ตอนที่แล้วGE175 สลายร่างชิงกระบี่ [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE177 สังหารอสูรราวผักปลา แต้มโปรยปรายราวสายฝน [ฟรี]

GE176 ดรรชนีกระบี่ทะลายขุนเขา [ฟรี]


ภายในวัง... ท่านเสวี่ยยืนมือไพล่หลัง ผมดำยาวพริ้วไหว สีหน้าดูกังวล

เบื้องหน้า หนิงฝานนั่งขัดสมาธิเตรียมปรุงโอสถ ท่านเสวี่ยไม่ต้องการให้ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มคนอื่นๆอยู่เฝ้าการรักษา จึงมอบหมายให้ป้องกันเมือง หรือไล่ล่าสังหารอสูร เพื่อเป็นการหลอกฝ่ายอสูรว่าอาการบาดเจ็บของท่านเสวี่ยได้ฟื้นฟูแล้ว ทำให้เขาจูฯซานพ้นจากวิกฤตอย่างรวดเร็ว

เมื่อหนิงฝานนำกระถางแยกโอสถออกมา ท่านเสวี่ยขมวดคิ้ว!

เมื่อหนิงฝานวาดวงแหวนเพลิง 4 วงล้อมรอบกระถางแยกโอสถ ท่านเสวี่ยยิ่งขมวดคิ้วแน่น!

หนิงฝานใช้กระถางปรุงโอสถระดับสูง สร้างขึ้นจากโลหะเทพในโลกปีศาจ และเสริมวิชาตรึงร่างเอาไว้ ท่านเสวี่ยรู้ว่ากระถางปรุงโอสถของหนิงฝานล้ำค่ามาก แต่ด้วยระดับพลังของหนิงฝานตอนนี้ ยังไม่อาจดึงอานุภาพของกระถางออกมาได้เต็มที่

แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่การป้องกันของกระถางแยกโอสถก็แข็งแกร่งเกินจินตนาการ แค่วัสดุที่ใช้สร้างเพียงอย่างเดียว ก็ทำให้กระถางแยกโอสถเทียบได้กับ 10 กระถางปรุงโอสถที่ดีที่สุดในโลกพิรุณแล้ว

“เด็กนี่เป็นศิษย์ของหานหยวนจี๋จริงๆ… หานหยวนจี๋เดินทางไปโลกกระบี่ จึงได้มอบกระถางแยกโอสถไว้ให้ศิษย์… ไม่ผิดแน่!”

หลังจากท่านเสวี่ยตกตะลึง มันก็มีความสุขขึ้นมาทันที

‘เก้าผันแปรแห่งวารี’ ท่านเสวี่ยรู้จักวิชาปรุงโอสถนี้!

นอกจากนี้ วงแหวนทั้ง 4 วงของหนิงฝาน ทรงพลังพอที่จะปรุงสมุนไพรพันปี

“วงแหวน 4 วง… เด็กนี่เป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 จริงๆ!”

เมื่อมั่นใจแล้ว ท่านเสวี่ยก็นิ่งเงียบไม่รบกวน

ทั่วทั้งโลกพิรุณ นักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 มีด้วยกันไม่กี่ร้อยคน ต่อให้หนิงฝานไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม ชายชราก็ยังให้ความสำคัญ

ชายชราไม่ได้แคลงใจกับการปรุงโอสถของหนิงฝาน ชายชราเชื่อใจอย่างเต็มเปี่ยม

“ผู้อาวุโสอาจไม่ทราบ… พิษชนิดนี้มีนามว่า ‘เฉวหยิน’ ข้าเคยปรุงโอสถผันแปรที่ 4 ถอนพิษให้กับคนผู้หนึ่ง นามว่า ‘โอสถเจ็ดหยินหยาง’”

ชายชราคาดไม่ถึงว่าขณะปรุงโอสถผันแปรที่ 4 หนิงฝานจะพูดคุยได้เป็นปกติ นั่นแสดงให้เห็นว่าทักษะการปรุงโอสถของหนิงฝานนั้นสูงส่ง

มีเพียงนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 ขั้นกลาง ที่กำลังปรุงโอสถผันแปรที่ 4 ขั้นต่ำเท่านั้นที่สามารถพูดคุยยามปรุงโอสถได้ หรือเด็กผู้นี้จะเป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 ขั้นกลาง

เมื่อชายชราได้ยินว่าตนต้องพิษเฉวหยิน สีหน้าแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง

“คาดไม่ถึงว่าจะเป็นพิษชนิดนี้!”

“ผู้อาวุโสเคยได้ยินพิษชนิดนี้มาก่อนเช่นนั้นหรือ?”

หนิงฝานขมวดคิ้ว เพราะชื่อพิษชนิดนี้มีเพียงผู้เชี่ยวชาญในสมัยโบราณเท่านั้นที่รู้ แม้เป็นหานหยวนจี๋ยังไม่รู้ แต่ท่านเสวี่ยกลับรู้

“อืม… ข้าเคยได้ยินชื่อมาก่อน… เมื่อตอนที่ข้าไปช่วยหยุนเลี่ยที่สระมังกรนิทรา ขุนพลปีศาจลอบจู่โจม มันและข้ามีพลังอยู่ในระดับเดียวกัน คือขอบเขตตัดวิญญาณขั้นต้น เราต่อสู้กันอย่างสูสี แต่สุดท้ายมันแปลงร่าง พ่นหมอกโลหิตออกมา แต่ในหมอกโลหิตนั้นกลับแฝงด้วยโลหิตสีดำ ซึ่งสามารถทะลวงเกราะปราณของข้าเข้ามาอย่างง่ายดาย เมื่อมันแทรกเข้าร่างกายของข้าได้ ข้าก็ต้องพิษจนต้องเร่งกลับมาที่นี่ทันที เพราะพิษของมันกระทบกับระดับพลังของข้าอย่างใหญ่หลวง… สหายน้อยซัวหมิงอาจไม่รู้ ว่าพิษเฉวหยิน คือพิษที่มีเฉพาะดินแดนวิญญาณแห่งอสูร ซึ่ง ‘ผู้นำอสูร’ ในขอบเขตไร้แบ่งแยกจะเป็นผู้ปรุงขึ้นมา และมอบให้กับขุนพลอสูร”

ท่านเสวี่ยกล่าวขึ้นด้วยความเศร้าเคล้าดีใจ เหตุที่ดีใจคือมันครอบครองเส้นลมปราณเทพโบราณ ไม่อย่างนั้น พิษเฉวหยินคงสังหารมันไปแล้ว

หนิงฝานขบคิดกับคำกล่าวของท่านเสวี่ย และปรุงโอสถไปด้วยในเวลาเดียวกัน

พิษเฉวหยินคือพิษของอสูร แต่เรื่องพิษของอสูร ความทรงจำของจักรพรรดิสวรรค์ไม่ได้กล่าวไว้มากนัก ดูเหมือนความทรงจำที่ได้มาจะยังไม่สมบูรณ์

พิษเฉวหยินของอสูร… ศัตรูของหานหยวนจี๋คือนิกายปีศาจขาว เทพกษัตริย์เนี่ยทรยศและเข้าร่วมกับนิกายปีศาจขาว… หรือเทพกษัตริย์เนี่ยจะเป็นอสูร?

“ดินแดนวิญญาณแห่งอสูรอยู่ที่ใด!?” หนิงฝานกล่าวถามด้วยแววตาเป็นประกาย

“หากสหายน้อยซัวอยากรู้ ข้าจะบอกให้ เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับ ดินแดนวิญญาณแห่งอสูร คือสถานที่ประกอบไปด้วยซากปรักหักพังของ ‘โลกอสูรโบราณ’ ‘ลานสวรรค์โบราณ’ และ ‘โลกไร้แบ่งแยก’... การจะเดินทางไปที่นั่น สามารถเดินทางผ่านโลกไร้แบ่งแยก แต่ด้วยเส้นทางนั้นถูกทำลาย จึงต้องรอเวลาและโอกาสที่เหมาะสม… ในลานสวรรค์โบราณมีสถานแห่งหนึ่งชื่อว่า ‘สระเซียน’ เป็นสถานที่ที่ผู้เชี่ยวชาญทุกคนต้องการไป เมื่อลานสวรรค์โบราณเปิด ทุกคนจะออกตมหาสถานที่แห่งนั้น แต่กับดินแดนวิญญาณอสูร จะเป็นสถานที่ที่ตรงกันข้ามกับสระเซียน เพราะไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อยากไป ผู้ที่หลงเข้าไปมีแต่จะประสบกับความตาย เพราะใน่สวนลึกของสถานที่แห่งนั้น มีเผ่าอสูรโบราณหลับไหลอยู่ พวกมันแข็งแกร่งจนน่ากลัว หากพวกมันตื่นและข้ามมายังฝั่งนี้ คงเกิดปัญหาร้ายแรง จึงได้ทำลายเส้นทางที่เชื่อมมา… จริงๆแล้วคนของโลกอสูรเองก็อยากไปเยือนดินแดนวิญญาณแห่งอสูรเหมือนกัน แต่ผู้ที่จะเข้าไปที่นั่นได้ มีเพียง 10 เทพกษัตริย์แห่งเทพอสูรเท่านั้น”

เมื่อกล่าวถึง 10 เทพกษัตริย์ของโลกอสูร ท่านเสวี่ยขมวดคิ้ว

การที่เกิดเหตุอสูรรุกรานโลกพิรุณ ย่อมเป็นคำสั่งของเทพกษัตริย์ของโลกปีศาจ แต่ถึงอย่างนั้น วิหารพิรุณยังไม่ยอมส่งผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกมาจัดพวกมัน

ถึงจะรู้ว่าเป็นคำสั่ง แต่โลกอสูรก็ทรงพลังกว่าโลกพิรุณมาก หากไม่มีกฏของโลกทั้ง 9 อยู่แล้ว โลกอสูรอาจมาทำลายโลกพิรุณจนราบ

ฉะนั้น ทางเลือกที่ดีที่สุดในเวลานี้คือต้องจัดการกับอสูรที่รุกราน หากสังหารขุนพลอสูรไม่ได้ ท่านเสวี่ยก็ไม่อาจสงบใจ… ท่านเสวี่ยไม่ได้บอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้หนิงฝานฟัง เพราะมันคือความลับ ความลับที่จะกระทบกับชื่อเสียงของวิหารพิรุณ

ท่านเสวี่ยและหนิงฝานสงบคำไม่พูดคุย

ผ่านไป 6 วัน หนิงฝานก็ลืมตาพร้อมกับโอสถที่ปรุงเสร็จ

การปรุงโอสถผันแปรที่ 4 ให้เสร็จภายใน 6 วันนั้น สำหรับหนิงฝานไม่นับเป็นอันใด

แต่นั่นกลับทำให้ท่านเสวี่ยไม่อยากเชื่อสายตา เพราะด้วยความเร็วระดับนี้ ต่อให้เป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 ขั้นสูงสุดก็ยังทำไม่ได้… มีแต่นักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 เท่านั้น!

“เป็นไปไม่ได้ อายุเพียง 20 ปี แต่เป็นถึงนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 นี่มันปีศาจชัดๆ… ในโลกพิรุณมีนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 อยู่เพียง 27 คน แต่ผู้ที่บรรลุนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 ในด้วยเวลาเพียงพันปีมีเพียงคนเดียวเท่านั้น และคนผู้นั้นยามนี้ก็กลายเป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 6 ในวิหารพิรุณ มันได้รับการปฏิบัติจากเทพกษัตริย์แห่งโลกพิรุณเป็นอย่างดี… หากเด็กคนนี้ได้เป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 หรือเป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 ขั้นสูงสุด เด็กคนนี้จะกลายเป็นนักปรุงโอสถอันดับหนึ่งของโลกพิรุณอย่างแน่นอน!”

ยามนี้ ความสามารถของหนิงฝานได้สลักลงไปในใจชายชรา

ด้วยพรสวรรค์เช่นนี้ หนิงฝานย่อมบรรลุนักปรุงโอสถผันแปรที่ 7 ได้ หรือหากเป็นเพียงนักปรุงโอสถผันแปรที่ 6 ได้ มันก็พอใจมากแล้ว

แม้หนิงฝานจะไม่เอ่อยปาก แต่ท่านเสวี่ยเร่งทะยานออกไปนอกวัง และกางม่านพลังบดบังปรากฏการณ์ของการกำเนิดโอสถผันแปรที่ 4

ชายชราทำลายปรากฏการณ์โอสถ แต่ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆในเขาจูซานทั้งหมดสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน

“ปรากฏการณ์โอสถผันแปรที่ 4… ซัวหมิงผู้นั้นคือนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 จริงๆ!”

หยุนโร่วเหว่ยลนลาน เมื่อนางได้ยินว่าโอสถผันแปรที่ 4 สีหน้าของก็แปรเปลี่ยนไม่สู้ดี

“โอสถผันแปรที่ 4… โอสถผันแปรที่ 4… เขาเป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4...”

ตัวตนของหนิงฝานยิ่งสลักลึกลงไปในใจของนาง ไม่ว่ายังไงก็ไม่อาจลบเลือน

เมื่อเรื่องนี้ไปถึงหูหยุนขวางที่กำลังพักรัษาตัว มันขบฟันด้วยความแคว้น

แม้ว่ามันจะหนีออกมาก่อนจนไม่ได้รู้เรื่องที่หนิงฝานรักษาท่านเสวี่ย แต่ก็มีคนมาแจ้งมัน

“นักปรุงโอสถผันแปรที่ 4… เป็นไปไม่ได้!” สีหน้าของมันแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง

“มันเป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 จริง! เป็นไปได้ยังไง!”

ในใจของมันหวังให้หนิงฝานรักษาท่านเสวี่ยไม่สำเร็จ จนทำให้ท่านเสวี่ยโกรธเคือง และชิงแก่นปราณเยือกแข็งไป เมื่อนั้น ก็จะเป็นโอกาสให้มันได้ชิงกระบี่ไร้เงาคืนพร้อมกับชีวิตของหนิงฝาน!

แต่การที่ปรุงโอสถสำเร็จ หมายความว่าหนิงฝานสามารถรักษาท่านเสวี่ยได้

หากการรักษาลุล่วงด้วยดี หนิงฝานจะได้รับความดีความชอบจากท่านเสวี่ย เหมือนกับที่หยุนขวางเคยได้รับจากอีกคน

เหตุใดเหตุการณ์ต้องเป็นเช่นนี้!

“ความแค้นนี้… ข้าต้องอดกลั้น!”

หยุนขวางขบฟันแน่นสยบความโกรธ กลืนโลหิตที่เกือบกระอักออกมาคืนไป

ใช้เวลาเพียง 6 วันในการปรุงโอสถผันแปรที่ 4 แสดงว่าทักษะการปรถงโอสถของหนิงฝานไม่ธรรมดา

แต่ถึงผู้คนจะคาดเดา ก็มีแต่จะทำให้ตัวตนของหนิงฝานลึกลับมากขึ้น แม้หนิงฝานไม่กล่าว แต่เรื่องราวอันลึกลับคงแพร่ออกไป ที่สำคัญ ด้วยความเร็วในการปรุงระดับนี้ย่อมไม่ใช่สิ่งที่นักปรุงโอสถทั่วไปจะทำได้

ภายในวัง… หลังจากท่านเสวี่ยกินโอสถเจ็ดหยินหยางเข้าไป พิษในร่างก็ค่อยๆสลายไปอย่างช้าๆ กลิ่นอายที่ทรงพลังค่อยๆกลับคืนมา

หนิงฝานเองก็ยังไม่จากไปไหน เขายังคงยืนมองน้ำตกสายใหญ่ ที่แผ่ปราณธรรมชาตจำนวนมากออกมา

ตู่กูน้อยได้มอบวิชาดรรชนีกระบี่ให้หนิงฝาน เป็นวิชาขัดเกลาที่ทรงพลังอย่างที่สุด แต่การฝึกฝนก็ยากลำบากเช่นกัน อย่างแรกคือต้องดูดกลืนเส้นชีพจรพิภพ 5 แห่ง  ซึ่งชีพจรนั้นก็ต้องอยู่ในระดับดวงจิตแรกเริ่มเป็นอย่างน้อย

ซึ่งเส้นชีพจรพิภพระดับนั้นหาไม่ได้ในแคว้นระดับล่าง แต่แคว้นจินที่เป็นแคว้นระดับกลางนั้นมีอยู่!

และภูเขาจูซานแห่งนี้ ก็เป็นแหล่งกำเนิดของเส้นชีพจรพิภพระดับนั้น

ซึ่งสามารถใช้ฝึกฝนวิชาดรรชนีกระบี่ได้

แต่การจะฝึกวิชาดรรชนีกระบี่ เส้นชีพจรพิภพรอบเขาจูซานกว่า 500 ลี้จะถูกทำลาย หากหนิงฝานทำแบบนั้น ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากคงโกรธแค้น

แต่หากมีท่านเสวี่ยสนับสนุน ทุกอย่างคงกลายเป็นเรื่องง่าย… แต่ท่านเสวี่ยจะยอมช่วยเหรอ?

ดูเหมือนคงเป็นโยนความผิดให้กับท่านเสวี่ย โดยอ้างว่าการปรุงโอสถรักษาท่านเสวี่ยเกิดข้อผิดพลา เป็นเหตุให้เส้นชีพจรพิภพของที่นี่ถูกทำลาย

หนิงฝานขบคิด หากตนเองปรุงโอสถหลายๆชนิดเพื่อทำให้ท่านเสวี่ยฟื้นฟูพลัง ท่านเสวี่ยอาจมีความสุข

ดังนั้น หนิงฝานจึงเริ่มปรุงโอสถ มือซ้ายควบคุมการปรุง มือขวาสัมผัสพื้นดินและแอบโคจรวิชาดรรชนีกระบี่ หนิงฝานจงใจปรุงโอสถให้เชื่องช้าเพื่อประวิงเวลา

เมื่อมือข้าขวาเริ่มสัมผัสกับเส้นชีพจรพิภพได้ เขาก็เริ่มดูกลืนพลังของมันเข้ามายังปลายนิ้ว ทำให้เกิดความเจ็บปวดแล่นผ่านนิ้วมือขึ้นมา แต่ความเจ็บนั้นไม่อาจเทียบเท่าโอสถจักรพรรดิหยกเม็ดที่ 3 หนิงฝานย่อมทนได้

ปราณธรรมชาติที่หลั่งไหลเข้ามา ทำให้นิ้วของหนิงฝานค่อยๆเกิดการเปลี่ยนแปลง

นิ้วจะกลายเป็นเหมือนกระบี่ ทำให้หนิงฝานสามารถสามารถชักนำพลังของสายน้ำและขุนเขา แปรเปลี่ยนเป็นกระบี่ได้

ยามนี้ ภาพของสตรีผู้งดงาม ผู้เป็นเทพกระบี่ปรากฏขึ้นในหัวหนิงฝาน นางร่ายรำท่วงท่า ปราณกระบี่ปลิดชีวิต...

ผ่าน 3 วัน วังกลับเกิดการสั่นสะเทือน

เหล่าผู้เชี่ยวชาญรอบนอกเข้าใจว่าเกิดจากการปรุงโอสถ ท่านเสวี่ยลืมตา มองหนิงฝานด้วยความตกตะลึง เพราะหนิงฝานสามารถชักนำพลังจากเส้นชีพจรพิภพได้

“เด็กนี่ชักนำพลังพิภพ ยกระดับพลังในขณะที่ปรุงโอสถ นับว่าฉลาดไม่เบา...” ท่านเสวี่ยมีความสุขเพราะคิดว่าหนิงฝานเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญกึ่งแก่นทองคำ สมควรดูดซับพลังจากเส้นชีพพิภพได้ไม่มาก

แต่เมื่อผ่านไป 7 วัน มันกลับยิ้มไม่ออก

เพราะปราณจากเส้นชีพจรพิภพถูกหนิงฝานดูดกลืนไป 3 ส่วน และยังไม่มีท่าทีว่าจะหยุด

เด็กนี่กำลังจะทำลายเส้นชีพจรพิภพ! มันฝึกวิชาอะไรถึงได้ทรงพลังขนาดที่จะทำลายเส้นชีพจรพิภพได้

แต่มันก็ไม่ได้ห้าม ไม่ใช่เพราะโปรดปราณหนิงฝานเป็นการส่วนตัว แต่สนใจเรื่องสถานะของหนิงฝาน มันจึงทำเป็นไม่สนใจ

เมื่อผ่านไป 10 วัน กลิ่นหอมก็โชยออกมาจากกระถางโอสถ พร้อมกับเสียงดังสนั่นก้องไปทั่ว!

เส้นชีพจรพิภพถูกทำลาย!

ฝึกดรรชนีกระบี่สำเร็จ!

หนิงฝานเปิดฝากระถาง แต่สายตาไม่ได้มองโอสถ กลับจ้องมองนิ้วมือขวาแทน

ดรรชนีกระบี่นิ้วที่ 1! ทำลายภูเขา!

ยามนี้ เส้นชีพจรพิภพในรัศมี 500 ลี้ ได้กลายมาเป็นดรรชนีกระบี่ให้หนิงฝานแล้ว!

“เป็นวิชาขัดเกลาร่างกายที่น่าสะพรึงกลัวจริงๆ! แค่ใช้ดรรชนีกระบี่ครั้งเดียว ก็แทบผลาญกำลังกายข้าไปจนหมด… แต่มันก็ทรงพลังพอที่จะสังหารผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นกลาง”

หนิงฝานกล่าวในใจ แต่สีหน้ายังคงสงบนิ่ง

ในขณะที่เกิดปรากฏการณ์โอสถ ท่านเสวี่ยทะยานออกไปนอกวัง ทำลายปรากฏการณ์นั้น แล้วกลับเข้ามาเช่นเดิม

“อืม… เส้นชีพจรพิภพถูกทำลาย!”

“ขออภัยผู้อาวุโส ปราณที่ใช้ปรุงโอสถของข้าไม่พอ จึงได้ดูดซับปราณจากเส้นชีพจรพิภพ แต่ข้าคาดไม่ถึงว่าจะถึงขั้นที่ทำให้เส้นชีพจรพิภพถูกทำลาย… ไม่รู้ว่าผู้อาวุโสจะช่วยข้าจัดการเรื่องนี้ได้หรือไม่?”

“เห็นแก่ตัวเจ้า ข้าจะช่วยเจ้าหนหนึ่ง อีกอย่าง เจ้าก็ปรุงโอสถให้ข้า ไม่อาจตำหนิตัวเจ้าได้… เรื่องนี้ถือเป็นความผิดข้า ข้าจึงยังติดหนี้เจ้าอยู่หนหนึ่ง...”

หนิงฝานแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง

แต่ไม่ว่ายังท่านเสวี่ยก็คงช่วยหนิงฝานอยู่ดี

แม้โอสถผันแปรที่ 4 สองเม็ด แลกกับการที่เส้นชีพจรพิภพถูกทำลายยากจะยอมรับ แต่ก็ยังพอให้อภัยกันได้ หากท่านเสวี่ยออกหน้ารับ ราชาแคว้นจินย่อมไม่กล้าเอ่ยปาก

วิหารพิรุณที่ตั้งอยู่บนภูเขาจูซานสามารถย้ายที่ได้ เพราะหลังจากจัดการอสูรแล้ว ภูเขาจูซานก็จะถูกทิ้งร้างอยู่ดี

หนิงฝานประหลาดใจที่ท่านเสวี่ยดีกับตนขนาดนี้

หนิงฝานคาดว่า แม้ท่านเสวี่ยจะไม่เอาความ แต่ก็คงโกรธอยู่ดี

“เหตุใดมันถึงดีกับข้าขนาดนี้… หรือเป็นเพราะการปรุงโอสถของข้า?” หนิงฝานสงสัยแต่ไม่ได้กล่าวถาม

แต่อย่างน้อย แค่ท่านเสวี่ยไม่ได้เจตนาร้ายแอบแฝงก็ดีมากแล้ว

เมื่อดรรนีกลายเป็นกระบี่ หนิงฝานก็มีไพ่ตายเพิ่มขึ้นอีกหนึ่ง ยามนี้ สมควรได้เวลาหาแต้มเพิ่ม!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด