ตอนที่แล้วบทที่ 198 - สรรสร้าง (7) [05-09-2019]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 200 - เห็นฉันไหมล่ะ? (1) [10-09-2019]

บทที่ 199 - สรรสร้าง (8) [08-09-2019]


บทที่ 199 - สรรสร้าง (8)

 

ในภูเขาโล่งเตียนที่ตั้งอยู่ในอาณาจักรเพลลาาเดียได้มีตัวตนของมนุษย์กระจายกันอยู่ ลแะในจุดหนึ่งมีบาเรียที่ขวางกันไม่ให้คนนอกเข้าไปและมีการทดลองลับอยู่ที่นั่น

ตูมมมมมมมมมม!

เสียงดังสนั่นที่ดังขึ้นนี่เป็นเครื่องยืนยันถึงความล้มเหลว

"กรี๊ดดดดดด!"

"โล่สายฟ้า!"

การระเบิดที่รุนแรงนี้กำลังจะทำร้ายคนสองคนที่อยู่ที่แห่งนี้ แต่แล้วก็มีเวทย์ป้องกันถูกร่ายขึ้นมาขวางการระเบิดเอาไว้ก่อน

"ครั้งนี้ก็ดูเหมือนจะล้มเหลวอีกแล้วสินะ?"

"....คงงั้น"

เออร์ม่า แอน อิลต้า องค์หญิงที่หนึ่ง... ไม่สิ คนๆนี้เพิ่งจะกลายมาเป็นจักพรรดินีเมื่อสามเดือนก่อนแล้ว เธอได้ถามขึ้นกับคังมิเรย์คนที่เธอเชื่อถือได้มากที่สุดในจักรวรรดินี้และในเวลาเดียวกันคนที่ถูกถามก็ขบริมฝีปากแน่น

"เธอคงไม่คิดว่าการเชื่อมต่อถูกตัดขาดออกไปหมดแล้วหรอกนะ?"

"นั่นมันคือโลกที่ฉันเกิด มันไม่มีทางที่การเชื่อมต่อจะถูกตัดขาดออกไปง่ายๆแน่ มันจะต้องมีการเชื่อมต่ออยู่แน่นอน"

"แต่อย่างน้อยที่สุดด้วยความสามารถของเรามันก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้การเชื่อมต่อกลับคืนมา"

"..."

การทดลองที่พวกเธอทำอยู่นั่นก็คือการเชื่อมต่อสองโลกเข้าด้วยกันนั่นเอง ในอดีตนั่นไม่เคยมีใครคิดจะทำแบบนี้มาก่อนเลย แต่เมื่อมีสิ่งต่างๆเกิดขึ้นมาเป็นโลกทำให้มันเป็นไปได้ขึ้นมา

"...แต่ถึงแบบนั้น"

คังมิเรย์รู้สึกสิ้นหวังนิดๆเมื่อได้ยินคำพูดของเออร์ม่า แต่แล้วเธอก็ตั้งสติกลับมาได้และพูดขึ้น

"ฉันก็ได้แต่ต้องทำมันต่อไปจนกว่าจะสำเร็จเท่านั้น คนที่นี่ที่อยู่ในลานปาสก็อยากจะกลับไปบนโลกรวมไปถึงคนที่ติดอยู่ในโลกอื่นๆด้วยเหมือนกัน"

"ทำไมเธอไม่พูดตรงๆอย่างแบบว่าเธอแค่อยากเจอนายยูอิลฮานล่ะ?"

"ใช่ ฉันอยากจะเจอเขา"

คังมิเรย์ได้ตอบกลับมาตรงๆจนเออร์่าพูดไม่ออก ยังไงก็ตามคังมิเรย์แค่หน้าแดงเล็กน้อย แต่ว่าไม่นานนักสีหน้าเธอก็เปลื่ยนไปพร้อมกับพูดต่อออกมา

"ฉันอยากจะเจอหน้าเขาทั้งปี ในตอนที่ฉันแยกกับยูนาเป็นสิบปีมันยังไม่แย่แบบนี้เลย"

"อ่า เฮ้.... ขอโทษทีนะ ที่ฉันพูดก็เพราะฉันนึกว่าเธอจะไม่ยอมรับเรื่องนี้ แต่... ฟู่ เวลามันเปลื่ยนไปแล้วสินะ"

"ไม่เป็นไร"

คังมิเรย์ได้หัวเราะออกมาเมื่อเห็นหน้าที่แดงขึ้นของเออร์ม่า มีก็แต่เธอเท่านั้นที่ทำให้จักรพรรดินีคนนี้ต้องตกใจขนาดนี้

"สกิลที่เกี่ยวข้องกับการทดลองนี้ก็เพิ่มขึ้นเหมือนกัน ฉันเชื่อว่าเราจะทำสำเร็จได้ในอีกไม่นาน"

"...ใช่แล้ว ฉันก็ยังอยากจะให้การเชื่อมต่อกลับมาเหมือนกัน ฉันอยากจะไปงานแต่งของพวกเธอ"

"เธอบอกว่างานแต่ง..."

หลังจากพูดคำๆนี้ออกมาคังมิเรย์ก็ดูจะอายไป แต่แล้วเธอก็ยังตบแก้มกลับมาเป็นปกติ

"มีคนที่มีความสามารถมากมายรายล้อมเขาคนนั้น ต่อให้ฉันจะทำทุกๆอย่างด้วยดีฉันก็ยังไม่มั่นใจ"

"มิเรย์เธอน่ะเปร่งประกายกว่าใครนะ"

"เรื่องนั่นเอาไว้ก่อนล่ะกัน ตอนนี้ฉันควรจะเริ่มการทดลองต่อไปหลังดูผลลัพธ์สิ่งต่างๆ"

คังมิเรย์ได้ตรวจสอบบาเรียเวทย์ที่อยู่รอบๆนี้และหยิบเอากระเป๋าขึ้นมา

แม้ว่าเธอจะติดอยู่ในลานปาส แต่เธอก็ยังตระเวนไปตามดันเจี้ยนและซากปรักหักพังต่างๆที่มีความลึกลับอยู่บนโลกนี้เพื่อค้นคว้าหาหนทางกลับไปที่โลก และในอีกด้านก็เพื่อยกระดับความสามารถของเธออีกด้วย

ดันเจี้ยนพวกนี้ที่ถูกทิ้งไว้นานปีแล้วดังนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึงความยากของพวกมันเลย ยังไงก็ตามคังมิเรย์ก็เป็นอัจฉริยะคนหนึ่งที่มีพรสรรค์มากๆ นอกจากนี้เธอยังได้รับความช่วยเหลือจากตระกูลราชวงศ์ทำให้มีการขุดค้นซากปรักหักพักสามแห่งสำเร็จภายในหนึ่งปีเท่านั้น

"เธอจะไปต่อเลยหรอ? เราเพิ่งจะขุดค้นซากปรักหักพังเสร็จเองนะ"

จักรพรรดินีได้พูดออกมาด้วยความเป็นห่วงในตัวคังมิเรย์

"ทำไมเธอไม่พักสักวันหน่อยนะ? ซากปรักหักพังมันไม่ใช่อะไรที่ง่ายๆนะ เธออาจจะตายได้เลยนะถ้าไม่ระวัง"

"ฉันรู้สึกถึงภัยของมันได้นับตั้งแต่ที่คนๆนั้นทำมาทำให้ทั้งจักรวรรดิเกือบจะล้มสลายแล้ว"

"ชู่วว นั่นอีกแล้วนะ"

เมื่อนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสถานที่ที่มีแก่นแท้ของวิศวกรรมเวทย์ตั้งอยู่พวกเธอสองคนก็ได้ยิ้มเล็กๆให้กัน ในตอนนั้นมันไม่ได้ต่างไปจากภัยพิบัติเลย แต่สำหรับพวกเธอแล้วมันก็เป็นความทรงจำที่ดี เวลาคือพลังที่น่าสะพรึง

"มันผ่านมาตั้งปีหนึ่งแล้วสินะ..."

"ก็แค่ปีเดียวเอง... ฉันไม่ได้คิดจะปล่อยไว้ให้เป็นแค่ความทรงจำแล้วก็ยิ่งไม่มีทางที่ฉันจะยอมแพ้ด้วย"

"แล้วงั้นในเมื่อเธอก็รู้ถึงอันตรายเธอควรจะพักนะ ไม่ใช่กดดันตัวเอง"

"งั้นฉันไปก่อนนะ"

คังมิเรย์ได้เดินจากไปเมื่อทิ้งคำพูดนี้ไว้ ไหล่ของเธอได้สั่นมากๆขัดไปกับคำพูดของเธอซึ่งนี่ทำให้จักรพรรดินีต้องถอนหายใจมองเธอจากไป

"อย่าตายนะ"

"ฉันไม่คิดจะตายอยู่แล้ว ฉันยังมีคนที่ฉันอยากเจออยู่"

พี่ชายของเธอคังฮาจินคนที่ทำให้อยู่ในสังคมชนชั้นสูงบนโลกได้และสั่งสอนเธออย่างเข้มงวด เพื่อนของเธอนายูนาคนที่อยู่ด้วยกันกับเธอมาทั้งชีวิตทำอะไรร่วมกันไม่ว่าจะดีไม่ดี แล้วก็ยัง....

"ถ้าเป็นคนๆนั้นเขาก็น่าจะได้คลาส 4 มาแล้ว เขาคงไม่บาดเจ็บอยู่ที่ไหนหรอกนะ... แล้วถ้าเขาเจอผู้หญิงคนอื่นอีกล่ะ?"

พอเธอได้คิดถึงยูอิลฮานแล้วเธอ็คิดไม่หยุด แม้ว่าเธอจะทำอะไรไม่ได้ก็ตาม

คังมิเรย์ได้สะบัดหัวไล่ความคิดพวกนี้ออกไปจากหัวและเดินหน้าต่อออกไป เออร์ม่าที่มองดูเธออยู่ตลอดได้ยิ้มขมออกมาและออกไปเช่นกัน

ในเวลาเดียวกันนี้เอง...

"ขอแต่งงานกับสตรีศักดิ์สิทธิ์?"

"ท่านหญิงศักดิ์สิทธิ์ก็จะได้กลายเป็นคนที่มีอิทธิพลต่อโลกของเราอย่างสมบูรณ์ จักรพรรดิไม่อยากจะให้เรื่องนี้ล่าช้าออกไปอีกแล้ว นี่เพื่ออนาคตของทั้งสองจักรวรรดิ..."

"ฉันเกลียดตาแก่พุงพุ้ย~!"

"ตะ ตาก่พุงพุ้ย~!?"

"เธอกล้างดูถูกท่านจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่ ท่านจักรพรรดิแห่งหลี่ คาเทียน่า"

"แบร่!"

"ท่านสตรีศักดิ์สิทธิ์!"

"ไล่ตาแก่พุงพุ้ยออกไปด้วย~! ถ้าไม่ไล่กัน ฉันจะไล่ไปเองด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ของท่านหญิงเรย์น่าเนี้ยแหละ!"

"อ๊ากกกกกกกกกก!"

นายูนาได้ปฏิเสธตัวแทนจากจักรวรรดิที่ประกาศตัวเองเป็นจักรวรรดิมหาอำนาจที่มีพลังมากพอที่จะทำสงครามกับจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์เอลฟอร์ด และนี่ก็ไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลยกับการขับไล่คนที่นำสารขอแต่งกันของจักรวรรดิที่รับผิดชอบดูแลครึ่งทวีปออกไป

แม้ว่าตอนนี้คนพวกนั้นจะถอยกลับไปแล้วชั่วคราว แต่นักบวชที่ให้การสนับสนุนนายูนาได้เข้ามาจับชายกระโปรงของเธอคุกเข่าทั้งหน้าซีดทันที

"ท่านสตรีศักดิ์สิทธิ์ต่อต้านจักรวรรดิ!"

"พวกเขาไม่ได้กลัวพลังของท่านหญิงเรย์น่าเลยนะ ท่านคิดจะทำอะไรกันแน่?"

"ฉันไม่ได้กลัวพวกพุงพุ้ยนั่นสักนิด!"

ตอนนี้ตัวเธอโกรธขึ้นมาจริงๆซึ่งต่างไปจากตามปกติของตัวเธอแล้ว นี่ยังทำให้นักบวชต้องถอยออกไป ตอนนี้เองเธอก็พูดหนทางแก้ออกมา

"เราต้องเตรียมตัวแล้ว พวกเขากำลังเตรียมตัวจะทำสงครามกับเราเร็วๆนี้แน่~"

"สงคราม!?"

ผู้คนที่ได้ยินได้แต่ตะโกนออกมาอย่างตกตะลึง แต่นายูนาก็แค่หยักหน้าใจเย็น

"พวกนั้นน่ะพยายามที่จะหาทางหุบกลืนเอลฟอร์ดมานานแล้ว ถ้ามีงานแต่งงานขึ้นเรื่องหุบกลืนจะง่ายขึ้น แต่ถ้าฉันปฏิเสธพวกนั้นก็จะเอามาเป็นข้ออ้างในการบุกรุก~"

"ท่านไม่คิดว่าเขาจะตกหลุมรักท่านหรอ...?"

"นั่นไม่ต้องคิดเลย ไม่ว่าจะฉันหรือเอลฟอร์ดเจ้านั่นก็จะไม่ได้ไป"

ความมั่นใจของนายูนาก็ยังมีมากล้นเช่นเดิมของเธอ

"เตรียมตัวได้แล้ว พวกเรากำลังจะต้องรบกับพวกนั้นแล้ว บางทีพวกนั้นอาจจะมีกองทัพเตรียมพร้อมไว้แล้วก็ได้ งั้นช่วยอพยพพลเมืองก่อนเลยและเราค่อยคุยส่วนที่เหลือกัน"

ตอนที่นายูนายืนขึ้นมาจากที่นั่ง คังฮาจินอัศวินผู้พิทักษ์ของเธอก็ได้ตามเธอไป นักบวชได้แต่มองพวกเธออย่างเสียสติไป ยังไงก็ตามไม่นานนักพวกเขาก็เริ่มถอนหายใจคุยกันเอง

"ฉันคิดว่ามันช่วยไม่ได้แล้วล่ะนะ"

"พวกเราต้องทำตามประสงค์ของท่านหญิง นอกไปจากนี้ฉันก็ไม่ได้ชอบจักรวรรดินั่นเหมือนกัน"

"ฉันก็อยากจะเห็นภาพท่านหญิงเตะก้นเจ้าหมูพวกนั่นเหมือนกัน"

"เอาล่ะ ถ้างั้นมาเริ่มสงครามกันเถอะ"

ในเมื่อสตรีศักดิ์สิทธิ์ได้ตัดสินใจไปแล้วพวกเขาก็ไม่สนใจอะไรแล้ว พวกเขาได้แต่ยอมรับในชะตากรรมแล้วเริ่มสงคราม อำนาจในปัจจุบันของนายูนานั้นเหลือล้ำเอลฟอร์ดไปมากแล้ว

เพราะแบบนี้เองสงครามระหว่างสองจักรวรรดิสุดแข็งแกร่งแห่งเบร์ย่าจึงได้เริ่มตั้งเค้าขึ้น

"ยูนาจะไม่เป็นอะไรแน่หรอ?"

ในขณะเดียวกันคังฮาจินก็ได้ถามนายูนาด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลในขณะที่เดินกับอยู่อยู่ที่ห้องโถง

"ฉันไม่ไม่เป็นอะไร"

"..."

ยังไงก็ตามคังฮาจินก็ต้องตกใจไปกับคำตอบที่ได้รับแบบนี้ออกมา ตอนนี้เองนายูนาก็ได้ระบายความโกรธของเธอลงไปบนพื้น

"เจ้าพุงพุ้ยไร้ยางอายนั่น แค่คิดเรื่องนี้ก็ทำให้ฉันโกรธแล้ว"

"มีผู้ชายตั้งเยอะที่เข้ามาหาเธอแบบนี้ในอดีตนี่ นอกไปจากนี้จักรวรรดิอื่นๆในทวีปก็คุยกับเราเรื่องนี้เหมือนกัน เธอก็ปฏิเสธเขาไปแบบดีๆก็ได้นี่?"

"แต่ไม่ว่ายังไงพวกนั้นก็เตรียมทำสงครามแล้ว หากฉันไม่แต่งงาน เราก็ต้องทำสงครามอยู่ดีดังนั้นจะสุภาพกันไปทำไม"

นี่คือเรื่องจริง ไม่จำเป็นต้องสุภาพเลย

"แต่ถ้าพวกเราสุภาพหน่อยก็ชะลอสงครามได้นะ"

"ฉันก็รู้น่า"

และที่เธอไม่ทำแบบนั้นก็เพราะ

"ยังไงก็ตามถ้าทำแบบนั้นอย่างน้อยฉันจะต้องเจอกับเจ้าพุงพุ้ยนั่น แล้วก็เจ้านั่นจะต้องทำอะไรน่าขยะแขยงแน่ ฉันน่ะเป็นคนที่มีเจ้าของอยู่แล้วนะ ฉันจะไม่มีทางให้โอกาสใครอื่นแน่"

"...เธอเปลื่ยนไปเยอะเลยนะเพราะคุณอิลฮานน่ะ"

"แต่อิลฮานไม่ชอบการโกหก"

"จริงๆเลยคนบาปนี่"

"เขาพูดแบบนั้นน่ะ เขาทิ้งฉันไว้ที่นี่นานไปแล้ว"

นายูนาได้หยักหน้ากับคำพูดของคังฮาจิน จากนั้นเธอก็หัวเราะออกมาหลังจากมองไปที่ฮาจิน

"พี่อิจฉาหรอ~!"

"อ่า ฉันโล่งใจต่างหากที่เธอเจอคู่ของเธอ... ถึงฉันจะเจ็บนิดๆที่เธอเลือกคุณอิลฮานแทนที่จะเป็นคนอื่นๆตั้งมากมายก็ตาม"

ยังไงยูอิลฮานก็เป็นคนที่มีความสามารถ แม้แต่น้องสาวของเขาที่ไม่เคยมีเรื่องความรักเข้ามาทั้งชีวิตรวมไปถึงเพื่อนคนนี้ของเธอก็ยังไปตกหลุมรักเขาคนนั้นคนเดียวกัน แม้แต่เขายังไม่อยากจะเชื่อในโชคชะตานี้เลย

นายูนาได้หัวเราะออกมาทันทีราวกับรู้ได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

"มิเรย์น่ะหลอกล่อเขาไม่ได้เลยสักนิด~ ยิ่งไปกว่านั้นพี่จะกังวลอะไรในเมื่อครอบครัวของพวกเราทั้งสองครอบครัวไม่ได้แปลกแยกกันอยู่แล้วนี่?"

"ครอบครัวของฉันต้องมาก่อนอยู่แล้ว ฉันก็ได้แต่หวังว่าน้องสาวของฉันจะไปได้ดีกับคนที่เธอชอบในฐานะที่เป็นพี่ของเธอ"

"ถึงพี่จะพูดแบบนั้น แต่ฉันไม่ยอมให้มิเรย์ได้เขาไปหรอกน้า~"

นายูนาได้หยุดลงและถอนหายใจออกมา

"จะให้เขาหรือไม่ให้ยังไง พวกเราจะคุยกันได้ก็ต่อเมื่อเขาอยู่ที่นี่เท่านั้นแหละนะ"

"แล้วเธอจะทำอะไรล่ะถ้าเขามาอยู่นี่? ฉันได้ยินมาว่าเธออยู่กับเขาจนกระทั่งเกิดมหาภัยพิบัติขั้นที่ 3 นี่..."

"ฟู่"

หลังจากถอนหายใจเล็กๆออกมาเธอก็เตะเข้าไปที่เท้ของคังฮาจิน การโจมตีของเธอได้เสริมไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ที่พัฒนาของเธอ

"อั๊ก!"

"รอนี่นะ ฉันไปหาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก่อนล่ะน้า~ คิดด้วยว่าพี่ทำอะไรผิดไป!"

"เธอทำอะไรกับ... อั๊ก!"

***

ในขณะเดียวกันชายที่ถูกทิ้งไว้คนเดียวบนโลก....

[ก๊าซซซซซซซซ]

[กี๊ซซซซซซซซ!]

[มนุษษษษษษษษษษย์]

[แบบนี้มันกำลังทำให้ดันเจี้ยนระเบิดอย่างต่อเนื่องเลยนะ! กรี๊ดดด ล้นแล้ว การล้นทะลักของมานา]

"มานาล้นแล้ว! เยี่ยมไปเลย เตรียมยิง"

[กรี๊ดดดดดดดดดดดด]

...หลังจากผ่านไปหนึ่งปีเขาก็ยังคงไม่หยุดถอนรากถอนโคนของมอนสเตอร์บนโลก และในตอนนี้เขากระทั่งทำให้เกิดการระเบิดขึ้นกับดันเจี้ยนอย่างต่อเนื่องจนเกิดการล้นของมานาขึ้น

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด