ตอนที่แล้วบทที่ 193 - สรรสร้าง (2) [24-08-2019]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 195 - สรรสร้าง (4) [28-08-2019]

บทที่ 194 - สรรสร้าง (3) [26-08-2019]


บทที่ 194 - สรรสร้าง (3)”

 

ในตอนที่ยูอิลฮานได้เปิดนาฬิกาทรายแห่งการเวลาเสียงทุบค้อนของเขาก็ไม่เคยหยุดลงเลย

นับตั้งแต่ที่เขาผ่านมาถึงคลาส 2 เขาก็ไม่จำเป็นต้องนอนมากมายนัก ยิ่งในตอนนี้เขาอยู่ในสภาพที่ดีที่สุดของเขาเพราะพลังงานที่เหลือล้นจากการที่ไม่ได้ต่อสู้ เขาไม่จำเป็นต้องดื่มลมหายใจหรือบลัดดริ้งช่วยเลยด้วยซ้ำไป

ในตอนนี้ยูอิลฮานได้ใกล้เคียงกับเครื่องจักรมากกว่ามนุษย์ไปแล้ว เครื่องจักรที่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและใช้พลังงานน้อยถึงขีดสุด! ในช่วงแรกเลียร่าแค่เฝ้ามองดูเขาไปเรื่อยๆ แต่หลังจากได้ผ่านไปสองสัปดาห์แล้วเขายังทำงานโดยไม่พักอยู่ทำให้เธอพยายามจะหยุดเขาเพราะกลัวว่าเขาอาจจะบ้าไปแล้ว

[นายจะเมินเฉยกับความล้าทางจิตใจไม่ได้นะ... นายต้องพักสักนิดนะ]

"ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะไม่สนใจอะไรก็ตามที่ไม่ส่งผลต่อสภาพร่างกายของฉัน ตราบเท่าที่มนุษย์ยังมีแรงใจก็ไม่มีปัญหาแล้ว ถึงฉันจะไม่รู้สึกว่าฉันยังเป็นมนุษย์อยู่ก็ตาม"

ยูอิลฮานได้ตอบกลับระหว่างที่เขาก็ยังใช้มีดแกะสลักที่ทำจากกระดูกมังกรแกะสลักก้อนโลหะยักษ์ ยังไงก็ตามเลียร่ากลับรู้สึกยินดี

[ใช่แล้ว ในที่สุดนายก็ยอมรับว่านายไม่ใช่มนุษย์แล้ว]

"แต่ฉันก็ไม่ใช่ทูตสวรรค์ด้วยเหมือนกัน"

[ทำไมล่ะ!]

ก้อนโอหะนี้แข็งมากจนอาวุธปกติไม่อาจจะสร้างความเสียหายให้มันได้ แต่หากว่าเขาใส่แรงลงสักหน่อยมันก็มากพอที่จะแตกละเอียดออกได้เหมือนกัน ยังไงก็ตามด้วยความเข้าใจในโลหะทุกชนิดจากพรของเทพแห่งช่างตีเหล็กทำให้เขาแกะสลักโลหะนี้ได้อย่างง่ายดายโดยที่ไม่สร้างความเสียหายกับโครงสร้างภายในแม้แต่นิดเดียว

เขาได้ทำการผสทผสานภาษาเวทย์จำนวนมากมายและสลักลงไปในก้อนโลหะนี้ ภาษาเวทย์ที่เขาผสมนี้มันทำให้วงเวทย์ที่ทูตสวรรค์ทำขึ้นมาดูเป็นของเด็กเล่นไปเลย พลังของประกายเพลิงและเพลิงนิรันด์ได้รวมกันอยู่ที่ปายของมีดแกะสลักเพื่อทำให้การสลักเกิดความแม่นยำและสวยงามที่สุด

ยังไงก็ตามส่วนที่สำคัญที่สุดเลยก็คือการทำหัตถกรรมเวทย์ หากว่าการออกแบบและภาษาเวทย์ที่ยูอิลฮานทำขึ้นมาไม่สอดคล้องกัน การทำหัตถกรรมมานาก็จะล้มเหลวลงไปในทันที นอกไปจากนี้หากว่าคุณภาพของหินพลังเวทย์ที่เขาใข้ทำหัตถกรรมมานาน้อยกว่าความต้องการที่ภาษาเวทย์ที่สลักลงไปต้องใช้ก็จะเกิดความล้มเหลวขึ้นเช่นกัน และในทางกลับกันหากว่ามากเกินไปก็จะเกิดความสับสนของมานาขึ้นเช่นกัน

ตามปกติแล้วการจะสร้างอาร์ติแฟคแบบนี้ต้องใช้เวลาเป็นสิบปีซึ่งต่างไปจากที่เขากำลังทำในตอนนี้

และยูอิลฮานได้เทหินพลังเวทย์คลาส 4 เอาไว้ในมุมหนึ่งของที่ทำงานของเขาเพื่อเตรียมสำหรับการทำหัตถกรรมมานาซึ่งนี่ทำให้เลียร่าตะโกนออกมาอย่างตกใจ

[ทำไมนายถึงต้องใช้หินพลังเวทย์คลาส 4 มากขนาดนี้?]

"มันก็ช่วยไม่ได้นี่หากฉันจะสร้างเครื่องมือเวทย์ถาวรขึ้นมา หากว่าฉันไม่อยากจะใช้หินพลังเวทย์ ฉันก็จะต้องใช้หินพลังเวทย์มาลงทุนในจุดนี้มากๆ"

และยูอิลฮานก็ได้ใช้หินพลังเวทย์ทั้งหมดนั่นทำการหัตถกรรมมานาสำเร็จ การหัตถกรรมมานาในตอนนี้ของเขาหากไปจากตอนแรกที่เรียนอย่างสิ้นเชิงแล้ว

เทคนิคหัตถกรรมมานาที่เกือบจะเชี่ยวชาญและรวมเข้ากันกับวิศวกรรมเวทย์เลเวลสูงทำให้มันเป็นไปได้

[ว้าว หินพลังเวทย์ทั้งหมดนั่นหายไปแล้ว นี่มันบ้ามาก...]

"วัสดุก็เยี่ยม เธอเห็นป่ะว่านี้เป็นโลหะหายากทั้งหมดที่มาจากหลายๆโลกที่มาร่วมการประมูล มันแข็งจนไมน่าเชื่อเลยล่ะ แต่ว่าสิ่งที่ยอดเยี่ยมจริงๆเลยก็คือความสามารถในการดูดซับมานาของมัน"

ตามปกติแล้วการใช้โลหะมาสร้างจะสำเร็จก็ต้องเมื่อผ่านความล้มเหลวและความสิ้นหวังมานับไม่ถ้วน แต่ว่าด้วยความที่ยูอิลฮานได้รับพรมาจากเทพแห่งช่างตีเหล็กทำให้เรื่องนั้นไม่ได้เกิดขึ้นเลย ขณะที่เลียร่าฟังคำอธิบายของเขา เธอก็มองไปที่อารมณ์ติแฟคด้วยอารมณ์ที่มากมาย

[ในตอนนี้ที่โลกได้ขับไล่คนอื่นๆออกไปจนหมด นายก็ได้กำลังทำอาวุธที่ใช้โลหะจากโลกจำนวนนับไม่ถ้วนมาต่อต้านกับโลก...]

"ฉันไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้เลย..."

ในตอนที่่การสร้างเกือบจะเสร็จลงก้อนโลหะก็เริ่มรอยขึ้นมาโดยที่ไม่มีใครไปแตะมัน และยูอิลฮานก็ได้เก็บมันเข้าไปในช่องเก็บของอย่างพอใจ อีกด้านหนึ่งเลียร่าได้หมดคำพูดไปทันทีที่เธอรู้สึกได้ถึงระดับของพลังเวทย์ที่เทียบได้กับอาร์ติแฟคระดับมหากาพย์

[นาย นี่มัน...]

"หือ? ไว้ดูต่อดีกว่านะ"

แค่ชิ้นส่วนเดียวของยูอิลฮานก็ทำให้ทูตสวรรค์ตกตะลึงไปแล้ว แต่ว่าเขาก็ไม่ได้ยุดและเริ่มทำการกลั่นก้อนโลหะขึ้นมาอีกหนึ่งอัน เขารู้สึกว่าเขาได้เข้าใกล้ความสำเร็จในทุกๆครั้งที่ทำชิ้นส่วนเสร็จ

ในตอนนี้เขาไม่ได้กังวลเรื่องยูมิล เรื่องญาติๆ เรื่องของโลกใบนี้ด้วย เขาแค่มองแต่ผลลัพธ์ที่เขากำลังทำในตอนนี้

[ถ้าเกิดมีอาร์ติแฟคระดับเทพเจ้าเกิดขึ้นมาจากมือมนุษย์? มันน่าเศร้าจริงๆเลยนะที่โลกนี้จะต้องปิดตัวลง]

"พวกเราไม่รู้เลยว่ามีอะไรอยู่เหนืออาร์ติแฟคระดับโกลาหล(คาออส) บางทีระดับเทพเจ้า(ก็อต)อาจจะไม่ใช่จุดสิ้นสุดด้วยก็ได้"

[นายกำลังพูดถึงอะไรที่เหนือกว่าระดับเทพอีก... ไม่สิ หยุดแค่นี้เถอะนะ นายพูดเหมือนว่ามันเป็นเรื่องง่ายๆที่นายจะทำเลยนะ]

เลียร่าได้หดหู่ขึ้นมาและหยุดถูดลงไป แม้ว่าเวลาที่เธอจะใช้อยู่กับยูอิลฮานจะสั้นๆหากเทียบกับทั้งช่วงชีวิตของเธอ แต่ว่าในช่วงเวลาสั้นๆนี้ก็ได้เปลื่ยนมุมมองในชีวิตไปเช่นกัน

ความเปลื่ยนแปลงที่คาดไม่ถึงและความผิดพลาดบนโลกนี้ และการกระทำของยูอิลฮานที่เธอได้เฝ้าดูมาตลอด ทั้งหมดนี้ได้สั่นคลอนจิตใจของเธอ เธอไม่เคยสงสัยในคำว่า 'สมบูรณ์แบบ' มาก่อนเลย แต่ว่าในตอนนี้เธอกระทั่งรู้สึกว่าสิ่งนั้นมันมีอยู่จริงหรือป่าว

ดังนั้นเธอก็เลยพูดคำๆนี้ออกมา

[ถ้างั้นก็พิสูจน์ด้วยการกระทำดีกว่า]

"เธอคิดว่าฉันทำไม่ได้หรอ?"

ยูอิลฮานได้ส่งเสียงขึ้นจมูกและหยิบค้อนขึ้นมาอีกครั้ง ยังมีเวลาเหลืออยู่อีกหนึ่งเดือนครึ่งก่อนที่บาเรียของนาฬิกาทรายจะหายไป เวลานี้มันก็มากพอที่จะทำปราการลอยฟ้าสำเร็จแล้ว

*****

เวลาของยูอิลฮานได้ไหลไปเร็วอย่างเคย เนื่องจากว่าตัวเขาไม่เคยหยุดพักเลยทำให้เขาไม่ได้ใช้เวลาเสียเปล่าสักนิดเดียว

แนวคิดในเรื่องของเวลาของเขาได้เกินกว่าของมนุษย์ไปไกลแล้ว คนส่วนใหญ่แล้วจะกำหนดตารางประจำวัน เวลางาน เวลากิน เวลานอน แต่ว่าสำหรับยูอิลฮานแล้วเขาจะมุ่งไปสู่เป้าหมายโดยที่ไม่มีคำว่ากลางวัน กลางคืนในชีวิตของเขา ดังนั้นในเรื่องแนวคิดของวันจึงไม่มีความหมายกับเขาเลย

เพราะแบบนี้เวลาได้ผ่านไปแล้ว 48 วัน งานการสร้างปราการของเขาได้แล้วเสร็จไปแล้ว 80% ในที่สุดแล้วยูอิลฮานก็ได้เริ่มสร้างอุปกรณ์แกนหลักของปราการลอยฟ้า เครื่องยนต์

[ในที่สุดนายก็ทำอะไรที่ฉันรู้จักแล้ว!]

เลียร่าได้ส่งเสียงยินดีออกมา เธอดูราวกับว่าเธอจะกระโดดโลดเต้นได้ตลอดเวลา

"เธอเป็นทูตสวรรค์จริงดิ? เธอนี่ไม่ใช่คนบนโลกนี้แน่นะ?"

[คงไม่ใช่นายคิดว่าเราจะทำงานไปตลอดชีวติหรอกนะ? พวกเรานะเป็นราชาแห่งการแปลงกายแล้วไปเพลิดเพลินไปกับการใช้ชีวิตเป็นมนุษย์เชียวนะ]

"ใช่ แน่นอนว่าฉันรู้สึก นั่นมันเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอเสพติดโซเชี่ยวด้วยสินะ"

[อย่าพูดเรื่องนั้นนะ!]

ในระหว่างทำเครื่องยนต์ลอยตัวสำหรับป้อมปราการนี้ ยูอิลฮานยังพบว่ามันสนุกกว่ากากลั่นและผสมโลหะซะอีก นี่แหละคือสิ่งที่ผู้ชายรัก

เขาได้สร้างเครื่องยนต์ขนาดใหญ่และอัดพลังของการกระโดดที่เขามีลงไปผ่านการทำหัตถกรรมมานา และเขาได้ทำกระบวนการนี้รวม 10 ครั้ง! จำนวนหินพลังเวทย์คลาส 4 ที่เขาได้ใช้ไปมากกว่าเกินพันก้อนแล้ว

"อย่างแรกเลย ฉันจะเปิดใช้งานบาเรียที่ปกคลุมทั่วพื้นที่คฤหาสน์แล้วก็ติดตั้งเครื่องยนต์นี้ลงไปข้างล่าง"

[แค่เจ้านี้มันจะลอยได้จริงดิ?]

ตอนนี้ยิ่งปราการลอยฟ้าใกล้สำเร็จความคาดหวังของเลียร่าก็ยังเพิ่มมากขึ้น ยูอิลฮานได้ตอบเธอด้วยรอยยิ้มและยกชิ้นส่วนต่างๆที่เขาประกอบขึ้นมา จากตอนนี้มันถึงเวลาที่จะทำอุปกรณ์ดึงดูดมอนสเตอร์และอาวุธที่จะจัดการพวกมันแล้ว!

จริงๆแล้วอุปกรณ์พวกนั้นก็มีอยู่ในตัวคฤหาสน์อยู่แล้วด้วยทำให้ที่ที่ยูอิลฮานต้องทำจริงๆก็คือการปรับแต่งอุปกรณ์เดิมให้เหมาะกับปราการลอยฟ้า แน่นอนว่าหินพลังเวทย์คลาส 4 ก็ถูกใช้โดยไม่กั๊กไว้เช่นกัน

[เมื่อดูจากปริมาณมานาแล้ว ฉันคิดว่ามันฆ๋ามอนสเตอร์คลาส 4 ได้เลยล่ะ]

"เป้าหมายสุดท้ายของปราการลอยฟ้านี่ก็คือการยับยั้งและสร้างความเสียหายกับสิ่งมีชีวิตคลาส 5 นะ การจะฆ่าตลาส 4 ซักตัวมันเป็นเรื่องง่ายอยู่แล้ว"

ในก่อนหน้านี้เขาคิดจะสร้างอุปกรณ์อาร์ติแฟคแบบติดตั้งที่ยังไม่อาจจะสร้างความเสียหายร้ายแรงกับมอนสเตอร์คลาส 4 ได้อยู่เลย แต่ในตอนนี้อดีตนั่นมันไร้ความหมายกับเขาแล้ว! วัตถุดิบที่ทรงพลังที่มีความสามารถจะดูดซับมานาได้ทุกวันและจำนวนหินพลังเวทย์ก็เพิ่มขึ้นมากกว่าตอนนั้นจนเทียบกันไม่ติดแล้ว

[แต่ถึงแบบนั้นนายก็มั่นใจเกินไปแล้ว]

"ฟุฟุ เธอยังจะพูดแบบนี้หลังจากเห็นเจ้านี่แล้วได้หรือเปล่านะ?"

สิ่งที่ยูอิลฮานหยิบออกมาหลังจากพูดจบก็คือร่างของเทวดาตกสวรรค์

[...]

เมื่อเห็นแบบนี้เธอก็ได้พูดไม่ออกไปครู่หนึ่งเลย และหลังจากได้เห็ฯเขาดึงขนสีดำออกมาจากปีกของเทวดาตกสวรรค์เหมือนกับดึงขนของไก่ เธอก็ได้แต่อมยิ้มออกมา

[แล้วนายกำลังจะใช้ศพนี้ทำอะไรล่ะ...?]

"เนื้อแล้วก็กล้ามเนื้อมันไร้ประโยชน์ก็จริง แต่ว่าส่วนที่เหลือน่ะต่างกัน โดยเฉพาะปีกนี่ ในตอนที่ใส่มานาลงไปในปีก มานาก็จะถูกส่งออกมาหลังจากถูกเปลื่ยนคุณสมบัติไปในรูปแบบพิเศษที่ต่างกันออกไป แล้วเราจะใช้คุณสมบัตินี้ทำอะไรได้ล่ะ?"

[พวกเราจะสามารถสะท้อนมานาของศัตรูกลับไปถ้าเราใช้ปีกมันกับอาวุธ]

"เธอนี่โง่จริงๆเลย! แค่วิธีแบบนั้นฉันไม่พอใจหรอกนะ!"

[อึ๊ก!?]

เลียร่ายังไม่รู้ด้วยซ้ำเลยว่าทำไมเธอถึงถูกดุออกมา ยังไงก็ตามสำหรับยูอิลฮานที่อยู่ในโหมดบ้างานนั้นไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวความปราณีกับเธอ

เขาได้อัดมานาเข้าไปในส่วนขนนกและขนนกที่ได้รับมานาลงไปก็ปล่อยคลื่นพลังงานที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 10 มิลลิเมตรออกมาและเจาะรูลงไปบนกำแพง

นี่คือขั้นตอนการเสริมพลัง รวมเข้าด้วยกัน และยิงมานาออกมาโดยทำให้มันดูเป็นธรรมชาติและรวดเร็วจนทำให้คนที่เห็นยังไม่มั่นใจกับสิ่งที่เห็นเลย

เมื่อได้เห็นภาพที่มานาที่ไร้คุณสมบัติของยูอิลฮานเปลื่ยนเป็นสีดำที่เต้นไปด้วยพิษและคำสาปก่อนที่จะยิงออกไปเป็ฯเส้นตรงแล้วทำให้เลียร่าปรบมือออกมา

[เนื่องจากว่าไม่เคยมีสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำฆ่าสิ่งมีชีวิตชั้นสูงได้ทำให้นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันได้เห็น แต่ว่านั่นก็ไม่ได้แปลกอะไรในเมื่อนายมันเป็นคนที่น่าตกใจถึงขนาดที่ฆ่าสิ่งมีชีวิตชั้นสูงที่อยู่เหนือกว่ากฏเกณฑ์ได้ไปแล้ว...]

"ฉันไม่สนเรื่องของคนอื่นหรอกนะ! แล้วหลังจากดูแล้วเธอรู้สึกถึงอะไรไหม?"

[อ่า ฉันไม่รู้...?]

ยูอิลฮานได้ถอนหายใจออกมา ในที่สุดแล้วยูอิลฮานก็ได้ทำอาวุธที่เขาเคยยอมแพ้ไปขึ้นมาได้สำเร็จแล้วด้วยขนนกพวกนี้

เขาได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจังและเคร่งขรึม

"มันคือลำแสง"

[ละ ลำแสง?]

"ลำแสงไงล่ะ"

ดวงตาของยูอิลฮานได้เป็นประกายออกมา เลียร่าได้หากความคาดหวังมันมีน้ำหนักโลกในตอนนี้ก็คงจะแหลกไปแล้ว

"มันจะทำการกลั่นมานาที่เข้าไปและยิงพลังงานทำลายที่รุนแรงกว่าออกมา นี่มันคืออาวุธยิงลำแสงที่สมบูรณ์แบบ"

[อ่า ใช่จริงด้วย เทวดาตกสวรรค์ก็จะสู้กันแบบนี้...]

เนื่องจากว่านี้มันเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับสิ่งมีชีวิตชั้นสูงทำให้เลียร่าไม่ได้ดูจะรู้เลยว่านี่มันน่าทึ่งแค่ไหน

ยังไงก็ตามอาวุธยิงลำแสง ในแง่ของความเร็วมันทรงพลังยิ่งกว่าอาวุธอื่นๆทั้งหมดที่เขาทำขึ้นมาจากหนังยางยักษ์หรือดินระเบิดก็ตาม แล้วก็ยังไม่ใช่แค่นั้นแม้แต่ในด้านพลังทำลายมันก็เหนือกว่าอาวุธพวกนั้นด้วย การยิงลำแสงนี้มันใกล้เคียงกันกับสุดยอดอาวุธในความฝันของยูอิลฮาน

"สิ่งมีชีวิตชั้นสูงเยี่ยมที่สุด!"

[....]

อย่างแรกยูอิลฮานได้เอาขนนับสิบมารวมเข้าด้วยกันและเอาหินพลังเวทย์สองสามก้อนมาก่อนจะบดของทั้งหมดนี้ให้เป็นผง จากนั้นเขาก็ทำกระจกขนาดใหญ่ที่จะสามารถสะท้อนทั้งตัวของเขาได้ด้วยการใช้กระดูกมังกรกับโลหะหายากมาทำให้กรอบ ก่อนที่จะเอาผงที่ทำไว้มาทำเป็นผิวกระจก

ยิ่งไปกว่านั้นเขายังใช้หินพลังเวทย์คลาส 4 อันอื่นมาทำหัตถกรรมมานาอีก ระหว่างทำหัตถกรรมมานานี้ยูอิลฮานได้หวังมากยิ่งๆขึ้นไปเรื่อยๆ

"ยิงลำแสงงงงงงงงงงงงงงงงง!"

[ความต้องการของนายมันกำลังรั่วออกมาแล้ว]

และกระบวนการนี้ก็ได้เสร็จสิ้น

กระจกสีดำที่ทำขึ้นมาจากปีกของเทวดาตกสวรรค์ได้สะท้องกับแสงอาทิตย์และเริ่มส่องประกายออกมา จากนั้นในที่สุดข้อความของไอเทมที่ยูอิลฮานปรารถนาก็ปรากฏขึ้นมา

[กระจกคำสาปแห่งการทำลายและหายนะ]

[ระดับ - มหากาพย์ (อีปิค)]

[พลังโจมตี - 7,500 (พลังโจมตีจะเพิ่มขึ้นตามพลังเวทย์ที่ศัตรูมี)]

[ความทนทาน - 12,700/12,700]

[ออฟชั่น -

1.ไม่อาจทำลายได้และพลังจะเพิ่มขึ้นตามเวลาที่ผ่านไป

2.พลังโจมตีและความเสียหายคริติคอลเพิ่มขึ้น 30%

3.ตรวจจับศัตรูเพื่อทำการเคลื่อนที่และขัดขวางโดยอัตโนมัติ

4.สร้างความเสียหายอย่างต่อเนื่องให้ปล่อยคำสาปที่ไม่อาจแก้ใส่ศัตรูที่สัมผัส]

[อาวุธมหัศจรรย์ที่สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำเป็นผู้สร้างขึ้นมาจากการใช้ชิ้นส่วนร่างกายของสิ่งมีชีวิตชั้นสูง มันมีความสามารถในการเคลื่อนที่จากการตรวจจับศัตรู รวมไปถึงความสามารถในการเสริมพลังมานาที่อยู่ข้างในเพื่อยิงลำแสงออกไป และยังมีความสามารถในการดูดซับพลังโจมตีของศัตรูและสะท้อนกลับไปด้วยพลังที่สูงขึ้น ยังไงก็ตามมันจำเป็นจะต้องดูดมานาปกติเข้ามาเมื่อมันปล่อยมานาที่มันดูดออกไป อาวุธนี้นับได้ว่าอยู่เหนือเกินกว่าขอบเขตแนวคิดดั้งเดิมและยังมีฟังก์ชั่นที่ยังไม่ถูกเปิดใช้งานด้วยเช่นกัน]

[นี่มันทรงพลังมาก]

"ใช่เลย มันทรงพลัง"

ยูอิลฮานก็ยังเห็นด้วยกับเธอ ยังไงก็ตามมันไม่ใช่ว่าหมดแค่นี้ จากคำอธิบายของบันทึกนภานี่มันมีแค่ส่วนหนึ่งของระบบเท่านั้น

"มันจะยิ่งมากขึ้นไปอีก"

เมื่อเขามองไปที่กระจกที่ลอยตามเขามาราวกับรู้ว่าเขาคือเจ้านายของมา ดวงตาของยูอิลฮานก็เต็มไปด้วยประกายดาวทั่วทั้งจักรวล

เมื่อเห็นแบบนี้เลียร่าก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

ยังมีขนอยู่อีกกี่คนกันนะ?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด