ตอนที่แล้วGE174 เจ้าไม่คู่ควร [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE176 ดรรชนีกระบี่ทะลายขุนเขา [ฟรี]

GE175 สลายร่างชิงกระบี่ [ฟรี]


เสียงสะท้อนก้องราวกับอัสนีฟาดผ่าถูกสลาย การต่อสู้ระหว่างหยุนขวางและหนิงฝานคงไม่อาจเลี่ยงได้

เส้นลมปราณเทพ ปราณอัสนี… ดาราเทพ!

ในอดีต ซ่งยี่เคยเข้าใจตัวตนของหนิงฝานผิดเพราะดาราอัสนี ทูติแห่งวิหารพิรุณหลายคนก็เป็นเช่นนั้นในยามนี้

คนเหล่านั้นประหลาดใจที่หนิงฝานครอบครองเส้นลมปราณเทพโบราณ แต่ซ่งยี่รู้ดีว่าหนิงฝานยังครอบครองเส้นลมปราณอสูรโบราณ ช่างเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์

ในโลกพิรุณมีผู้เชี่ยวชาญครอบครองเส้นลมปราณเทพโบราณ หรือเส้นลมปราณปีศาจให้เห็นบ้าง จึงไม่ถึงเป็นเรื่องแปลก สำหรับโลกพิรุณแล้ว ผู้ที่ครอบครองเส้นลมปราณเทพโบราณถูกจัดให้เป็นผู้มีพรสวรรค์ ยิ่งครอบครองปราณมากกว่า 2 ชนิดยิ่งถูกยกย่อง เพียงแต่ผู้ที่มีพรสวรรค์มากกว่านั้น คือผู้ที่ครอบครองทั้งเส้นลมปราณเทพและปีศาจโบราณ

แม้วิหารพิรุณจะสืบทอดเส้นลมปราณเทพพิรุณมา แต่หากนับตั้งแต่ขอบเขตเปิดเส้นชีพจรจนถึงขอบเขตไร้แบ่งแยก ผู้ที่ครอบครองเส้นลมปราณเทพพิรุณจริงๆมีเพียง 10 คนเท่านั้น แม้เป็นหยุนขวาง ซ่งยี่ หรือท่านเสวี่ยก็ไม่มี

เมื่อแสนปีที่แล้ว ในโลกพิรุณเคยปรากฏผู้ที่ครอบครองเส้นลมปราณเทพอัสนี คือ ‘เทพกษัตริย์อัสนีปู้โจว’ เพียงผู้เดียว

หรือซัวหมิงผู้นี้จะเป็นผู้สืบทอดของเทพกษัตริย์อัสนีปู้โจว?

ความคิดนี้ทำให้จิตใจของผู้เชี่ยวชาญหลายคนสั่นสะท้าน แต่ท่านเสวี่ยกลับเผยแววตาเย็นชา

หากหนิงฝานเป็นผู้สืบทอดของเทพกษัตริย์อัสนีปู้โจวจริง คงกลายเป็นปัญหาใหญ่

มันเชื่อว่าหนิงฝานคือศิษย์ของหานหยวนจี๋ ไม่คิดว่าหนิงฝานจะเกี่ยวข้องกับเทพกษัตริย์อัสนี แม้หนิงฝานจะครอบครองดาราเทพอัสนี แต่ปราณอัสนีภายในร่างมีไม่มากนัก ที่เขาสามารถใช้อัสนีสวรรค์ได้ก็เพราะดาราอัสนี นับว่ายังห่างชั้นกับผู้ที่ครอบครองเส้นลมปราณเทพอัสนีจริงๆอยู่มาก

ตำนานกล่าวว่า เมื่อคราวที่เทพกษัตริย์อัสนีเป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม มันสามารถเปลี่ยนให้ร่างกายตนเป็นอัสนี ทำให้ร่างกายของตนกลายเป็นเหมือนเกราะและอาวุธที่ทรงพลัง นั่นทำให้มันไร้พ่ายกับคนที่มีระดับพลังใกล้เคียงกัน ผู้ที่จะเอาชนะได้มีเพียงผู้เชี่ยวชาญที่สูงชั้นกว่า หรือผู้ครอบครองสมบัติที่สามารถสยบอัสนี หรือผู้ที่ครอบครองอาวุธเทพโบราณเท่านั้น

‘กายาอัสนี...หมื่นศัตรูไม่อาจทำลาย เทพอัสนี...เทพปีศาจไม่อาจต้าน’

นั่นเป็นตำนานที่แพร่ไปทั่วโลกพิรุณ

เพราะฉะนั้น ท่านเสวี่ยจึงเชื่อสนิทใจว่าหนิงฝานไม่มีเส้นลมปราณเทพอัสนี เมื่อในผ่อนคลาย มันก็ชี้นิ้วไปเบื้องหน้า หมอกหนากระจายตัว ก่อตัวใหม่เป็นลานกว้างพันจ้าง

ลานกว้างนี้สร้างขึ้นการต่อสู้ของหนิงฝานและหยุนขวาง รอบนอกมีผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มและท่านเสวี่ยคอยเฝ้าดู

“ผู้ชนะการต่อสู้จะได้ตำแหน่งเจ็ดแม่ทัพไปครอง ผู้พ่ายแพ้ไม่อาจกล่าวคำใดๆ!”

ทันทีที่ท่านเสวี่ยกล่าวจบ หยุนขวางชักกระบี่!

จะแพ้หรือชนะขึ้นอยู่กับกระบี่ มันมั่นใจว่าตนคือผู้ชนะ

แม้การที่หนิงฝานครอบครองเส้นลมปราณอัสนีและดาราอัสนีจะทำให้มันกังวล แต่ด้วยที่ยังไม่เคยได้ยินเรื่องของเทพกษัตริย์อัสนี มันจึงไม่เป็นกังวล หากมันรู้ มันคงไม่เย่อหยิ่งจองหองแบบนั้น

กระบี่ที่ซ่อนอยู่ใต้แขนอาภรณ์ของหยุนขวางมีขนาดเท่านิ้วมือ เมื่อมันกระตุ้นกระบี่ กระบี่ก็หายไปจากแขนของมันอย่างไร้ร่องรอย

“ซัวหมิง! เจ้าไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ กระบี่ของข้ามีนามว่า ‘ไร้เงา’... เจ้าไม่มีทางรอดไปได้!”

ทันทีที่กระบี่ของหยุนขวางหายไป รอบกายของหนิงฝานก็ปรากฏหมอกดำทมิฬห้อมล้อม

หมอกดำแผ่ขยายปกคลุมไปทั่วลานกว้าง เปลี่ยนให้ทิวทัศน์รอบข้างดำสนิทราวราตรีที่ไร้ดาว สิ่งที่พึ่งพิงได้มีเพียงสัมผัสเทพ

หมอกดำเหล่านี้คือวิชาระดับดวงจิตแรกเริ่มที่เสริมให้กับกระบี่ไร้เงา นามว่า ‘หมอกบังตา’ ทำให้ศัตรูยากจะมองเห็น และอยากจะสัมผัสว่าการจู๋โ๗มจะมาจากที่ใด

การปรากฏของหมอกทำให้หนิงฝานเพิ่มการระวังอย่างถึงขีดสุด เพราะรอบทิวทัศน์ที่มืดมิดเอื้อประโยชน์ให้กับกระบี่ไร้เงา

แม้ไม่ได้ยินเสียงรอบข้า แต่ยังได้ยินเสียงหายใจของกระบี่!

กระบี่ของหยุนขวางคือสมบัติวิญญาณระดับสูงสุด ที่ใช้ออกด้วยวิชาระดับดวงจิตแรกเริ่ม

หากหนิงฝานไม่มีสัมผัสกระบี่ เขาจะไม่สามารถสัมผัสถึงกลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากกระบี่ของหยุนขวางได้

หากเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มทั่วไป พวกมันคงไม่อาจสัมผัสถึงการจู่โจมได้ มีเพียงรอให้กระบี่เข้าประชิดแล้วต้านรับ แต่ไม่อาจหลีกเลี่ยงอาการบาดเจ็บได้

หยุนขวางคิดว่าหนิงฝานสามารถสัมผัสถึงกระบี่ไร้เงาของมันไม่ได้… แม้จะครอบครองดาราอัสนี แม้จะครอบครองเส้นลมปราณเทพโบราณ แต่สัมผัสเทพในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นต้น กว่าจะสัมผัสถึงกระบี่ของมันได้ก็สายไป

หยุนขวางแสดงสีหน้าเย้ยหยัน

ยามนี้ กระบี่ไร้เงาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและไร้ทิศทางในหมอกทมิฬ แต่สัมผัสกระบี่ของหนิงฝานสามารถจับการเคลื่อนไหวของมันได้อย่างง่ายดาย

เมื่อกระบี่ไร้เงาเข้าจู่โจม นิ้วของหนิงฝานเปล่งแสงสีเงิน คีบจับกระบี่ไร้เงากระทั่งหยุนขวางไม่อาจถอนคืน

ขอบเขตกระดูกเงิน! และสัมผัสกระบี่ สามารถจับทิศทางและรั้งกระบี่ไว้ได้อย่างง่ายดาย!

หนิงฝานแสดงสีหน้าเย้ยหยันพลางกล่าว “กระบี่ราตรีหยุนขวาง… ไม่เห็นจะเท่าไหร่...”

ผู้เชี่ยวชาญที่รับชมเปล่งเสียงอุทาน หนิงฝานรับมือกับวิชาลอบสังหารของหยุนขวางได้อย่างง่ายดาย!

แม้จะถูกรั้งกระบี่และมองวิชาลอบสังหารออก แต่ยังไม่จบแค่นั้น!

สีหน้าหยุนขวางแปรเปลี่ยนเย็นชาพลางกล่าว “จะดีใจยังเร็วไป! ‘เพลงกระบี่เงาปีศาจ’!”

พริบตานั้นเอง กระบี่ไร้เงาที่หนิงฝานคีบจับไว้ แปรเปลี่ยนเงาดำเคลื่อนไปตามแขน ก่อนผสานเข้าไปในร่างกาย!

กระบี่ของหยุนขวางสมเป็นกระบี่สังหาร นอกจากการลอบสังหารแล้ว มันยังอาศัยช่วงที่ศัตรูเผลอ กลายเป็นเงาผสานเข้ากับร่างกาย และสังหารศัตรูจากภายใน

แม้จะบรรลุขอบเขตกระดูกเงิน แต่ส่วนที่แข็งแกร่งมีเพียงภายนอก หากสังหารจากภายใน ก็จะเหลือไว้เพียงร่างที่กลวงโบ๋

แม้เงากระบี่จะหายเข้าสู่ร่างกาย แต่หนิงฝานกลับไม่แตกตื่น ราวกับเขาคาดการณ์ไว้ก่อนแล้ว

กระบี่ไร้เงาเกิดจากการหลอมระหว่างกระบี่บินผสานกับเงากระบี่

เงากระบี่เป็นสิ่งที่มองไม่เห็น แฝงอยู่ในตัวกระบี่จนยากจะสัมผัส ดูเหมือนที่วิหารพิรุณจะมีผู้สร้างยอดฝีมือ ที่หลอมตีกระบี่บินเล่มนี้ให้หยุนขวาง

แม้เงากระบี่จะไม่ได้ทรงพลังพอจะต้านปราณกระบี่ได้ตรงๆ แต่หากเป็นการลอบจู่โจม ศัตรูย่อมไม่อาจตั้งรับได้ทัน

ด้วยกระบี่ไร้เงาและเพลงกระบี่เงาปีศาจ ทำให้หยุนขวางสังหารผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นต้นและขั้นกลางได้มากมาย แม้เป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสุดท้ายยังต้องบาดเจ็บสาหัส

แววตาและท่าทีที่ดูบ้าคลั่งของมันทำให้ผู้คนมองข้ามความเจ้าเล่ห์ไป จนไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าหยุนขวางจะเป็นมือลอบสังหารที่เชี่ยวชาญ

แม้ความลับเรื่องกระบี่ไร้เงาจะถูกเปิดเผยต่อนหน้าผู้เชี่ยวชาญมากมาย แต่เพื่อแลกกับการสังหารหนิงฝานเพื่อลดความแค้นในใจ มันคิดว่าคุ้มค่า

แต่แล้วเรื่องที่มันคาดไม่ถึงก็เกิดขึ้น!

มันเห็นเงากระบี่ผสานเข้าไปในร่างหนิงฝาน แต่สีหน้าหนิงฝานกลับไม่แปรเปลี่ยน… ไม่นาน ร่างของหนิงฝานก็แปรเปลี่ยนเส้นแสงสีดำหลายสายกระจายออกจากกัน

แยกตัวออกจากกระบี่ไร้เงา แล้วก่อร่างเป็นหนิงฝานอีกครั้ง

กระบี่ไร้เงาที่ผสานเข้าไปในร่างหนิงฝาน ไม่อาจทำร้ายหนิงฝานได้

“กระบี่ไร้เงานับเป็นกระบี่บินชั้นยอด… ข้าขอก็แล้วกัน!”

หนิงฝานคว้าจับกระบี่เอาไว้

หนิงฝานในยามนี้ดูราวกับจ้าวแห่งกระบี่ ผู้ซึ่งปกครองกระบี่นับหมื่น จนทำให้กระบี่ไร้เงาสั่นสะท้าน

ในขณะที่กระบี่สั่นเทา สัมผัสกระบี่ของหนิงฝานแทรกเข้าไปในกระบี่ไร้เงา เข้าทำลายสัมผัสเทพของหยุนขวาง แล้วสลักสัมผัสกระบี่ของตนลงไปแทน!

กระบี่ได้เปลี่ยนผู้เป็นนายแล้ว!

นั่นหมายความว่า หนิงฝานกลายเป็นผู้ชนะ

*อ๊อก!*

เมื่อสัมผัสเทพถูกทำลาย หยุนขวางก็กระอักโลหิต มันบาดเจ็บไม่มาก แต่แววตาของมันกลับเผยความหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

กระบี่ไร้เงาไม่สามารถทำอันตรายหนิงฝานได้ มันเดาไม่ออกว่าร่างกายของหนิงฝานทรงพลังขนาดไหน

ที่สำคัญ มันยังคาดไม่ถึงว่าหนิงฝานจะกล้าช่วงชิงกระบี่ของมันต่อหน้าผู้เชี่ยวชาญมากมาย

หยุนขวางพ่ายแพ้ ซ้ำยังถูกชิงกระบี่ต่อหน้าทุกคน! การกระทำเช่นนี้เท่ากับตบหน้าวิหารพิรุณ! มันเป็นผู้ใดถึงได้กล้าเช่นนี้

แต่ก่อนที่หยุนขวางเอ่ยปาก ทูติแห่งวิหารพิรุณคนหนึ่งก็ตะโกนขึ้น

“ซัวหมิง! เจ้าจะมากเกินไปแล้ว นอกจากจะแย่งตำแหน่งเจ็ดแม่ทัพไปจากหยุนขวาง ยังกล้าแย่งกระบี่ไปอีก! วิหารพิรุณของข้าไม่อยู่เฉยแน่!”

ผู้ที่ตำหนิหนิงฝานไม่รู้จักเทพกษัตริย์อัสนีปู้โจว… หยุนเลี่ยไม่เคลื่อนไหว หยุนโร่วเหว่ยไม่เคลื่อนไหว คนอื่นๆก็ไม่เคลื่อนไหว

การช่วงชิงอาวุธของอีกฝ่ายถือเป็นเรื่องที่เกินควร อีกอย่าง กระบี่ไร้เงายังเป็นสมบัติระดับสูงสุด เป็นสมบัติล้ำค่าของวิหารพิรุณ เช่นนั้นแล้ว พวกมันจะยอมให้กระบี่ไปตกอยู่ในมือหนิงฝานได้ยังไง?

แต่ที่พวกมันไม่กล่าวเพราะเป็นกังวล ส่วนหยุนโร่วเหว่ย สีหน้าของนางดูซับซ้อน

แม้อยู่ท่านกลางผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มของวิหารพิรุณ แต่หนิงฝานยงคงยิ้ม

“ข้าช่วงชิงกระบี่เหรอ?”

“ฮึ่ม! เจ้าลบล้างสัมผัสเทพของหยุนขวางที่สลักไว้ในกระบี่ แบบนั้นไม่เรียกว่าช่วงชิงจะเรียกว่าอะไร” ชายชราคนหนึ่งกล่าว

“ผิดแล้ว… ท่านกล่าวผิดแล้ว! หยุนขวางเป็นผู้มอบกระบี่ให้ข้าเอง ข้าก็เพียงยอมรับความใจกว้างของมัน...”

“ไร้สาระ! ใครมอบกระบี่ให้เจ้า!”

“งั้นเหรอ? ใครจะไปรู้... เช่นนั้น… ทูติแห่งวิหารพิรุณหยุนขวาง หากเจ้ากล้ารับกระบี่ของข้า ข้าจะคืนกระบี่ให้… เจ้ากล้าหรือเปล่า?”

สีหน้าของหนิงฝานแปรเปลี่ยนเย็นชา เขาสัมผัสกระเป๋านำฝักกระบี่ออกมา

ในนั้นมีปราณกระบี่ในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มของตู่กู… ‘กระบี่อยู่ที่ใจ!’

ยามนี้ปราณกระบี่ของหนิงฝานยังไม่บรรลุขั้นนั้น หรือต่อให้บรรลุเขาก็ยังใช้เพลงกระบี่นี้ไม่ได้

เมื่อต้องประสบกับสายตาที่เย็นชา หยุนขวางสั่นสะท้าน!

เจ้ากล้าหรือเปล่า? คำนี้ที่มันเคยถามหนิงฝาน ยามนี้กลับกลายเป็นย้อนถามตัวมันเอง แม้จะเป็นเพียงคำกล่าวที่ไม่ได้แอบแฝงวิชาใดๆ แต่กลับทำให้หยุนขวางหวาดกลัว

มันรู้ว่าต่อให้มันรับกระบี่ไร้เงาได้ แต่ก็ต้องบาดเจ็บสาหัสด้วยเงากระบี่ ยิ่งมันใช้กระบี่ไร้เงาสังหารศัตรูไปมากเท่าไหร่ มันยิ่งรู้ว่ากระบี่ยากจะต้านรับมากเท่านั้น… หากเงากระบี่ได้แทรกผ่านเข้าร่าง มันก็ไม่อาจเลี่ยงอาการบาดเจ็บได้

ยิ่งเมื่อได้ฝักกระบี่ที่หนิงฝานนำออก หัวใจของมันกลับยิ่งเต้นรัวจนไม่อาจควบคุม!

มันสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าปราณกระบี่ที่แฝงอยู่ในนั้น กำลังกรีดแทงจิตวิญญาณของมันอยู่

เจ็บปวด… แค่สัมผัสถึงก็เจ็บปวด

หากผสานปราณกระบี่นั่นเข้ากับกระบี่ไร้เงา อานุภาพของกระบี่จะทรงพลังขึ้นมหาศาล จนมันไม่อาจต้านรับ

มันมองหนิงฝานด้วยความโกรธแค้น มันไม่กล้าเอาชีวิตไปเสี่ยง

มันก้มหน้า ป้องมือให้กับหนิงฝาน แค่นเสียงแล้วถอยออกไป

มันไม่กล้ารับกระบี่หนิงฝาน!

เป็นครั้งแรกที่มันต้องถอย

แต่ความเคียดแค้นเพิ่มพูนสวนทาง

“ฝากไว้ก่อนเถอะ!”

หยุนขวางไม่รู้ว่าหนิงฝานยังไม่สามารถใช้สมบัติวิญญาณระดับสูงสุดได้ เพราะปราณของเขายังไม่ถึงขั้น ไม่อย่างนั้น หนิงฝานคงใช้ระฆังทะเลตะวันออก และกระบี่บินห้าธาตุไปแล้ว

ที่สำคัญ มันยังไม่รู้ว่าหนิงฝานใช้เพลงกระบี่อยู่ที่ใจไม่ได้ เพราะเขายังไม่ได้บรรลุขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มอย่างแท้จริง

หยุนขวางพลาดตำแหน่งเจ็ดแม่ทัพแห่งแคว้นจิน ทั้งยังถูกชิงสมบัติที่ล้ำค่าที่สุด

ในเมื่ออีกฝ่ายยอมถอย หนิงฝานก็ไม่จำเป็นต้องลงมือต่อ

เมื่อเห็นว่าหยุนขวางเป็นฝ่ายยอมถอย ชายชราคนเมื่อครู่ที่ตำหนิหนิงฝานก็ไม่กล้ากล่าวคำ

“คาดไม่ถึงว่าหยุนขวางจะไม่กล้า...” ทูติแห่งวิหารพิรุณเศร้าใจ แต่นั่นทำให้พวกมันคิดว่าตัวตนของหนิงฝานยิ่งดูลึกลับขึ้นไปอีก

ร่างกายแปรเปลี่ยนเป็นลำแสงหลายสาย… วิชาอะไรกัน?

ท่านเสวี่ยที่มีอายุมากว่า 3 พันปีก็ยังไม่เคยเห็น

ยามนี้ ภาพของหนิงฝานได้สลักลงไปในใจของสตรีนางหนึ่งจนไม่อาจถอน...

“เขาชนะ… เป็นไปได้ยังไง?!”

หยุนโร่วเหว่ยใบหน้าซีดขาว

เมื่อครู่นางกังวลว่าหนิงฝานจะตายใต้คมกระบี่ของหยุนขวาง แต่สุดท้ายก็เอาชนะมาได้

แต่นั่นไม่ได้หมายความว่านางชอบหนิงฝาน

นางเกลียด… เกลียดจนต้องสลักภาพของคนผู้นี้ลงไปในใจ

หากจะลบเลือน คงต้องลบความทรงจำของนาง

หนิงฝานช่วงชิงกระบี่… ข่มขู่… เจ้าเล่ห์… เป็นผู้ที่นางไม่อาจเทียบเคียง

คนชั่ว! สารเลว!

“คนชั่ว! ต่อให้เจ้าชนะ แต่ข้าไม่มีวันเลิกเกลียดเจ้า!” นางขบริมฝีปากจนแทบอยากจะคำรามออกมา...

ยามนี้ไม่มีผู้ใดกล้าแคลงใจกับตำแหน่งเจ็ดแม่ทัพของหนิงฝานอีก มีเพียงแต่ผู้ที่ต้องการถามเรื่องวิชาที่หนิงฝานใช้เมื่อครู่ แต่คงต้องรอให้ผ่านเรื่องราวไปก่อน เพราะยามนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือการรักษาท่านเสวี่ย

ลานกว้างที่สร้างจากหมอกหายไป การต่อสู้ที่เกิดขึ้น คนที่อยู่นอกวังไม่อาจสัมผัสได้ เพราะท่านเสวี่ยปิดบังไว้

“หากผู้ใดรักษาอาการบาดเจ็บของข้าได้ ข้าจะมอบรางวัลตอบแทนอย่างงาม!” ท่านเสวี่ยกล่าวพลางหลับตา เหล่าผู้เชี่ยวชาญทุกคนก็เริ่มพูดคุยหารือ

ไม่ว่าจะพูดคุยหารืออย่างไรก็ไม่ได้ข้อสรุป แม้บางคนจะมีความรู้เรื่องโอสถผันแปรที่ 3 แต่ยังไม่อาจหาสาเหตุอาการบาดเจ็บของท่านเสวี่ยได้

ดังนั้นหนิงฝานจึงคิดว่านี่คือโอกาสดีที่แก้ไขความบาดหมางที่มีต่อท่านเสวี่ย โดยทำการรักษาเพื่อแลกกับการที่ไม่ให้อีกฝ่ายสนใจแก่นปราณเยือกแข็ง

“ข้าซัวหมิงมีวิธีรักษาท่าน! ยามนี้ท่านต้องพิษ!” หนิงฝานกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง

เมื่อคนอื่นๆได้ยินคำกล่าวหนิงฝาน สีหน้าพวกมันแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง

“อะไรนะ? ซัวหมิง เจ้าอย่ากล่าววาจาไร้สาระ!” ผู้ที่ไม่เชื่อกล่าว

แต่เมื่อได้ยินคำว่าพิษ แววตาท่านเสวี่ยกลับเป็นประกาย มันรู้ว่าตนต้องพิษ เพียงแต่เป็นพิษที่มันไม่เคยเห็นมาก่อน เหตุใดซัวหมิงจึงจะรักษาได้!

“ข้าคือนักปรุงโอกาสผันแปรที่ 4...”

คำกล่าวของหนิงฝานทำให้ทุกคนไม่กล้าเอ่ยคำ

สีหน้าหยุนขวางแปรเปลี่ยนอัปลักษณ์กว่าผู้ใด

หยุนโร่วเหว่ยเองก็แทบคลั่ง นางแทบอยากจะเปิดเผยตัวตนของหนิงฝาน

“เป็นไปไม่ได้ เจ้าฝึกฝนมาเพียงไม่กี่ปี เป็นไปไม่ได้ที่จะบรรลุนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4! อย่ามาโกหก เจ้ามันชั่วช้า พวกนิกายปีศาจทมิฬมีแต่พวกชั่วช้า!” นางกู่ร้องในใจ

ชั่วพริบตานั้นเอง หยุนเลี่ยที่เงียบมานานก็กล่าวขึ้น

“เขาเป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 จริงๆ… ไม่เชื่อก็ให้ทดสอบดูได้...”

“อะไรนะ? ท่านทูติหยุนเลี่ย ท่านเคยเห็นมันปรุงโอสถมาก่อนงั้นเหรอ!?”

“เปล่า เปล่า… แต่มีผู้มารายงานข้าว่าเขาเป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 จริง!”

คำกล่าวของหานเลี่ยทำให้ผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดกล่าวไม่ออก

ถึงหยุนเลี่ยจะโกหก ก็แค่ให้หนิงฝานแสดงการปรุงโอสถให้ดูก็พอแล้ว

หนิงฝานไม่ได้สนใจคนอื่นๆ เขาหันมองท่านเสวี่ยเงียบๆ

“เจ้าถอนพิษได้จริงเหรอ?” ท่านเสวี่ยกล่าวถาม

“ข้าเคยถอนพิษชนิดนี้มาแล้วหนหนึ่ง… แต่การถอนพิษนั้น จะทำให้ระดับพลังของผู้อาวุโสลดลงหนึ่งระดับ”

“และข้าก็มีเงื่อนไขอยู่ข้อหนึ่ง!”

“แก่นปราณเยือกแข็งเป็นของข้า ท่านต้องทำให้คำสัตย์กับหัวใจของท่านว่าจะช่วงชิง!”

แววตาหนิงฝานเป็นประกาย ในความคิดของเขาคือ ท่านเสวี่ยต้องการแก่นปราณเยือกแข็งมาก

เมื่อหนิงฝานกล่าวจบ ท่านเสวี่ยก็กล่าวขึ้นทันที

“ย่อมได้!”

ตั้งแต่ที่รู้ว่าหนิงฝานคือศิษย์ของหานหยวนจี๋ มันก็เลิกล้มเรื่องช่วงชิงแก่นปราณเยือกแข็งไปแล้ว! ในการกลับกัน การที่หานหยวนจี๋ไม่ช่วงชิงสมบัติของมันก็นับเป็นบุญแล้ว...

ถึงหานหยวนจี๋จะบาดเจ็บจนสูญเสียพลังไป และเหล่าศัตรูของชายชราจะรู้ว่าชายชราอยู่ในโลกพิรุณ แต่พวกมันรู้ว่าชายชราไม่ธรรมดา จึงไม่มีผู้ใดกล้ายั่วยุ เฉกเช่นที่วิหารพิรุณไม่กล้ายั่วยุ

แม้ศัตรูของชายชราจะมีมากมาย แต่สหายที่เป็นเซียนก็สมควรมีมากมายเช่นเดียวกัน

ดังนั้น ท่านเสวี่ยจึงตัดสินใจไปแล้วว่าจะไม่ช่วงชิงแก่นปราณเยือกแข็งจากหนิงฝาน นอกจากนี้ หากหนิงฝานถอนพิษให้มันได้ มันก็จะกลายเป็นฝ่ายติดหนี้บุญคุณ มันย่อมสมควรตอบแทนหนิงฝาน… การที่หนิงฝานร้องรอเพียงเท่านั้น นับเป็นเรื่องเล็กน้อยอย่างที่สุด

หากมันไม่ตอบแทน มันจะเอาเปรียบหนิงฝานเกินไปหรือเปล่า?

แต่เรื่องตอบแทนไม่เป็นปัญหา ปัญหาคือมันไม่รู้ว่าหนิงฝานคือนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 จริงหรือเปล่า

แต่จากท่าทางของหยุนเลี่ย มันไม่ได้กล่าวเกินจริง… ซัวหมิงผู้นี้จะดูน่าเหลือเชื่อมากไปแล้ว

ท่านเสวี่ยมองเห็นระดับพลังที่แท้จริงของหนิงฝานได้อย่างชัดเจน มันรู้ว่าหนิงฝานเป็นผู้เชี่ยวชาญกึ่งแก่นทองคำ ที่เขาเอาชนะได้หยุนขวางก็เพราะโชคดี การที่ข่มขู่มันได้ก็เพราะมันหวาดกลัวไปเอง หากมันกล้ากว่านั้น คงได้กระบี่กลับคืนไปแล้ว

เป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญกึ่งแก่นทองคำ แต่ทรงพลังจนน่าเหลือเชื่อ มีไพ่ตายในมือมากมายนับไม่ถ้วน เจ้าแผนการ และมีที่มาไม่ธรรมดา...

ที่สำคัญ หนิงฝานสมควรเป็นนักปรุงโอสถจริง เพราะมีหานหยวนจี๋ เซียนที่แท้จริงเป็นอาจารย์... เพียงแต่แท้จริง การปรุงโอสถของชายชราสู้หนิงฝานไม่ได้

หนิงฝานอายุกระดูกเพียง 20 ปี… เขาจะเป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 จริงหรือ?

เพราะคนของนิกายปีศาจทมิฬ เป็นผู้มีคารมณ์ดีน่าเชื่อถือ แม้เป็นเซียนยังแยกไม่ออกว่าจริงหรือหลอก

“หวังว่าเด็กนี่จะช่วยข้าได้...” ท่านเสวี่ยถอนหายใจ แต่มันต้องยอมรับชะตากรรม

เพราะอย่างน้อย หนิงฝานก็มองเห็นว่ามันต้องพิษ...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด