ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0025
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0027

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0026


ตอนที่ 26 : การประลองยุทธ์ราชสีห์สวรรค์

นักเรียนจำนวนกว่าพันคนตอนนี้รวมตัวกันอยู่ที่หอราชสีห์สวรรค์

ครั้งนี้บรรดานักเรียนใหม่ก็มารวมตัวเช่นเดียวกัน

เมื่อพวกเขาได้เห็นฉินหยุน สายตาเหล่านั้นอดไม่ได้ที่จะเผยความริษยาออกมา

ทางหนึ่ง พวกเขามาเพื่อรับชมบรรดานักเรียนที่อยู่ระดับห้าต่อสู้ อีกทางหนึ่ง พวกเขามาเพื่อชมฉินหยุนพ่ายแพ้อย่างอนาถ!

ในโถงกว้างใหญ่ มีลานประลองขนาดใหญ่อยู่เก้าแห่ง พวกมันความกว้างหลายสิบเมตร กระทั่งที่กว้างขนาดเกินกว่าหนึ่งร้อยเมตรก็มี

เมื่อถึงเวลา ฉินหยุนจึงเริ่มเดินเข้าสู่สถานที่จัดการประลอง

มีทั้งสิ้นหกสิบสี่คนเข้าร่วมการประลองยุทธ์ราชสีห์สวรรค์ โดยจะแบ่งออกเป็นแปดกลุ่ม รอบสุดท้ายจะจัดขึ้นที่ลานประลองใหญ่ที่สุดตรงกลางโถง

เว่ยเสวียนคุนตอนนี้อยู่ไม่ไกลจากฉินหยุนนัก เขาไม่แม้กระทั่งมองที่ฉินหยุนขณะยืนหยัดอย่างภาคภูมิไม่หวั่นเกรงผู้ใด ราวกับเขามั่นใจว่าฉินหยุนไม่มีทางผ่านมือมาถึงตน เขาไม่ให้ค่าแม้กระทั่งมองด้วยสายตา

หลังทุกคนมาถึงครบถ้วน ผู้อำนวยการจางจึงเริ่มอธิบายกฎเกณฑ์และจัดการแบ่งกลุ่ม

ฉินหยุนอยู่กลุ่มแปด เว่ยเสวียนคุนอยู่กลุ่มแรก

แต่ละกลุ่มจะสุ่มจับคู่แข่งขึ้นมา และมีเพียงสี่กลุ่มที่จะถูกคัดเลือกเข้ารอบแพ้คัดออกเพื่อตัดสินหาอันดับหนึ่ง

อันดับแรกของแต่ละกลุ่มจะได้ต่อสู้กับของอีกกลุ่มหนึ่ง

“ในเมื่อเว่ยเสวียนคุนไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกัน อย่างน้อยตอนนี้เราก็ผ่อนคลายได้บ้าง” ฉินหยุนมองไปทางฝูงชน แต่เขาก็ไม่คล้ายพบเห็นหยางฉีเย่ว์ เขาไม่รู้ว่านางหายไปที่ใดกันแน่ เป็นผลให้เขาเกิดความกังวล

ที่เขาได้เห็นกลับเป็นซุยฮ่วยกำลังเดินมาพร้อมเยี่ยนหยุน

“ลานประลองที่แปด ฉินหยุน ฟางรู่กัง เตรียมพร้อม!” ชายร่างใหญ่คนหนึ่งประกาศเรียก

ฉินหยุนคือคนแรกที่ขึ้นต่อสู้ ซึ่งก็เรียกความสนใจจากผู้คนได้ไม่น้อย

ไม่มีใครคิดในแง่ดีกับเขาแม้สักคน เพราะเขาอยู่เพียงระดับที่สี่ แต่คู่ต่อสู้ทั้งหมดคือระดับที่ห้า แต่ในเรื่องทั้งพลังปราณและวิชายุทธ เขามั่นใจว่าอยู่เหนือล้ำกว่าระดับที่สี่ไปไกลแล้ว

ฟางรู่กังเป็นเด็กหนุ่มร่างสูงและผอมบาง สวมใส่แพรไหมหรูหราสีน้ำเงิน สีหน้าตอนนี้เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ บ่งบอกชัดเจนว่าฉินหยุนไม่มีค่าในสายตาแม้แต่น้อย

“ลานประลองยุทธ์ที่แปด เริ่มได้!”

ฟางรู่กังก้าวฝีเท้าเบาพุ่งเข้าใส่ ถึงตอนนี้ ต้นขานั้นกำลังหวดเข้าใส่ศีรษะของฉินหยุนแล้ว มันรุนแรงถึงขนาดกระชากอากาศจนเกิดเสียงหวีดหวิวดังออกมาได้

“ขาเหล็กวายุ! วิชายุทธ์ระดับวิญญาณขั้นต่ำ!” ที่นอกลานประลอง ผู้คนตะโกนด้วยความตื่นตกใจกันแล้ว “รวดเร็วและบ้าคลั่งมาก นี่คือเคล็ดวิชาใช้เพื่อจัดการศัตรู!”

ฉินหยุนตอบสนองรวดเร็วขณะเผยความคิดมุ่งร้าย หมัดนั้นปล่อยออกพร้อมเสียงพยัคฆ์คำราม ขณะเขาพุ่งตัวออก ขาของฟางรู่กังก็หวดเข้ามาแทบถึงตัวแล้ว

เขากำลังใช้หมัดวิญญาณพยัคฆ์สวนกลับ!

หมัดปะทะกับขา เป็นผลให้เกิดคลื่นกระแทกกระจายออกมาวูบ!

ฟางรู่กังผู้ยืนด้วยขาข้างเดียว ร่างสูญเสียการทรงตัวหลังโดนแรงปะทะหนักหน่วง ทั้งร่างร่วงหล่นล้มกับพื้น!

“ถึงกับมีคนกล้าใช้หมัดปะทะลูกเตะ แถมยังชนะ!”

“ขาโลหะวายุนั่นเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังปราณ มันแข็งเหมือนโลหะ หากเตะต้นไม้ก็ทำให้ล้มได้อย่างง่ายดายแล้ว คนปกติคงไม่กล้าเผชิญหน้าโดยตรง แต่ฉินหยุนกล้า! กระดูกหมอนั่นไม่แตกไปแล้วหรือไงนั่น?”

ฟางรู่กังร้องเจ็บปวดเสียงหลงขณะกุมขาเอาไว้แน่น เขาไม่อาจสู้ต่อได้แล้ว

เมื่อเขาเห็นฉินหยุนยังกำหมัดเอาไว้แน่น ก็อดไม่ได้ที่จะต้องร้องออกด้วยความหวาดกลัว ที่เขาทำได้ตอนนี้คือยอมรับความพ่ายแพ้!

“ฟางรู่กังแพ้! ฉินหยุนชนะ!”

ฉินหยุนถึงกับสามารถชนะคู่ต่อสู้ระดับห้ามาได้!

นอกจากนี้ยังใช้เพียงหนึ่งกระบวนท่า และมันก็เป็นแค่หมัดวิญญาณพยัคฆ์!

บรรดานักเรียนรุ่นพี่ที่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับห้าล้วนมึนงงไปต่อกันไม่ถูก ถึงกับต้องร้องออกด้วยน้ำเสียงตื่นตะลึง!

“เอาจริงเหรอเนี่ย? ฉินหยุนมันล้มฟางรู่กังได้แค่กระบวนท่าเดียวเนี่ยนะ!”

“ก็เห็นกันอยู่! หรือจะเป็นฟางรู่กังถดถอย? กับวิชานักเลงข้างถนนแบบหมัดวิญญาณพยัคฆ์แต่กลับโดนล้มเพียงกระบวนท่าเดียวเนี่ยนะ มันไม่ง่ายไปหน่อยหรือยังไง!”

“เกินจะเชื่อจริง ๆ เด็กใหม่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่สี่สามารถล้มรุ่นพี่ระดับที่ห้า! ฟางรู่กังแพ้ครั้งนี้เสียหน้ารุ่นพี่อย่างพวกเราหมด!”

แทบทุกคนล้วนเผยสีหน้าสงสัยและแตกตื่นกันอย่างไม่อาจสะกดกลั้น

ภายใต้สายตาเดียดฉันท์จากฝูงชน ฟางรู่กังเพียงเดินลงจากลานประลองด้วยความอับอายและไม่พอใจ

ซุยฮ่วยกล่าวอย่างไม่ยินดี “พลังปราณของฉินหยุนค่อนข้างดิบเถื่อน นี่น่าจะเป็นเพราะวิญญาณยุทธ์ไฟระดับทองม่วง นอกจากเรื่องไม่คงอยู่ภายนอกร่างกายแล้ว พละกำลังไม่ต่างอะไรกับระดับที่ห้าเลย ไม่แปลกใจที่หยางฉีเย่ว์จะยอมให้เขาเข้าร่วมการประลองยุทธ์ราชสีห์สวรรค์ เป็นเพราะเขามีพลังถึงระดับนี้!”

เยี่ยนหยุนแค่นเสียงดังให้ได้ยินขณะกล่าวอย่างรังเกียจ “ไม่ว่าจะอะไร มันก็ต้องแพ้แก่พี่คุนอยู่ดี! พี่คุนเป็นผู้มีพรสวรรค์อยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่ห้าย่อมไม่มีทางพลาด”

เป็นเพราะมีผู้คนจำนวนน้อยนิดที่ครอบครองวิญญาณยุทธ์ระดับทองม่วง ดังนั้นจึงไม่มีใครทราบว่าพลังปราณของวิญญาณยุทธ์ระดับนี้จะแข็งแกร่งเพียงใด ซึ่งตอนนี้ทุกคนต่างได้เห็นแล้ว ว่าวิญญาณยุทธ์ระดับสูงของฉินหยุนสร้างความได้เปรียบทางพละกำลังเช่นไร

วิญญาณยุทธ์ระดับสูงสามารถบดขยี้คนผู้หนึ่งถึงฆาตได้!

เพียงไม่นานหลังการประลองรอบแรกของลานประลองที่แปดจบลง รอบที่สองก็เริ่มขึ้น!

ฉินหยุนออกสู้ศึกอีกครั้งหนึ่ง!

คู่ต่อสู้ของเขาคราวนี้เป็นเด็กหนุ่มร่างสูงนามหวางเสิน ตอนนี้เขาทราบแล้วว่าฉินหยุนไม่ใช่คู่ต่อสู้รับมือด้วยง่าย

ฉินหยุนประเมินอยู่ครู่หนึ่งขณะคิดกับตัวเอง “หวางเสิน พลังปราณค่อนข้างแข็งแกร่ง วิญญาณยุทธ์สายฟ้า แต่ความเร็วไม่เท่าไหร่!”

ครั้งนี้ฉินหยุนเป็นฝ่ายเปิดฉากโจมตีก่อน ก้าวเท้านั้นเหยียบย่างด้วยก้าวทะยานเมฆจนปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าหวางเสิน!

ความเร็วนี้เหนือล้ำกว่านักเรียนรุ่นพี่หลายคนผู้ซึ่งอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่ห้า! เพียงความเร็วนี้ก็มากพอทำให้นักเรียนขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่ห้าต้องร้องอุทานกันภายในใจแล้ว

หวางเสินแค่นเสียง เขาคล้ายคาดเดาอยู่ก่อนแล้ว หมัดนั้นร้องลั่นพร้อมสายฟ้า ราวกับมันรอให้ฉินหยุนมาโผล่ตรงหน้าจึงพร้อมปล่อยออก

ขณะที่ฉินหยุนกำลังจะปะทะกับหมัดสายฟ้า เขาพลันเอี้ยวศีรษะหลบพ้น พร้อมกันนี้ หมัดของเขาก็ปะทะที่หน้าอกของหวางเสิน!

เสียงคำรามร้องของพยัคฆ์พลันดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง!

ทุกผู้คนต่างอดไม่ได้ที่จะตระหนัก ว่าฉินหยุนเอาชนะด้วยหมัดวิญญาณพยัคฆ์อีกครั้งหนึ่งแล้ว!

หวางเสินค่อนข้างมั่นใจในความแข็งแกร่งของร่างกายไม่ใช่น้อย เขาเร่งรีบโคจรพลังปราณภายในร่างขณะรวบรวมเอาไว้ที่ท่อนบน เขาไม่ได้คิดหลบ ทั้งยังไม่ลดการใช้หมัดสายฟ้าเข้าโจมตีฉินหยุน!

แต่สิ่งหนึ่งที่เขาไม่คาดคิด คือฉินหยุนที่โผล่พรวดมานั้นสามารถหลบหมัดสายฟ้า หมัดของเขาวืด!

อีกทั้งหมัดของฉินหยุนยังเคลื่อนไหวอย่างประหลาดขณะเลี้ยวลดมุ่งไปที่ต้นขาของหวางเสินเสียแทน!

“อ๊าก!” ต้นขาของหวางเสินรับความเจ็บปวดรุนแรงอีกทั้งยังร้อนรุ่มดั่งโดนเผาไหม้ ชั่วขณะที่คิดขยับ ความเจ็บปวดร้ายแรงเกินจะกล่าวจะรวดร้าวกระจายทั้งร่าง

เขาคิดว่าฉินหยุนจะโจมตีที่ร่างท่อนบน ใครกันจะคิดว่าหมัดนั้นจะเล็งที่ต้นขาตั้งแต่แรก!

ก้าวทะยานเมฆเป็นผลให้พลังปราณของฉินหยุนแข็งแกร่งขึ้น นอกจากนี้ความร้อนเผาไหม้ยังเกิดจากไฟที่แทรกซึมอยู่ภายในพลังปราณตลอดทั้งเนื้อและกระดูกของเขา เพราะแบบนั้นหวางเสินจึงต้องแบกรับอาการบาดเจ็บรุนแรง

“ข้าขอยอมแพ้!” มันไม่ใช่เพราะฉินหยุนโจมตีเขาโดยง่ายดาย แต่เขาเกรงว่าตนอาจต้องจ่ายค่าตอบแทนด้วยความเจ็บปวดที่ยิ่งกว่านี้หากดื้อดึง!

ฉินหยุนได้รับชัยชนะอีกครั้งแล้ว!

ทั่วทั้งโถงหลักแห่งนี้พลันเต็มไปด้วยเสียงฮือฮาดังลั่น!

ด้วยการเอาชนะขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่ห้าถึงสองครั้ง ฉินหยุนตอนนี้ผ่านการยืนยันแล้วว่ามีพลังพอที่จะเป็นคู่แข่งของระดับที่ห้าได้!

เยี่ยนหยุนเห็นฉินหยุนเดินออกจากลานประลองอย่างเฉิดฉาย นางอดไม่ได้ที่จะกัดฟันขาวราวหยกหิมะนั้นแน่นกรอด “พี่คุนจะต้องสั่งสอนบทเรียนด้วยการบดขยี้มัน มาดูกันว่ามันจะลำพองใจอีกได้แค่ไหนกันเชียว!”

“ชนะสองครั้งแล้ว เท่ากับเราเป็นหัวแถวของกลุ่มแล้ว!” ฉินหยุนสงบใจด้วยการพูดกับตัวเองขณะเดินลงจากลานประลอง

ตอนนี้เขาค่อนข้างคุ้นชินกับการใช้วิชายุทธ์ขึ้นมาบ้างแล้ว โดยหลักก็เพราะได้ประมือกับหยางฉีเย่ว์ช่วงหลายวันมานี้ ช่วงที่ผ่านมาหยางฉีเย่ว์จะจำลองสถานการณ์ฝึกฝนให้แก่เขาเพื่อสะสมประสบการณ์ต่อสู้หลายรูปแบบ

อีกด้านหนึ่ง เว่ยเสวียนคุนตอนนี้ก็ชนะการประลองได้อย่างต่อเนื่อง บุคคลที่ต่อสู้กับเขาล้วนมีสภาพไม่น่าดูเท่าใดนัก ทว่าก็ไม่มีใครกล้าเอาเรื่อง กระทั่งไม่ได้คิดสู้จริงจังด้วยซ้ำเมื่อเห็นว่าคู่ต่อสู้เป็นอีกฝ่าย

ผู้คนในกลุ่มเดียวกับเว่ยเสวียนคุนทำได้เพียงกล่าวโทษโชคชะตา

หลังจากนั้น ฉินหยุนได้รับชัยชนะอีกครั้งหนึ่ง เท่ากับว่าตอนนี้เขาได้อันดับหนึ่งของกลุ่มมาครองแล้ว

ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่สี่ ทั้งยังเป็นอันดับหนึ่งของกลุ่ม เรื่องนี้ไม่มีใครคาดคิด!

หากฉินหยุนเกิดได้อันดับหนึ่งขึ้นมา เรื่องราวจะยิ่งตื่นตะลึงมากขึ้นกว่านี้เป็นแน่ มันอาจถึงขั้นถูกบันทึกในประวัติศาสตร์ประจำปีนี้ของสถาบันยุทธ์ฮัวหลิงด้วยซ้ำ!

แต่อย่างไรแล้ว ทุกคนก็ยังคิดอ่านได้ว่าฉินหยุนไม่มีทางได้รับอันดับหนึ่ง นั่นก็เพราะการประลองครั้งนี้บุตรของปรมาจารย์เว่ยอย่างเว่ยเสวียนคุนเข้าร่วมการประลอง ดังนั้นเขาจึงเป็นตัวเต็งอันดับหนึ่งอย่างที่ผู้คนไม่คิดสงสัยแม้แต่น้อย!

2.5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด