ตอนที่แล้วตอนที่ 299 คฤหาสน์ขององค์หญิงแห่งมณฑลของข้าเกี่ยวข้องกับตระกูลเฟิงอย่างไร
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 301 เจ้าช่างต่ำช้าจริงๆ

ตอนที่ 300 บุตรมีความหมายเช่นไรสำหรับเขา ?


เฟิงจินหยวนแข็งตัว เจ้าเมืองคนใหม่ซูจิงหยวน ? เขามาทำไม ?

เขาเพิ่งได้ยินเกี่ยวกับเจ้าเมืองที่ได้รับการแต่งตั้งเมื่อเขากลับมาที่เมืองหลวง เขาปรากฏตัวขึ้นอย่างฉับพลันและดูแปลก ๆ ราวกับว่าเขาปรากฏตัวจากอากาศบาง ๆ มันทำให้ยากที่จะเดาได้ และผู้คนไม่แน่ใจเกี่ยวกับภูมิหลังของเขา

แต่หลังจากที่เขาได้รับการแต่งตั้ง เขาไขคดีสำคัญในเมืองหลวง เพียงไม่กี่วันก่อนสิ้นปีเขาก็ได้รับรางวัลจากฮ่องเต้

เฟิงจินหยวนพยายามติดต่อซูจิงหยวนนี้เพราะเรื่องของเฉินชิง แต่เขาไม่ได้ไว้หน้าเสนาบดีเลย เขาส่ายหน้าและโบกมือให้เฟิงจินหยวน เขาบอกว่าไม่มีประโยชน์ในการใช้ความสัมพันธ์หรือเข้าทางหลังบ้าน ถ้าเฟิงจินหยวนยังกดดันเขา เขาจะไปรายงานตัวต่อราชสำนัก และให้ฮ่องเต้ทำหน้าที่เป็นผู้พิพากษา

แน่นอนเฟิงจินหยวนไม่ยอมให้เรื่องนี้ไปถึงฮ่องเต้ได้ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถทำอะไรได้ สำหรับเฉินชิงที่ต้องอยู่ในคุกช่วงปีใหม่ เขารู้สึกเสียใจอย่างมากที่เขาไม่สามารถไปเที่ยวได้

ตอนนี้เจ้าเมืองมาเยี่ยม เขาไตร่ตรองมานานแล้วและรู้สึกว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเฉินชิงมากที่สุด บางทีเมื่อเขาเห็นเฟิงหยูเฮง เขาอาจจะไว้หน้าและรู้สึกว่าไม่สามารถล่วงเกินตระกูลเฟิงได้อย่างแท้จริง จากนั้นเขาตัดสินใจที่จะปล่อยเฉินชิงกลับมา

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เฟิงจินหยวนก็มีชีวิตชีวา เขายืนขึ้นและพูดกับคังอี้ว่า “กระหม่อมมีหลานชายถูกจับขังคุกเพราะมีคนใส่ร้ายเขาก่อนปีใหม่ กระหม่อมให้เวลาเจ้าเมืองในการตรวจสอบเรื่องนี้อย่างรอบคอบ วันนี้ที่เจ้าเมืองมาคงเกี่ยวกับเรื่อง องค์หญิงใหญ่พูดคุยกับท่านแม่ไปก่อนพะยะค่ะ เดี๋ยวกระหม่อมกลับมาพะยะค่ะ”

คังอี้ไม่พูดมากเพียงพยักหน้า อย่างไรก็ตามเฟิงหยูเฮงก็ยืนขึ้นเช่นกัน นางก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ลูกจะไปกับท่านพ่อ ท่านใต้เท้าซูเป็นเจ้าเมืองที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งใหม่ ข้าต้องการทำความรู้จักกับเขาเมื่อวานนี้ในงานเลี้ยง อย่างไรก็ตามข้าไม่คิดว่าท่านใต้เท้าซูจะไม่เข้าร่วมงานเลี้ยง ตอนนี้เขามาถึงคฤหาสน์เฟิงแล้ว ในฐานะองค์หญิงแห่งมณฑล มันคงจะดูไม่ดีหากข้าไม่ออกไปต้อนรับ”

เฟิงจินหยวนพยักหน้า “แน่นอน เจ้าเป็นบุตรสาวของฮูหยินใหญ่และเป็นองค์หญิงแห่งมณฑล เจ้าควรไปกับข้า ไปกันเถอะ !”

เขาเริ่มเดินไปข้างหน้า และเฟิงหยูเฮงหันไปมองคังอี้ “อย่างที่หม่อมฉันพูดไว้ก่อนหน้านี้ มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นในครอบครัวนี้ ในช่วงเวลาแค่อาหารมื้อเดียวมีหลายสิ่งเกิดขึ้น เนื่องจากองค์หญิงใหญ่จะอาศัยอยู่ที่คฤหาสน์ ไปดูด้วยกันไหมเพคะ ?”

ฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกว่ามันไม่เหมาะสมเพียงเล็กน้อย “องค์หญิงใหญ่ไม่จำเป็นต้องไป ไม่ใช่หรือ ?”

เฟิงหยูเฮงส่ายหน้า “ในเมื่อองค์หญิงใหญ่ตัดสินใจแล้วว่าจะย้ายเข้ามา องค์หญิงใหญ่ควรจะไปในครั้งนี้” สีหน้าของนางเย็นชาและมองคังอี้อย่างไร้ความปราณีชี้ให้เห็นถึงความจริงที่ว่านางได้เข้ามาในตระกูลเฟิง

อย่างไรก็ตามสีหน้าของคังอี้ไม่เปลี่ยนไปเมื่อนางยังคงยิ้มและพูดว่า “แขกจะต้องทำตามที่เจ้าบ้านพูด หากองค์หญิงแห่งมณฑลเชิญข้า ข้าก็จะไปด้วย !”

เมื่อคังยี่จะไป คนอื่นไม่สามารถนั่งต่อได้ เนื่องจากพวกเขาทั้งหมดออกจากห้องโถง รุ่ยเจียเดินไปที่ด้านข้างของคังอี้และจ้องตรงไปที่เฟิงหยูเฮงพูดเบา ๆ ว่า “องค์หญิงแห่งมณฑลจี่อันนั้นมีจิตใจที่ชั่วช้า ทำไมท่านแม่ถึงสุภาพกับนางเพคะ ?”

คังอี้เตือนนางว่า “ภัยพิบัติมาจากปากที่ไม่ระวังคำพูด สถานที่แห่งนี้คือราชวงศ์ต้าชุน ไม่ใช่เฉียนโจวของเรา เจ้าจะต้องระวังสิ่งที่เจ้าพูดและสิ่งที่เจ้าจะทำ”

รุ่ยเจียพยักหน้า “ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วงเพคะ เจี่ยเอ๋อจะทำงานเพื่อให้ได้ความโปรดปรานของลุงเฟิงและท่านผู้หญิงผู้อาวุโส” หลังจากพูดอย่างนี้นางก็ย้ายไปเดินข้างฮูหยินผู้เฒ่าและเบียดยายจาวออกไป "รุ่ยเจียมาช่วยเจ้าค่ะ! เสด็จยายของรุ่ยเจียถึงแก่กรรมก่อนเวลามาก ตั้งแต่เด็กรุ่ยเจียไม่เคยได้แสดงความกตัญญูต่อเสด็จยายและรู้สึกเสียใจอย่างมาก เมื่อเห็นท่านฮูหยินผู้เฒ่าวันนี้ข้ารู้สึกใกล้ชิดมาก ข้าคิดอยู่เสมอว่าจะดีขนาดไหนถ้าท่านฮูหยินผู้เฒ่าเป็นยายของรุ่ยเจีย"

เพื่อร่วมมือกับรุ่ยเจีย คังอี้ใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดมุมตาของนางขณะที่นางรู้สึกเศร้า

ฮูหยินผู้เฒ่ามองทั้งสอง ยิ่งนางมองมากเท่าไหร่ นางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าไปกับพวกเขาไม่ได้

อันชิมองฉากนี้และรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย นางอยากถามคำถามสองสามข้อกับเฟิงหยูเฮง แต่พวกเขามาถึงที่ห้องโถงหน้าแล้ว เจ้าเมืองซูจิงหยวนซึ่งรอคอยมาอย่างยาวนานออกมาข้างหน้าแล้วและกล่าวทักทายเฟิงจินหยวน “เจ้าเมืองต่ำต้อย ซูจิงหยวน คารวะท่านเสนาบดีเฟิงขอรับ” หลังจากทักทายเขาหันมาพูดกับเฟิงหยูเฮง “คารวะองค์หญิงแห่งมณฑลจี่อันพะยะค่ะ”

เฟิงจินหยวนยื่นมือออกมาและหยุดเขา “ใต้เท้าซูอย่าได้มากพิธี โปรดลุกขึ้น” จากนั้นเขาก็หันมา และอนุญาตให้คังอี้และรุ่ยเจียขึ้นมา “พวกเขาคือแขกผู้มีเกียรติของข้า องค์หญิงคังอี้และองค์หญิงรุ่ยเจียจากเฉียนโจว ใต้เท้าซูควรคารวะพวกเขาด้วย!”

ซูจิงหยวนคำนับอย่างรวดเร็ว “คารวะองค์หญิงทั้งสองพะยะค่ะ! กระหม่อมไม่รู้ว่าองค์หญิงทั้งสองจะอยู่ในคฤหาสน์ของเสนาบดี กระหม่อมทำให้เกิดความยุ่งยากและหวังว่าจะได้รับการอภัยพะยะค่ะ”

คังอี้พูดอย่างสง่างาม “ไม่ว่าอย่างไรก็ตามราชวงศ์ต้าชุนนั้นกว้างใหญ่และมีผู้คนมากมาย ใต้เท้าซูเป็นผู้ปกครองและมีงานให้ทำมากมาย แม้ในระหว่างการเฉลิมฉลองปีใหม่ ท่านก็คำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชน ข้าชื่นชมท่านอย่างแท้จริง”

“คนต่ำต้อยผู้นี้ร้อนใจพะยะค่ะ แต่ขอบพระทัยองค์หญิงคังอี้ที่ได้รับการยกย่อง” หลังจากพูดอย่างนี้แล้วเขาก็คำนับฮูหยินผู้เฒ่า “ขอขอบพระคุณท่านฮูหยินผู้เฒ่าขอรับ”

ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้า “ใต้เท้าซู ข้าสงสัยว่าเจ้ามาที่คฤหาสน์ในช่วงงานฉลองปีใหม่ มีอะไรเกิดขึ้นหรือ ?”

ซูจิงหยวนพยักหน้าแล้วมองไปที่สมาชิกคนสำคัญของคฤหาสน์เฟิง พูดเสียงดังว่า  "ก่อนสิ้นปีมีเรื่องร้ายแรงที่ผู้คนพยายามทำร้ายครอบครัวของข้าราชสำนัก ตระกูลเฟิงได้ยื่นรายงานต่อทางการและขอให้ตรวจสอบเรื่องเหยี่ยวที่จิกเนื้อที่หน้าผากของคุณหนูใหญ่ตระกูลเฟิง เจ้าหน้าที่ผู้นี้ได้ทำการตรวจสอบเรื่องนี้ตลอดเวลาจนกระทั่งเมื่อเช้าวานนี้ข้าจึงได้เบาะแส”

เฟิงจินหยวนตกใจ เขาไม่เคยคิดเลยว่าซูจิงหยวนกำลังพูดถึงกรณีที่ครอบครัวเฟิงรายงาน มันได้รับการสอบสวนอย่างรวดเร็วเลยหรือ ? เขามีความกังวลใจบางอย่างในใจของเขา จากนั้นเขามองไปที่เฟิงเฉินหยูและพบว่านางไม่เพียงแต่กังวล นางตกใจมาก

เฟิงหยูเฮงที่ดูเหมือนจะมีความสุขมากขณะที่นางถามซูจิงหยวน “ท่านได้เบาะแสจริง ๆ หรือ? นั่นช่างยอดเยี่ยมเหลือเกิน เรื่องนี้ทำให้องค์หญิงแห่งมณฑลผู้นี้นอนไม่หลับ เมื่อใดก็ตามที่ข้าหลับตา ข้าจะเห็นฉากที่เหยี่ยวกัดพี่ใหญ่ของข้า มันน่ากลัวจริง ๆ ข้าไม่เคยคิดเลยว่าใต้เท้าซูจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างรวดเร็ว ไม่เสียแรงที่ท่านเป็นถึงเจ้าเมือง”

ซูจิงหยวนตอบ “เจ้าหน้าที่ผู้นี้พบว่าเป็นความผิดทางอาญา ก่อนที่ข้าคนนี้จะเข้ารับตำแหน่งเป็นเจ้าเมือง ข้าได้ใช้เวลาส่วนหนึ่งนอกเมืองหลวง ในเวลานั้นข้าได้พบกับผู้คนจำนวนมากจากเจียงฮู และยังได้พบกับเหยี่ ยวอีกตัวที่มีห่วงทองคำอยู่รอบคอ เห็นได้ชัดว่าพวกนั้นมีราคาแพงมาก นิกายของเจียงฮูหลายแห่งจะจ้างผู้เชี่ยวชาญเพื่อฝึกฝนพวกมัน แต่เนื่องจากอัตราความสำเร็จไม่สูงมากจำนวนคนที่ใช้จริงจึงไม่สูงและวิธีการแยกแยะความเป็นเจ้าของก็คือการใช้ห่วงทองคำรอบคอของเหยี่ยว สำหรับคนที่รวยจะใช้ห่วงทองคำ นอกจากนี้ยังมีบางคนที่ใช้เงิน บางคนก็ใช้เหล็ก แต่ไม่คำนึงถึงสิ่งที่ใช้ จะมีสัญญาณบางอย่างที่ด้านในของห่วง

“มีใครบางคนที่พยายามทำร้ายโดยเจตนาจริง ๆ หรือ?” คังอี้รู้สึกตกใจแล้วมองดูที่หน้าผากของเฟิงเฉินหยู แค่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้นางก็สามารถจินตนาการถึงฉากที่น่าเศร้าในเวลานั้น ดังนั้นนางจึงติดตามและถามว่า “ใครกันจะกล้าที่จะทำร้ายบุตรสาวของขุนนางขั้นหนึ่ง ?”

ซูจิงหยวนกล่าว “บุคคลนี้มีความสัมพันธ์กับตระกูลเฟิงเล็กน้อย”

สีหน้าของเฟิงจินหยวนเศร้าเล็กน้อยในขณะที่เขามองซูจิงหยวนโดยไม่พูดอะไรเลย

“โอ้ ?” เฟิงหยูเฮงกล่าว “เป็นไปได้หรือไม่ว่าอาจเป็นคนที่เป็นศัตรูกับตระกูลเฟิง ? ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะทำเรื่องร้ายแรงได้อย่างไร ?”

จากนั้นพวกเขาเห็นซูจิงหยวนส่ายหัว ในขณะที่เขาพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย “ไม่เพียงแต่จะไม่เกลียดเท่านั้น แต่ยังเป็นคนใกล้ชิด ผู้บงการนั้นคือเฉินเหลียง เป็นน้องชายของอดีตฮูหยินใหญ่ตระกูลเฟิง และเขาเป็นลุงของคุณหนูใหญ่ตระกูลเฟิง”

“อะไรนะ ?” เฟิงหยูเฮงตกใจมาก “นั่นจะเป็นไปได้อย่างไร ลุงทำร้ายหลานสาวของตัวเอง เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ !”

เมื่อได้ยินอย่างนี้ฮูหยินผู้เฒ่าก็ตกตะลึงในตอนแรกจากนั้นก็เริ่มคิด ในทันทีนั้นนางก็สามารถตระหนักได้ว่าตระกูลเฉินไม่ต้องการทำร้ายเฟิงเฉินหยู พวกเขาไม่เคยคิดว่าเฟิงเฉินหยูจะอยู่ในรถม้า สิ่งที่ตระกูลเฉินต้องการอย่างแท้จริงคือชีวิตของเฟิงจื่อหรู

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ฮูหยินผู้เฒ่าก็โกรธขึ้นมาทันที “ตระกูลเฉิน! พวกเขากล้าหาญจริง ๆ !”

เมื่อเห็นว่าฮูหยินผู้เฒ่าโกรธมาก รุ่ยเจียซึ่งอยู่ข้างนางเริ่มลูบหลังและปลอบนาง “ท่านฮูหยินผู้เฒ่าโปรดสงบสติอารมณ์เจ้าค่ะ ท่านต้องไม่ทำร้ายตัวเองเพราะคนร้าย” ขณะที่นางพูดสิ่งนี้นางมองไปที่เฟิงเฉินหยูและถามอย่างสงสัย “เจ้าทำอะไรให้ท่านลุงของเจ้าขุ่นเคืองหรือไม่ ? ทำไมเขาถึงต้องการทำร้ายเจ้า ?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฟิงเฉินหยูก็โกรธจัด ในตอนแรกนางได้ส่งคนไปแจ้งตระกูลเฉินว่าเหยี่ยวถูกส่งไปให้ทางการ อย่างไรก็ตามนางไม่เคยคิดเลยว่าตระกูลเฉินจะไร้ประโยชน์เพราะพวกเขาไม่สามารถแม้แต่จะเอาเหยี่ยวกลับไปได้

เฟิงหยูเฮงสับสนและถามว่า “ตระกูลเฉินสนับสนุนพี่ใหญ่มาตลอด ทำไมพวกเขาจึงเปลี่ยนใจ ? ท่านพ่อ เรื่องนี้ยอมไม่ได้นะเจ้าคะ ! คนในตระกูลเฉินเป็นเพียงญาติพี่น้อง ในฐานะญาติ พวกเขาใช้ชื่อตระกูลเฟิงของเราเพื่อทำธุรกิจและได้กำไรมากมายแล้ว อย่างไรก็ตาม ไม่เพียงแต่พวกเขาจะไม่พอใจ ไม่รู้จักบุญคุณแล้ว แต่พวกเขาก็มีแผนการชั่วร้ายเช่นนี้ต่อผู้คนในตระกูลเฟิง ท่านพ่อ เราทุกคนเป็นลูกของท่านพ่อ ไม่ว่าจะเป็นฮูหยินใหญ่หรืออนุ เราทุกคนเป็นตัวแทนของตระกูลเฟิงที่อยู่ด้านนอก เรามีเกียรติมากกว่าตระกูลเฉินมาก !”

คังอี้ก็พยักหน้าเห็นด้วยกับสิ่งที่เฟิงหยูเฮงพูด “ญาติจากฝั่งแม่ได้สร้างภัยคุกคามต่อตระกูลเฟิง เสนาบดีเฟิงควรพิจารณาให้รอบคอบ”

คำพูดของคังอี้ทำให้เฟิงจินหยวนพิจารณาอย่างแท้จริง เขายอมรับตระกูลเฉินมาโดยตลอดโดยไม่มีเหตุผลอื่นนอกจากความร่ำรวย แต่ถ้าคังอี้… เขาไม่กล้าคิดเช่นนั้น

เฟิงหยูเฮงถามซูจิงหยวนอีกครั้ง “นอกเหนือจากเหยี่ยวที่ทำร้ายพี่ใหญ่ของข้าแล้วยังมีกลุ่มคนร้ายที่พยายามจะฆ่าคุณชายเพียงคนเดียวของตระกูลเฟิง เรื่องนี้ได้เบาะแสหรือไม่ ?”

ซูจิงหยวนพยักหน้า “ข้าได้เบาะแสในเรื่องนี้แล้วขอรับ กลุ่มคนร้ายกลุ่มนั้นได้รับการว่าจ้างจากเฉินเหลียงเพื่อฆ่าคุณชายตระกูลเฟิงเท่านั้นพะยะค่ะ !”

ทุกคนในตระกูลเฟิงหายใจเข้า เจ้าเมืองได้เน้นคำว่าคุณชาย “เท่านั้น” และอันชิตกใจหลุดปากออกมาว่า “เรื่องนี้จะทำให้ตระกูลเฟิงไร้ทายาท !”

ฮูหยินผู้เฒ่าดุนาง “เฟิงจินหยวนยังหนุ่ม หยุดพูดจาเหลวไหล !”

ดวงตาของเฟิงหยูเฮงโตขึ้น ขณะที่นางมองฮูหยินผู้เฒ่าทันที “ความหมายของท่านยายคือถ้าจื่อหรูถูกฆ่าตายโดยตระกูลเฉิน ที่เลวร้ายที่สุดท่านพ่อก็จะให้กำเนิดบุตรอีกคน ใช่หรือไม่เจ้าคะ ?”

ฮูหยินผู้เฒ่าตัวสั่น “ขะ-ข้าไม่ได้หมายความว่าเช่นนั้น”

“แล้วท่านย่ากำลังคิดอะไรอยู่ ?” ความโกรธของเฟิงหยูเฮงพุ่งออกมา “ผู้เป็นหลานชายของครอบครัวถูกฆ่าและผู้ร้ายก็เป็นญาติกัน อาเฮงต้องถามท่านย่าและท่านพ่อว่าควรแก้ไขปัญหานี้อย่างไร !”

ฮูหยินผู้เฒ่าเงียบลง แม้ว่านางจะเกลียดตระกูลเฉิน แต่การตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องนี้มันก็ตกอยู่ที่เฟิงจินหยวน

สำหรับเฟิงจินหยวน เขาจมอยู่กับสิ่งที่เฟิงหยูเฮงเพิ่งพูดว่า “ที่เลวร้ายที่สุด ท่านพ่อก็ให้กำเนิดทายาทเพิ่มอีกคน”

เขามองไปที่คังอี้โดยไม่รู้ตัว ความเกลียดชังของเขาที่มีต่อตระกูลเฉินดูเหมือนจะน้อยลงไปเล็กน้อย นอกจากนี้แล้วเฟิงหยูเฮงและเฟิงจื่อหรูถือว่าควบคุมได้ยากมากแล้ว พวกเขาไม่เชื่อฟังและสนับสนุนกันอย่างมั่นคง เขาเคยเชื่อว่าเฟิงจื่อหรูเป็นคนที่เขาภาคภูมิใจ แต่ถ้าเขากับคังอี้...

เฟิงหยูเฮงมองทะลุความคิดเหล่านี้ของเขา จิตใจของนางเย็นชาในขณะที่นางเกือบจะไม่สามารถกลั้นเสียงหัวเราะไว้ได้

บิดา ? นี่เป็นบิดาหรือ ? บุตรมีความหมายเช่นไรสำหรับเขา ? พวกเขาเป็นแค่บันไดที่ช่วยให้เขาปีนได้สูงขึ้นหรือไม่ ? พวกเขาเป็นเพียงเครื่องมือสำหรับเขาที่จะทำธุรกิจหรือไม่ ? ตอนนี้นางมาถึงยุคนี้ ถ้าเจ้าของร่างเดิมยังมีชีวิตอยู่ แม้ว่านางจะสามารถกลับสู่เมืองหลวงได้นางก็คงจะตายไปแล้วหลายครั้ง

นางเดินไปข้างหน้าและไม่ซ่อนความรังเกียจในแววตาของนาง เมื่อนางจ้องมองที่เฟิงจินหยวน มุมปากที่ยกสูงขึ้นเล็กน้อยทำให้เสนาบดีคนนี้ต้องถอยหลังไปสองสามก้าว แม้กระนั้นเขาก็ดึงมือเล็ก ๆ ของนางกลับมา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด