ตอนที่แล้วGE165 ปีศาจสูญ ตายเพื่อราชา [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE167 กุมมือ [ฟรี]

GE166 คำสั่งของราชาแคว้นจิน [ฟรี]


หนิงฝานยืนอยู่หน้าสุสานของผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดของแคว้นเหว่ยอยู่นาน

จากนั้นป้องมือคารวะแล้วจากไปอย่างไม่หันกลับ

วิชาขัดเกลาร่างกายระดับตัดวิญญาณ โลหิตหลอม และอัฐิสวรรค์... แต่สิ่งที่สำคัญไปกว่านั้นคือ...ปีศาจสูญ!

แม้หนิงฝานจะมีความแค้นของเทพกษัตริย์เนี่ย แต่เขายังลังเลว่าตนจะก้าวข้ามอีกฝ่ายได้หรือไม่

ยามนี้ หนิงฝานมั่นใจว่า หลังจากนี้อีก 100 ปี เขาจะทำให้เทพกษัตริย์เนี่ยตกตะลึง ทำให้โลกพิรุณตกตะลึง และทำให้โลกมนุษย์ทั้ง 9 ใบหวาดกลัวได้

กำแพงขนาดยักษ์ที่ขวางกั้น จากนี้ไปหนิงฝานจะก้าวข้ามมัน!

หนิงฝานใช้ระฆังทะเลตะวันออก มุ่งออกจากชั้น 5 ของสุสาน

เมื่อไปถึงชั้น 4 หนิงฝานเร่งความเร็วถึงขีดสุดเพื่อมุ่งต่อไปยังชั้น 3 ทันที เพื่อป้องกันภูติผีและอสูรลอบจู่โจม เขาได้สมบัติล้ำค่ามากับตัวจึงไม่อาจประมาท ซึ่งหลังกลับออกจากชั้น 5 หนิงฝานก็มั่นใจว่าต้องมีผู้แอบติดตามเขา

แล้วก็เป็นแบบนั้นจริงๆ เพราะเงาดำหลายสายกำลังมุ่งตรงมา

หากหนิงฝานไม่หนี ต่อให้เขาไม่ตายก็ต้องบาดเจ็บสาหัส

เมื่อมุ่งหน้าไปได้ระดับหนึ่ง หนิงฝานสัมผัสกระเป๋า นำระฆังทะเลตะวันออกออกมา บนหน้าผากปรากฏดาราเทพ พร้อมชกหมัดทำลายน้ำแข็งเข้าใส่ระฆังอย่างรุนแรง

สมบัติชิ้นนี้ไม่ธรรมดา!

แม้จะเป็นเพียงสมบัติวิญญาณระดับสูงสุด แต่มันสามารถทำลายข่ายอาคมระดับสูงได้ บางที...มันอาจอยู่ในระดับเดียวกันกับสมบัติเซียนก็เป็นได้

ปราณและปราณอสูรร่วมผสาน ทำให้ปราณในร่างยกระดับสู่ขอบเขตแก่นทองคำ หมัดทะลายน้ำแข็งกระทบเข้ากับระฆัง ทำให้มันส่งเสียงดังกังวาล พร้อมกับข่ายอาคมที่ขวางทางระหว่างชั้น 3 และ 4 หายไป

เมื่อครู่ หนิงฝานกระตุ้นใช้พลังของระฆังทะเลตะวันออกได้เพียง 3 ใน 10 ส่วน ซึ่งยังไม่ที่จะทำอันตรายกับผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม เพียงแต่ เสียงที่มันเปล่งออกมาดูราวกับเป็นเสียงศักดิ์ ภูติผีและอสูรที่ติดตามมาหวาดกลัวจนตัวสั่น ทั้งพวกมันยังไม่อาจขยับ

ระฆังทะเลตะวันออกแฝงด้วยวิชาตรึงร่าง!

แววตาหนิงฝานเปล่งประกาย เป็นครั้งแรกที่หนิงฝานกระตุ้นพลังระฆังได้ระดับนี้

แต่การตรึงร่างดำเนินไปเพียงครึ่งลมหายใจ ก่อนที่พวกมันจะพ้นจากพันธนาการ

พวกมันหวาดกลัว เสียงระฆังเมื่อครู่ราวกับทำให้พวกมันยอมสยบ

ด้วยการหยุดเคลื่อนไหวเมื่อครู่ ทำให้หนิงฝานเค้นปราณทั้งหมดใช้ย่างก้าวพริบตาทิ้งห่างไปกว่าพันจ้าง กระทั่งเข้าสู่ชั้นที่ 3 ของสุสาน

ภูติผีและอสูรยืนนิ่งก่อนที่พวกมันเลิกล้มความคิดติดตาม พวกมันไม่กล้าตามไป เพราะนอกจากเสียงระฆังเมื่อครู่แล้ว หนิงฝานยังมีแผ่นหยกโลหิต

“เด็กคนนั้นปิดบังซ่อนเร้นพลังไว้มากมาย...” เสียงของภูติผีดังขึ้น ก่อนที่ชั้น 4 ของสุสานจะกลับคืนสู่ความสงบอีกครั้ง...

แคว้นแต่ละแห่งจะมีผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นของตน

แต่หากเปรียบผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดของแต่ละแคว้นในโลกพิรุณ ผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดในแคว้นเหว่ยนั้น มีความสามารถและจิตวิญญาณที่สูงกว่าผู้เชี่ยวชาญของแคว้นอื่นๆ

เมื่อหนิงฝานจากมาก ก็ไม่มีผู้ใดกล้าย่างกรายเข้าสู่สุสานชั้น 5

แม้เป็นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณก็ล่วงเกินไม่ได้ เว้นแต่ผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลง

แต่ผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงต่างเห็นว่า ไม่ควรค่าที่ตนต้องไปหาสมบัติของผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลง

ชั้น 5 ของสุสานจึงไม่มีผู้ใดมาเยือนมานานแสนนาน...

ภายในสุสานชั้น 1 สตรีในอาภรณ์เหลืองที่หนิงฝานเคยพบ กำลังพิงกำแพงค่อยๆก้าวเดิน

ปราณของนางสูญสิ้น ร่างกายไร้เรี่ยวแรงสั่นสะท้าน เต็มไปด้วยบาดแผล แต่สีหน้ายังคงแน่วแน่

“น้องข้า… ข้าจะต้องหา ‘ผลึกภูติ’ ไปถอนพิษให้เจ้าให้ได้...”

นางเดินสำรวจสุสานชั้น 1 ด้วยความระมัดระวัง เพราะนางเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญเปิดเส้นชีพจรที่ 4 นางจึงระวังตัวเป็นอย่างมาก

นางอยากร่วมสำรวจไปพร้อมกับทุกคนในกลุ่ม แต่ด้วยไม่อาจหาคนร่วมกลุ่มได้ครบ 10 จนสุดท้ายผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆก็แยกย้ายไปตามเส้นทางของตน

เหลือเพียงนางที่ต้องตามหาผลึกภูติให้พบ

เจตนา… คุณค่า… การกระทำ… ทุกสิ่งล้วนโหดร้ายต่อนาง

รอบกายที่มืดสลัว กลิ่นอายของภูติผีและอสูรกำลังย่างกรายเข้าหานางช้าๆ พวกมันพบอาหารอันโอชะ ยิ่งเป็นสตรียิ่งเป็นอาหารเลิศรสสำหรับพวกมัน

ภูติผีและอสูรเคลื่อนกราย เรือนร่างอันบอบบางของสั่นสะท้าน สีหน้าเผยถึงความหวาดกลัว สมบัติวิญญาณระดับต่ำที่นางมี หลุดมือเพราะการจู่โจมของพวกมัน

“ชี่…. ชี่….”

ภูติผีและอสูรเปล่งเสียงที่ชวนขนลุก จนทำให้นางหวาดกลัวและร่ำไห้

นางยังเติบโตไม่เต็มที่ แต่นางรู้ตัวดีว่าวันนี้นางคงไม่รอด

นางหลับตาด้วยความหวาดกลัวและสิ้นหวัง

“น้องข้า...”

แต่หางตาของนางกลับเหลือบไปเห็นรุ้งหิมะ สีหน้าของภูติผีและอสูรแปรเปลี่ยนหวาดกลัว ร่างกายแข็งค้างไม่อาจขยับ

ชั่วลมหายใจต่ออมา แสงสีดำปรากฏ ภูติผีและอสูรเลือนหาย โลหิตสีดำสาดกระจายเปรอะหน้านาง จนนางไม่อาจลืมตา

ท้องของนางเริ่มปั่นป่วน สองมือค้ำยันกำแพงแล้วอ้วก...

ความหนาวเย็นที่ทำให้นางสั่นสะท้านเมื่อครู่หายไป นางค่อยๆเงยหน้าที่ซีดขาวขึ้นช้าๆ

นางสังเกตุเห็นผู้เยาว์ในอาภรณ์ขาวดำยืนอยู่ตรงหน้า

นางแตกตื่น นางไม่รู้ว่าผู้เยาว์เบื้องหน้าสังหารปีศาจและอสูรได้อย่างไร

การที่สังหารภูติผีและอสูรได้ในพริบตา หรือผู้เยาว์คนนี้จะเป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มที่ 10

หรืออาจจะเป็นผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณ?!

นางผงะถอย มือกุมไว้ที่หน้าอกด้วยความตระหนก พลางจ้องมองใบหน้าของผู้เยาว์… นางจดจำใบหน้านั้นได้ ผู้ที่นางพบและพยายามชักชวนให้เข้าร่วมกลุ่ม แต่ถูกปฏิเสธ

ที่แท้เขาแข็งแกร่งถึงเพียงนี้...

หรือผู้เยาว์เบื้องหน้าคิดจะมิดีมิร้ายกับนาง… เหตุผลที่ช่วยนาง อาจเพราะต้องการนำนางไปเป็นกระถางขัดเกลา

เมื่อคิดถึงกระถางขัดเกลา นางสั่นสะท้านไปทั้งร่าง

“ขะ… ขอบคุณผู้อาวุโสที่ช่วยชีวิตข้า ท่านอยากให้ข้า...”

แต่ฉากถัดมากลับไม่เป็นไปตามที่นางคิด… ผู้เยาว์คนนั้นไม่เข้าใกล้นางแม้แต่ก้าวเดียว

“ที่แห่งนี้ไม่ใช่ที่ที่เจ้าควรมา...”

“ข้ารู้… แต่ข้าต้องการผลึกภูติ… เพื่อช่วยน้องสาวข้าถอนพิษ...”

นางขบริมฝีปากไม่กล้าสบตา

“น้องเจ้า...”

ผู้เยาว์เบื้องหน้าสัมผัสกระเป๋า นำผลึกภูติจำนวนหนึ่งออกมา ในนั้นมีทั้งผลึกภูติในขอบเขตเปิดเส้นชีพจร และขอบเขตประสานวิญญาณ

“ใช่สิ่งนี้หรือเปล่า!?”

“ใช่แล้ว!” แววตาของนางสั่นไหว

“เจ้าเอาไปเถอะ… ไปช่วยน้องเจ้าถอนพิษ ส่วนที่เหลือก็นำไปขาย… ข้าขอเตือนว่า อย่าได้เข้าสู่เส้นทางของผู้ฝึกตนชั่วชีวิต มันไม่ใช่ที่ที่เจ้าควรอยู่”

ผู้เยาว์คนนั้นผายมือ ผลึกภูติทั้งหมดลอยตรงไปหานาง ก่อนที่เงาร่างของผู้เยาว์คนนั้นจะหายไป

นางตกใจที่ตนได้ผลึกภูติเป็นจำนวนมาก

การหายตัวไปเมื่อครู่รวดเร็วยิ่งกว่าผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณ

นางไม่ได้โง่ นางรู้ว่าผู้ที่ช่วยชีวิตนางคือปีศาจเฒ่าที่ทรงพลัง

บางทีอาจเป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำในตำนาน

และคนผู้นั้นไม่ได้คิดร้ายกับนาง

นางหวนนึกถึงคำพูดเมื่อครู่และจดจำมันไว้ นางหันไปยังทิศทางปากทางเข้าสุสาน

“ขอบคุณผู้อาวุโสที่ช่วยชีวิตข้า… ข้ามีนามว่า ‘เวิ่นฉิง’...”

แม้ไม่มีเสียงตอบกลับมา แต่นางยังเร่งเก็บผลึกภูติและออกจากสุสานไป

นางต้องนำผลึกภูติไปช่วยชีวิตของน้องสาวให้ได้… และหวนคืนสู่ชีวิตธรรมดาสามัญเฉกเช่นคนทั่วไป เพราะนั่นคือชะตาของนาง...

เมื่อออกจากสุสาน หนิงฝานเหยียบย่างนภา มุ่งตรงไปยังทางเหนือของแคว้นเหว่ย

ระหว่างทางเขากินโอสถเพื่อฟื้นฟูปราณ

การที่เขายอมช่วยเหลือสตรีเมื่อครู่ ก็เพราะเขาให้สัตย์ปฏิญาณกับสุสานของผู้เชี่ยวชาญผู้นั้นไว้ หนิงฝานไม่ใช่ผู้ที่ชอบหาเรื่องใส่ตัว แต่การที่ช่วยเหลือนางก็เท่ากับการทำคุณต่อแคว้นเหว่ย แม้จะเป็นเพียงคนคนเดียวก็ตาม

นับเป็นการตอบแทนคุณของผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดในแคว้นเหว่ย

และการที่หนิงฝานยอมมอบผลึกภูติให้นาง เพราะเขาเห็นเงาภาพของตนในวัยเด็กเมื่อยามจ้องมองนาง

หนิงฝานเสี่ยงชีวิตเข้าไปในสุสานจนเกือบเอาตัวไม่รอด

หากเขาคิดอยากใช้ชีวิตธรรมดาสามัญเฉกเช่นปุถุชนทั่วไป เขาย่อมทำได้ไม่ยาก

แต่ยามนี้เขาทำไม่ได้ เพราะเมื่อได้ก้าวสู่เส้นทางนี้แล้ว ย่อมไม่อาจถอนตัว

ดังนั้นเขาจึงมอบผลึกภูติเพื่อเป็นของขวัญให้นาง ให้นางได้ใช้ชีวิตในส่วนที่เขาทำไม่ได้

“เวิ่นฉิง… สิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในโลกใบนี้ ไม่ใช่ชีวิตนิรันดร์… ไม่ใช่พลัง… แต่เป็นความรู้สึก… แม้จะฝึกฝนจนตนเองแข็งแกร่งเหนือผู้ใด แต่สุดท้ายก็ต้องอยู่ลำพัง โลกแห่งการฝึกตนใบนี้ไม่มีที่ให้กับความรู้สึก มีเพียงแต่ความเศร้าที่ได้จ้องมองหลุมศพของสหายเท่านั้น...”

ผ่านไปหนึ่งเดือน หนิงฝานก็ไล่ตามทันเรือเหาะที่กำลังมุ่งไปทางเหนือ

ผ่านไป 3 เดือน เรือเหาะก็มุ่งหน้าไปถึงข่ายอาคมแบ่งโลก มุ่งสู่แคว้นจิน!

แต่ก่อนจะผ่านข่ายอาคมแบ่งโลก ผู้เชี่ยวชาญของแคว้นจินก็สั่งให้เรือเหาะลงจอด พวกมันไม่ให้ผ่านเข้าแคว้น

ผู้เชี่ยวชาญจำนวนหนึ่งยืนขวางเรือเหาะไว้

“ในแคว้นจินยามนี้มีอสูรพลุกพร่าน จึงห้ามไม่ให้ผู้ใดเข้า”

ผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำของแคว้นจินกล่าว ลักษณะท่าทางของมันสมกับเป็นผู้เชี่ยวชาญของแคว้นระดับกลาง

“ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่ข้ามีเรื่องเร่งที่ต้องอาศัยข่ายอาคมเคลื่อนย้ายในแคว้นจิน...” ผู้เชี่ยวชาญในเรือเหาะคนหนึ่งกล่าว

“ข่ายอาคมเคลื่อนย้าย? ต้องขออภัย ราชาแคว้นจินมีคำสั่งว่า ห้ามมิให้ข่ายอาคมเคลื่อนย้ายแม้จะมีหยกสวรรค์ก็ตาม! หากผู้ใดต้องการใช้ ต้องผ่านเงื่อนไข 3 ข้อ… ข้อแรกคือต้องบรรลุขอบเขตแก่นทองคำ ข้อที่สองคือเข้าร่วมเป็นทหารของแคว้นจิน และข้อสุดท้ายคือต้องทำภารกิจ เพื่อแลกกับโอกาสที่จะใช้ข่ายอาคมเคลื่อนย้าย”

ผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำแคว้นจินกล่าว

“ราชายังกล่าวเพิ่มอีกว่า ต้องได้รับคำอนุญาติจากวิหารพิรุณด้วย!”

“อะไรนะ! ต้องให้วิหารพิรุณอนุญาติก่อน! งั้นหมายความว่า หากพวกข้าต้องการใช้ข่ายอาคมเคลื่อนย้าย พวกข้าต้องเข้าไปสังหารอสูรใช่มั้ย!”

“จะเป็นไปได้ยังไง! ได้ยินว่าอสูรในแคว้นจินนั้นทรงพลัง แม้เป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มยังเอาตัวไม่รอด...”

ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆที่อยู่ใกล้ๆเรือเหาะกล่าวขึ้น แต่ด้วยพวกมันหวาดกลัวพิหารพิรุณ จึงทำได้เพียงถอนหายใจ… บางคนเลือกที่จะจากไป บางคนไม่มีทางเลือกจึงทำได้เพียงยอมรับข้อเสนอ เข้าร่วมเป็นทหารของแคว้นจิน และทำภารกิจล่าสังหารอสูร

บนเรือเหาะ หนิงฝาน ชู่ซวนเชียนสื่อ และจิงสั่วมองหน้ากัน

คาดไม่ถึงว่าอสูรในแคว้นจินจะเป็นภัยขนาดที่ทำให้ราชาของแคว้นจินออกคำสั่งแบบนี้มา

บางที… แคว้นจินแห่งนี้อาจมีอสูรในขอบเขตตัดวิญญาณอยู่

“ขุนพลอสูร… ลี่ป่าน” หนิงฝานจำเป็นต้องใช้ข่ายอาคมเคลื่อนย้าย

เขาจึงจำเป็นต้องเข้าร่วมเป็นทหารของแคว้นจิน เพื่อจัดการกับอสูร

แต่ในขณะที่หนิงฝานขบคิดนั้น กลิ่นอายของผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มก็ใกล้เข้ามา สัมผัสเทพของมันจับจ้องเรือเหาะของหนิงฝานเป็นพิเศษ

สีหน้าหนิงฝานแปรเปลี่ยนจริงจึง แรงกดดันที่อีกฝ่ายแผ่ออกมานั้นรุนแรงมาก

“ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นกลาง… คนผู้นี้มาด้วยเหตุใด!”

ในขณะที่หนิงฝานขบคิด ผู้เชี่ยวชาญคนนั้นก็ถอนสัมผัสเทพและแรงกดดันไป แต่กลับปรากฏเสียงหัวเราะดังมา

“แม่นางเชียนสื่อ คาดไม่ถึงว่าข้า ‘หยุนขวาง’ จะได้พบท่านที่นี่! ฮ่าฮ่า ไม่เสียเที่ยวจริงๆ”...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด