ตอนที่แล้ว64 สาวงามราวดอกไม้ ทำให้คนใจสั่นไหว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป66 ขวดกระเบื้องฟ้าขาว และวินเทจไวน์(vintage wine /ไวน์โลกเก่า)

65 เพื่อเงิน หรือ เพื่อสาวงาม


65 เพื่อเงิน หรือ เพื่อสาวงาม

 

ในที่สุด ถงเว่ยก็นั่งที่โต๊ะของหยางหมิงกับเพื่อนผู้หญิงอีกคนหนึ่ง มันเป็นเวลา 5.30แล้ว หยางหมิงได้มองไปรอบๆและเห็นว่าเพื่อนที่เขาได้เชิญมาต่างก็มากันครบแล้ว ในฐานะที่เขาเป็นคนจัดงานเลี้ยงนี้ขึ้นมา เขาจึงลุกขึ้นมากล่าวคำต้อนรับ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เป็นนักเรียนที่เรียนดีสักเท่าไหร่ แต่เขากลับเป็นนักพูดที่ดี ด้วยประสบการณ์ในการทำงานของเขา มันทำให้เขาได้พัฒนาทักษะการพูดขึ้นมาก เขาพูดเป็นประโยคด้วยท่าทางของผู้นำ

 

หวังเย้าถอนหายใจ เขาไม่ชอบพวกคนมีเงินรุ่นลูกที่มีหน้าที่การงานที่ดีเพราะการช่วยเหลือจากพ่อแม่ของพวกเขา แต่เขาก็ต้องยอมรับว่าเรื่องนี้มันกลายเป็นข้อได้เปรียบของพวกเขา

 

อาหารเริ่มทยอยเสริฟบนโต๊ะ พวกมันดูดีและพิเศษเพราะที่นี่คือโรงแรมใหญ่ หลังจากนั้น หยางหมิงก็ได้ชูแก้วไวน์ขึ้นมาดื่มเป็นคนแรก ไวน์นั้นมีรสชาติที่ดี และพวกเขาส่วนใหญ่ต่างก็พากันดื่มไวน์ ยกเว้นหวังเย้าที่ดื่มน้ำเปล่า

 

หลังจากนั้น พวกเขาก็เริ่มทานอาหารละพูดคุยกัน บรรยากาศก็ดีขึ้นจากการดื่มไวน์เพียงแก้วเดียว

 

“ทำไมนายไม่ดื่มไวน์ล่ะ?” หลี่ชูกางที่นั่งข้างๆถามหวังเย้า

 

“ฉันขับรถมาเองแล้วฉันก็ไม่ชอบดื่มไวน์ด้วย” เขาพูดด้วยรอยยิ้ม เขามีความทรงจำที่ไม่ดีจากการดื่มไวน์ และเขาก็ไม่รู้สึกดีเลยเวลาที่เขาเมา เขามีร่างกายที่แข็งแรงขึ้นจากการดื่มน้ำแร่โบราณและฝึกพลังฉี แต่เขาก็ยังเกลียดการดื่มไวน์อยู่ดี

 

“ทำไมนายไม่ดื่มสักหน่อยล่ะ นี้มันงานรวมรุ่นทั้งทีนะ?” หวูเหมาเซินเพื่อนร่วมชั้นอีกคนเสนอ

 

“ไม่ล่ะ ท้องฉันมักจะมีปัญหาเวลาที่ฉันดื่มไวน์เข้าไปน่ะ” หวังเย้าพูด

 

“อ้อ งั้นอย่าดื่มเลย”

ต่อจากที่หยางหมิง เหอห่ายก็ได้ชูแก้วของเขาขึ้นมา ด้วยการดื่มไวน์ไปสองแก้ว ก็ได้ทำให้บรรยากาศของงานเลี้ยงนั้นผ่อนคลายและการสนทนาก็สนุกสนานขึ้นมาก

 

“บริษัทของนายเป็นยังไงบ้าง?”

 

“เหมือนเดิม บริษัทได้กำไรดี แต่ฉันก็ยังได้เงินเดือนเท่าเดิมอยู่”

 

“ฉันได้ยินมาว่านายมีธุรกิจที่กำลังไปได้สวยใช่ไหมหยงกาง?”

 

“เฮ้ย ใครพูด!”

 

“นายเป็นเป็นผู้จัดการ!”

 

หยางหมิงได้พูดคุยอยู่กับเหอห่าย

 

“เพื่อน เมื่อไหร่นายจะได้เลื่อนตำแหน่งเหรอ?”

 

“ภายในสองปีนี้คงยังไม่ได้เลื่อนขั้น เพราะฉันต้องทำให้รากฐานมั่นคงก่อน เฮ้ เป่าจุนก็จะกลับมาอีกสองวันหลังจากนี้เหมือนกัน”

 

“จริงเหรอ? ฉันได้ยินมาว่าเขาได้งานในกรมสรรพกรที่เกาะลู่”

 

“ใช่ เขาสอบผ่าน”

 

งานรวมรุ่นก็เป็นแบบนี้ ถามเกี่ยวกับหน้าที่การงานของเพื่อนร่วมชั้นและพูดคุยเรื่องหน้าที่การงานของตัวเอง ก่อนที่จะแลกเปลี่ยนข้อมูลการติดต่อกัน ใครที่สามารถทำงานร่วมกันได้ก็มีการพูดคุยเพื่อต่อยอดและชนแก้วกัน หวังเย้าก็ได้พูดคุยกับเพื่อนที่นั่งข้างๆเขา ยี่สิบนาทีต่อมา พวกเขาก็ลุกจากที่นั่งเพื่อไปคุยกับเพื่อนที่โต๊ะอื่น

 

“นายทำงานอะไรเหรอ?” เหอห่ายมาหาหวังเย้าและแตะไปที่ไหล่ของเขา

 

“ฉันทำสวนอยู่ที่บ้านน่ะ” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม

 

“ทำสวน? เป็นไปไม่ได้หรอก!”

 

“ใช่สิ ฉันได้ทำสัญญาเช่าเนินเขาเอาไว้”

 

“โอ้ งั้นนายก็จะกลายเป็นถุงเงินเดินได้แล้วล่ะสิ!” เขาเล่นมุก “เอาเบอร์ของนายมาให้ฉันเป็นไง? ดูเหมือนว่าฉันจะไม่มีเบอร์นายอยู่นะ!”

 

“ได้สิ”

 

พวกเขาได้แลกเปลี่ยนเบอร์กันเอาไว้

 

“มาดื่มไวน์กันสักแก้วไหม?” เหอห่ายเทไวน์ใส่แก้ว

 

“ฉันดื่มไม่ได้” หวังเย้าชี้ไปที่ท้องของเขา

 

“โอเค งั้นไว้คราวหน้านะ สิ้นปีนี้ฉันจะกลับมาอีกที!” เหอห่ายพูดด้วยรอยยิ้ม

 

“ได้เลย ไว้ฉันจะติดต่อนาย”

 

หลังจากเรียนจบจากมหาวิทยาลัยมาสามปี เพื่อนร่วมชั้นแต่ละคนก็ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานแตกต่างกันไป บางคนเข้ารับราชการและได้งานที่มั่นคง อย่างเช่น หยางหมิง บางคนได้ทำงานกับกองทัพ เช่น เหอห่าย แต่ส่วนใหญ่นั้นจะเข้าทำงานในองค์กรของเอกชน พวกเขาต่างทำงานเพื่อที่จะได้มีบ้าน รถ และเงินทอง แต่ตลาดและเศรษฐกิจนั้นกำลังแย่ลง ซึ่งทำให้หลายๆบริษัทต้องเจอกับวิกฤตและล้มละลาย

 

ที่อีกโต๊ะหนึ่ง หยางหมิงชูแก้วของเขาขึ้นและพูดคุยอยู่กับเพื่อนร่วมชั้นหลายคนด้วยรอยยิ้ม เขาดูมีความสุขมาก

 

“ถงเว่ย อาหารคืนนี้เป็นยังไงบ้าง?”

 

เขาไปหาถงเวยพร้อมกับแก้วไวน์แล้วถามเธอ ภายในห้องนั้นดูร้อนแรง ด้วยสาวสวยที่สดสวยราวกับพระอาทิตย์ ในเวลานี้เธอดูสวยยิ่งกว่าเดิม

 

หญิงสาวที่งดงามแบบเธอควรจะแต่งงานกับเขา นั้นจะทำให้เขาได้ชื่นชมความงามของเธอได้ตลอดเวลา หยางหมิงคิดเมื่อเขามองไปที่ถงเว่ย แต่ความคิดนั้นก็อยู่ไม่นาน

 

“พวกมันอร่อยดี” ถงเว่ยตอบด้วยรอยยิ้ม

 

“ถ้าอย่างนั้น เธอควรจะกินอีกเยอะๆนะ มาสิ มาดื่มไวน์กัน ฉันขอให้เธอมีชีวิตที่ดีและ...”

 

“หาสามีที่ดี!” เพื่อร่วมชั้นคนหนึ่งล้อขึ้นมา

 

“ใช่!” คนอื่นๆเห็นด้วย

 

“แล้วใครกันล่ะที่จะเหมาะสมกับถงเว่ยคนสวย...ฉันเป็นไง?” หยางหมิงพูดด้วยรอยยิ้ม

 

“โอ้! ใช่เลย!” คนอื่นๆต่างส่งเสียงเชียร์

 

หวังเย้าเงยหน้ามองไปที่หยางหมิงและถงเว่ย คนหนึ่งหล่อเหลาและอีกคนก็งดงาม พวกเขาดูเหมาะสมกันดี แต่ว่า...

 

ถงเว่ยยิ้มออกมาโดยไม่ปฎิเสธหรือเห็นด้วย แล้วจึงจิบไวน์ที่อยู่ในมือของเธอ

 

เสียงเชียร์เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ

 

การอยู่ในห้องจัดเลี้ยงนานๆ ทำให้มีแต่ควันเต็มไปหมด กลิ่นจากบุหรี่ อาหาร และไวน์นั้นผสมปนเปกันไปหมด หวังเย้าจึงลุกขึ้นออกจากห้องเพื่อรับอากาศบริสุทธิ์

 

อากาศที่ทางเดินนั้นดีกว่าข้างในนั้นมาก

 

“หวังเย้า” เขาได้ยินเสียงเรียกชื่อของเขาหลังจากที่ยืนอยู่ตรงนั้นได้สักพัก เขาหมุนตัวไปและพบเข้ากับคนที่เขาคุ้นเคย

 

“เฮ้ คุณนั้นเอง!” คนที่เรียกเขานั้นก็คือ เทียนหยวนถู “คุณมาทำอะไรที่นี่เหรอ?”

 

“มางานเลี้ยงรวมรุ่นน่ะ แล้วคุณล่ะ?” หวังเย้าชี้ไปที่ห้องห้องหนึ่ง

 

“ผมมาทานอาหารเย็นกับเพื่อน่ะ” เทียนหยวนถูตอบ

 

ในตอนที่พวกเขากำลังคุยกันอยู่นั้น ชายวัยกลางคนคนหนึ่งได้เดินออกมาจากห้องใกล้ๆ เขาเตี้ยและผอมอยู่ในชุดสูท

 

“ผมกำลังสงสัยอยู่ว่าทำไมคุณถึงออกมานานแบบนี้?” ชายคนนั้นเดินมาหาเทียนหยวนถูและพูดด้วยรอยยิ้ม

 

“โอ้ เพื่อนคนหนึ่งของผมอยู่ที่นี่ ผมเลยอยู่คุยกับเขานานไปหน่อย” เทียนหยวนถูพูด

 

“ใครกันเหรอ?” ชายคนนั้นถาม

 

“โอ้ ผมลืมแนะนำให้คุณรู้จัก นี่คือหวังเย้า เพื่อนที่ดีของผมเอง” เทียนหยวนถูชี้ไปที่หวังเย้า “ส่วนนี้คือผู้พิพากษาของเหลียนชาน ผู้พิพากษามณฑลไต้”

 

ผู้พิพากษามณฑล?! หวังเย้าตกใจ มันเป็นเรื่องที่น่าตกใจมากที่ชายวัยกลางคนหน้าตาธรรมดาคนนี้นั้น จะกลายมาเป็นคนที่มีอิทธิพลคนหนึ่งในเหลียนชาน

 

 

 

 

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด