ตอนที่แล้ว77 การคดโกงคือโรคร้าย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป79 สุนัขที่โศกเศร้า

78 สิ่งที่ยากที่สุดคือการทดแทนคุณ


78 สิ่งที่ยากที่สุดคือการทดแทนคุณ

 

มันเป็นวันที่อากาศอึมครึมและมีหิมะตกในตอนเช้า หิมะเริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆ เมื่อถึงตอนกลางวันหิมะทั่วทุกพื้นที่ก็ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ

 

เมื่อหวังเย้ามองผ่านหน้าต่างออกไป เขาก็รู้สึกอยากจะออกไปด้านนอกนั้น เขาเดินออกจากกระท่อมและขึ้นไปบนเนินเขา เขาไม่มีความกลัวกับการที่ลมพัดแรงและหิมะที่ตกลงมาเลย เขาเดินไปอย่างรวดเร็วและไม่ได้รู้สึกหนาวมากนักด้วยพลังฉีที่ที่มีอยู่ภายในร่าง

 

ในที่สุดเขาก็เดินมาถึงยอดเขา เขายืนอยู่บนหินก้อนใหญ่และมองไปที่ภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ เขารู้สึกตื่นเต้นจนอยากจะร้องเพลงและแต่งกลอนออกมา แต่เขาก็สงบลงอย่างรวดเร็ว

 

หวังเย้ายืนอยู่บนยอดเขาและมองที่หิมะตกลงมาอยู่เงียบๆ จนกระทั่งเขาเห็นว่ามีควันลอยออกมาจากหมู่บ้าน ทำให้เขารู้ว่าชาวบ้านเริ่มที่จะเตรียมมื้อกลางวันกันแล้ว

 

ได้เวลาไปแล้ว!

 

หวังเย้าค่อยๆเดินลงไปจากยอดเขา

 

ซานเซียนนอนอยู่ในบ้านสุนัขเงียบ คล้ายกับว่ามันกำลังชื่นชมหิมะอยู่เช่นกัน อินทรีย์นั้นกำลังยืนโต้ลมหนาวอยู่ จากที่หวังเย้าได้ตรวจดู ปีกของมันเกือบจะหายเป็นปกติแล้ว มันคงจะบินได้ในเร็วๆนี้

 

หิมะตกลงทั้งวันแม้ว่าจะเป็นตอนเย็นแล้วมันก็ยังคงตกต่อไปเรื่อยๆ

 

หวังเย้าเลือกที่จะอยู่ในกระท่อมแทนที่จะกลับบ้าน เขาได้ทำมื้อเย็นง่ายๆให้กับตัวเอง ท้องฟ้าเริ่มมืดลงแต่หิมะยังคงไม่หยุดตก หวังเย้าเข้านอนหลังจากที่อ่านคัมภีร์ได้สักพัก

 

วันต่อมา หิมะยังคงไม่หยุดตก หวังเย้าคิดเกี่ยวกับบทกวีในตอนที่เขากำลังเปิดประตู

 

ฉันเปิดประตูในตอนเช้าและพบว่าภูเขาเต็มไปด้วยหิมะ!

 

ตรงตามที่บทกวีได้กล่าวเอาไว้ หวังเย้าเปิดประตูและพบว่าภูเขาเต็มไปด้วยหิมะ คล้ายกับว่ามันกำลังสวมเสื้อคลุมสีขาวอยู่

 

เพราะหิมะที่ตกอยู่นั้น หวังเย้าจึงทำเพียงแค่รดน้ำสมุนไพรราก แต่ไม่ได้รดน้ำสมุนไพรอย่างอื่นหรือแม้แต่ขึ้นไปฝึกการหายบนยอดเขา แต่เขานั่งฝึกอยู่ภายในกระท่อมแทน

 

ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงย่ำเท้า

 

ใครกัน?

 

หวังเย้าลืมตาและลุกขึ้นยืน เขามองเห็นเงาร่างกำลังเดินตรงมาที่เขา มันเห็นได้อย่างชัดเจนภายใต้พื้นดินที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ

 

ใครที่จะขึ้นมาบนเนินเขาในเวลาแบบนี้กัน?

 

เมื่อเขาเดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ หวังเย้าก็จำได้ว่าเป็นหวังหมิงเปานั้นเอง เขาดูเร่งรีบ คล้ายกับว่ามีเรื่องเร่งด่วนต้องการจะบอกหวังเย้า หวังเย้าเห็นว่าหวังหมิงเปานั้นดูยินดีและตื่นเต้นมาก

 

“มีอะไรรึเปล่า? ถึงได้ขึ้นมาบนเนินเขาในอากาศที่แย่แบบนี้ได้?” หวังเย้าถาม “อย่าบอกนะว่านายกำลังจะแต่งงานน่ะ?”

 

“ไม่ใช่ พ่อฉันต่างหาก! เขากำลังจะได้เป็นผู้ว่าแล้ว!” หวังหมิงเปาพูดด้วยความตื่นเต้น

 

“จริงเหรอ? ยินดีด้วย!” หวังเย้าหัวเราะ เขาคิดไม่ถึงว่าเทียนหยวนถูจะจัดการได้รวดเร็วขนาดนี้มันแสดงให้เห็นว่าเทียนหยวนถูนั้นมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ที่ตัดสินใจเรื่องตำแหน่งผู้ว่าอยู่

 

“ฉันต้องขอบคุณสำหรับเรื่องนี้มาก คนที่นายขอให้ช่วยนั้น เขาทำได้จริงๆ” หวังหมิงเปาพูด

 

พ่อของหวังหมิงเปานั้นทั้งประหลาดใจและงุนงง เมื่อเขาได้บอกเรื่องตำแหน่งใหม่กับหวังหมิงเปา เขาเกือบจะแน่ใจแล้วว่า เขาจะไม่ได้นั่งในตำแหน่งผู้ว่า เขาเชื่อว่าข้าราชการอาวุโสเหล่านั้นได้ทำการตัดสินใจเรื่องตำแหน่งเอาไว้แล้ว พวกเขาแค่ยังไม่ได้ประกาศออกมาเท่านั้นเอง มีเพียงแค่คนที่มีอิทธิพลอย่างมากเท่านั้นถึงจะสามารถเปลี่ยนแปลงการตัดสินนี้ได้

 

แต่พ่อของหวังหมิงเปาไม่รู้จริงๆว่าใครเป็นคนช่วยเขา และมันก็ไม่ใช่เวลาที่ดีที่จะถามเรื่องนี้ออกไป เขาตัดสินใจแล้วว่าจะขอบคุณคนคนนั้นหลังจากที่เข้ารับตำแหน่งเรียบร้อยแล้ว

 

หวังเย้าไม่คิดว่า หวังหมิงเปาจะเดาเอาว่าเขาเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ เพราะหวังหมิงเปาแค่เล่าเรื่องการเลื่อนตำแหน่งให้เขาฟังเท่านั้น หวังหมิงเปาจำได้ว่า หวังเย้าได้รับปากว่าจะขอให้คนคนหนึ่งช่วยในเรื่องนี้

 

“ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน เขาไม่ได้บอกอะไรฉันเลย” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม

 

“ยังไงฉันก็ต้องขอบคุณสำหรับเรื่องนี้!” หวังหมิงเปาพูด “บอกฉันมาว่านายจ่ายไปเท่าไหร่?”

 

ในฐานะของนักธุรกิจคนหนึ่ง หวังหมิงเปาเชื่อว่า หวังเย้าจะต้องจ่ายเงินในคนคนนั้นเพื่อช่วยเรื่องตำแหน่งผู้ว่าให้กับพ่อของเขา ไม่มีใครยอมทำเรื่องแบบนี้โดยไม่ขอสิ่งตอบแทน ยิ่งการช่วยเหลือนั้นมากแค่ไหน สิ่งที่ต้องตอบแทนก็ยิ่งมากขึ้น

 

“ฉันไม่ได้จ่ายเงินแม้แต่เหรียญเดียว แต่ฉันก็ติดหนี้เขา” หวังเย้าพูด

 

“ใช่!” หวังหมิงเปาขมวดคิ้ว

 

สำหรับบางคน การให้ความช่วยเหลือไม่ได้มีความหมายมากนัก แต่สำหรับคนอย่างหวังเย้านั้น บุญคุณถือเป็นเรื่องยากที่จะตอบแทนได้ หวังหมิงเปารู้จักหวังเย้าดี หวังเย้าเป็นคนที่ซื่อสัตย์และให้คุณค่ากับเรื่องของมิตรภาพมาก เขารู้ว่าหวังเย้าจะต้องตอบแทนการช่วยเหลือที่เขาได้รับอย่างดีที่สุดแน่นอน

 

“เชิญเขามาทานอาหรดีไหม?” นายก็มาด้วยนะ ฉันเลี้ยงเอง!” หวังหมิงเปาพูดหลังจากที่เงียบไป

 

“ไว้ค่อยคุยเรื่องนี้กันทีหลัง ให้ฉันชงชาให้นายดื่มก่อน” หวังเย้าชงชาให้กับหวังหมิงเปา การที่ได้ดื่มชาในหน้าหนาวนั้นมันดีมาก

 

“นายอยู่ในกระท่อมไม่หนาวเหรอ? ข้างในนี้มันหนาวมากเลยนะ” หวังหมิงเปาพูด เขามองไปรอบๆแต่ก็ไม่เห็นฮีตเตอร์เลย

 

“ฉันชินแล้วล่ะ” หวังเย้าพูด เขาแข็งแรงขึ้นมาก

 

“บนเนินเขานี้มันเงียบมากเลยนะ นายอยากจะกลายเป็นฤษีจริงๆเหรอ?” หวังหมิงเปาถาม

 

หวังเย้ายังมีครอบครัว ญาติพี่น้องและเพื่อนอยู่ เขายังอยากที่จะแต่งงานและมีลูกในอนาคต เขายังเข้าสังคมอยู่บ้าง เขาจะไม่เป็นฤษี เพราะมันเป็นไปไม่ได้ เขาแค่ชอบความสงบและชีวิตที่เรียบง่ายแบบนี้เท่านั้น

 

“ฉันวางแผนที่จะตกแต่งอพาร์ทเมนต์ของนาย หลังจากที่อากาศอุ่นขึ้นกว่านี้อีกหน่อย” หวังหมิงเปาพูด

 

“ก็ดี ไม่ต้องรีบ แล้วฉันก็ไม่ใช่คนที่จะเข้าไปอยู่ที่นั้นด้วย” หวังเย้าพูด

 

“ได้” หวังหมิงเปาพูด

 

แม้แต่คนที่แข็งแรงมากอย่างหวังเย้าก็ยังเริ่มสั่นเมื่อนั่งอยู่ในกระท่อมนานๆ เพราะความจริงแล้วภายในกระท่อมนั้นเย็นเฉียบ

 

“ฉันจะไปแล้วนะ ที่นี่มันหนาวเกินไป มากินข้าวที่บ้านฉันสิ ฉันเตรียมอาหารไว้เรียบร้อยแล้ว” หวังหมิงเปาพูด

 

“ตกลง” หวังเย้าพูด

 

หวังเย้าล็อกประตูกระท่อม ก่อนที่จะตรงไปที่บ้านของหวังหมิงเปาในตอนกลางวัน หวังหมิงเปามักจะใช่ชีวิตอยู่ในเมืองเป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่พ่อแม่ของเขานั้นอยู่ที่หมู่บ้านนี้ ปู่และย่าของเขาก็อยู่ที่หมู่บ้านนี้เหมือนกันและหวังหมิงเปาก็มักจะมาเยี่ยมพวกเขาเป็นบางครั้ง

 

หวังเย้าและหวังหมิงเปาทานอาหารพร้อมกับไวน์รสชาติเยี่ยม พวกเขาพูดคุยกันจนลืมเวลา

 

“นายจะกลับขึ้นไปบนเนินเขาเลยเหรอ?” หวังหมิงเปาพูด

 

“ใช่ แต่ฉันไม่รีบ” หวังเย้ามองไปข้างนอก หิมะยังคงตกอยู่

 

ไม่มีใครที่คิดจะขึ้นไปบนเนินเขาในเวลาแบบนี้ ดังนั้นก็ไม่จำเป็นต้องกังวล และไม่มีใครออกมาจากบ้านในเวลานี้ด้วย มันทั้งหนาวและมีลมพัดแรง มันดีกว่าที่อยู่บ้านดูทีวีและกินขนม ดังนั้นหวังเย้าจึงไม่รีบที่จะกลับขึ้นไปบนเนินเขา

 

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด