ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0054
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0056

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0055


ตอนที่ 55 : การประลองยุทธ์มังกรซ่อนเร้น

ฉินหยุนคือองค์ชายลำดับที่ห้า และฉินเทียนอี้คือองค์ชายลำดับที่สี่ อวค์ชายลำดับหนึ่งนั้นเสียชีวิตไปแล้วตั้งแต่ถือกำเนิดขึ้นได้ไม่นาน ปัจจุบันองค์ชายรัชทายาทของเทียนฉินคือองค์ชายสาม

ส่วนทางด้านองค์ชายสอง ฉินเฟิงไม่ค่อยมีความถนัดด้านใดเป็นพิเศษ เขามีเส้นวิญญาณสี่ตะวัน ฉินหยุนไม่ทราบว่าวิญญาณยุทธ์ของเขาคืออะไร ฉินเฟิงเข้าเรียนในสถาบันยุทธ์ในจักรวรรดิอื่น ดังนั้นเขาจึงแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับอีกฝ่าย

“ในบรรดาห้าอันดับแรก ดูเหมือนจะมีเพียงคนเดียวที่ข้าไม่ค่อยคุ้นเคยนัก เมิ่งเฟยหลิง!” ต้วนเฉียนกล่าว

“อันดับที่ห้า เย่เสินเหล่ยก็อยู่ในกลุ่มคนพวกนี้ด้วย?” ฉินหยุนพลันนึกถึงตระกูลเย่ขึ้นมา จักรพรรดินีเป็นคนของตระกูลเย่ แต่เขาไม่เคยได้ยินคนชื่อนี้จากตระกูลเย่มาก่อน

“เย่เสินเหล่ยครอบครองวิญญาณยุทธ์ขวานศึกสายฟ้า เส้นวิญญาณสี่ตะวัน และฉินเฟิงครอบครองวิญญาณยุทธ์วายุเหมันต์ พวกเขาเหล่านี้เข้าเรียนที่สถาบันยุทธ์ในจักรวรรดิเทียนเชี่ยวอยู่ก่อนนานแล้ว เป็นธรรมดาที่เจ้าจะไม่รู้จักพวกเขา” ต้วนเฉียนกล่าวเสริม “พวกเขายังเป็นมิตรกับกองทัพของจักรวรรดิเทียนเชี่ยวด้วย”

เทียนเชี่ยว เทียนฉิน เทียนชี่ ทั้งหมดมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน โดยเฉพาะบรรดาองค์ชายและองค์หญิง

“แล้วเชี่ยวเย่ว์เหม่ย?” ฉินหยุนพลันนึกขึ้นได้ว่าองค์หญิงผู้นี้ของเทียนเชี่ยวค่อนข้างอ่อนแอ

“นางเป็นน้องสาวของเชี่ยวเย่ว์หลาน ทั้งยังอายุเพียงสิบสี่ปีแต่ก็อยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ขั้นที่หกแล้ว วิญญาณยุทธ์ของนางยังไม่ทราบว่าคืออะไร แต่ต้องไม่เลวแน่ เด็กหนุ่มสาวจากจักรวรรดิเทียนเชี่ยวช่างน่ากลัวจริง ๆ!” ต้วนเฉียนถอนหายใจ เขาหันมองฉินหยุนและยิ้มกล่าว “เจ้าอยู่ที่ที่ควรอยู่นั้นดีแล้ว เจ้าแข็งแกร่งยิ่งกว่าพวกเขา ความรู้ความเข้าใจวิถีจารึกแห่งเต๋าของเจ้าระดับสูงกว่าใคร”

“ผู้จัดการ สถาบันยุทธ์ระดับเสวียนทั้งสามพร้อมแล้วที่ห้องรับรองขอรับ พวกเขาต้องการพบท่าน และมีเรื่องคิดปรึกษา” ชายวัยกลางคนกล่าว

“ได้ ข้าไปเดี๋ยวนี้แหละ”

หลังต้วนเฉียนออกไปแล้ว ฉินหยุนจึงกลับมาฝึกฝนในห้องต่อ

ทุกวัน เขาจะจัดสรรเวลาสำหรับการฝึกฝนเคล็ดวิชายุทธ์ ถัดจากนั้นค่อยฝึกพลังภายในให้เติบโตแข็งแกร่งขึ้น เขาต้องพยายามให้หนักเพื่อเพิ่มพูนพละกำลัง

“เคล็ดวิชาระเบิดปราณ!”

เขาปล่อยหมัดออกไปพร้อมพลังภายในที่ไหลทะลักระเบิดออกสู่ภายนอก เป็นผลให้เกิดคลื่นกระแทกซึ่งสามารถป่นก้อนหินรอบบริเวณตัวได้

“เคล็ดวิชาระเบิดปราณถึงขั้นกลางแล้ว ระเบิดปราณสามารถกระจายตัวเป็นคลื่นกระแทกได้! ถ้าเราใช้พลังภายในสั่นไหว จะยิ่งทำให้มันแข็งแกร่งมากขึ้นอีก!”

เคล็ดวิชาระเบิดปราณคือวิชายุทธ์ระดับลึกล้ำขั้นต่ำที่ฉินหยุนน้อยครั้งจะใช้ในการประลองยุทธ์ แต่อย่างไรแล้วเขาก็มักจะฝึกฝนมันอยู่เป็นประจำจนเกิดความเปลี่ยนเล็กน้อยอยู่ตลอด

ก้าวอัคคีเมฆาตอนนี้ก็ถึงขีดสุดของขั้นกลางแล้ว

สิ่งที่ก้าวหน้ามากที่สุดคือหมัดอ่อนเปลวเพลิง

เป็นเพราะบ่อยครั้งเขาต้องใช้เตาหลอม และเพื่อหยิบวัสดุร้อนแรงออกมา จึงต้องใช้หมัดอ่อนอัคคี ตอนนี้เขาฝึกฝนมันจนถึงขั้นสูงเป็นที่เรียบร้อย หากเขาใช้งานอย่างเต็มกำลัง หมัดนั้นจะแข็งราวเหล็กกล้าวิญญาณทั้งยังร้อนแรงมหาศาล

เพียงพริบตาอีกหนึ่งเดือนก็ผ่านพ้น!

เพื่อรอให้หยางฉีเย่ว์กลับจากสถาบันยุทธ์เทียนเสวียน ฉินหยุนจึงอยู่ที่ตำหนักจารึกเทวะตลอด หาได้ออกไปไหนไม่

ในช่วงไม่กี่วันมานี้เขาจะทำการหลอมกระดูกเหล็กกล้าระดับต่ำอยู่ตลอด หากเขาฝึกฝนเช่นนี้ต่อไป เขาจะได้รับรางวัลเป็นพื้นฐานที่หนักแน่นขึ้นเป็นการตอบแทน

ทุกวันที่ผ่านพ้นเขาจะใช้พลังภายในจนถึงขีดจำกัด ดังนั้นแล้ววิถีกระดูกจึงยิ่งมายิ่งมีเสถียรภาพและยิ่งมั่นคงมากขึ้น กระทั่งว่ามีกำลังภายในปะทะรุนแรงสู่ร่างกาย มันก็ไม่มีทางทำให้กล้ามเนื้อหรือกระดูกบาดเจ็บได้อีกต่อไป

ฉินหยุนมีพลังธาตุสองแห่ง หากเขาต้องการใช้พลังธาตุเพื่อปะทุพลังภายใน ร่างกายเขาตอนนี้ยังไม่แข็งแกร่งพอ มันไม่มีทางยืนหยัดรับการปะทุของพลังภายในทรงพลังระดับนั้นได้

“ถึงเวลาต้องฝึกวิถีหัวใจแล้ว!”

การฝึกฝนวิถีหัวใจค่อนข้างยาก กล่าวกันว่าต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมหาศาล หรือไม่ก็ต้องพบพานโชคอย่างเหนือล้ำถึงจะมีโอกาส

“นายน้อยฉิน คุณหนูเมิ่งต้องการพบ!” เสียงชายชราดังจากด้านนอกประตู เขาเป็นหนึ่งในพ่อบ้านของที่นี่

“ให้นางเข้ามารอที่ห้องรับแขก” หลังกล่าวคำจบ ฉินหยุนจึงจัดแจงตัวเองเล็กน้อยก่อนเดินไปที่ห้องโถงหลัก

เมิ่งเฟยหลิงวันนี้สวมใส่ชุดรัดรูปสีดำ นางกำลังนั่งรอบนเก้าอี้ด้วยการไขว้ขาเรียวยาวของนางทั้งยังกัดแอปเปิลเขียวด้วยท่าทีเย้าเสน่ห์

เมื่อเห็นฉินหยุนปรากฏตัว นางเร่งร้อนลุกขึ้นยืนทั้งยังหัวเราะคิกคัก “เป็นเกียรติแล้วอาจารย์ฉิน!”

“ศิษย์พี่โปรดหยุดล้อข้าเล่น” ฉินหยุนขำกับการกระทำนี้ของนางเช่นกัน

“แน่นอนว่าไม่ได้ เจ้านั้นเป็นอาจารย์อัจฉริยะผู้หนึ่งแล้ว ข้าสงสัยนักว่าเจ้าแข็งแกร่งยิ่งกว่าเว่ยเสวียนคุนมากมายเพียงใด” เมิ่งเฟยหลิงยิ้มขี้เล่นขณะแลบลิ้นให้เห็นพร้อมโยนแอปเปิลให้ฉินหยุน

“ศิษย์พี่ ยินดีด้วยที่ได้เข้าสถาบันยุทธ์ระดับเสวียน” ฉินหยุนรับแอปเปิลมาและกัดไปคำหนึ่ง

“จะมายินดีอะไรกับข้า? เดี๋ยวไม่นานเจ้าก็ตามข้ามา ข้าจะไปที่สถาบันยุทธ์ชิงเสวียน ภายหน้าหากเจ้าคิดตามมาก็ยินดีต้อนรับ ข้าจะได้เป็นศิษย์พี่ของเจ้าต่อ” เมิ่งเฟยหลิงหัวเราะร่วนขณะสัมผัสใบหน้าของฉินหยุนด้วยการใช้หลังมือลูบไล้

ฉินหยุนรู้สึกได้ ถึงกลิ่นหอมที่กระจายออกจากกายนาง เขาพบว่าตัวเองเริ่มยากควบคุม เขาต้องหัวเราะแห้งขณะกัดแอปเปิลเป็นการกลบเกลื่อน

เมิ่งเฟยหลิงพอพบว่าเขาหน้าแดง นางก็ไม่หยอกล้อเพิ่มเติมอีก แต่กล่าวถาม “น้องหยุน เจ้ายังมียันต์อัคคีพวกนั้นอยู่อีกหรือไม่? ข้าอยากซื้อมัน!”

“แน่นอน! ท่านต้องการจำนวนเท่าไหร่? ให้ข้ามอบเป็นของขวัญก็แล้วกัน!” ฉินหยุนรู้สึกภายในว่าเมิ่งเฟยหลิงเป็นคนดีผู้หนึ่ง นางไม่หวาดเกรงจักรพรรดินี นางกล้าสนิทสนมกับเขา อีกทั้งนางยังแข็งแกร่งยิ่ง

“เอามายี่สิบแผ่น! ข้าไม่ต้องการให้เจ้ามอบแก่ข้า ข้าอยากให้เจ้าขายมันแก่ข้ามากที่สุดเท่าที่จะขายได้” เมิ่งเฟยหลิงกล่าวอย่างจริงจังขณะลูบหัวฉินหยุนไปด้วย

“เช่นนั้นแผ่นละห้าร้อยเหรียญผลึกเป็นอย่างไร ทั้งหมดแล้วก็เท่ากับหนึ่งหมื่นเหรียญผลึก” ฉินหยุนไม่คิดมากพิธีกับเมิ่งเฟยหลิงเช่นกัน อย่างไรแล้วนางก็เป็นหญิงตรงไปตรงมายิ่งกว่าผู้ใดที่เขาพบเจอมาเลยทีเดียว

“ตามนั้น!”

เมิ่งเฟยหลิงนำสิบเหรียญม่วงออกมาและส่งให้แก่ฉินหยุน

โดยปกติแล้ว การทำธุรกรรมเกินกว่าหนึ่งหมื่นเหรียญผลึกจะใช้เหรียญม่วงแทน

“ศิษย์พี่ ท่านไม่มีอุปกรณ์มิติเก็บของหรือ?” ฉินหยุนพบว่าเมิ่งเฟยหลิงเก็บยันต์อัคคีเอาไว้ในอกเสื้อ

“ย่อมไม่ มันแพงเกินไป และไม่ใช่ว่าจะมีขายกันบ่อยด้วย กระทั่งเชี่ยวหลางยังไม่มี” เมิ่งเฟยหลิงยิ้มหวานกล่าว “หากเจ้าสามารถขัดเกลามันขึ้นได้ในภายหน้า จำไว้ว่าต้องขายให้ข้าเป็นคนแรก ข้าจะสะสมเหรียญผลึกตั้งแต่วันนี้รอเลยละ”

“ไว้ถึงวันนั้นข้าจะมอบให้ท่านเลย!” ฉินหยุนยิ้มกล่าวตอบ ในสามสิบหกผังวิญญาณ มีผังวิญญาณมิติรวมอยู่ด้วย สิ่งนั้นจะทำให้เขาสามารถหลอมอุปกรณ์วิญญาณมิติเก็บของได้

เมิ่งเฟยหลิงพลันยินดีขณะบรรจงจูบที่แก้มของเขาไปคราหนึ่ง การกระทำนี้ยิ่งทำให้เขาหน้าแดง เมื่อเห็นเช่นนี้ยิ่งทำให้นางยิ้มงดงามมากขึ้น

“วิถีกระดูกเจ้ามั่นคงขึ้นแล้วหรือ? การเริ่มฝึกวิถีหัวใจตอนนี้ดูจะเป็นเรื่องอยากไม่ใช่น้อย ข้าอาจต้องใช้เวลาเกือบทั้งปีกว่าจะสำเร็จได้”

ฉินหยุนถอนหายใจ เรื่องนี้ต้องใช้เวลาไม่น้อยจริง ๆ

ดวงตาเมิ่งเฟยหลิงเป็นประกาย นางพลันนึกอะไรขึ้นได้พร้อมกล่าว “น้องหยุน เจ้าสามารถเข้าร่วมการประลองยุทธ์มังกรซ่อนเร้นและขึ้นเป็นมังกรซ่อนเร้นได้ ตราบเท่าที่ได้อันดับหนึ่ง เจ้าจะได้รับหญ้าหัวใจลึกล้ำ!”

“หญ้าหัวใจลึกล้ำไม่เพียงช่วยให้เจ้าฝึกฝนวิถีหัวใจ แต่มันยังจะช่วยส่งเสริมเจ้าในอนาคตอีกด้วย”

“การประลองยุทธ์มังกรซ่อนเร้น?” ฉินหยุนไม่เคยได้ยินชื่อดังกล่าวเลย

ถัดจากนั้น เมิ่งเฟยหลิงได้อธิบายต่อเขาว่าการประลองยุทธ์มังกรซ่อนเร้นคืออะไร

มันคืองานที่ร่วมกันจัดขึ้นระหว่างสถาบันยุทธ์ระดับเสวียนทั้งสาม และรับผิดชอบโดยตำหนักจารึกเทวะ สถานที่จัดก็คือตำหนักจารึกเทวะเช่นกัน

บุคคลขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่ห้าและหกสามารถเข้าร่วม เมิ่งเฟยหลิงก็จะเข้าร่วมเช่นกัน

เมิ่งเฟยหลิงกล่าว “ตอนนี้อันดับหนึ่งคือเชี่ยวหลาง เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเป็นอันดับสอง และข้าคืออันดับห้า นี่ก็เริ่มการประลองไปกว่าหนึ่งเดือนแล้ว ยังมีเวลาอีกสองเดือนกว่าผลลัพธ์จะถูกประกาศผล!”

ฉินหยุนนึกย้อนไปเมื่อเดือนก่อน มีคนโผล่มาหาต้วนเฉียนอย่างกะทันหัน น่าจะเป็นการปรึกษาหารือพูดคุยถึงเรื่องนี้

“ข้าเพียงขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่ห้า จะไหวหรือ?” ฉินหยุนรู้สึกว่านี่ออกจะเกินตัวไปแล้ว แต่ละคนที่เข้าร่วมและติดอันดับบนล้วนแข็งแกร่งยิ่ง หากไม่แล้วต้วนเฉียนคงต้องแนะนำให้เขาเข้าร่วมไปแล้ว

“ไม่ลองแล้วจะรู้ผลได้ยังไงกัน?” เมิ่งเฟยหลิงหัวเราะกล่าว “เจ้าสามารถเข้าร่วมแบบปิดบังตัวตนได้หากต้องการ แพ้ก็ไม่ได้เสียหายอะไรนี่”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด