เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0048 [อ่านฟรี]
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ
••••••••••••••••••••
นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล
••••••••••••••••••••
ตอนที่ 48 : ขัดเกลายันต์
ผู้อำนวยการจางพยักหน้ารับ “เรื่องนี้คือกฎของสถาบันยุทธ์ฮัวหลิง หากละเมิด ทั้งอาจารย์และนักเรียนต้องถูกไล่ออกจากสถาบันยุทธ์โดยทันที”
หยางฉีเย่ว์คือบุคคลซึ่งกระทำเรื่องราวตามหลักการ ดังนั้นปรมาจารย์เว่ยจึงกล้าพูดกล่าวเรื่องพวกนี้เพราะเข้าใจถึงจุดนี้
อาจารย์หลายท่านต่างคุ้นเคยกับบรรดาข้าราชบริพารเฒ่า พวกเขาลุกยืนขึ้นและพูดคุยกันเอง พวกเขาเองก็คิดว่าหยางฉีเย่ว์มอบทรัพยากรมหาศาลแก่ฉินหยุน
นักเรียนหลายคนต่างก็รู้สึกเช่นเดียวกันนี้
บรรดานักเรียนใหม่ที่อยู่ที่นี่ต่างส่งเสียงไม่พอใจแก่เรื่องราวนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะเรื่องราวที่ผ่านมา ฉินหยุนได้พรากเอาทรัพยากรของพวกเขาไปจนสิ้น ดังนั้นการขับไล่ฉินหยุนออกจากสถาบันยุทธ์ฮัวหลิงจะเป็นการดีต่อพวกเขาไม่น้อยเลยทีเดียว
สำหรับนักเรียนชั้นปีอื่น พวกเขาอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่ห้า พวกเขาก็คิดว่าฉินหยุนเป็นภัยคุกคาม ยกตัวอย่าง พวกเขาต่างโดนเหยียดหยันกันไปแล้วเมื่อครั้งการประลองยุทธ์ราชสีสวรรค์
เมื่อพระยาเยี่ยนและพรรคพวกเห็นปรมาจารย์เว่ยไม่ยินยอมปล่อยวางเรื่องราว พวกเขาลอบยินดีอยู่ภายใน หากหยางฉีเย่ว์และฉินหยุนถูกขับไล่ออกจากสถาบันยุทธ์ฮัวหลิงเพราะเรื่องนี้ มันค่อยทำให้โทสะของพวกเขาได้รับการระบายบ้าง
หยางฉีเย่ว์กล่าวเฉยชา “ข้าไม่เคยมอบทรัพยากรการฝึกฝนใดแก่ฉินหยุน ห้องเรียนของข้ามีเพียงเขาคนเดียว ดังนั้นเวลาส่วนใหญ่จึงใช้ไปกับการฝึกสอนวิชายุทธ์และให้คำแนะนำในวิชายุทธ์ ทั้งหมดก็แค่นั้น!”
“ต่อให้พวกเราอยากเชื่อ พวกเราก็ไม่คิดเชื่ออยู่ดี” ปรมาจารย์เว่ยส่ายศีรษะถอนหายใจ “หากไม่มีหลักฐานยืนยันหนักแน่น ทุกคนที่นี้จะทราบได้เช่นไรว่านี่ไม่ใช่การกล่าวอ้างเพียงฝ่ายเดียว?”
สีหน้าของหยางฉีเย่ว์พลันเย็นเยือก นางไม่ทราบว่าจะยืนยันเรื่องนี้อย่างไร เพราะนางก็ไม่อาจเข้าใจได้เช่นกันว่าเพราะอะไร ฉินหยุนที่มีเส้นวิญญาณเพียงหนึ่งถึงสามารถก้าวหน้ารวดเร็วเพียงนี้
นางเพียงพบว่าฉินหยุนมีวิญญาณยุทธ์อีกหนึ่งในร่าง และนางก็ไม่คิดอยากพูดเรื่องนี้ออกมาด้วย
ขณะที่หยางฉีเย่ว์ตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก ฉินหยุนจึงตัดสินใจกล่าวด้วยน้ำเสียงสงบ “ข้ารู้วิธีการขัดเกลายันต์ ทรัพยากรการฝึกฝนของข้าล้วนได้รับจากการขายยันต์ในทางลับ”
“เป็นไปได้?” ปรมาจารย์เว่ยยิ้ม “คุนเอ๋อเรียนรู้ผังวิญญาณจากข้าตั้งแต่ยังเยาว์ และเพียงเพิ่งรู้วิธีการวาดยันต์ในปีนี้ แต่แล้วเจ้ากลับบอกว่ารู้วิธีการขัดเกลายันต์ เรื่องนี้จะให้เชื่อได้อย่างไร!”
ทุกคนต่างมึนงงต่อสิ่งที่ฉินหยุนพูดกล่าวออกมา ทว่า พวกเขาก็พบว่ามันเป็นเรื่องน่าขำเพียงใดเมื่อได้ยินคำกล่าวของปรมาจารย์เว่ย
เว่ยเสวียนคุนหัวเราะดังลั่นพร้อมโพล่งคำพูดออก “ฝีมือด้านการแกะสลักผังวิญญาณของข้ามิใช่ชั่ว กับข้ายังต้องใช้เวลานานเพื่อเรียนรู้ แล้วเจ้านั้นเล่า? เหอะ ใครกันที่สอนเจ้าทำยันต์? อาจารย์หยางก็ไม่น่าจะทราบจริงไหม?”
“ต้องให้ข้าทำยันต์ให้ดูหรือไม่ว่ามันคืออะไร!” ปรมาจารย์เว่ยคืออาจารย์จารึก ทั้งยังเป็นผู้นำสมาคมจารึกด้วยเช่นกัน ทว่าสีหน้าฉินหยุนก็ยังสงบขณะเผยยิ้มอ่อน “เคล็ดวิชาแกะสลักที่ข้ารู้แจ้งเป็นผลจากมหาอุปราช ข้าได้เรียนรู้มันจากนางครั้งยังเด็ก แต่ไม่เคยมีผู้ใดรับรู้! หากไม่ใช่ความจริงที่ว่านางถูกไล่ล่าโดยพวกคนโฉดชั่ว ข้าคงสร้างสมบัติวิญญาณได้ไปแล้วด้วยซ้ำ!”
ฝูงชนระเบิดเสียงฮือฮากันออกมา มันถึงกับเป็นสิ่งที่ได้รับการสอนจากหญิงชั่วร้ายผู้นั้น!
อันที่จริง มีหลายคนรู้และเข้าใจว่ามหาอุปราชโดนกล่าวหาเรื่องฝึกฝนวิชาของปีศาจ
หลังเกิดเรื่องราวในปีนั้น จักรพรรดินีและคนของนางคือผู้ได้รับผลประโยชน์เหลือคนานับ
ฉินหยุนไม่ได้โกหกยามเมื่อกล่าวว่าได้รับสืบทอดผังวิญญาณจากมหาอุปราช มันเป็นเพราะผังวิญญาณที่เขาได้รับมันมาจากสร้อยข้อมือวิญญาณเทวะเก้าตะวัน
ไม่มีใครรู้ว่ามหาอุปราชหญิงผู้นั้นรู้วิธีการแกะสลัก พวกเขาเพียงรู้ว่านางเชี่ยวชาญการใช้โอสถระดับชั้นแนวหน้า
อาการของหยวนหยานหยิงที่ป่วยไข้มานานปีถึงกับหายได้อย่างน่าประหลาด นางคือหนึ่งในคนที่ถูกรักษา นอกจากนี้นางยังมีใบสั่งยาเพื่อทำการรักษาอย่างต่อเนื่องให้หายเป็นปลิดทิ้งด้วย
“ข้าไม่เชื่อ!” เว่ยเสวียนคุนกล่าวดังก้อง “จงใช้กระดาษยันต์ของข้าและพู่กันวาดยันต์ขึ้น หากเจ้าทำไม่ได้ ข้าจะ...”
“เจ้าไม่ต้องสัญญาแต่อย่างใด ไม่เช่นนั้นจะเป็นเหมือนดาบน้ำเงินเมื่อครั้งก่อนที่เจ้าคิดเอากลับคืนจากข้า... และตอนนี้ เยี่ยนหยุนก็สลบไปแล้ว เจ้าไม่มีทางกู้หน้าได้อีกแน่” ฉินหยุนหัวเราะคิกคักขณะน้ำเสียงนี้เปี่ยมด้วยความเย้ยหยัน “ต่อให้นางไม่สลบ นางก็ขอให้ข้าทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว”
“เจ้า...” เว่ยเสวียนคุนโกรธขนาดที่ไม่รู้ว่าควรตอบสนองอย่างไรดีแล้ว
ท่าทีของฉินหยุนมั่นใจมากจนถึงขนาดทำให้เขาคิดว่าอีกฝ่ายขัดเกลายันต์ขึ้นได้จริง ทว่าหลายคนก็ยังคงไม่เชื่อ
อย่างไรแล้ว การก้าวสู่วิถีจารึกไม่ใช่เรื่องง่ายเพียงแค่พูด
ปรมาจารย์เว่ยเดินขึ้นลานประลองขณะนำเอามีดแกะสลักงดงามสีทองคำขนาดเล็กออกมา เขากล่าว “หากเจ้าสามารถขัดเกลายันต์ได้ ข้าจะมอบมีดแกะสลักนี้แทนของขวัญ นี่คืออาวุธวิญญาณระดับกลาง!”
มีดแกะสลักนี้นับว่าดีเลิศกว่าที่ฉินหยุนใช้ในปัจจุบันหลายเท่านัก มันถึงกับทำให้เขาลอบตื่นเต้นยินดี
“หากเจ้าไม่อาจทำได้ จะเป็นการยืนยันว่าอาจารย์หยางลอบช่วยเหลือเจ้า ในเมื่อเจ้าทำผิดกฎร้ายแรงของสถาบันยุทธ์ฮัวหลิง เจ้าต้องออกไปให้พ้นจากสถาบันแห่งนี้โดยทันที” ปรมาจารย์เว่ยกล่าว “แล้วก็ ข้าไม่คิดมอบหนึ่งแสนเหรียญผลึกอะไรเช่นนั้นแก่เจ้าดังเช่นที่พระยาเยี่ยนติดค้างเอาไว้ด้วย”
“ตกลง!” ฉินหยุนรับคำหนักแน่น
เว่ยเสวียนคุนเกิดเป็นกังวล ทว่าเมื่อได้เห็นสีหน้าบิดายังเฉยชา เขาก็ค่อยวางใจได้ระดับหนึ่ง
“ใช้กระดาษและปากกาของข้า” ปรมาจารย์เว่ยนำเอากองกระดาษออกมาพร้อมพู่กันที่ดูทั้งเก่าแก่และทรุดโทรม
ฉินหยุนกล่าว “ข้าเพียงใช้มีดแกะสลักเพื่อจัดทำยันต์ขึ้น ดังนั้นโปรดให้ข้ายืมมีดแกะสลักนั่น!”
การใช้มีดแกะสลักขัดเกลายันต์ขึ้นได้ คนผู้นั้นจำเป็นต้องมีฝีมือถึงระดับหนึ่ง คำขอนี้ถึงทำเอาเว่ยเสวียนคุนแค่นเสียงเย้ยหยัน
ทว่า ปรมาจารย์เว่ยกลับนำเอามีดแกะสลักเก่า ๆ เล่มหนึ่งออกมาและส่งให้
หยางฉีเย่ว์รู้สึกได้ถึงเรื่องไม่ชอบมาพากลที่กำลังจะเกิดขึ้นขณะคิดอยากกล่าวอะไรออกไป แต่นางก็ได้เห็นคนผู้หนึ่งก้าวเดินขึ้นมาเสียก่อน
อีกฝ่ายเป็นชายชราในชุดขาว ทั้งยังมีหนวดเคราสีขาวที่ยื่นยาวแทบถึงหน้าอกและมีสายตาเป็นมิตร
หลังจากเขาเดินขึ้นมา เขาหัวเราะในคอเล็กน้อยและกล่าว “ข้าคือผู้จัดการของตำหนักจารึกเทวะ ต้วนเฉียน ตำหนักจารึกเทวะแห่งภูมิภาคจักรวรรดิเทียนฉินอยู่ภายใต้การควบคุมของข้า! การประเมินขอให้เป็นหน้าที่ของข้าผู้นี้!”
“แน่นอน แน่นอน ท่านผู้จัดการโปรดทำตามสบาย” ปรมาจารย์เว่ยยิ้มนอบน้อม กระทั่งแสดงความเคารพต่อผู้อาวุโสท่านนี้อย่างถึงที่สุด