ตอนที่แล้วบทที่ 196 - สรรสร้าง (5) [31-08-2019]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 198 - สรรสร้าง (7) [05-09-2019]

บทที่ 197 - สรรสร้าง (6) [02-09-2019]


บทที่ 197 - สรรสร้าง (6)”

 

การต่อสู้บนพื้นดินมีขีดจำกัดมากมาย ไม่วาพื้นจะกว้างมากแค่ไหนแต่ด้วยจำนวนมอนสเตอร์มากมายทำให้ไม่อาจจะเข้ามาพร้อมกันได้เนื่องจากมีอุปสรรคทั้งภูเขา กำแพง ทะเล

นอกไปจากนี้มอนสเตอร์ที่มุดดินได้ดังนั้นด้วยมอนสเตอร์ที่บุกเข้ามาอย่างมีข้อจำกัดทำให้ไม่จำเป็ฯต้องใช้ร้อยนัยน์ตาเลยด้วยซ้ำ

แต่บนท้องฟ้ามันต่างออกไป แม้ว่าการต่อสู้บนท้องฟ้าจะจำกัดเฉพาะพวกที่บินได้เท่านั้นแล้ว แต่ว่าด้วยคลื่นมานาแบบพิเศษที่ป้อมปราการได้ปล่อยออกมาทำให้มอนสเตอร์ที่บินได้มากมายได้มาเข้าร่วมการต่อสู้นี้ การโจมตีของพวกมันไม่ได้จำกัดอยู่แค่หน้าหลัง ซ้ายขวาเท่านั้น แต่ยังมีบนล่างด้วยเช่นกันทำให้พื้นที่ในการต่อสู้ขยายกว้างออกไป!

มอนสเตอร์มีอยู่เต็มไปหมด บางทีมอนสเตอร์ทั้งหมดที่บินได้ก็อาจจะมาร่วมกันที่นี่แล้วจนทำให้แสงจากดวงอาทิตย์ส่องลงไปไม่ถึงพื้นดินด้วยซำไป มอนสเตอร์จำนวนมากมายพวกนีต่างก็มีเป้าหมาเดียวกันนั่นคือป้อมปราการลอยฟ้า

"นับจากนี้เราจะเร่งความเร็วขึ้นอีก"

ตามปกติแล้วการขยับอาร์ติแฟคขนาดใหญ่จะต้องใช้มานาจำนวนมากๆไปอย่างรวดเร็ว นี่ก็เป็นเหตุผลทำให้ยูอิลฮานตั้งใจที่จะสร้างเครื่องยนต์ลอยฟ้าและขับเคลื่อนป้อมปราการ

ยังไงก็ตามด้วยออฟชั่นที่ 4 ที่ทำให้สามารถเร่งความมเร็วและลดความเร็วได้ในทันทีทำให้เครื่องยนต์ไม่ต้องรับภาระเลยแม้แต่นิดเดียว และความน่าทึ่งของออฟชั่นนี้อีกอย่างก็คือทำให้มันไม่จำเป็นต้องใช้มานามากขนาดนั้นเลย

"เร่งความเร็วเฉียบพลัน!"

เมื่อยูอิลฮานพูดขึ้นมาบาเรียที่ล้อมรอบป้อมปราการอยู่ก็ได้เปิดใช้งานการสั่นอีกครั้ง เพราะแบบนี้เองทำให้ตัวป้อมปราการเองกลายเป็นเหมือนกับกระสุนยักษ์ลูกหนึ่งบุกเข้าใส่มอนสเตอร์ทั้งหมดข้างหน้า

[นี่มันจะเกินไปแล้ว!]

"ไปเลย!"

[ก๊าซซซซซซซ!]

[กี๊ซซซซซซ!]

[มีคนกำลังเข้ามา!]

ด้วยขนาด น้ำหนัก การสั่น และความเร็วทำให้มันเป็นไปไม่ได้เลยที่มอนสเตอร์จะหลบพ้น

นอกไปจากนี้ต่อให้พวกมันหลบออกไปได้ก็ยังมีคลื่นมานาที่เกิดขึ้นมาจากการสั่นสะเทือนทำให้การเคลื่อนไหวของมอนเตอร์ชะงักไปอีกด้วย!

[ติดคริติคอล!]

[ติดคริติคอล!]

ในตอนที่กองทัพมอนสเตอร์บินขนาดใหญ่กับป้อมปราการลอยฟ้าชนกันก็ได้เกิดข้อความจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นที่่ม่านตาของยูอิลฮาน

ยังไงก็ตามเขาไม่สนใจของความเหล่านี้เลย เขาเอาแต่ทำการสั่งการเร่งความเร็วเข้าชนมอนสเตอร์เหมือนกับโยนโบลลิ่ง

[...ตายไปมากแค่ไหนแล้ว?]

ยูอิลฮานได้ตอบเลียร่าทีหน้าซีดถามออกมาไปอย่างไม่ใส่ใจ

"น่าจะประมาณ 30,000 ตัวจากการเร่งความเร็วสองครั้ง"

[สามหมื่นตัว...]

ถ้าจะพูดถึงการโจมตีทางกายภาพก็คงจะเป็นเพราะมีระยะที่จำกัดซึ่งต่างไปจากเวทย์ที่สามารถปูพรมได้ ยังไงก็ตามยูอิลฮานก็ขยายร่างของการโจมตีนี้ให้มีขนาดใหญ่มากๆจนกว้างมากพอจนกลืนกินพื้นที่ขนาดใหญ่ได้อย่างป้อมปราการในปัจจุบันนี้

เลียร่าได้คิดว่าบางทียูอิลฮานอาจจะสร้างป้อมปราการลอยฟ้าขึ้นมาเพื่อให้มันชนบดขยี้ทุกอย่างแต่แรกแล้วก็ได้

[อีกนานแค่ไหนกันนะกว่าที่มอนสเตอร์บนโลกจะถูกจัดการออกไปหมด...?]

การเร่งความเร็วเฉียบพลันไม่ได้เกิดขึ้นมาแค่สองครั้งทั้งนั้น มันได้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อบดขยี้มอนสเตอร์ไปเรื่อยๆ และหลังจากนั้นยูอิลฮานก็ได้เปิดการใช้งานร้อยนัยน์ตาเพื่อจัดการกับมอนสเตอร์คลาส 4 ที่ตายยาก

"เปิดใช้งานร้อยนัยน์ตา"

[มันมีเวทย์อะไรที่จะเสริมพลังให้ถ้านายตะโกนออกมางั้นหรอ?]

"ไม่อะ แค่ฉันรู้สึกดี"

[ตรงโครต]

ร้อยนัยน์ตาที่ถูกเติมมานากลับมาได้เริ่มกลับมาเคลื่อนไหวจากคำสังของยูอิลฮาน ยังไงก็ตามทิศทางของมันต่างไปจากคราวที่แล้ว วงโคจรของพวกมันใหญ่ขึ้นและพวกมันก็ยังอยู่ห่างกันมากขึ้น

[หืม? วงโคจรเปลื่ยนไป]

"นี่มันเป็นปกติ กระจกคำสาปแห่งการทำลายไม่จำเป็นต้องปกป้องป้อมปราการแล้ว"

สองวงโคจรนี้ก็คือแนวคิดแต่แรกของยูอิลฮานแล้ว อย่างแรกคือวงโคจรเล็กๆโดยเอาป้อมปราการเป็นศูนย์ นี่คือโหมดการต่อสู้ภาคพื้นดินเพื่อคุ้มกันป้อมปราการแต่ในเวลาเดียวกันก็ทำให้ยากที่จะโจมตีศัตรูที่อยู่ห่างจากป้อมปราการ

และอย่างที่สองคือวงโคจรที่แนวบาเรียที่คุ้มกันคฤหาสน์อยู่แล้ว

กระจกคำสาปแหงการทำลายมีความสามารถในการยิงมานาที่เก็บเอาไว้ออกไปอย่างดีเยี่ยม แต่ความสามารถหลักของมันเลยก็คือการดูดเอามานาของศัตรูมาสะท้อนกลับไป ยังไงก็ตามการอยู่ภายในป้อมปราการทำให้ยากที่จะใช้ความสามารถนี้เต็มที่ทำให้มีแต่การออกไปด้านนอกเท่านั้นที่จะแสดงประสิทธิภาพได้มากที่สุด

[นี่มันเหมือนป้อมปราการลอยฟ้าจริงๆ]

"ก็มันคือป้อมปราการลอยฟ้าไงล่ะ"

ภาพกระจกขนาดยักษ์โคจรรอบป้อมปราการเหมือนกับดาวเคราะห์นี่ให้ความรู้สึกที่ไม่เหมือนใคร เลียร่าก็ยักภาคภูมิใจนิดๆกับสิ่งนี่ที่ไม่ได้มีให้เห็นบ่อยๆแม้แต่ในสวรรค์ก็ตาม

ยังไงก็ตามเธอจะยังยึดมั่นกับความคิดเดิมได้อยู่หรือไม่หากได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นถัดมา?

[มันอยู่นั่น]

[คนที่ทำร้ายเผ่าพันธ์เราอยู่นั่น]

มอนสเตอร์ที่หลบการพุ่งชนได้และมีความต้านทานมานาที่สูงได้พยายามบุกเข้ามาที่ป้อมปราการหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง แต่แล้วกระจกคำสาปแห่งการทำลายก็ได้มาขวางทางพวกมัน

ตามปกติแล้วด้วยความของกระจกแห่งการทำลายทำแบบนี้ไม่ได้เลยหากไม่มีการช่วยเสริม บาเรียที่กำลังสั่นอยู่ได้เสริมการเสริมการเคลื่อนไหวให้กับกระจก

[ก๊าซซซซซซ]

[ลบทำลามมัน!]

มอนสเตอร์พวกนี้ได้เข้ามาทำลายทุกๆอย่างโดยไม่สนใจอะไรแล้ว แต่ว่านั่นก็ไม่ได้หมายความว่าพวกมันจะไม่ได้รู้ถึงอันตรายเลย พวกมันก็แค่อยากที่จะทำลายอะไรก็ตามที่ขวางทางพวกมันและผ่านไปเท่านั้น

[ก๊าซซซซซซซซซซ!]

ยังไงก็ตามพวกมันก็ได้เจอเข้ากับหายนะ กระจกคำสาปแห่งการทำลายได้ดูดเอาพลังชีวิตและมานาของพวกมันในทันทีที่ปะทะกัน และสะท้อนพลังนั้นกลับมาในรูปแบบลำแสงที่ทรงพลังขึ้นกว่าเดิม ในเวลานี้ระดับการโจมตียิ่งใหญ่กว่าในตอนป้อมปราการอยู่บนพื้นซะอีก

"ไป! ฆ่าพวกมันทั้งหมด!"

[ว้าว....]

ลำแสงพลังงานมีผลทะลุทะลวงเป็นพิเศษได้กระจายออกไปทั่วท้องฟ้าไปจนถึงพื้นดินเจาะทะลวงทุกๆอยางที่ขวางเส้นทาง การต่อสู้แบบนี้ได้เกิดขึ้นร้อยจุดในเวลาเดียวกันจนดูเหมือนกับฝนแสงกำลังตกลงมาจากท้องฟ้า

มันดูเป็นฉากที่น่าตื่นเต้นและน่าเศร้าในเวลาเดียวกัน

"เป็นไงล่ะ ภาพนี้มันดูสวยกว่าข้างล่างอีกใช่ไหม?"

[สวยมาก... ถึงผลลัพธ์จริงๆจะไม่ใช่เพื่อความสวยความ...]

เลียร่าได้พึมพัมออกมา และเธอก็พูดถูก

[ติดคริติคอล!]

[ติดคริติคอล!]

[กี๊ซซซซซซซซ!]

[ข้ามองไม่เห็นแล้ว!]

[ตาข้า ตาข้า!]

[ก๊าซซซซซซซซซซ!]

ต่อให้เป็นมอนสเตอร์ในนรกก็ทนกับลำแสงนี้ไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงมอนสเตอร์ที่เพิ่งจะมาถึงคลาส 4 ใหม่ๆเลย

เสียงกรีดร้องคล้ายๆกันได้ดังไปทั่วทั้งท้องฟ้าสะท้อนไปมา

[ก๊าซซซซซซซซซซซ]

ทั้งเลือด เนื้อ กระดูกได้กระจายเต็มไปทั่ว ตัวที่โชคดีก็ตายไปในทันที ส่วนพวกที่โชคร้าย็ต้องดิ้นทุรนทุรายจากการเสียส่วนสำคัญของร่างกายไป แม้ว่าเขาจะจัดการมอนสเตอร์บนท้องฟ้าได้มากมายง่ายกว่าบนพื้นดิน แต่เนื่องจากนี่คือบนท้องฟ้าทำให้เขาทำอะไรไม่ได้กับมอนสเตอร์ที่ล่วงลงไปข้างล่าง

โชคดีที่ร้อยนัยน์ตาจะยังคงทำงานอยู่เว้นแต่ว่ามอนสเตอร์จะตายหมดหรือมานาหมด ทำให้ไม่ว่าจะล่วงไปบนพื้นหรือบินหนีไปกระจกก็จะไล่ตามพวกมันไปจนกว่าที่มอนสเตอร์ตัวนั้นจะโดนยิงลำแสงเข้าใส่ สำหรับมอนสเตอร์แล้วนี่ไม่ต่างไปจากนรกเลย

แม้ว่ากระจกจะไม่เร็วเท่าป้อมปราการที่พุ่งอยู่ แต่ว่าจำนวนมอนสเตอร์ที่ตายไปก็มหาศาลมาก และที่ยิ่งน่าทึ่งไปอีกก็คือมอนสเตอร์ที่ถูกฆ่าต่างก็อยู่ในช่วงสุดท้ายของคลาส 3 หรือไม่ก็ช่วงต้นของคลาส 4

"เยี่ยม แม้แต่มอนสเตอร์บนท้องฟ้าที่เร็วที่สุดยังหลบไม่พ้นเลย ฉันสรุปได้แล้วว่านี่มันมีประโยชน์มากกับการใช้สู้กับสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำทั้งหมด"

[ฉันคิดว่ามันยังใช้ได้ผลกับคลาส 5 ด้วยนะ...?]

"ฉันก็ไม่มั่นใจ มันไม่ง่ายหรอกนะ แต่บางทีก็เป็นไปได้ถ้ากระจกทั้งหมดมารวมกันมล่ะมั้ง"

ยังไงก็ตามในจุดนี้มันก็ถึงขนาดหายนะแล้ว โอกาสที่จะได้เจอกับคลาส 5 ก็มีไม่มาก แถมป้อมปราการก็ยังพัฒนาไปต่อได้อย่างไม่สิ้นสุดอีกด้วย

ยูอิลฮานที่ได้ดูการทำงานของร้อยนัยน์ตาก็สมบูรณ์แล้ว เขาก็ยังกางปักออกมาบินขึ้นไป

[นายก็จะไปร่วมด้วย?]

"ท้องฟ้ามันต่างจากที่พืนดิน แค่จำนวนมอนสเตอร์ก็ต่างกันแล้ว ฉันจะต้องลดจำนวนของพวกมันเพื่อประหยัดการใช้มานา"

แน่นอนว่าเป้าหมายของเขาไม่ใช่แค่นี้ จริงๆแล้วยูอิลฮานได้สร้างป้อมปราการขึ้นมาเพื่อดูแลจัดการโลกนี้ แต่ว่าถ้าเขาปล่อยทุกๆอย่างให้ป้อมปราการจัดการถ้างั้นตัวเขาเองก็จะไม่ได้พัฒนา

ถ้าเขาไม่พัฒนา สกิลก็จะไม่พัฒนา แล้วถ้าสกิลไม่พัฒนามันก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะได้คลาส 4 มา

เขาได้รับค่าประสบการณ์จำนวนมากมาจากการสังหารหมู่นี้ แต่ว่าหากเขาเสียโอกาสที่จะเอาค่าประสบการณ์ทั้งหมดนี้ไปใช้มันจะยิ่งน่าสมเพชกว่าอีก! เขาจะต้องฝึกฝนสกิลของเขาด้วยการจัดการพวกอ่อนแอก่อนที่ตัวที่แข็งแกร่งจะโผล่ออกมา

"ย๊ากกกกกกกกกก!"

ในตอนที่เขาโผล่ออกมาพ้นบาเรียของป้อมปราการลอยฟ้า มอนสเตอร์ทั้งหมดได้หันมามองเขาทันที คนๆนี้ได้ออกมาจากที่ปลอดภัยแล้ว - มอนสเตอร์ต่างก็คิดว่านี่คือโอกาสในการฆ่ายูอิลฮานทั้งนั้น

และนี่ก็คือการตัดสินใจที่แย่ที่สุดของพวกมัน

[มันออกมาแล้ว]

[มนุษย์หน้าโง่ไม่อยากจะมีชีวิตแล้ว!]

[ฆ่ามัน! พอมันตายเราก็จะได้รับอิสระมา!]

พวกมันได้พุ่งเข้าไปหายูอิลฮานด้วยความเร็วที่มากที่สุดที่พวกมันจะเร่งได้ทันที

แน่นอนว่าก็มีพวกมอนสเตอร์หลายตกล่วงลงไปเพราะร้อยนัยน์ตา แต่ถึงแบบนั้นด้วยจำนวนที่มหาศาลทำให้ร้อยนัยน์จัดการได้ไม่หมด มันดูเหมือนกับว่ามอนสเตอร์ที่บินได้ทั้งหมดได้มาร่วมตัวเหนือเกาหลีหมดแล้ว

"ฟู่"

หลังจากได้เห็นมอนสเตอร์ทั้งหมดเข้ามาหาเขา ยูอิลฮานได้หัวเราะออกมาและกระโดดขึ้นไปสูงขึ้น

"เยี่ยมเลย เขามากันให้หมดนั่นแหละ! ฉันจะได้เชี่ยวชาญในสกิลพวกนี้ทั้งหมดในทีเดียว!"

[แล้วเรื่องพรของเทพธิดาแห่งเพลิงล่ะ?]

"นี่มันทำให้ฉันอึดอัดใจนะ อย่ามาถามสิ"

[ค่ะท่าน]

ยูอิลฮานได้ทำให้เลียร่าเงียบไปทันทีและจับหอกมังกรแปดหางแน่

"เอาล่ะน่ะ"

เขาได้ใช้เพลิงนิรันดร์หุ้มตัวเอาไว้และสร้างประกายขึ้นอีกชั้นหนึ่ง ในท้ายที่สุดแล้วเขาก็เสริมพลังเพลิงที่ผสมกันนี้ด้วยโลหิตมังกรซึ่งตอนนี้เขาก็ยังใช้ได้ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่ายูมิลอยู่ที่ไหน เปลวเพลิงได้ส่องประกายออกมายิ่งกว่าแสงอาทิตย์หุ้มอยู่ในร่างของเขา

[...หือ?]

เลียร่าที่คิดว่ายอิลฮานใช้เพลิงหลายอย่างในทีเดียวก็เพื่อให้ได้รับพรจากเทพธิดาแห่งเพลิง แต่แล้วน้ำเสียงของเธอที่แสดงความสงสัยก็ดังออกมาเมื่อคิดได้ถึงเรื่องหนึ่ง

[ทำไมจู่ๆมอนสเตอร์ก็หานายไม่เจอหมดเลยล่ะ?]

"ฟุฟุ"

ยูอิลฮานได้ยิ้มออกมาทั้งๆที่ร่างของเขาถูกปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงสว่างจ้าที่แม้แต่คลาส 4 ยังไม่กล้ามองเข้าไปตรงๆ

"เจิดจ้ายิ่งกว่าใครแล้วก็ซ่อนตัวท่ามกลางสายตาทุกคน นี่แหละนับได้ว่าฉันคือจ้าวแห่งการซ่อนเร้น"

[อะ อ่า... โอเค]

เนื่องจากไม่มีมอนสเตอร์ตัวไหนมองไปที่เขาตรงๆได้ทำให้สกิลการซ่อนเร้นของเขาทำงานโดยอัตโนมัติ! นี่คือหลักการง่ายๆ

เลียร่าได้คิดว่าสายตาของยูอิลฮานในตอนนี้เป็นประกายกว่าปกติแต่เธอก็ไม่ได้ตามออกไป

"ฉันจะไปแล้วนะ! พวกแกทั้งหมดน่ะตายไปแล้ว!"

ผู้โดดเดี่ยวได้พุ่งตัวออกไปทั้งๆที่ซ่อนเร้นอยู่เป็นเส้นแสงแห่งเปลวเพลิง ไม่มีมอนสเตอร์ตัวใดเจอตัวเขาเลยแม้กระทั่งตอนพวกมันตายไปก็ตามที

นี่คือเหตุการที่น่าเศร้าสลดของพวกมัน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด