ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0017
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0019

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0018


ตอนที่ 18 : ก้าวอัคคีเมฆา

เมื่อฉินหยุนได้เห็นว่าเชี่ยวเย่ว์หลานเผยเจตนาฆ่าฟันจริงจังไม่มีลดทอน เขาพลันรู้สึกขึ้นมาว่าการที่จักรวรรดิเทียนเชี่ยวยกเลิกพิธีอภิเษกสมรสนั้นไม่ใช่เรื่องแย่สักเท่าไหร่

“ในอดีต มารดาของพวกเราลอบตกลงเรื่องพิธีแต่งงานระหว่างพวกเรา จากนั้นจึงมีการทำสัญญาหมั้นหมายกันขึ้นมา! สัญญานั้นยังอยู่ในมือเจ้าหรือไม่?” แม้เชี่ยวเย่ว์หลานเผยน้ำเสียงเย็นเยียบและไร้อารมณ์ แต่คำถามที่ได้ยินนั้นชวนให้ตื่นตกใจไม่น้อย

“สัญญาหรือ? พี่สาวมหาอุปราชฝากข้าเอาไว้ เจ้าต้องการมัน?” ฉินหยุนพยักหน้ารับและเอ่ยถาม

เขานำสัญญาหมั้นหมายออกมาจากมิติเก็บของของสร้อยวิญญาณเทวะเก้าตะวัน

เขาไม่ทราบว่าตอนนี้ควรแสดงหน้าเช่นไร เรื่องนี้ทำเขาไม่เข้าใจ

“เจ้าเก็บมันไว้กับตัวให้ดี หนึ่งปีหลังจากนี้ ระหว่างพิธีอภิเษกสมรส เจ้าต้องนำสัญญานี้ออกมาใช้!” หลังเชี่ยวเย่ว์หลานกล่าวจบคำ นางหันกายกลับและเดินไปที่ประตู แต่ก็ยังไม่วายส่งเสียงเย็นเยือกตามมา “หากเจ้าไม่มา ข้าจะไล่ล่าเจ้าจนสุดขอบโลก”

ฉินหยุนเผยสีหน้างุนงงขณะเอ่ยถาม “นี่เจ้าต้องการขายหน้าข้าในพิธีอภิเษกสมรสในอีกหนึ่งปีให้หลังงั้นหรือ?”

“ขายหน้าเจ้า? ข้าไม่เคยคิดแม้สักนิด นอกจากนี้เจ้ายังไม่มีค่าพอให้ข้าต้องขายหน้าเจ้าแต่อย่างใด!” หลังจากเชี่ยวเย่ว์หลานกล่าวจบคำคราวนี้ นางเปิดประตูและเร่งร้อนจากไป

ฉินหยุนหันมองหยางฉีเย่ว์ด้วยสีหน้างงงัน

“เหมือนนางจะได้รับการฝึกสอนสุดแสนโหดร้ายจากสถาบันยุทธ์เทียนเสวียนก่อนจะมาถึงตรงนี้ได้ นี่น่าจะเป็นนางลอบออกมา แล้วคำพูดที่บอกต่อเจ้านั้นคืออะไร? ช่างยากเข้าใจนัก!” หยางฉีเย่ว์ส่ายศีรษะให้เห็นว่านางก็ไม่ค่อยเข้าใจเจตนาของอีกฝ่ายเช่นกัน

“ช่วงปีนี้ เจ้าคงต้องฝึกให้หนัก หาไม่เช่นนั้นแล้วนางอาจทำให้เจ้าขายหน้าต่อหน้าสาธารณะชนได้!”

“อะไรก็ดี เมื่อเวลานั้นมาถึง เพียงส่งมอบสัญญานั่นให้แก่นาง เรื่องระหว่างนางกับองค์ชายรัชทายาทน่าจะพอทำให้จักรพรรดินีโฉดนั่นปวดหัวได้พอสมควรเลยทีเดียว” ฉินหยุนส่ายศีรษะและถอนหายใจขณะกินอาหารต่อ

“เร่งมือแล้วกินเข้า พวกเรายังต้องไปที่หอวิชายุทธ์อีกนะ!” หยางฉีเย่ว์เอ่ยเร่ง “เจ้าต้องเร่งให้เร็วกว่านี้ จากนั้นต้องหาทางเชี่ยวชาญวิชายุทธ์สักหนึ่งวิชา จากนั้นค่อยไปเข้าร่วมงานประลองยุทธ์ราชสีห์สวรรค์!”

“อะไรคืองานประลองยุทธ์ราชสีห์สวรรค์?” ฉินหยุนเอ่ยถาม

“ทุกห้าปี จะมีการประลองยุทธ์ระหว่างขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่สี่และห้า แม้จะมีนักเรียนระดับสี่เข้าร่วมน้อยนิด แต่ข้าคิดว่าเจ้าควรเข้าร่วม” หยางฉีเย่ว์กล่าว

“จะดีจริงหรือขอรับอาจารย์?” ฉินหยุนหวั่นไหวขึ้นมา ระดับพลังของเขาตอนนี้เทียบเท่าขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่ห้า หากร่วม เขาก็มีความมั่นใจไม่ใช่น้อยว่าสามารถเอาชนะ

“ข้าบอกให้เจ้าเข้าร่วมเพื่อหาประสบการณ์การต่อสู้เพิ่มเติม ไม่ใช่บอกให้เจ้าไปสู้เพื่อเอาที่หนึ่งกลับมา” หยางฉีเย่ว์เท้าคางกับโต๊ะด้วยมือทั้งสอง “บรรดานักเรียนที่เจ้าจะได้พบนั้นล้วนเป็นศิษย์พี่ คงเป็นเรื่องยากที่เจ้าจะเอาชนะในสายการแข่งได้”

หลังเสร็จสิ้นมื้อเช้า ฉินหยุนจึงตามหยางฉีเย่ว์ไปยังหอวิชายุทธ์ที่เก็บรวบรวมเคล็ดวิชาการฝึกฝนวิชายุทธ์เอาไว้ เขามีสิทธิ์เลือกเคล็ดวิชายุทธ์ระดับสูงได้ถึงสองเลยทีเดียว

* * *

หอวิชายุทธ์เป็นหอคอยสูงถึงเจ็ดชั้น มันตั้งอยู่กลางสถาบันยุทธ์ฮัวหลิง พื้นที่บริเวณโดยรอบล้อมด้วยกำแพงสูง ตามปกติแล้วจะไม่ให้ผู้ใดเข้าสู่พื้นที่บริเวณนี้ การรักษาความปลอดภัยจึงค่อนข้างเข้มงวดตั้งแต่ผู้รักษาการณ์ที่ด้านนอก

หยางฉีเย่ว์และฉินหยุนสามารถเข้าไปได้หลังยื่นแผ่นไม้ตัวแทนของห้องเก้าเป็นใบเบิกทาง

ขั้นต้น ขั้นกลาง และขั้นสูง เหล่านี้คือวิชายุทธ์ที่ชั้นหนึ่ง

ฉินหยุนมองหอคอยหินโบราณสูงตระหง่านจนลอบตื่นตกใจอยู่ภายใน นี่เป็นเพียงแค่ชั้นหนึ่งเท่านั้น ทว่ามันก็ถูกบรรจุเอาไว้ซึ่งวิชายุทธ์ขั้นต้น ขั้นกลาง และขั้นสูง

ที่ปากทางเข้าของหอแห่งนี้มีชายวัยกลางคนจำนวนหนึ่งยืนรักษาการณ์อยู่ นับโดยรวมแล้วสถานที่แห่งนี้มีผู้ฝึกยุทธ์วัยกลางคนจำนวนหลายสิบเดินตรวจตราไม่ขาด หยางฉีเย่ว์และฉินหยุนโดนสอบถามอยู่เล็กน้อยก่อนจะเข้าไปภายในหอได้

“อาจารย์ แล้วข้าจะได้รับเคล็ดวิชายุทธ์ที่ดีได้ยังไงกัน?” ตอนนี้วิชาหยางสีดำคือหนึ่งเดียวที่ฉินหยุนได้เรียนรู้

“ในสถาบันยุทธ์ฮัวหลิงแห่งนี้ ตราบเท่าที่เจ้ามีความแข็งแกร่งเพียงพอ เจ้าสามารถได้รับวิชายุทธ์ระดับลึกล้ำขั้นต่ำขึ้นไปมาครอบครองได้” หยางฉีเย่ว์ค่อนข้างคุ้นเคยกับที่แห่งนี้ นางเดินนำผ่านชั้นหนังสือชั้นแล้วชั้นเล่าไป

ระดับลึกล้ำขั้นต่ำถือว่าห่างไกลกว่าระดับวิญญาณมากนัก! สิ่งหนึ่งที่ควรทราบคือ หลายตระกูลหากได้ครอบครองวิชายุทธ์ระดับวิญญาณสักวิชาหนึ่งก็นับเป็นความภาคภูมิใจได้แล้ว

ฉินหยุนเมื่อได้ยินเช่นนี้จึงตั้งมั่นว่าสักวันจะต้องหาทางคว้าเอาเคล็ดวิชาระดับลึกล้ำมาครอบครองให้ได้!

หยางฉีเย่ว์กล่าวขึ้น “นี่ก็หลายปีมาแล้วที่ไม่มีผู้ใดมีความสามารถเพียงพอได้รับเคล็ดวิชาระดับลึกล้ำมาครอบครอง”

นางนำหนังสือเล่มหนึ่งออกจากชั้นและส่งต่อให้ฉินหยุน “นี่คือก้าวอัคคีเมฆา เป็นเคล็ดวิชาเคลื่อนไหว ค่อนข้างเหมาะกับคนที่มีวิญญาณยุทธ์ไฟ”

นางค่อนข้างมีความรู้ความเข้าใจเคล็ดวิชายุทธ์จนสามารถแนะนำสิ่งที่เหมาะสมให้กับฉินหยุนได้

ในสถาบันยุทธ์ฮัวหลิง อาจารย์ไม่สามารถส่งต่อวิชายุทธ์ที่เหนือกว่าระดับวิญญาณแก่นักเรียนได้ เพราะนั่นจะเป็นการทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำจึงไม่อนุญาตให้กระทำ

วิชาหยางสีดำที่หยางฉีเย่ว์มอบให้ฉินหยุนวันก่อนก็ไม่ใช่วิชายุทธ์ระดับวิญญาณแต่อย่างใด เพราะแบบนั้นถึงไม่มีปัญหา

ไม่นานหลังจากนั้น หยางฉีเย่ว์ก็พบเคล็ดวิชาอีกหนึ่งเล่มก่อนส่งให้ฉินหยุนและกล่าวคำ “นี่คือหมัดอ่อนเปลวเพลิง คิดว่าเหมาะกับเจ้าไม่น้อย เอาไปศึกษาและจดจำให้ดี”

หลังได้รับตำรายุทธ์ทั้งสองเล่มเรียบร้อย นางก็ไม่ได้คิดเดินหาผ่านทางชั้นหนังสืออีก

หอแห่งนี้มีกฎอยู่ข้อหนึ่ง นั่นก็คือไม่อนุญาตให้นำตำราใดออกจากหอสมุดแห่งนี้ บุคคลที่ต้องการเคล็ดวิชาจำเป็นต้องจดจำเนื้อหาผ่านตำราโดยตรงและจดจำกลับไปเท่านั้น

ฉินหยุนจึงต้องเก็บตัวเงียบทำการจดจำเคล็ดวิชายุทธ์ระดับสูงทั้งสองให้ขึ้นใจ

ภายในตำราวิชายุทธ์ มีบันทึกที่จดไว้โดยบรรดารุ่นพี่หลงเหลือไว้ไม่ใช่น้อย นับว่าเป็นเคล็ดลับที่สำคัญยิ่งเช่นกัน

เหล่าตระกูลชั้นสูงที่เกี่ยวข้องกับวิชายุทธ์จำนวนไม่น้อยต้องการเข้าเป็นศิษย์ของสถาบันยุทธ์ก็เพราะคำอธิบายประกอบการฝึกฝนในตำราเหล่านี้ แม้เพียงเล็กน้อยมันก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาสามารถเชี่ยวชาญเคล็ดวิชาการฝึกฝนได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

สำหรับฉินหยุนแล้ว การจดจำทุกสิ่งอย่างใช้เวลาเพียงสี่ชั่วโมงเท่านั้น เมื่อเสร็จสิ้นเรียบร้อยดีแล้วเขาจึงออกจากหอวิชายุทธ์พร้อมกับหยางฉีเย่ว์

“อาจารย์ขอรับ ตอนอยู่ในหอวิชายุทธ์เหมือนอาจารย์จะระวังตัวมากเลย...” ฉินหยุนกระซิบถามหลังเดินออกจากหอเก็บตำราเรียบร้อยแล้ว

“หากมีการทำผิดพลาดขึ้นที่นั่น คนผู้นั้นจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปอีกซ้ำสอง ข้าก็ไม่เว้นเช่นเดียวกัน” หยางฉีเย่ว์กระซิบตอบกลับมา “หากไม่ใช่เพราะมีข้อกำหนดเข้มงวด ข้าคงส่งต่อเคล็ดวิชาที่มีให้เจ้าโดยตรงแล้ว”

วิชาส่วนใหญ่ของนางได้รับจากสถาบันยุทธ์เทียนเสวียน ดังนั้นนางจึงไม่สามารถสอนวิชาเหล่านั้นแก่ผู้อื่นได้

หากเป็นเคล็ดวิชาที่ได้รับจากสถาบันยุทธ์และระดับสูงจนเกินไป สิ่งนั้นจะไม่สามารถนำมาส่งต่อสู่นักเรียนของตนได้ เพราะจะเป็นการสร้างความเหลื่อมล้ำ นี่เป็นกฎของสถาบันยุทธ์แทบทุกแห่ง

เว้นเสียแต่ว่านางได้รับวิชายุทธ์มาจากแหล่งอื่น ถ้าแบบนั้นจึงสามารถส่งต่อให้ฉินหยุนได้อย่างไม่มีปัญหาแต่อย่างใด

หลังกลับมาที่บ้านพักในป่าไผ่ หยางฉีเย่ว์เริ่มทำการชี้แนะฉินหยุนถึงเคล็ดวิชาการฝึกฝนที่เขาเพิ่งได้รับมา

“ก้าวอัคคีเมฆา โดยหลักแล้วใช้งานเพื่อเสริมความร้อนพลังภายในธาตุไฟ มันจะทำให้เกิดความสามารถพิเศษอย่างลมร้อนปรากฏจากร่าง หลังเกิดลมร้อน ร่างจะยิ่งเบามากขึ้น เคยมีการกล่าวว่าหากสามารถสำเร็จถึงขั้นสมบูรณ์แบบ มันสามารถทำให้คนผู้หนึ่งเดินเหินบนอากาศได้เลยทีเดียว” หยางฉีเย่ว์กล่าวให้เขารับฟัง

“อาจารย์ขอรับ เคล็ดวิชายุทธ์เหล่านี้มีการประเมินระดับยังไง? ยิ่งเป็นวิชายุทธ์ระดับสูงยิ่งดีกว่าใช่หรือไม่?” ฉินหยุนยังคงไม่ค่อยเข้าใจเพราะสิ่งนี้เป็นเรื่องใหม่สำหรับตน

“เคล็ดวิชาการฝึกฝนพลังภายใน ยิ่งระดับสูงคือยิ่งดี! สำหรับวิชายุทธ์นั้นมันก็ต้องขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานด้วย ยิ่งสามารถปรับใช้ได้เท่าไหร่ มันก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น! การจะเชี่ยวชาญวิชายุทธ์ได้จะแบ่งออกเป็นขั้นต้น ขั้นกลาง ขั้นสูง ขั้นสมบูรณ์ และขั้นสมบูรณ์แบบ ผู้คนส่วนใหญ่เพียงเข้าถึงขั้นสูงได้ก็ดียิ่งแล้ว มีเพียงคนกลุ่มน้อยเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงขั้นสมบูรณ์ได้”

“สำหรับขั้นสมบูรณ์แบบ เป็นเพียงแค่คำเล่าลือเท่านั้น กระทั่งผู้สร้างวิชาเองยังไม่อาจสำเร็จถึงขั้นนั้นได้”

หยางฉีเย่ว์บรรยายถึงเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับวิชายุทธ์ให้ฟังอย่างตั้งใจ

“สำหรับการแบ่งแยกระดับวิชายุทธ์ สามารถประเมินได้ผ่านสองเกณฑ์”

“อย่างแรกคือผลกระทบแรกใช้งาน! เคล็ดวิชายุทธ์เมื่อใช้งานคือการใช้พลังปราณ ยิ่งวิชายุทธ์ระดับสูงเพียงใด พลังปราณที่ใช้ก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเป็นเงาตามตัวเท่านั้น”

“หากนำวิชายุทธ์ระดับวิญญาณและระดับสูงที่มีความเชี่ยวชาญขั้นเดียวกันมาเปรียบเทียบ ผลลัพธ์ที่ได้คือวิชายุทธ์ระดับวิญญาณสามารถปลดปล่อยพลังปราณที่แข็งแกร่งมากกว่าออกมาได้ หากเจ้าเรียนรู้เคล็ดวิชายุทธ์ระดับสูงจนถึงขั้นสมบูรณ์แบบได้ กรณีนั้นเจ้าสามารถเทียบเท่าวิชายุทธ์ระดับวิญญาณขั้นสูงได้”

“ขอบพระคุณอาจารย์ที่ตอบคำถาม!” ฉินหยุนพยักหน้ารับเป็นเชิงเข้าใจ

“ในเมื่อเจ้าสามารถฝึกฝนวิชาหยางสีดำจนถึงขั้นต้นได้แล้ว ข้าจึงประเมินได้ว่าความสามารถของเจ้าค่อนข้างสูงไม่น้อยเลยทีเดียว ความรู้ความเข้าใจวิชายุทธ์นั้นสำคัญเสียยิ่งกว่าเส้นวิญญาณหรือวิญญาณยุทธ์มากนัก เจ้าต้องเรียนรู้วิชายุทธ์ทั้งสองที่เพิ่งได้รับมานี้ด้วยตัวเองให้มากที่สุด”

หยางฉีเย่ว์กล่าวเสริม “ไว้ข้าจะไปสอบถามให้ว่าการประลองยุทธ์ราชสีห์สวรรค์จะเริ่มเมื่อใด”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด