ตอนที่แล้วบทที่ 66 ชิงเฉาหยูที่เกรี้ยวโกรธ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 68 หยูเหวินเทียน

บทที่ 67 หนึ่งหมัด


บทที่ 67

หนึ่งหมัด

เมื่อจำนวนผู้ชมเพิ่มมากขึ้น ก็เริ่มมีการนินทาและบทสนทนามากขึ้นตามไป

แต่ฝูงชนส่วนใหญ่ก็เข้าข้างชิงเฉาหยู

โดยทั่วไปของศิษย์นิกายชั้นนอกระดับ 1 มักจะมีโครงกระดูกอย่างน้อยระดับ 3 ถึง 4 ดาว ดั้งนั้นมันจึงเป็นเรื่องปกติสำหรับพวกเขาสำหรับการดูถูกบุคคลที่มีกระดูกต่ำกว่า 3 ดาวลงไป

หลี่ฟูเฉินซึ่งเป็นเพียงโครงกระดูกปกติ โดยธรรมชาติแล้วย่อมเป็นเป้าหมายดึงดูดของพวกนั้น

อย่างไรก็ตาม ใครจะรู้ว่าหลี่ฟูเฉินมีอัตราการเติบโตที่น่าตื่นตกใจเช่นนั้น แม้ว่าพวกเขาจะดูถูกเขา แต่พวกเขาไม่กล้าที่จะยั่วยุเขา

ตอนนี้พวกเขาได้รู้ว่าหลี่ฟ่เฉินแย่งชิงผู้หญิงของชิงเฉาหยูมา พวกเขาทั้งหมดทำตัวเหมือนกับตัวเองถูกปฏิบัติด้วยความอยุติธรรม ทำตัวราวกับว่าผู้หญิงถูกที่ถูกแยงออกไปจากพวกเขาเอง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่ที่จือฮงซิ่วเป็นหนึ่งในสี่คนงามของนิกายชั้นนอก เธอย่อมไม่ขาดคนชื่นชม แต่ถ้าเธอได้อยู่ร่วมกันกับชิงเฉาหยู พวกเขาคงจะไม่มีความคิดเห็นมากมาย

ความงามกับอัจฉริยะ มันควรจะเป็นแบบนี้

สิ่งที่พวกเขาไม่สามารถเข้าใจได้ก็คือเหตุผลที่จือฮงซิ่วเลือกหลี่ฟู่เฉิน เป็นเพราะการแสดงออกอย่างกล้าหาญครั้งล่าสุดของเขา?

เธอไม่ได้ใส่ใจที่ศักยภาพของใคร?

สถานการณ์นี้มันราวกับท่านได้เห็นความงามที่อยู่ในอ้อมกอดของผู้ชายน่าเกลียดข้างถนน

มันเป็นความรู้สึกอิจฉาที่อยู่ในใจ

“กั่วเซี่ยชีเหม่ย คู่หมั้นของเจ้าผู้นี้ชอบสร้างปัญหาจริงๆ ถ้าเขามีโครงกระดูกระดับ 3 ดาว ไม่สิ เพียงแค่โครงกระดูกระดับ 2 ดาว นั่นคงจะดีมาก”

บนเส้นทางเล็กๆ ไม่ไกลกัน มีศิษย์สาวกหญิงสามคนที่มีรูปร่างน่าดึงดูดใจ ยืนอยู่เคียงข้างกัน

ศิษย์หญิงสาวที่น่าดึงดูดใจซึ่งยืนอยู่ระหว่างกลางนั้นเห็นได้ชัดว่าเป็นกั่วเซี่ย ด้านซ้ายมือสุดคือหญิงผอมและสูง ดวงตาของศิษย์หญิงนางนี้คล้ายกับนกฟีนิกซ์ ส่วนสุดท้าย ทางด้านขวาก็ศิษย์หญิงที่ตัวเตี้ยกว่าเล็กร้อยและดูบอบบาง

ศิษย์หญิงที่มีดวงตาคล้ายกับฟีนิกซ์ชื่อของนางคือ ตงยือเหมิน เธอส่ายหัวและพูดกับกั่วเซี่ย

กั่วเซี่ยไม่ได้มีความสุขกับเรื่องตลกจากตงยือเหมิน “ตงชีเจี๋ย ข้าบอกท่านไปแล้ว ข้าไม่ได้มีความสัมพันธ์กับเขาอีกต่อไปแล้ว และนี้ก็ไม่ใช่เรื่องตลกเลย”

“ตงชีเจี๋ย ทำไมท่านถึงดูเป็นกังวลกับหลี่ฟู่เฉิน? มันอาจจะเป็น???” หญิงสาวที่บอบบางชื่อว่ากวนเซียวหยู

ตงยือเหมินกลายเป็นกระวนกระวายใจ “เจ้าเด็กน้อยนางนี้นิ เจ้ากล้าหยอกล้อกับตงชีเจี๋ยของตัวเอง”

ด้วยสายตาที่จ้องมองไปยังชิงเฉาหยู หลี่ฟู่เฉินเดินออกจากลานและประกาศ “หนึ่งหมัด”

“เจ้าว่าอะไรนะ?”

ด้วยเทคนิคลมปราณสีม่วงขั้น 9 ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของการผลัดเปลี่ยน ร่างกายของชิงเฉินหยูจึงปล่อยกลิ่นอายสะกดข่มจะพลังฉีออกมาได้ แม้แต่ตาของเขาก็ยังดูเป็นสีม่วงเล็กน้อย

เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เขาก้าวข้ามตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ซึ่งเป็นสาเหตุที่เขาไม่เข้าใจความหมายของหลี่ฟู่เฉินที่ว่า ‘หนึ่งหมัด’

ตัดสินใจผลของการต่อสู้ในหนึ่งหมัด?

หรือจะเอาชนะเขาด้วยหมัดเดียว?

แต่ทั้งสองวิธี เขาก็ไม่สามารถทนได้

“เพื่อต่อกรกับเจ้า ข้าเพียงแค่ใช้หมัดเดียว”

เมื่อก้าวเท้าไปหาชิงเฉาหยูได้เพียงห้าก้าว หลี่ฟูเฉินก็หยุดลง กำมือขวา พลังฉีสีแดงอ่อนๆ กลายเป็นฉนวนไฟ และสร้างเปลวไฟที่ลุกโชติช่วง

“โอหัง!”

ไม่ใช่แค่ชิงเฉาหยู ทุกคนคิดว่าหลี่ฟู่เฉินได้ข้ามหัวพวกเขามากเกินไปแล้ว

“เขาคิดว่าเขาเป็นใคร? เอาชนะชิงเฉาหยูในหนึ่งหมัด? แม้แต่ฟางเหล่ยไห่และเกาช่างเที่ยนก็ไม่สามารถทำได้”

“ท่ามกลาง 10 อัจฉริยะ ข้าคิดว่าต้ออันดับน้อยกว่า 4 ถึงจะทำได้จริงๆ”

“ในที่สุดข้าก็รู้แล้วว่าทำไมเขาถึงรักการสร้างปัญหา ก็เพราะความเย่อหยิ่งเช่นนี้ไง! เขาไม่แม้แต่แต่จะเห็นอัจฉริยะอยู่ในสายตา”

“รอก่อนเถอะ! ชิงเฉาหยูทำให้เขาอับอายได้อย่างแน่นอน”

ฝูงชนโกรธเกรี้ยวและไม่สามารถรอให้ชิงเฉาหยูเอาชนะหลี่ฟู่เฉินได้แล้ว

“เขาถึงกับกล้าพูดออกมาด้วยความหยิ่งเช่นนี้ ความแข็งแกร่งเองก็คงจะเป็นของลวงเปล่า ไม่มีอะไรที่พวกเราสามารถดูได้แล้ว ไปกันเถอะ!” กั่วเซี่ยกล่าวด้วยหน้านิ่วคิ้วขมวด

ตงยือเหมิง “รีบร้อนอะไรกัน? บางทีปาฏิหาริย์อาจเกิดขึ้น? เราไม่จำเป็นต้องรีบร้อนใดๆ”

“ใช่ กั่วเซี่ยชีเจี๋ย พวกเราควรสังเกตต่อไป” กวนเซียวหยูก็อยากรู้อยากเห็นเหมือนกัน

“เป็นเช่นนั้นแล้วปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้นได้อย่างไร? เจ้าทั้งสองคนไร้เดียงสาเกินไป”

แม้ว่าเธอจะกล่าวออกมาเช่นนั้น แต่เธอก็ยังอยู่

“หลี่ฟู่เฉิน ยกโทษให้ไม่ได้ เนื่องจากเจ้าได้กล่าวออกมาเช่นนี้ ข้าก็จะหักกระดูกซี่โครงของเจ้าออกไปสามข้อ”

ด้วยพลังฉีที่ไหลผ่าน 7 จุดชีพจร พลังฉีของชิงเฉาหยูก็เริ่มพุ่งพลานขึ้นมาอีกครั้ง เขาคล้ายกับอสูรปีศาจ

ด้วยแสงวูบวาบ ร่างของเขาก็กลายเป็นเบลอและเข้าไปหาหลี่ฟู่เฉิน ในขณะที่เขาพุ่งไป กำปั้นสีม่วงก็เล็งไปยังเป้าหมาย

เทคนิคพลังลมปราณสีม่วงขั้นเก้า

ขั้นสิ้นสุดร่างแปลงเจ็ดดารา

ทักษะสีเหลืองสูงสุด – หมัดปราณดุสิตาบรูพา

ด้วยคุณสมบัติทั้งสามที่รวมกัน มันจึงสร้าชิงเฉาหยูที่ปัจจุบันอยู่อันดับ 18 ของหอคอยแห่งควาลำเค็ญ

ฮอง…

ผมของหลี่ฟู่เฉินปลิวไปข้างหลังราวกับว่าเขาอยู่กลางพายุหมุน

ขณะที่หมัดกำลังจะเข้าปะทะหน้าอกของหลี่ฟู่เฉิน

หลี่ฟู่เฉินก็ปล่อยหมัดของตนเองออกไป

มันไร้คำบรรยายถึงความเร็วของหมัดนี้

ห่อหุ่มด้วยพลังฉีสีแดงซีด กำปั้นของเขาก็พุ่งตัวออกไปด้วยท่าทีที่เรียบง่าย

แต่เนื่องจากความเร็วสูงสุด มันจึงให้ความรู้สึกราวกับว่าหมัดนั้นดูว่างเปล่า

ในความเป็นจริง เป็นตัวหมัดเองที่สร้างความว่างเปล่าขึ้นมา และพื้นที่ก็ดูเหมือนจะถูกตัดออก

เมื่อกำปั้นของชิงเฉาหยูอยู่ห่างจากหน้าอกของหลี่ฟู่เฉินไปสามนิ้ว กำปั้นของหลี่ฟู่เฉินก็เหมือนจะเข้าปะทะหลังจากนั้น แต่ในพริบตามันก็เข้าไปกระแทกหน้าอกขิงชิงเฉาหยูก่อน

อ็อก!

พร้อมกับพ่นเลือดสดๆ ออกมา ชิงเฉาหยูก็ถอยกลับด้วยความกลัว เขาได้ยินเสียงกระแทกสามครั้งได้อย่างชัดเจนจากหน้าอกของเขา มันเห็นได้ชัดว่ากระดูกซี่โครงของเขาสามซีก

นี่มันเป็นอะไรจริงๆ

เขาประกาศว่าจะหักกระดูกซี่โครงของหลี่ฟู่เฉินสามซีก แต่ก็ลงเอยด้วยการที่เขาถูกหักกระดูกซี่โครงสามซีกแทน

ไม่มีอะไรที่น่าขันมากไปกว่านี้

เมื่อผลลัพธ์ออกมาเป็นขั้วตรงข้าม ชิงเฉาหยูเกือบจะพังพินาศลงไปด้วยความหดหู่ใจ

เขากรีดร้องในใจ:

ทำไมถึงเป็นเช่นนี้?

ทำไมหลี่ฟูเฉินถึงแข็งแรงมาก?

ทำไมเขาถึงต้องมาโยนหน้าตัวเองทิ้งไปต่อหน้าจือฮงซิ่ว?

ทำไมผลลัพธ์ของความพยามเขาถึงเป็นเช่นนี้?

“เป็นไปได้อย่างไร?”

ผู้สังเกตการณ์จ้องมองด้วยปากที่กำลังอ้าปากค้าง และไม่อยากจะเชื่อเลยกับสิ่งที่เกิดขึ้น

เขาเอาชนะชิงเฉาหยูได้ด้วยหมัดเดียวโดยอย่างไม่ต้องสงสัย

“ทั้งหมดนี้คือความฝัน? หรืออาการหลอน?”

“เหตุผลหายไปไหน? เอาชนะอัจฉริยะได้ด้วยหมัดเดียว เขาต้องการทำลายคำจำกัดความเช่นอัจฉริยะไปจริงๆ หรือไม่?”

“ปีศาจ เขาจะต้องเป็นปีศาจ”

ผู้ชมต่างมีความคิดเช่นเดียวกับชิงเฉาหยู และทุกคนก็ไม่สามารถยอมรับข้อเท็จจริงนี้ได้ พวกเขารู้สึกราวกับว่ามุมมองต่อโลกของพวกเขากำลังจะล่มสลายลงไป

ในช่วงเวลาที่ขับคันหลี่ฟู่เฉินก็ปล่อยหมัดออกไป จิตใจของกั่วเซี่ยสั่นไหวเล็กน้อย

เธอไม่คิดว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นจริงๆ

การเอาชนะชิงเฉาหยูได้ในหนึ่งหมัด นั้นก็หมายความว่าเธอเองก็จะพ่ายแพ้เขาในหนึ่งหมัดด้วยเช่นกัน

ทำไมสิ่งนี้ถึงเกิดขึ้นได้อย่างเหมาะเจาะเช่นนี้?

มุมมองต่อโลกของกั่วเซี่ยก็ดูเหมือนจะล่มสลายลงเช่นกัน

(หมายเหตุ TL: มุมมองต่อโลกของพวกเขา หมายถึงกฎและเหตุผลที่กำลังยุ่งเหยิง)

ตงยือเหมิงและกวนเซียวหยูทิ้งสองอ้าริมฝีปากสีดอกกุหลาบของพวกเธอขึ้น และไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้

“ข้าคิดว่าข้าเริ่มที่จะชอบเขาแล้ว” กึ่งงงงวย ตงยือเหมิงพึมพำ

ดูมีอำนาจ

ความแข็งแกร่งที่ท่วมท้น

ลักษณะทั้งหมดนี้อยู่ในอุดมคติที่เธอชอบ

ในใจของเธอช่วงเวลานี้ ร่างของหลี่ฟู่เฉินและร่างของหยูเหวินเที่ยนถูกซ้อนทับกัน

ดูมีอำนาจเหมือนกัน

เป็นอัจฉริยะที่แข็งแกร่งคล้ายกัน

ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวก็คือโครงกระดูกระดับ 5 ดาวและโครงกระดูกปกติ

สำหรับกวนเซียวหยู เธอไม่สามารถควบคุมเสียงของเธอได้และสามารถอุทานเสียงเบาๆ ราวกับแมวน้อย

กวาดสายตามองผู้ชม หลี่ฟู่เฉินทำตัวราวกับว่าเขาไม่ได้ทำเรื่องที่พิเศษอะไร และกลับไปที่ลานบ้าน ปิดประตู

นอกลานบ้าน ฝูงชนต่างก็มองกันและกัน ส่วนใหญ่มีรอยยิ้มขมขื่นหรือดูเคอะเขิน

พวกเขารู้ลึกอยู่ในใจ เหตุการณ์ที่อาจเขย่าโลกบางอย่างต้องเกิดขึ้นระหว่างการแข่งขันของศิษย์ชั้นนอก

หลี่ฟูเฉิน บางทีเขาอาจจะกลายเป็นการดำรงอยู่เชกเช่นเดียวกับหยูเหวินเที่ยน

การดำรงอยู่ราวกับว่าไม่ได้เป็นคนของโลกนี้

สำหรับหลงจากเข้าสู่นิกายชั้นในได้แล้ว  หลี่ฟู่เฉินก็จะยังคงจะได้รับเป็นข้อยกเว้นหรือไม่? นั่นเป็นสิ่งที่ต้องฝากไว้กับอนาคต สำหรับเวลานี้ หลี่ฟู่เฉินเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่สามารถอธิบายได้ แม้แต่อัจฉริยะก็ยังรู้สึกกดดันเมื่อเผชิญหน้ากับเขา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด