ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0046
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0048

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0047


ตอนที่ 47 : วิญญาณยุทธ์แห่งสวรรค์

ความสามารถในการเบี่ยงเบนทิศทางลมของปรมาจารย์เว่ยอาจกล่าวได้ว่าถึงขั้นยิ่งกว่าสมบูรณ์แล้ว เป็นผลให้เหล่าข้าราชบริพารต่างรู้สึกไม่ยินดีอย่างถึงที่สุด

พระยาเยี่ยนตอนนี้อยู่ในสภาพอารมณ์เลวร้าย หลานชายที่มีพรสวรรค์หาตัวจับได้ยากของเขาถูกทำลายจนสิ้น และตอนนี้ยังต้องคุกเข่าขออภัยต่อฉินหยุน ผู้ซึ่งเป็นต้นเหตุทำให้หลานชายของเขาพิการ

นี่ไม่ต่างอะไรกับขว้างหินแล้วมันกระเด็นกลับมากระแทกหน้าตนเอง! ไม่เพียงแค่กระแทก มันกระทั่งแหกหน้าเขาด้วยซ้ำ!

หลังสงบใจข่มความเศร้าและโกรธเคืองลงไปได้ เขากล่าวออกมาเชื่องช้า “พวกเราตอนนี้มั่นใจแล้วว่าฉินหยุนไม่ได้ฝึกฝนวิชาของปีศาจ แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่มีความผิด ย้อนกลับไปเมื่อครั้งนั้น มหาอุปราชซึ่งเป็นบุคคลชี้แนะเขาได้ฝึกฝนวิชาปีศาจนอกรีต”

เยี่ยนชิงหยูจบสิ้นแล้ว หากเขาต้องคุกเข่าต่อหน้าฉินหยุนอีก พระยาเยี่ยนคงกลายเป็นตัวตลกประจำจักรวรรดิเทียนฉินเป็นแน่แท้

ไม่ว่าจะด้วยอะไร เขาจะไม่มีวันคุกเข่ายอมรับความผิดต่อหน้าฉินหยุน!

ฉินหยุนมองพระยาเยี่ยนและกลุ่มข้าราชบริพารเฒ่าด้วยท่าทีเช่นเคย เขากล่าวอย่างโกรธแค้นและน้ำเสียงยะเยือก “นี่หมายความว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดาหรือที่พวกเจ้าทั้งหมดนำเส้นวิญญาณของข้าออกไปเพียงเพราะแค่คิดว่าข้าฝึกฝนวิชาปีศาจ?”

เมื่อพระยาเยี่ยนได้ยินคำกล่าวโกรธแค้นของฉินหยุน เขาอดไม่ได้ที่จะยินดีอยู่ภายใน เขายังคงใช้น้ำเสียงกระแทกกระทั้นยิ่งขึ้น “เหตุผลที่พวกเรานำเส้นวิญญาณออกจากกายเจ้า ก็เพื่อลงโทษที่เจ้าอภัยโทษแก่มหาอุปราชที่ฝึกฝนวิชาปีศาจ เรื่องนี้มีอะไรผิด?”

“และยิ่งนับเป็นเรื่องดียิ่งที่เส้นวิญญาณของเจ้าผสานรวมเข้ากับองค์ชายรัชทายาท เป็นผลให้เขาได้รับพรสวรรค์หายากระดับหกชีพจร สิ่งนั้นเพียงพอที่จะทำให้เขาได้กลายเป็นบุคคลแข็งแกร่งที่สุดของจักรวรรดิในภายหน้าแล้ว”

ฉินหยุนแทบระเบิดความกราดเกรี้ยวออกเพราะคำพูดเหล่านี้ พลังปราณอัคคีเริ่มไหลทะลักท่วมร่างขณะเขากำหมัดแน่น เปลวเพลิงพวกนี้เกิดขึ้นเพราะแรงโกรธแค้นที่ปะทุ!

เมื่อพระยาเยี่ยนเห็นดังนี้ เขาจึงเชิดหน้าขึ้นแค่นเสียงเผชิญหน้าไม่ยี่หระ “เจ้าจะทำอะไรข้าได้?”

เมื่อหยางฉีเย่ว์ได้เห็นความโกรธแค้นของฉินหยุน นางยิ่งโกรธแค้นตามไปด้วย

สีหน้ายะเยือกของนางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “ไม่ว่าจะยังไง พวกเจ้าทุกคนต้องคุกเข่ายอมรับความผิดต่อฉินหยุนในวันนี้! นี่คือสิ่งที่พวกเจ้าให้สัญญาไว้ต่อหน้าข้า ข้าไม่สนว่าเรื่องราวในอดีตจะเป็นอย่างไร!”

น้ำเสียงนี้ของนางเปี่ยมด้วยจิตสังหารแรงกล้า!

พระยาเยี่ยนพลันสะอึกคำ แต่เพื่อไม่ให้ผู้อื่นคิดว่าเขาหวาดเกรงสาวน้อยตรงหน้าผู้นี้ เขาจึงแค่นเสียงกล่าวด้วยโทสะ “หากข้าไม่คุกเข่า เจ้าจะทำอะไรข้าได้? ฆ่าพวกข้าหรือ? แม้ตระกูลเยี่ยนไม่มีใครก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์เต๋า แต่ก็มีหลายคนที่อยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า!”

หยางฉีเย่ว์มีระดับพลังอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า แต่บรรดาข้าราชบริพารที่นางกำลังเผชิญหน้าก็อยู่ระดับที่เก้าเช่นเดียวกัน

พวกเขาเหล่านี้สู้ศึกมานานยิ่ง ทั้งยังลงมือสังหารผู้คนไปนับไม่ถ้วน หากเทียบประสบการณ์ต่อสู้ พวกเขาย่อมมีเหนือกว่าหยางฉีเย่ว์ที่อายุเพียงยี่สิบปี

พระยาเยี่ยนมองรอบด้านทั้งทางคนเก่าคนแก่ที่รู้จักกันและอาจารย์จำนวนหนึ่ง เขาพลันรู้สึกสบายใจขึ้นในทันที คนพวกนี้คือคนของเขา

ถึงตอนนี้เอง เขาพลันเชิดหน้าอย่างอหังการและกล่าวต่อ “ข้าอยากเห็นนักว่าเจ้าจะทำอะไรพวกเราได้หากไม่ยอมคุกเข่ายอมรับความผิด!”

พวกเขากระทำเรื่องราวไปมากมายเพียงนี้แล้วจะยอมรับคำสัญญาที่เป็นแค่ลมปากนั้นได้อย่างไร และมันจะเป็นการยิ่งทำให้เสื่อมเสียเกียรติหากพวกเขาต้องคุกเข่ายอมรับความผิดพลาดต่อหน้าฉินหยุน!

ทันใดนั้นเอง ร่างสูงสง่าของหยางฉีเย่ว์พลันสั่น นางปลดปล่อยแสงสีเงินเจิดจ้าเย็นเยือกราวแสงจันทราออกมา ลมเย็นเยือกเริ่มพัดพา

ชุดสีขาวของนางพลิ้วไหวตามลม เส้นผมยาวงดงามนั้นเริงระบำเพราะสายลม ท่วงท่าที่สง่างามของนางพลันอาบไล้ด้วยแสงจันทราเย็นเยือก เป็นผลให้นางทั้งดูสูงศักดิ์และศักดิ์สิทธิ์ ราวกับนางคือจันทราเฉิดฉายท่ามกลางยามราตรีกาล

“หากเจ้าไม่คุกเข่าและยอมรับความผิดต่อฉินหยุน ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า แต่ว่า ข้ารับประกันเลยว่าพวกเจ้าทุกคนคืนนี้จะต้องคลุกคลานออกจากสถาบันยุทธ์ฮัวหลิงอย่างน่าสังเวช!”

น้ำเสียงของนางคล้ายผุดขึ้นจากขุมนรกลึกล้ำ เป็นผลให้ทุกผู้คนรู้สึกทั้งหนาวเย็นและหวาดกลัวการล่าล้างสังหารของนาง

ฉินหยุนยืนอยู่ข้างกายหยางฉีเย่ว์ เมื่อเขาได้เห็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นต่อหน้า เขาพลันตระหนักถึงบางอย่าง

วิญญาณยุทธ์สั่นไหวที่เขาปิดซ่อนไว้เริ่มสั่นและยิ่งรุนแรงมากขึ้น ราวกับมันกำลังได้รับผลกระทบจากสภาพตอนนี้ของหยางฉีเย่ว์

ไม่เพียงแต่เขา ทุกผู้คนที่ครอบครองวิญญาณยุทธ์ต่างสั่นด้วยความหวาดกลัว!

กับผู้ที่เผชิญหน้าโดยตรงอย่างพระยาเยี่ยนและพรรคพวกยิ่งซีดเผือด พวกเขาเหล่านี้หวาดเกรงท่าทีคุกคามของหยางฉีเย่ว์!

วูบ!

ร่างงดงามของหยางฉีเย่ว์พลันส่องแสงสีเงินเจิดจ้าออกมา คลื่นความเย็นเสียดแทงกระดูก มันมาพร้อมกับแสงสีเงินที่คล้ายผลึกสีเงินวิบวับจำนวนนับไม่ถ้วน มันสาดส่องแสงนี้ออกทั่วทิศทาง!

หลังทุกคนลืมตาที่พร่ามัวขึ้น พวกเขาพลันได้เห็นสิ่งที่อยู่เหนือศีรษะของหยางฉีเย่ว์ มันคือดวงจันทราสีเงินที่เย็นเยือก!

จันทราสีเงินลุกโชนด้วยแสงสว่างศักดิ์สิทธิ์!

สิ่งนี้เป็นหยางฉีเย่ว์ปลดปล่อยออกมา!

แม้ไม่ใหญ่ แต่มันก็เพียงพอที่จะส่องแสงจันทราให้ปกคลุมทั่วทั้งสถาบันยุทธ์ฮัวหลิง!

ทุกคนที่นี้ต่างหวาดกลัวจนแทบหลอน พวกเขาเหล่านี้แทบกัดลิ้นด้วยความหวาดกลัว ขณะพวกเขาแตกตื่น ร่างของพวกเขานั้นรู้สึกราวกับถูกแช่ในสระน้ำแข็งเย็นเยือก!

แสงจันทรานี้งดงามยิ่ง แต่มันก็เย็นเยือกอย่างถึงที่สุดเช่นกัน หยางฉีเย่ว์ในตอนนี้ ราวกับนางคือโฉมงามหนึ่งในใต้หล้า ด้วยสง่างามนี้คล้ายภูติที่มาจากสรวงสวรรค์ มันทั้งเย็นเยือก และอหังการอย่างไร้ผู้ต้าน นี่คือธรรมชาติสรรสร้าง

มีเพียงผู้ฝึกตนอาวุโสที่สามารถบอกได้ว่านี่เป็นวิญญาณยุทธ์ของหยางฉีเย่ว์ วิญญาณยุทธ์จันทรา!

วิญญาณยุทธ์จันทราถูกนับว่าเป็นหนึ่งในวิญญาณยุทธ์ซึ่งแข็งแกร่งที่สุดในโลกหล้า กล่าวได้ว่ามีวิญญาณยุทธ์หนึ่งซึ่งแข็งแกร่งกว่าวิญญาณยุทธ์จันทรา ก็มีเพียงแต่วิญญาณยุทธ์ตะวัน!

วิญญาณยุทธ์เหล่านี้แข็งแกร่งยิ่งกว่าวิญญาณยุทธ์ในตำนาน พวกมันต่างถูกเรียกขานว่าเป็นวิญญาณยุทธ์แห่งสวรรค์!

ดวงจันทรามีพลังเพื่อสร้างพลังคลื่นออกมา ชั่วขณะที่หยางฉีเย่ว์ใช้วิญญาณยุทธ์จันทราของนางสะกดข่มวิญญาณยุทธ์ผู้อื่น มันเป็นผลให้พวกเขาคล้ายโดนคลื่นไม่รู้จบเข้าถาโถม!

นี่คือหนึ่งในพลังอันลึกลับของวิญญาณยุทธ์จันทรา

“พวกเจ้าจะคุกเข่าหรือไม่?” หยางฉีเย่ว์กล่าวถามน้ำเสียงกระจ่าง รังสีสังหารเย็นเยือกตอนนี้ยิ่งมายิ่งรุนแรงอย่างไม่คิดอดกลั้น

พระยาเยี่ยนและคนของพวกเขาต่างร่างกายและแขนขาสั่นด้วยความหวาดเกรงขณะเดินขึ้นลานประลอง!

ก่อนหน้านี้หยางฉีเย่ว์บอกว่าเมื่อฉินหยุนมีพลังถึงระดับหนึ่ง นางจะยอมบอกเขาว่าวิญญาณยุทธ์ที่นางครอบครองคือสิ่งใด

ตอนนี้ ในที่สุดฉินหยุนก็ได้เห็นวิญญาณยุทธ์ที่หยางฉีเย่ว์ครอบครอง เขาถึงกับมึนงงจนทำอะไรไม่ถูก!

หลังนางปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์จันทรา นางสามารถรู้สึกถึงวิญญาณยุทธ์ผู้อื่นได้ นางสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ามีวิญญาณยุทธ์ทรงพลังยิ่งถึงสองอยู่ด้านหลังนาง!

และด้านหลังนางตอนนี้ก็มีแต่ฉินหยุน!

อย่างไรแล้ว นางทราบดีว่าฉินหยุนครอบครองวิญญาณยุทธ์ไฟระดับทองม่วง! ดังนั้นสิ่งที่ทำให้นางประหลาดใจคือค้นพบว่าในร่างฉินหยุนมีอีกวิญญาณยุทธ์ที่ทรงพลังยิ่งกว่า! นางนึกได้ทันทีว่านี่ต้องเป็นวิญญาณยุทธ์คู่!

พระยาเยี่ยนและคนที่เหลือต่างหวาดกลัวที่จะเดินเข้ามา หยางฉีเย่ว์จึงเก็บวิญญาณยุทธ์จันทราของนาง

ถึงตอนนี้ทุกคนค่อยหายใจได้สะดวก ทว่าหัวใจในร่างยังคงเต้นระรัว พวกเขายังตกอยู่ในอาการหวาดกลัวเหมือนอย่างก่อนหน้า หัวใจของพวกเขาตอนนี้ยังเต้นรัวเร็วไม่หยุด!

พระยาเยี่ยนและกลุ่มข้าราชบริพารเฒ่าพร้อมแม่ทัพหลายสิบคนคุกเข่าต่อหน้าฉินหยุน พวกเขากระทั่งก้มศีรษะหลายครั้งขณะกล่าวคำขออภัย

ฉินหยุนมองพระยาเยี่ยนเป็นการระบายความโกรธแค้น

เขาได้รับบาดเจ็บภายในรุนแรงทั้งยังพยายามสะกดกลั้นเอาไว้อย่างเต็มที่ แต่แล้ว เป็นเพราะวิญญาณยุทธ์จันทราปรากฏ เขาพลันต้องกระอักโลหิตคำใหญ่ออกจากปาก

ยามเมื่อโลหิตกระเซ็นใส่ใบหน้าของพระยาเยี่ยน เป็นผลให้ทุกผู้คนล้วนตระหนก พวกเขาต่างคิดว่าฉินหยุนกระทำเรื่องนี้โดยตั้งใจ!

พระยาเยี่ยนโกรธแค้น ทั้งร่างสั่นเทิ้ม แต่เขาไม่กล้ากล่าวอะไรแม้ครึ่งคำ! เป็นเพราะพวกเขาไม่อาจต่อกรหยางฉีเย่ว์!

ฝูงชนรับชมพระยาเยี่ยนรับเลือดที่กระอักใส่หน้า พวกเขาแทบอยากหัวเราะแต่ไม่อาจหาญพอ พวกเขาทำได้เพียงสะกดกลั้นอาการอยากขำลั่นเอาไว้ภายใน

ปรมาจารย์เว่ยเมื่อได้เห็นเรื่องราวสิ้นสุดจึงกล่าวคำ “ผู้อำนวยการ สถาบันยุทธ์ฮัวหลิงของท่านช่างมีวิสัยทัศน์กว้างไกล ทั้งนักเรียนและอาจารย์ต่างก็มีพรสวรรค์! ตอนนี้ข้าขอถาม ในสถาบันยุทธ์ฮัวหลิงแห่งนี้ อาจารย์ไม่อาจให้สินทรัพย์แก่นักเรียนได้ใช่หรือไม่?”

“ทุกคนต่างได้เห็นพละกำลังของอาจารย์หยางกันไปแล้ว แม้พวกเราไม่ทราบว่าทำไมนางถึงมาที่นี่เพื่อเป็นอาจารย์ แต่สิ่งที่เห็นย่อมทำให้คิดว่านางร่ำรวยไม่ใช่น้อย”

“ฉินหยุนหาได้ฝึกฝนวิชาของปีศาจ ทั้งยังมีเส้นวิญญาณเพียงหนึ่ง แต่แล้วเขากลับมีความก้าวหน้ามหาศาลในช่วงเวลาอันสั้น นี่ทำให้ผู้คนสงสัยว่าอาจารย์หยางได้มอบทรัพยากรมากมายแก่การฝึกฝนให้เขาหรือไม่?”

“ข้าจึงอยากร้องขอต่อผู้อำนวยการเพื่อทำให้สถาบันยุทธ์ฮัวหลิงมีความยุติธรรม ไม่เช่นนั้นเมื่อเกิดการประลองกันขึ้น ทรัพยากรก็จะถูกฉินหยุนพรากเอาไป หากสถาบันยุทธ์ละเว้นเรื่องราวเช่นนี้ มันจะเป็นการสร้างความเสื่อมเสียแก่สถาบัน รวมถึงอนาคตของนักเรียนทั้งหมดด้วยเช่นกัน”

หากเขาไม่พูดกล่าวอะไรเลย บรรดาข้าราชบริพารเฒ่าพวกนั้นต้องเกลียดชังเขาแน่ ดังนั้นเขาต้องเคลื่อนไหวบ้าง

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด