ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0039
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0041

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0040


ตอนที่ 40 : ไม่ยอมรับ!

ติงเทียนฉวนยังหลับตาทำการพักฟื้นอยู่ เขากล่าวออกมาช้า ๆ “ข้าพบเข้ากับพยัคฆ์โลหะ ที่รอดมาได้นับว่าดียิ่งแล้ว อาการบาดเจ็บของข้าไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับฉินหยุน”

ผู้อำนวยการจางขมวดคิ้ว “ข้าก็เห็น สัตว์ปีศาจระดับแปดบินผ่านอากาศออกมา เหมือนมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นที่ส่วนลึกของเทือกเขาเมฆมังกร”

หยางฉีเย่ว์รับชมเรื่องราวเงียบงัน นางรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เพียงเท่าที่รับฟังตอนนี้

“หมายความว่าฉินหยุนไม่มีผลงานอันใดหรือ?” อาจารย์ร่างท้วนคนหนึ่งหัวเราะขึ้น

เรื่องนี้มีเหตุผล อาจารย์ร่างอ้วนวัยกลางคนผู้นี้นำห้องด้วยผลลัพธ์ที่เลวร้าย หากฉินหยุนไม่มีผลงาน เท่ากับว่าเขาจะไม่ใช่อันดับท้ายสุดของตารางแล้ว

“ย่อมไม่ใช่!” หลังติงเทียนฉวนลุกขึ้นยืน เขานำเอาร่างสัตว์ปีศาจจำนวนห้าตัวออกจากกระเป๋าที่ถือไว้ตลอดทางออกมา

“ไก่งวงระดับที่ห้า ส่วนตัวอื่นระดับที่สี่! ระดับที่ห้านับจำนวนคือสิบ นี่เท่ากับสิบสี่!” ติงเทียนฉวนมองอาจารย์วัยกลางคนร่างท้วมขณะกล่าวต่อ “ทั้งหมดนี้ฉินหยุนสังหารเพียงลำพัง ข้าเพียงรับผิดชอบตามรอยสัตว์ปีศาจพวกนี้และชี้แนะจากด้านข้าง!”

ผู้อำนวยการจางสำรวจมองและพยักหน้าให้ “มีร่องรอยของหมัดอ่อนเปลวเพลิงบนร่างของสัตว์ปีศาจพวกนี้ ไม่แม้กระทั่งใช้อาวุธด้วยซ้ำ ดูเหมือนหมัดอ่อนเปลวเพลิงจะพัฒนาขึ้นไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว!”

บรรดานักเรียนพลันแตกตื่นฮือฮากันทันที

เพียงลำพัง ฉินหยุนสามารถสังหารสัตว์ปีศาจระดับห้าด้วยมือเปล่า พละกำลังระดับนี้เกินกว่าที่นักเรียนขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับสี่จินตนาการถึง!

นักเรียนหลายคนทั้งอิจฉาและริษยา พวกเขามองฉินหยุนอย่างขุ่นเคือง!

อาจารย์ท่านที่เหลือเงียบปาก พวกเขาทราบว่าติงเทียนฉวนเป็นชายซื่อสัตย์ ไม่มีทางเข้าข้างฉินหยุนอย่างแน่นอน

บรรดานักเรียนทำได้เพียงกัดฟันแน่นริษยา เพราะเรื่องราวที่เผยออกนี้ ฉินหยุนจะกลายเป็นผู้ชนะอันดับหนึ่งด้วยกำลังเพียงลำพัง!

“พวกเราจะรอให้ห้องสามกลับมาก่อน!” หยางฉีเย่ว์ยิ้มขณะหันไปพยักหน้าให้ฉินหยุน

มีเพียงฉินหยุนและติงเทียนฉวนที่ทราบว่าคนจากห้องสามจะไม่มีวันได้กลับออกมา!

เหตุผลก็เพราะพวกเขาถูกฉินหยุนเพียงคนเดียวสังหารจนสิ้น!

ขณะติงเทียนฉวนครุ่นคิด ภายในใจพลันเปี่ยมล้นด้วยความรู้สึก

ราตรีกาลมาเยือน ทุกคนจึงตั้งแคมป์เพื่อรอให้ห้องสามเดินทางกลับมา

และตอนนี้ก็ถึงเวลาที่กำหนดเอาไว้แล้ว

“ผู้อำนวยการ พวกเขาไม่กลับมาหรือ?” ชายชราเอ่ยถาม คนผู้นี้เดิมทีเป็นอาจารย์ประจำห้องสาม

“ข้าเองก็ไม่ทราบ รออีกสักหนึ่งวันแล้วกัน! หากพวกเขาไม่กลับมา พวกท่านก็กลับไปกันก่อน ข้าจะเข้าไปหาพวกเขาโดยลำพัง” ผู้อำนวยการจางเผยสีหน้าหนักอึ้ง

เช้าวันถัดมา ผู้อำนวยการจางจึงประกาศว่าห้องเก้าชนะอันดับหนึ่ง

รางวัลครั้งนี้คือสิทธิ์การเข้าค่ายอาคมวิญญาณเก้าตะวันบรรจบเพื่อฝึกฝนได้ถึงสิบวัน!

ค่ายอาคมวิญญาณเก้าตะวันบรรจบตั้งอยู่ที่ยอดเขา การได้ฝึกฝนเป็นเวลาสิบวันภายในค่ายอาคมมีค่าเทียบเท่าดูดกลืนพลังวิญญาณหนึ่งถึงสองปี!

“ผู้อำนวยการ พวกเราไม่ยอมรับ! ค่ายอาคมวิญญาณเก้าตะวันบรรจบเปิดให้เข้าใช้งานเพียงหนึ่งครั้งต่อปี ดังนั้นแล้วแม้คนหลักสิบเข้าไปก็ไม่มีปัญหา แต่ตอนนี้กลับต้องสูญเสียสิทธิ์นั้นให้ฉินหยุนเพียงผู้เดียว!” ชายวัยกลางคนคิ้วหนาตาโตคนหนึ่งกล่าวขึ้น เขาไม่พอใจมาก และเขาเป็นอาจารย์ประจำห้องหนึ่ง

อาจารย์คนอื่นก็ทักท้วงเช่นกัน!

ฉินหยุนจำได้ว่าอาจารย์เหล่านี้มีความสัมพันธ์อันดีกับปรมาจารย์เว่ย

หยางฉีเย่ว์แค่นเสียงกล่าว “ฉินหยุนสามารถสังหารสัตว์ปีศาจจำนวนมากโดยลำพัง เหตุใดเขาจึงไม่สามารถเข้าค่ายอาคมวิญญาณเก้าตะวันบรรจบได้กัน?”

“เขาก็แค่ขยะผู้หนึ่งซึ่งมีแต่โชค ต้องเป็นท่านที่ลอบช่วยเหลือเขาถึงได้เลื่อนพลังรวดเร็วเพียงนี้” เยี่ยนหยุนตะโกนเสียงดังก้อง

นางมีตระกูลเยี่ยนหนุนหลัง ทั้งคู่หมั้นของนางยังเป็นบุตรของปรมาจารย์เว่ย นอกจากนี้ปรมาจารย์เว่ยก็อยู่ที่สถาบันยุทธ์ฮัวหลิง นางจึงกล้าที่จะกล่าวเช่นนี้ต่อหน้าหยางฉีเย่ว์

“คู่หมั้นเจ้าเลื่อนพลังสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่ห้ามาเนิ่นนาน แต่แล้วเขาก็พ่ายแพ้แก่ข้า ด้วยเหตุนี้คู่หมั้นของเจ้าก็เป็นขยะที่ไม่ได้มีดีอะไรไปกว่าข้า!” ฉินหยุนหัวเราะคิกคักโต้เถียงกลับ “เจ้าคงทำใจได้ยากสินะ ที่ต้องแต่งงานกับคนที่แย่กว่าขยะเช่นนั้น”

“เจ้า... หุบปาก! พี่ใหญ่คุนคืออนาคตอาจารย์จารึก ตอนนี้เขากำลังตั้งใจศึกษาการแกะสลักจนสามารถสร้างยันต์ได้แล้ว ครั้งนี้เมื่อพวกเราเดินทางกลับไปถึง ปรมาจารย์เว่ยได้เชิญนักเรียนทุกคนของสถาบันยุทธ์ฮัวหลิงรวมทั้งบรรดาตระกูลดังของจักรวรรดิเทียนฉินมาเพื่อแสดงความยินดีต่อพวกเราด้วยซ้ำ!” น้ำเสียงของเยี่ยนหยุนกราดเกรี้ยว ทว่าก็เปี่ยมไปด้วยความจองหอง

เมื่อนางเอ่ยถึงเว่ยเสวียนคุนที่สามารถสร้างยันต์ได้ ฝูงชนถึงกับระเบิดเสียงฮือฮาดัง

“ก็แค่สร้างยันต์ได้แล้วยังไง?” เขาเองก็สามารถสร้างยันต์ได้ ทั้งยังสามารถทำได้จำนวนไม่น้อยอีกต่างหาก นอกจากนี้พวกมันล้วนเป็นยันต์อัคคีที่ทรงพลัง

ถึงตอนนี้ฝูงชนระเบิดเสียงหัวเราะแล้วเมื่อได้ยินคำถามนี้

“เด็กน้อยที่โง่เขลา! เจ้ารู้หรือไม่ว่าการสร้างยันต์หมายความถึงอะไร?” อาจารย์คนหนึ่งเยาะเย้ยต่อหน้า “นี่แสดงให้เห็นว่าเว่ยเสวียนคุนได้ก้าวเดินบนเส้นทางของอาจารย์จารึกแล้ว! ไม่ว่าคนอย่างเจ้าจะพยายามศึกษาอีกสักกี่สิบปี มันก็เป็นการยากที่จะผ่านจุดซึ่งเขาก้าวเดินผ่านไปแล้วได้!”

เมื่อเยี่ยนหยุนได้ยินดังนี้ นางจึงยืดอกเชิดหน้าชูตา นักเรียนผู้อื่นต่างก็ร่วมแสดงความยินดีแก่เว่ยเสวียนคุนเช่นกัน พวกเขาประจบกันอย่างออกหน้าออกตา...

“ผู้อำนวยการ ฉินหยุนคิดครอบครองค่ายอาคมวิญญาณเก้าตะวันบรรจบแต่เพียงผู้เดียว เรื่องนี้พวกเราไม่ยินยอม ท่านต้องเข้าใจความรู้สึกของพวกเราด้วย!” เยี่ยนหยุนกล่าว “ปรมาจารย์เว่ยคิดจัดงานฉลองยามค่ำคืนที่สถาบันยุทธ์ฮัวหลิง ถึงตอนนั้นบรรดาสำนักที่มีชื่อเสียงทั้งหลายจะทราบเรื่องนี้เช่นกัน”

“พอได้แล้ว! ถ้าใครไม่พอใจ งั้นก็จงออกมาสู้กับข้า! ตัวข้าใช้พละกำลังตัวเองได้รับรางวัลนั้นมาด้วยความอุตสาหะ พวกเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาไม่ยินยอมรับเรื่องนี้? ด้วยพละกำลังของพวกเจ้า พวกเจ้าทำผลงานได้ดีกว่าหรือแข็งแกร่งกว่าข้างั้นเรอะ?”

“หรือจะอ้างว่าพวกเจ้าเก่งแต่ปากทั้งที่มีเส้นวิญญาณจำนวนมากกว่า? พวกเจ้าล้วนมีเส้นวิญญาณมากกว่าข้ากันทั้งนั้น นอกจากนี้ยังมีตระกูลคอยสนับสนุนช่วยเหลือแต่กลับด้อยกว่าข้าที่มีเส้นวิญญาณเพียงหนึ่ง เพราะอะไร? ไม่ใช่เพราะพวกเจ้าช่างไร้ค่าไม่รู้จักพยายามให้มากพอหรือยังไงกัน? เป็นเพราะพวกเจ้ามัวแต่เที่ยวเล่นยกยอตัวเองไปวัน ๆ หรือไม่ใช่?!”

ฉินหยุนโกรธเคืองถึงขนาดที่ชี้หน้าด่ากราดบรรดานักเรียนที่เผยสีหน้าไม่พอใจ

นักเรียนกลุ่มนี้หาได้หาญกล้าตอบคำใดไม่ ฉินหยุนสามารถโค่นล้มเว่ยเสวียนคุน ลำพังเพียงเรื่องนี้ก็ไม่มีใครกล้าหาเรื่องด้วยแล้ว!

“ข้าจะสู้กับเจ้าเอง!” เด็กหนุ่มร่างสูงก้าวเดินออกมา ชุดที่สวมใส่เป็นเกราะอ่อนหรูหราดูแพง ทั้งใบหน้ายังเปี่ยมด้วยความมั่นใจ

“เจิ้งหยวนชิง บุตรแห่งตระกูลเจิ้งผู้ครอบครองเส้นวิญญาณห้าตะวัน และยังมีวิญญาณยุทธ์พยัคฆ์ระดับทอง? คนของห้องสอง!” นักเรียนคนหนึ่งกระซิบเสียงแผ่วออกมาทั้งเผยความนับถือ

“เขาเลื่อนพลังสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่ห้าแล้ว ทั้งยังมีวิญญาณยุทธ์สัตว์ร้ายที่หาได้ยากยิ่ง”

“ตามคำพูดของเยี่ยนหยุน เว่ยเสวียนคุนไม่ใช่ผู้ฝึกตนสายต่อสู้ ดังนั้นไม่แปลกที่จะแพ้ฉินหยุน! ขณะที่เจิ้งหยวนชิงคือผู้ครอบครองวิญญาณยุทธ์สัตว์ร้าย เขาสมควรเป็นผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้ที่มีพลังมากพอจะโค่นล้มฉินหยุนได้!”

“ท้าสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย?” ฉินหยุนเอ่ยถามเสียงเย็นเยือก

“ฉินหยุน หากเจ้าแพ้ เจ้ายินยอมให้ห้องอื่นเข้าค่ายอาคมวิญญาณเก้าตะวันบรรจบหรือไม่? และหากเขาแพ้ สัตว์ปีศาจทั้งหมดของห้องสองที่ล่ามาได้จะตกเป็นของเจ้า!” ผู้อำนวยการจางกล่าว “ในศึกประลองยุทธ์ เจ้าสามารถเลือกได้ว่าจะให้มันจบอย่างไร”

“ตามนั้นขอรับ!” ฉินหยุนรับคำ

ห้องสองได้สังหารสัตว์ปีศาจระดับสี่ไปจำนวนสิบตัว พวกมันแต่ละตัวมูลค่าทัดเทียมสองพันเหรียญผลึก ทั้งหมดก็เท่ากับสองหมื่นเหรียญผลึก จำนวนเท่านี้เพียงพอให้เขายอมรับการต่อสู้

เจิ้งหยวนชิงลอบยินดี หากเขาสามารถจัดการฉินหยุนได้ ความนิยมในตัวเขาจะพุ่งทะยานขึ้นฟ้า มันจะเป็นการส่งเสริมถึงตำแหน่งในอนาคตที่ตระกูลจะมอบแก่เขาด้วยเช่นกัน

ทุกคนตอนนี้เปิดทางให้พวกเขาได้ประลอง

“เริ่มได้!” ผู้อำนวยการจางประกาศเสียงดัง

ร่างคล้ายพยัคฆ์ของเจิ้งหยวนชิงสั่นขณะออร่าดุดันของสัตว์ร้ายทะลักออก!

เขาปลดปล่อยออร่าดุดันนี้ขณะพุ่งเข้าหาฉินหยุนประหนึ่งสัตว์ร้ายพิโรธ ขณะพุ่งเข้าใส่ มือนั้นก็แปรเปลี่ยนปรากฏเป็นกรงเล็บพยัคฆ์!

นี่คือเคล็ดวิชาที่ใช้มายาสร้างขึ้น มันเป็นเสมือนของจริงทั้งยังสร้างสร้างความหวาดกลัวแก่อีกฝ่ายได้ไม่ใช่น้อย

“เป็นวิชากรงเล็บพยัคฆ์ ระดับวิญญาณขั้นต่ำ! ที่สัตว์ปีศาจระดับสี่ร่างฉีกขาดคงเป็นเพราะเขาแล้ว”

“สงสัยจริงว่าฉินหยุนจะรับมือได้ยังไง?”

เป็นนักเรียนสองคนอุทานร้องชื่นชม

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด