทธ์ของเขาคืออะไรก่อนจะเริ่มสนทนากัน

จากบทสนทนาของฝูงชน ฉินหยุนจึงได้ทราบว่าฝ่ามือพันอาชาเป็นเคล็ดวิชายุทธ์ระดับสูงที่ยากต่อการเชี่ยวชาญไม่น้อย

ฝ่ามือพันอาชามีการวางจำหน่ายอยู่หลายสถานที่ สนนราคาอยู่ที่สองถึงสามแสนเหรียญผลึก มันก็ไม่ได้แพงจนสุดกู่แต่อย่างใด บางตระกูลที่ไม่ใหญ่โตมากนักสามารถซื้อหาสิ่งนี้แก่บุตรหลานได้ ทว่าการเรียนรู้เข้าใจกลับยากจนเกินไป พอผ่านมานานเข้ายิ่งมีน้อยคนคิดจะซื้อหามันมาเรียนรู้

ฉินหยุนใช้ฝ่ามือพันอาชาโจมตีได้ดีไม่น้อย เขาอยากใช้วิชาหานซานเช่นกัน แต่ยังไม่พบโอกาสที่เหมาะสม วิชาหานซานโดยหลักแล้วเอาไว้ใช้ต่อกรกับคนที่มีการป้องกันแข็งแกร่งยิ่งเป็นส่วนใหญ่

ด้วยการชนะรวดถึงยี่สิบนัด ตอนนี้อันดับไต่ขึ้นเป็นอันดับที่แปดร้อยแล้ว

หลังท้าประลองจนพอใจ ในที่สุดเขาก็ได้เวลาพักอีกหกชั่วโมง

ระหว่างช่วงเวลาพัก เขาเร่งรีบกลับไปยังห้องในตำหนักจารึกเทวะและเริ่มฝึกฝนวิชายุทธ์อย่างต่อเนื่อง

ภายในห้องฝึกฝนกว้างขวาง เขาได้จำลองต่อสู้กับหยางฉีเย่ว์ สิ่งนี้จะช่วยฝึกให้เขาสามารถปลดปล่อยพลังปราณได้ดียิ่งขึ้นยามเมื่อใช้วิชายุทธ์

หยางฉีเย่ว์กล่าว “เจ้าต้องเร่งมือขึ้นเป็นหนึ่งร้อยอันดับแรก ผู้คนในอันดับเหล่านั้นล้วนมีพื้นฐานสูงล้ำกันทั้งสิ้น”

นางประมือกับฉินหยุนอยู่สี่ชั่วโมง อีกสองชั่วโมงเพื่อให้เขาได้พัก

เพียงไม่กี่วัน ฉินหยุนท้าประลองเรื่อยมาอย่างต่อเนื่อง ตลอดเส้นทางสายนี้ เขาชนะรวดอย่างสวยงาม จนในที่สุดก็ถึงอันดับที่หนึ่งร้อยหนึ่ง

ตอนนี้เข้ากำลังท้าอันดับที่หนึ่งร้อยเพื่อประลอง!

เป็นเวลานานหลายวันยิ่งแล้วที่ไม่มีผู้อื่นท้าประลองอันดับที่หนึ่งร้อย

ด้วยเหตุนี้ ชั่วขณะที่ฉินหยุนท้าประลองอันดับที่หนึ่งร้อยในเทียบอันดับมังกรซ่อนเร้น ผู้ชมจำนวนมากล้วนให้ความสนใจ!

ที่ชั้นสองของโรงฝึกมังกรซ่อนเร้น มีห้องหรูหราไว้พักผ่อนจำนวนไม่น้อย และมีเพียงผู้ที่ร่ำรวยและจ่ายไหวเท่านั้นจึงสามารถอาศัยอยู่ที่นี่

สิบอันดับแรกจะอยู่ที่ห้องชุดนภาในชั้นสอง

“น่าสนใจ ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่ห้าถึงกับชนะรวดจากท้ายตารางจนถึงหนึ่งร้อยอันดับแรกในเวลาไม่กี่วัน” เด็กหนุ่มร่างสูงกำยำไว้เคราเล็กน้อยที่ใบหน้ากล่าว เสียงนี้หยาบกร้านประหนึ่งฟ้าคำราม

เขาคือเย่เสินเหล่ยผู้ซึ่งอยู่อันดับสี่

“หมอนี่ไม่ใช่ฉินหยุนหรอกหรือ?” คนที่กล่าวนี้คือองค์หญิงของจักรวรรดิเทียนชี่ นามของนางคือชี่เสวี้ย ในเทียบอันดับมังกรซ่อนเร้นคืออันดับที่เจ็ด

เชี่ยวหลางกล่าวเดียดฉันท์ “ฉินหยุนเชี่ยวชาญก้าวอัคคีเมฆากับหมัดอ่อนอัคคี แต่หมอนี่ไม่ได้ใช้เลย แน่นอนว่าต่อให้ฉินหยุนมาจริง หมอนั่นก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเรา หากเยี่ยนชิงหยูเอาจริงแต่แรกในการประลองกับฉินหยุน ผลลัพธ์คงไม่ได้จบอย่างที่พวกเรารู้กันแน่”

ชี่เสวี้ยมองเด็กหนุ่มหล่อเหลากำลังดื่มไวน์ขณะยิ้มยั่วยวนส่งให้ “ฉินเฟิง ไม่ใช่ว่าเจ้ากำลังต้องการดูนัดนี้หรอกหรือ? จับตาดูให้ดีด้วยละ!”

ฉินเฟิงหันสายตามองที่ชี่เสวี้ยอย่างเฉยชา เขาเพียงไม่ใส่ใจขณะกล่าวกับตนเองอย่างไม่เห็นผู้ใดในสายตา “ไม่เห็นจะมีอะไรให้ดู... ตอนนี้เจ้าก็แค่อันดับเจ็ด เมื่อไหร่จะขึ้นสู่ห้าอันดับแรกกันละ? อันดับหกตอนนี้คือองค์หญิงชี่เม่ยเหลียน และอันดับห้าคือเมิ่งเฟยหลิง”

“นางแพศยาชี่เม่ยเหลียนนั่น... รอให้ข้าอาการดีขึ้นอีกหน่อย ข้าจะกระชากนางนั่นลงจากตำแหน่งให้แพ้อย่างยับเยินเลยคอยดู!”

ชี่เสวี้ยกัดฟันกรอดกล่าวคำ “สำหรับนางปีศาจเมิ่งเฟยหลิง นี่ออกจะยากไม่น้อย ในกลุ่มการประลองก่อนหน้า ข้าเกือบโดนนางฆ่าตาย”

ฉินเฟิงดื่มต่ออย่างไม่ใส่ใจต่อคำตอบ สายตาเลื่อนมองเชี่ยวหลางและกล่าวถาม “เจ้าได้คุยกับเย่ว์เหม่ยหรือยัง? คนอย่างนางต้องอยากได้อันดับแรกแน่”

ในเทียบอันดับมังกรซ่อนเร้น เชี่ยวหลางอยู่อันดับหนึ่ง ขณะที่เชี่ยวเย่ว์เหม่ยอยู่อันดับสอง

เชี่ยวหลางถอนหายใจอย่างอดไม่ได้ขณะสบถออกหลายคำ เขากล่าวด้วยรอยยิ้มขื่นขม “เด็กน้อยผู้นี้สร้างความปวดหัวนัก แม้นางไม่ได้เย็นชาเท่าพี่สาว แต่นางก็อารมณ์ร้ายไม่ต่างอะไรกับพี่สาวนาง หากนางอยากท้าประลองข้า อย่างดีข้าก็เลือกไม่สู้ละนะ”

หากสิบอันดับแรกต่อสู้ แน่นอนว่าต้องเป็นข่าวใหญ่และดึงดูดความสนใจไม่น้อย ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงการประลองระหว่างอันดับหนึ่งและอันดับสอง!

หลังเกิดเสียงระเบิดขึ้น เสียงร้องแตกตื่นจากนอกหน้าต่างพลันดังเข้ามา

“เป็นวิชาหานซาน!” เย่เสินเหล่ยมองลงที่ลานประลองทั้งยังแตกตื่นไม่น้อย

บุคคลที่ต่อสู้กับฉินหยุนคราวนี้เป็นชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่กว่าสองเมตรครึ่ง ไม่ต่างอะไรจากยักษ์ผู้หนึ่งเลยทีเดียว ระดับการฝึกฝนอยู่ที่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่หก วิชายุทธ์ที่เขาฝึกฝนคือกายาเหล็ก มันคือวิชาที่สามารถทำให้ร่างกายแข็งแกร่งและมั่นคงได้อย่างมหาศาลเลยทีเดียว

5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด