ตอนที่แล้วตอนที่ 293 ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ได้ขาดแคลนสมบัติประจำชาติ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 295 องค์หญิง ท่านโง่หรือไม่ ?

ตอนที่ 294 หลอกลวงจากสมบัติอันมีค่าของเจ้า


ท่าทีของฮูหยินผู้เฒ่าตอนนี้ทำให้คังอี้รู้สึกสับสนมาก แม้แต่คนของคฤหาสน์เฟิงก็ยังสงสัย

ผ้าเช็ดหน้าที่ทำจากผ้าไหมตำหนักจันทรา ! ถึงแม้ว่ามันจะเป็นแค่ผ้าเช็ดหน้า แต่มันก็เป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด แต่ทำไมฮูหยินผู้เฒ่าถึงดูเหมือนไม่ค่อยพอใจ และนางก็ดูเหมือน... ไม่ชอบเลยแม้แต่น้อย

พวกเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าเฟิงหยูเฮงได้มอบชุดซึ่งทำจากผ้าไหมตำหนักจันทราให้กับนางก่อนหน้านนี้ ผ้าเช็ดหน้ากี่ผืนจึงจะสามารถนำมาเย็บเป็นชุดได้ ! ยิ่งกว่านั้นฮูหยินผู้เฒ่าได้ยินว่าฮ่องเต้ได้มอบผ้าไหมตำหนักจันทราให้รุ่ยเจีย 2 พับ  เหตุใดพวกเขาจึงตระหนี่มอบเพียงผ้าเช็ดหน้าให้นางเท่านั้น ?

แน่นอนว่าท่าทีที่ค่อยไม่มีความสุขของฮูหยินผู้เฒ่านั้นไม่ได้แสดงออกจนเห็นได้ชัด ในทันใดนั้นนางก็ฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว แต่รอยยิ้มบนใบหน้าของนางก็ไม่เหมือนเดิม นางพูดเบา ๆ ว่า “แขกผู้มีเกียรติมาเยี่ยม ท่านจะยืนอยู่เช่นนี้ได้อย่างไร เชิญนั่งก่อนเพคะ”

คังอี้รู้สึกเขินอายเล็กน้อย และนั่งลง ความสงสัยในใจของนางก็เพิ่มขึ้นอีก

สำหรับบางอย่างเช่นผ้าเช็ดหน้าที่ทำจากผ้าไหมตำหนักจันทรา ไม่ต้องพูดถึงฮูหยินผู้เฒ่าของครอบครัวขุนนางขั้นหนึ่ง แต่ถ้านางจะมอบให้พระสนมของฮ่องเต้ในพระราชวัง พวกเขาจะปฏิบัติต่อนางในฐานะแขกผู้มีเกียรติทันที ผ้าไหมตำหนักจันทราทำไมไม่มีผลเมื่อมาถึงคฤหาสน์เฟิง ? เริ่มจากงานเลี้ยงเมื่อวันก่อนคุณหนูรองของตระกูลเฟิง และคุณหนูสามทำท่าราวกับว่าพวกเขาได้รับผ้าเช็ดหน้าธรรมดาและไม่ตกใจเลย แต่เดิมนางเชื่อว่าพวกเขาเป็นเพียงเด็กเล็กที่ไม่เข้าใจคุณค่าของมัน แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้กับฮูหยินผู้เฒ่าของตระกูลเฟิงสามารถทำให้นางเริ่มคิดได้เท่านั้น

อย่างไรก็ตามไม่ว่านางจะคิดมากแค่ไหนนางก็ไม่สามารถเข้าใจเหตุผลได้ แต่มีบางคนที่มีความสุขที่จะเตือนนางเช่นเฟิงหยูเฮง “องค์หญิงใหญ่อย่าคิดมากเจ้าค่ะ ทุกคนรู้ถึงคุณค่าของผ้าไหมตำหนักจันทรา แต่อาจเป็นเพราะอาเฮงพึ่งมอบชุดที่ทำจากผ้าไหมตำหนักจันทราให้ท่านย่าเมื่อเช้านี้เพคะ ทำให้ท่านย่าไม่ค่อยตื่นเต้นที่ได้รับผ้าเช็ดหน้าเพคะ”

คังอี้ตกตะลึงไปชั่วครู่ เสื้อผ้าที่ทำจากผ้าไหมตำหนักจันทรา ? ต้องใช้ผ้ามากเท่าใด ? นางมอบมันให้กับฮูหยินผู้เฒ่าหรือ ?

ความสงสัยในใจของนางถูกถามโดยรุ่ยเจีย “องค์หญิงแห่งมณฑลจี่อันล้อเล่นหรือ เจ้ารู้ค่าของชุดที่ทำจากผ้าไหมตำหนักจันทราหรือไม่ ?”

เฟิงหยูเฮงยิ้ม และพูดว่า “แน่นอนข้ารู้เรื่องนี้ แต่ไม่คำนึงถึงค่าใช้จ่าย ในใจของอาเฮง มันไม่สำคัญเท่ากับการแสดงความกตัญญูต่อท่านย่า ตราบใดที่ท่านย่าชอบมันอาเฮงก็เต็มใจ ไม่ว่าราคาจะแพงแค่ไหน”

แม้แต่คังอี้ นางก็รู้สึกว่านางเสียหน้าที่นี่ แต่นางก็ยังพูดว่า "องค์หญิงแห่งมณฑลคงต้องใช้ผ้าทั้งหมดที่องค์หญิงมี ท่านฮูหยินผู้เฒ่ามีหลานสาวที่กตัญญูเช่นนี้ช่างโชคดีอย่างแท้จริง”

ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้าซ้ำ ๆ “นั่นเป็นเรื่องจริง หลานสาวคนนี้ ช่างเข้าใจและกตัญญูที่สุด”

เฟิงหยูเฮงยิ้ม และพูดว่า “ท่านย่าพูดเกินไปเจ้าค่ะ” จากนั้นนางมองรุ่ยเจียและดูเหมือนจะคุยกับนางอย่างเฉยเมย “ข้าไม่เคยไปฉียนโจวเลย ข้าได้ยินมาว่าที่นั่นมันปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งและหิมะตลอดทั้งปี ที่นั่นหนาวมากหรือไม่ ?”

รุ่ยเจียพยักหน้า พูดเสียงดัง “ใช่ ! เมืองหลวงของราชวงศ์ต้าชุนของเจ้านั้นอุ่นกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับเฉียนโจวของเรา ข้าได้ยินมาว่าพายุฤดูหนาวที่อ่อนแอถือเป็นหายนะแล้ว ฮ่า ๆ ๆ ข้าไม่กล้าคิดเรื่องนี้จริง ๆ ถ้าเจ้าไปที่เฉียนโจว มันคงจะแปลกถ้าเจ้าไม่ตาย”

“รุ่ยเจีย ระวังคำพูดด้วย” คังอี้เตือนนาง “เจ้าต้องรักษามารยาทเวลาพูด ดูสิ เจ้าพูดจาเช่นนี้ได้อย่างไร !”

ในที่สุดเฟิงจินหยวนก็พบว่ามีโอกาสที่จะพาตัวเองเข้าสู่วงสนทนา กล่าวว่า “มันช่วยไม่ได้ องค์หญิงรุ่ยเจียนั้นเป็นคนเปิดเผยและตรงไปตรงมา นางเป็นบุตรสาวของอาณาจักรที่มาจากทางเหนือ”

รุ่ยเจียหัวเราะคิกคักแล้วพูดกับเฟิงจินหยวน “ท่านเสนาบดีเป็นคนที่ปฏิบัติต่อรุ่ยเจียดีที่สุด”

อย่างไรก็ตามเฟิงหยูเฮงยังคงถามต่อไป “เฉียนโจวหนาวขนาดนั้นเลยหรือ แต่ข้าได้ยินมาว่ามันเป็นสถานที่ที่สวยงามมาก ข้าได้ยินมาว่ามีสุนัขจิ้งจอกชนิดหนึ่งทางภาคเหนือที่มีขนสีดำสนิท มันมีขนาดใหญ่และมีค่าอย่างยิ่ง มันมีอยู่จริงหรือไม่ ?”

นี่คือบางสิ่งที่ทำให้รุ่ยเจียให้ความสนใจอย่างมากขณะที่นางพูดอย่างรวดเร็ว “แน่นอน ! ท่านลุงของข้าล่ามาได้ตัวหนึ่งในปีนี้ ท่านลุงถลกหนังมันแล้วเอาขนของมันให้ข้า ข้ายังนำมันมาที่ราชวงศ์ต้าชุนด้วยและจะนำไปให้ช่างตัดเสื้อเพื่อทำเสื้อคลุมให้”

“โอ้” เฟิงหยูเฮงพยักหน้า “เสื้อคลุมที่ทำจากขนสุนัขจิ้งจอกเป็นสิ่งที่มีค่าอย่างแท้จริง”

เมื่อนางพูดสิ่งนี้ คังอี้เข้าใจทันทีว่านางหมายถึงอะไรและนางก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ นางคิดว่าองค์หญิงแห่งมณฑลจี่อันนี้มีความคิดที่ฉลาดเช่นนี้ตั้งแต่อายุยังน้อย

นางพูดอย่างรวดเร็ว “รุ่ยเจียอย่าพูดไร้สาระ สิ่งที่มีค่าเช่นนั้นจะกลายเป็นเสื้อคลุมให้เจ้าได้อย่างไร ก่อนที่เราจะมาที่คฤหาสน์เฟิง ข้าได้บอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือว่ามันจะถูกจัดเตรียมไว้เพื่อเป็นของกำนัลสำหรับฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลเฟิง ? เจ้าเอามาด้วยหรือไม่ ?”

รุ่ยเจียตื่นตกใจ นางไม่คิดอย่างแน่นอนว่ามารดาของนางจะทำแบบนี้ นั่นเป็นของนางอย่างชัดเจน ! เด็กหญิงตัวน้อยหน้ามุ่ยและกลอกตา แต่นางเห็นมารดาของนางมองอยู่ นางอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเพราะนางรู้ว่ามันเป็นเวลาที่นางต้องให้ความร่วมมือกับมารดาของนาง นางจึงพยักหน้า “ข้าเพียงแต่พูดเล่นกับองค์หญิงแห่งมณฑลเท่านั้น เสื้อคลุมตัวนั้นใหญ่มาก รุ่ยเจียจะสวมใส่ได้อย่างไร แน่นอนว่ามันเป็นของกำนัลสำหรับฮูหยินผู้เฒ่าของตระกูลเฟิง ตอนที่เราออกมาเมื่อเช้านี้ เราลืมเอามาเจ้าค่ะ”

คังอี้ถอนหายใจด้วยความโล่งใจ แต่นางส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้พูดว่า “เจ้า ! ข้าคิดแล้วว่าเจ้าจะต้องล้อเล่นเท่านั้น” จากนั้นนางแจ้งนางกำนัลคนหนึ่งของนางว่า “กลับไปที่ห้องพักแล้วนำมาที่คฤหาสน์เฟิง”

บ่าวรับใช้จึงคำนับอย่างรวดเร็ว

คังอี้จึงพูดกับฮูหยินผู้เฒ่า “เป็นเพราะลูกสาวของข้าที่ขาดความเข้าใจ ท่านฮูหยินผู้เฒ่าโปรดให้อภัยด้วย”

ฮูหยินผู้เฒ่าได้ยินว่านางจะได้รับสมบัติอีกอย่างหนึ่ง ดังนั้นนางจะเอาผิดได้อย่างไร ขณะนี้ใบหน้าของนางเปล่งประกายรอยยิ้มทันที “ไม่เป็นไร ทุกอย่างปกติดี เด็กชอบพูดเล่นเป็นเรื่องปกติ” ขณะที่นางพูดสิ่งนี้นางมองไปที่เฟิงหยูเฮง และนางรู้สึกขอบคุณ ฮูหยินผู้เฒ่าอยู่มาเกินกว่าครึ่งชีวิต ดังนั้นนางจึงเข้าใจเป็นธรรมดาว่าของขวัญชิ้นนี้เป็นสิ่งที่ได้มาเพราะเฟิงหยูเฮงพูดถึงมัน มิฉะนั้นองค์หญิงใหญ่ของเฉียนโจวจะมอบผ้าเช็ดหน้าให้นางเป็นของกำนัล

คังอี้ยิ้มอย่างดีใจที่ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ถือโทษ จากนั้นนางก็หันไปหาอันชิ, ฮันชิและจินเฉินเพื่อถามว่า “พวกเจ้าเป็นอนุของใต้เท้าเฟิงหรือ ?”

ทั้งสามยืนขึ้นเพื่อคุกเข่าอย่างรวดเร็ว โดยอันชิกล่าวว่า “พวกหม่อมฉันเป็นอนุของท่านพี่ หม่อมฉันรู้สึกเป็นเกียติที่องค์หญิงใหญ่ทรงสังเกตเห็น เราวิตกกังวลอย่างแท้จริงเพคะ”

คังอี้รู้ว่าสถานะของนางไม่ได้ทำให้นางมีพื้นที่มากพอที่จะพูดคุยกับพวกเขาได้ แต่สิ่งที่จะต้องพูดก็ยังคงถูกกล่าวว่า “ข้ามอบผ้าเช็ดหน้าให้องค์หญิงแห่งมณฑลจี่อันและคุณหนูสามแล้วเมื่อวานนี้ เช้านี้ข้ามอบให้คุณหนูสี่อีก 1 ผืน ข้าสงสัยว่าคุณหนูใหญ่อยู่ที่ไหนในตอนนี้” นางอดไม่ได้ที่จะหันมามองเฟิงจินหยวน “ทำไมข้าไม่เห็นคุณหนูใหญ่ล่ะ ? ข้าเตรียมผ้าเช็ดหน้าให้นางด้วย”

เฟิงจินหยวนรู้สึกอับอายเล็กน้อยในเรื่องนี้ แต่เมื่อเขาได้ยินคังอี้ถามถึงเฉินหยู เขาจึงโบกมือและพูดว่า "บุตรสาวคนโตของกระหม่อมไม่ค่อยสบายพะยะค่ะ นางพักอยู่ที่เรือนของนาง องค์หญิงใหญ่ไม่จำเป็นต้องสุภาพ การให้สิ่งที่มีค่าแก่นางนั้นเป็นการสิ้นเปลือง เอาเก็บไว้ให้องค์หญิงรุ่ยเจียจะดีกว่าพะยะค่ะ"

คราวนี้รุ่ยเจียกำลังทำความเข้าใจ และส่ายหน้าขณะพูดว่า “มันไม่ยากเลยที่จะรุ่ยเจียได้รับผ้าเช็ดหน้าที่ทำจากผ้าไหมตำหนักจันทรา สิ่งนี้ได้จัดเตรียมไว้ให้คุณหนูใหญ่ตระกูลเฟิง”

เมื่อเห็นว่าเฟิงจินหยวนมีปัญหาเล็กน้อย อันชิได้ริเริ่มที่จะพูดว่า “องค์หญิงใหญ่เลยเพคะ คุณหนูใหญ่ได้รับบาดเจ็บและไม่สามารถมาพบองค์หญิงได้เพคะ หม่อมฉันหวังว่าองค์หญิงใหญ่จะให้อภัยนาง สำหรับผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ องค์หญิงฝากไว้ที่ท่านฮูหยินผู้เฒ่าได้เพคะ เมื่อคุณหนูใหญ่ดีขึ้น ท่านฮูหยินผู้เฒ่าจะมอบให้นางเองเพคะ”

คังอี้คิดเล็กน้อยจากนั้นกล่าวว่า “ไม่เป็นไร ถ้าเช่นนั้นข้าจะฝากไว้ให้ท่านฮูหยินผู้เฒ่ามอบในนามของข้า !” หลังจากพูดอย่างนี้นางก็มอบผ้าเช็ดหน้าผืนสุดท้ายให้ฮูหยินผู้เฒ่า อย่างไรก็ตามในเวลานี้เสียงที่ดังมาจากข้างนอกซึ่งรบกวนทุกอย่าง

ท่าทางของเฟิงจินหยวนไม่ดีนัก เนื่องจากเขาด่าบ่าวรับใช้ที่อยู่ข้างเขาอย่างเงียบ ๆ “เสียงอะไร ? เจ้าไม่รู้หรอว่ามันคือวันอะไร ? ออกไปดูเร็ว !”

ก่อนที่บ่าวรับใช้จะออกไป ก็มีคนเดินเข้าไปในห้องโถง เด็กผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมบ่าวรับใช้ของนาง

เฟิงจินหยวนโกรธทันทีในขณะที่เขาตะโกนดัง ๆ “ใครปล่อยให้นางออกจากห้องมา ?”

กลุ่มบ่าวรับใช้ที่พยายามหยุดพวกเขาคุกเข่าอย่างรวดเร็วในขณะที่หญิงชรากล่าวว่า “ท่านใต้เท้า เราไม่สามารถหยุดได้เจ้าค่ะ ! คุณหนูใหญ่ถือกรรไกรและบอกว่าถ้าเราไม่ปล่อยนางเข้ามา นางจะเอากรรไกรแทงคอเจ้าค่ะ”

คนที่มาคือเฟิงเฉินหยู แม้ว่านางจะแต่งหน้าแล้ว แต่รอยแผลเป็นบนหน้าผากของนางก็ไม่ได้ถูกซ่อนไว้ และมันก็น่าตกใจมากที่เห็น

รุ่ยเจียตะลึงงันแล้วจึงพูดว่า “เจ้าเป็นคุณหนูใหญ่ของคฤหาสน์เหรอ ? ไม่ถูกต้อง ! ข้าได้ยินมาว่าคุณหนูใหญ่ของตระกูลเฟิงเป็นคนที่งดงามที่สุดในเมืองหลวง และบางคนถึงกับบอกว่านางเป็นคนที่งดงามที่สุดในราชวงศ์ต้าชุน เจ้า…” นางมองอย่างระมัดระวัง แม้ว่าเฉินหยูยังจะมีความสวยอยู่ แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะชดเชยกับเนื้อที่หายไปจากหน้าผากของนาง เพียงแค่มองมันก็ทำให้รุ่ยเจียรู้สึกคลื่นไส้ “นี่เป็นสาวงามได้อย่างไร การพูดว่านางเป็นคนที่อัปลักษณ์ที่สุดไม่ใช่การพูดเกินจริง”

เฟิงจินหยวนพูดอย่างรวดเร็ว “องค์หญิงกลัวใช่ไหมพะยะค่ะ ? บุตรสาวของกระหม่อมได้รับบาดเจ็บเมื่อไม่นานมานี้ ดังนั้นจึงไม่สามารถหลีกเลี่ยงความน่าเกลียดได้ กระหม่อมจะให้คนพานางกลับทันทีพะยะค่ะ องค์หญิงได้โปรดยกโทษให้กระหม่อมด้วยพะยะค่ะ” หลังจากพูดจบเขามองไปที่บ่าวรับใช้ "ทำไมเจ้าไม่พานางออกไป พานางไปเร็ว ! "

แต่เฟิงเฉินหยูมาถึงแล้ว ดังนั้นนางจะยอมออกไปง่าย ๆ ได้อย่างไร ขณะที่นางคว้าเสื้อคลุมของเฟิงจินหยวนและเริ่มร้องไห้ “ท่านพ่อไม่ต้องการเฉินหยูแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ ? วันนี้เป็นวันที่สองของปีใหม่ แต่ทำไมท่านพ่อไม่ปล่อยให้เฉินหยูออกมา ? เฉินหยูต้องการเฉลิมฉลองปีใหม่กับท่านพ่อ และต้องการคารวะท่านย่า ท่านพ่ออย่าโกรธที่เฉินหยูเลยนะเจ้าคะ เฉินหยูรู้ว่าตัวเองทำผิดและจะไม่ทำอีกอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ !”

เฟิงจินหยวนดึงเสื้อของเขาออกสองสามครั้ง แต่เขาก็ไม่สามารถดึงเสื้อผ้าให้หลุดจากมือของนางได้ เขาโกรธมากขึ้นในขณะที่เขาต้องการที่จะพูดออกมาอีกครั้ง อย่างไรก็ตามเขาพบว่าองค์หญิงคังอี้เข้ามาและถามเฟิงเฉินหยูอย่างใจเย็นว่า “เจ้าชื่อเฉินหยูหรือ ?”

เฟิงเฉินหยูตกใจและในที่สุดก็รู้ว่ามีแขกมาร่วมด้วย นางตกใจจนพูดไม่ออก ได้แต่พยักหน้า นางไตร่ตรองสักครู่แล้วถามว่า “เจ้าเป็นใคร ?”

คังอี้ไม่ตอบ นางยกมือขึ้นและซับเหงื่อที่หน้าผากของเฟิงเฉินหยูระหว่างการต่อสู้ จากนั้นนางวางผ้าเช็ดหน้าไว้ในมือของเฉินหยูว่า “ข้าเป็นองค์หญิงใหญ่ที่มาจากเฉียนโจว นี่คือผ้าเช็ดหน้าที่ทำจากผ้าไหมตำหนักจันทรา และเป็นของกำนัลสำหรับเจ้า”

“นี่…” เฟิงเฉินหยูตกตะลึงเล็กน้อย นางไม่เคยคิดเลยว่าคน ๆ นี้จะมาถึงคฤหาสน์

ฮูหยินผู้เฒ่าเห็นว่าการกระทำของเฟิงเฉินหยูตอนนี้นั้นไร้เหตุผลจริง ๆ แต่มันก็สายเกินไปที่จะไล่นางออกไป นางไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากจะย้อนกลับไป และพูดว่า “เมื่อเจ้ามาแล้วก็อยู่ต่อ อีกสักครู่เราจะรับประทานอาหาร จัดที่นั่งให้คุณหนูใหญ่เร็ว จะร้องไห้และโกรธในขณะที่ฉลองปีใหม่ได้อย่างไร”

เมื่อได้ยินว่านางสามารถอยู่ต่อได้ เฉินหยูหยุดกังวลกับองค์หญิงใหญ่ในทันที ด้วยความช่วยเหลือจากบ่าวรับใช้นางลุกขึ้นยืนอย่างไม่มั่นคง และแม้แต่เซียงเอ๋อที่มากับนางก็ยืนขึ้น ทั้งสองเดินไปที่เก้าอี้ ตัวสั่นด้วยความกลัวขณะที่พวกเขามองเฟิงจินหยวนเป็นครั้งคราวว่าเฟิงจินหยวนโกรธหรือไม่

คังอี้กลับไปที่ที่นั่งของตัวเองหลังจากเฉินหยูนั่งลง จากนั้นนางสังเกตเฉินหยูอย่างใกล้ชิดซักพักหนึ่ง และอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ “เจ้างดงามล่มเมือง ! คุณหนูใหญ่ เจ้ามีไฝที่ขากรรไกรล่างซ้ายตั้งแต่แรกเกิดเลยหรือ ?”

เฉินหยูไม่คิดจริง ๆ ว่าองค์หญิงจะถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ นางไม่ตอบแต่สัมผัสมัน จากนั้นนางก็พยักหน้า “ใช่เพคะ มีตั้งแต่เกิดเพคะ”

เมื่อได้ยินอย่างนี้ ตาคังอี้ก็เบิกกว้างทันทีเมื่อนางมองเฟิงเฉินหยูด้วยความประหลาดใจมากยิ่งขึ้น

TN: การเฉลิมฉลองปีใหม่ของจีนมักขยายจากวันก่อนวันปีใหม่ไปเป็นวันที่ 15 ของปีใหม่

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด