ตอนที่แล้วตอนที่ 42 สัตว์อสูรลึกลับ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 44 ผนึกหยก

ตอนที่ 43 ความหยิ่งยโสของสุ่ยเชียนเย่ว


ในช่วงเวลาที่ฉู่ชิงหยุนปิดด่านฝึกตนอยู่นั้นได้เกิดเหตุการณ์สำคัญขึ้นที่โลกภายนอก

เมืองมากกว่าสิบเมืองที่อยู่ภายใต้อำนาจของเมืองซีเฟิงได้ประกาศว่าพวกเขายินดีที่จะยอมจำนนต่อเมืองฉู่ และยินดีที่จะให้เมืองฉู่ขึ้นเป็นผู้นำของพวกเขาแบ่งทรัพยากรร่วมกัน

ทันทีที่ข่าวถูกแพร่กระจายออกมา ทุกตระกูลที่อยู่ในเมืองซีเฟิงรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก แม้กระทั่งตระกูลเจ้าเมืองเองก็ไม่มีข้อยกเว้น

แม้ว่าเมืองพวกนั้นจะอยู่ภายใต้เขตอำนาจของเมืองซีเฟิง แต่ละเมืองก็มีสิทธิ์ในการบริหารตัวเองแม้แต่ตระกูลเจ้าเมืองก็ไม่สามารถบังคับพวกเขาได้

ตอนนี้...เมืองมากกว่าสิบเมืองรวมตัวกันประกาศว่าพวกเขายินดีที่จะแบ่งปันทรัพยากรและยอมจำนนต่อเมืองฉู่ มันไม่แปลกเกินไปหน่อยหรือ?

อย่างไรก็ตาม มันมีเรื่องที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นอยู่อีก

หลังจากที่เมืองมากกว่าสิบเมืองเปล่าประกาศยอมจำนนต่อเมืองฉู่ เมืองฉู่ได้เปิดเผยเรื่องการเป็นพันธมิตรกับตำหนักร้อยสมบัติและข่าวเกี่ยวกับผลึกวิญญาณเพลิง

ในตอนนั้นเอง ทุกตระกูลในเมืองซีเฟิงรู้สึกตกตะลึงมากกว่าเก่า และไม่คิดเลยว่าเมืองฉู่จะเติบโตได้รวดเร็วเพียงนี้ และในวันเดียวกัน บางตระกูลถึงขั้นส่งคนไปที่เมืองฉู่เพื่อแสดงความปรารถนาดีต่อตระกูลฉู่

ที่พักตระกูลสุ่ย ภายในห้องประชุม

สุ่ยฉงเสียนและผู้คนที่มีสถานะสูงภายในตระกูลสุ่ยกำลังรวมตัวกันอยู่ที่นี่ หลังจากที่พวกเขาฟังรายงานจากสายลับที่ส่งออกไป สีหน้าของพวกเขาเริ่มมืดมนมากยิ่งขึ้น

"หลังจากที่ทุกเมืองผนวกเข้ากับตระกูลฉู่ ทำให้ความแข็งแกร่งโดยรวมของตระกูลฉู่เพียงพอที่จะเป็นหนึ่งในตระกูลอันดับต้นๆของเมืองซีเฟิง และถ้าตระกูลฉู่ร่วมมือกับขุมพลังอื่นอีก สถานะด้านการเงินของพวกเขาในไม่ช้าจะแซงตระกูลสุ่ยของพวกเรา และเมื่อวาน ตระกูลจินและตระกูลหยางก็ได้ส่งคนไปที่เมืองฉู่เช่นกัน ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไปเพื่อพูดคุยเรื่องความร่วมมือบางอย่าง"

เมื่อได้ยินเช่นนั้น คนที่มีสถานะสูงภายในตระกูลสุ่ยที่อยู่ด้านข้างสุ่ยฉงเสียน ขมวดคิ้วแน่นและพูดกระซิบว่า "ท่านผู้นำ ถ้าท่านสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้ต่อไป ภายในหนึ่งปี ตระกูลฉู่จะเหนือกว่าตระกูลสุ่ยของพวกเราโดยสมบูรณ์"

สีหน้าของสุ่ยฉงเสียนไม่สู้ดีนัก เขาพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า "ในอดีตที่ผ่านมา ข้าเองก็ได้ยินมาว่าตระกูลฉู่ตกต่ำมาก ข้าไม่เคยคิดเลยว่าช่วงเวลาไม่กี่เดือนที่ผ่านมาตระกูลฉู่จะแข็งแกร่งขึ้นขนาดนี้ แม้แต่ตำหนักร้อยสมบัติก็ยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับพวกเขา"

"ในตอนแรกเกือบทุกคนคิดว่าตระกูลฉู่และตำหนักร้อยสมบัติมีความสัมพันธ์กันแค่เล็กน้อยเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงพวกเขาปิดบังความสัมพันธ์ระหว่างกันเอาไว้ และเมื่อเวลามาถึง ตระกูลฉู่ได้เปล่าประกาศความแข็งแกร่งและทรัพยากรทางการเงินให้ทุกคนได้เห็น ดังนั้นจึงมีหลายตระกูลยินดีที่จะเข้าร่วมกับพวกเขา" ผู้อาวุโสคนหนึ่งของตระกูลสุ่ยถอนหายใจ

ตั้งแต่การแต่งงานของฉู่ชิงหยุน ผู้คนในตระกูลสุ่ยก็ไม่ได้ให้ความสนใจตระกูลฉู่อีกต่อไป และคิดเสมอว่าตระกูลฉู่อยู่ในช่วงตกต่ำ

แต่ข่าวที่แพร่กระจายออกมาในช่วงเวลานี้ มันเป็นเหมือนกับการตบหน้าตระกูลสุ่ย และทำให้พวกเขาร้อนรน

"อันที่จริง ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลฉู่และตำหนักร้อยสมบัตินั้นเกิดขึ้นมานานแล้ว แต่พวกเรากลับไม่สนใจ" ในขณะนั้น ผู้อาวุโสอีกคนหนึ่งของตระกูลสุ่ยเปิดปากพูด ทำให้สุ่ยฉงเสียนรู้สึกแปลกใจและถามว่า "เจ้าหมายความว่าไง?"

ผู้อาวุโสคนนั้นพูดต่อว่า "ท่านผู้นำ ท่านจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่เดือนก่อนได้หรือไม่ที่ฉินอวี่เยียนตัดความสัมพันธ์ทั้งหมดกับตระกูลสุ่ยของพวกเรา?"

"แน่นอน!" ดวงตาของสุ่ยฉงเสียนกลายเป็นเยือกเย็น แม้จะผ่านไปไม่กี่เดือน แต่เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นทีไรมันทำให้เขารู้สึกโกรธทุกที

"ตำหนักร้อยสมบัติและตระกูลฉู่ได้ร่วมมือกันเก็บเกี่ยวทรัพยากร การกระทำของพวกเขาอยู่ในเงามืดมานาน โดยที่พวกเราไม่รู้เรื่องอะไรเลย อย่างที่เรารู้ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลสุ่ยของพวกเรากับตระกูลฉู่นั้นย่ำแย่ การที่ตำหนักร้อยสมบัติและตระกูลฉู่เป็นพันธมิตรกัน มันจะต้องเป็นเพราะตระกูลฉู่อย่างแน่นอนที่ทำให้ตำหนักร้อยสมบัติตัดความสัมพันธ์ทั้งหมดกับตระกูลสุ่ยของพวกเรา"

"นี่เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลมาก แต่ก่อนความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลสุ่ยและตำหนักร้อยสมบัติเป็นไปด้วยดีอยู่ตลอด มันเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเราจะถูกตัดความสัมพันธ์ ทุกอย่างจะต้องเป็นเพราะตระกูลฉู่อย่างแน่นอน!"

"ตระกูลฉู่ช่างร้ายกาจยิ่งนักที่ลอบทำลายพวกเราอย่างลับๆ"

ในขณะนั้นเอง ผู้คนที่อยู่ในห้องประชุมตระกูลสุ่ยก็เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว และด่าทอตระกูลฉู่ว่าเป็นพวกน่ารังเกียจและไร้ยางอาย

ในฐานะผู้นำตระกูลสุ่ย ความโกรธของสุ่ยฉงเสียนเริ่มทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น

หลังจากที่ครุ่นคิดเรื่องพวกนั้น เขาก็เห็นด้วยกับคำพูดพวกนั้น และยังคิดว่าฉู่ชิงหยุนเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมด

"ฉู่ชิงหยุนเป็นแค่คนไร้ค่าที่ใช้วิธีการบางอย่าง ทำไมท่านพ่อต้องกังวลเรื่องพวกนั้นด้วย?" ในขณะที่สุ่ยฉงเสียนกำลังโกรธ เสียงที่ดูถูกเหยียดหนามก็ดังขึ้น

สุ่ยเชียนเย่วที่อยู่ในชุดสีน้ำเงินเดินเข้ามาในห้องประชุมอย่างช้าๆ และใบหน้าของนางก็เต็มไปด้วยความหยิ่งยโส

"เย่วเอ๋อ เจ้าทะลวงผ่านระดับจิตวิญญาณแล้ว?" สุ่ยฉงเสียนรู้สึกประหลาดใจและเดินเข้าไปหาสุ่ยเชียนเย่วด้วยสีหน้ามีความสุข

"เมื่อไม่กี่วันก่อนข้าทะลวงผ่านระดับจิตวิญญาณแล้ว และตอนนี้ข้ากำลังฝึกฝนทักษะเก้าฝ่ามือคลื่นคำรามอยู่"

เมื่อสุ่ยเชียนเย่วพูด สีหน้าของนางไม่มีอะไรอื่นนอกจากความภาคภูมิใจ

สุ่ยฉงเสียนมีอายุสิบหกปี มีจิตยุทธระดับสี่ แต่บรรลุระดับจิตวิญญาณแล้ว นางถือว่าเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของเมืองซีเฟิงอย่างแน่นอน และไม่มีใครสามารถเทียบกับนางได้

"ด้วยความแข็งแกร่งของข้าในปัจจุบันเป็นเรื่องง่ายที่ข้าจะได้คัดเลือกเข้าสำนักหรือแม้กระทั่งตำแหน่งอันดับหนึ่ง และตระกูลสุ่ยของพวกเราจะต้องมีชื่อเสียงมากขึ้นเพราะข้าอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้พวกท่านกับหัวเสียเพราะคนไร้ค่าอย่างฉู่ชิงหยุน ถ้าเรื่องพวกนี้แพร่กระจายออกไป ข้าจะไม่เสียหน้าหรอกหรือ?"

ยังมีเวลาอีกหลายเดือนก่อนที่จะคัดเลือกเข้าสำนัก ในช่วงเวลานี้สุ่ยเชียนเย่วยังคงฝึกฝนอย่างหนัก และบางทีนางอาจจะเป็นอันดับหนึ่งของการคัดเลือก และเป็นที่ต้องการของทั้งห้าสำนัก

เมื่อเผชิญหน้ากับอัจฉริยะที่มีอนาคตไร้ขีดจำกัด พวกเขาทำได้แค่ตามใจนางและไม่กล้าพูดโต้เถียง

สีหน้าของสุ่ยฉงเสียนดูผ่อนคลายลงและพูดด้วยน้ำเสียงปกติว่า "เย่วเอ๋อ คำพูดของเจ้าฟังดูมีเหตุผลมาก แต่เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องเลวร้ายขึ้น ข้าจะส่งคนลอบเข้าไปในเมืองฉู่เพื่อค้นหาความจริง เจ้าคิดว่าไง?"

"ทุกอย่างขึ้นอยู่กับท่านพ่อ" สีหน้าของสุ่ยเชียนเย่วดูไม่พอใจเล็กน้อย และหันหลังกลับไป "ข้าหวังแค่ว่าการกระทำของพวกท่านไม่ส่งผลกระทบต่อการฝึกฝนของข้าแค่นั้นก็เพียงพอแล้ว"

หลังจากพูดจบ สุ่ยเชียนเย่วก็เดินออกไปจากห้องประชุมทันที

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด