ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0011
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0013

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0012


ตอนที่ 12 : จารึก

“ตั้งใจฟังให้ดี ข้าจะอธิบายถึงวิธีการฝึกฝนพลังจิตเพื่อควบแน่นพลังวิญญาณหลังการตื่นรู้ของวิญญาณยุทธ์” หยางฉีเย่ว์เริ่มชั้นเรียนโดยทันที ทุกคนตอนนี้ต่างตั้งใจฟัง

หลังนางกล่าวจบ ทุกคนต่างเริ่มถามคำถามในจุดที่ยังไม่เข้าใจ

นักเรียนเหล่านี้มาจากตระกูลระดับสูง พื้นฐานพวกเขาดีเยี่ยม แต่กระนั้นก็ยังมีคนไม่เข้าใจอยู่ แต่หากมีการชี้แนะสักเล็กน้อย พวกเขาก็สามารถเข้าใจได้ในแทบทันทีเช่นกัน

หลังจากบรรดานักเรียนเอ่ยถามข้อสงสัยหมดสิ้น หยางฉีเย่ว์จึงเริ่มการสอนต่อ “ในเมื่อไม่มีปัญหาอื่นในการฝึกฝนพลังวิญญาณแล้ว ข้าจะเริ่มพูดถึงประเด็นหลักของการฝึกฝนพลังภายในและวิธีการฝึกจิต!”

มีเพียงการตื่นรู้วิญญาณยุทธ์แล้วเท่านั้นถึงสามารถเริ่มการฝึกจิตได้ การฝึกจิตคือวิธีการหลักในการมุ่งเน้นฝึกกำลังภายใน มันคือพื้นฐานสำคัญสำหรับการฝึกตน มันสามารถหนุนเสริมได้ทั้งวิญญาณยุทธ์ พลังปราณ และนำไปสู่การฝึกฝนพลังปราณที่ครอบครองคุณลักษณะ

วิชายุทธ์จะช่วยให้สามารถปลดปล่อยพลังธาตุภายในได้ วิชายุทธ์ที่ดีจะช่วยให้แสดงผลลัพธ์ของพลังธาตุได้เป็นอย่างดี ซึ่งก็จะตามมาด้วยทำให้วิชายุทธ์แข็งแกร่งมากขึ้น

ทั้งเคล็ดวิชายุทธ์และวิชาการฝึกพลังจิตเรียกโดยรวมว่าวิชายุทธ์ พวกมันแบ่งออกเป็นระดับต้น ระดับกลาง และระดับสูง เหล่านี้คือระดับพื้นฐานทั่วไป เหนือไปกว่านั้นคือสิ่งที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเช่น วิญญาณ ลึกล้ำ และโลกา แต่ละระดับเหล่านี้แบ่งออกภายในอีกเป็นขั้นต่ำและขั้นสูง

หลังจากหยางฉีเย่ว์เอ่ยโดยสรุปให้ฟังเรียบร้อย นางจึงเริ่มเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ถามคำถามในส่วนที่ไม่เข้าใจ

ขณะที่นางเห็นว่าฉินหยุนยกมือขึ้นจึงเอ่ยถาม “ฉินหยุน มีปัญหาตรงไหนหรือ?”

ฉินหยุนกล่าวอึกอัก “อาจารย์ คือข้าไม่มีวิชายุทธ์เพื่อฝึกพลังจิต แบบนี้ควรทำอย่างไรดี”

วิชาการฝึกพลังจิตค่อนข้างสำคัญมาก เพียงหลังจากพลังปราณเกิดการควบแน่น สมควรเป็นทางตระกูลต้นสังกัดที่สอนเรื่องนี้แก่เขา!

ที่ต้องเป็นดังนั้นก็เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้เยาว์ที่มีพื้นฐานไม่มั่นคงจากการฝึกฝนเกิดอาการบ้าคลั่ง ผลลัพธ์ดังกล่าวอาจนำไปสู่หายนะได้

การก้าวข้ามขอบเขตของฉินหยุนค่อนข้างมุทะลุ เขาไม่มีเวลาศึกษาวิชาการฝึกพลังจิตจากราชวงศ์เทียนฉินเลยแม้สักครู่

เมื่อบรรดานักเรียนได้ห้องได้ยินเช่นนี้ พวกเขาล้วนระเบิดเสียงหัวเราะกันออกมา

“ราชวงศ์เทียนฉินถือครองวิชายุทธ์ฝึกฝนพลังจิตที่ล้ำเลิศนัก น่าเสียดาย เจ้านี่กลับไม่มีชะตาได้พบพาน”

“หากไม่มีวิชายุทธ์ใดเช่นนี้ ก็สมควรแล้วที่จะถูกมองว่าเป็นคนพิการ!”

“ไอ้ย่ะ น่าเวทนานัก มีเส้นวิญญาณเพียงหนึ่งไม่พอ คราวนี้ถึงกับไม่มีวิชายุทธ์ฝึกพลังจิตเสียอย่างนั้น!”

“วิชายุทธ์ฝึกพลังจิตไม่สามารถสอนต่อคนนอก มันเป็นไปไม่ได้แล้วที่จะได้รับวิชายุทธ์ฝึกพลังจิตที่ดีในยามนี้”

“หากไม่มีวิชายุทธ์ใดเลย เช่นนั้นเขาจะเป็นอย่างไร?”

ผู้คนต่างยินดีสนทนาถึงเรื่องนี้กันออกรสออกชาติขยี้ปมฉินหยุน

ฉินหยุนรู้สึกทุกข์ใจไม่น้อย เขากำลังก้มศีรษะลงเพื่อคิดหาวิธีแก้ไขเรื่องนี้

แต่ทันใดนั้นเอง สายลมหอมพัดวูบเข้ามา หยางฉีเย่ว์เดินมาถึงข้างกายเขา ส่งตำราให้เล่มหนึ่ง

“นี่คือวิชาหยางสีดำ เป็นวิชายุทธ์ฝึกพลังจิตระดับสูง แต่ข้าให้เจ้าหยิบยืมเพียงระยะเริ่มต้นเท่านั้น หลังมีพละกำลังด้วยตัวเองแล้ว เจ้าค่อยหาที่ดีกว่านี้ เมื่อคุ้นชินกับมันเรียบร้อยให้ส่งกลับคืนข้า”

“ขอบคุณท่านอาจารย์! ข้าจะฝึกฝนมันเป็นอย่างดี!” ฉินหยุนเร่งรีบลุกขึ้นยืนกล่าวขอบคุณยกใหญ่

ผู้อื่นเอาแต่เย้ยหยันเขา มีเพียงหยางฉีเย่ว์ที่ช่วยเหลือเขา เพียงเรื่องนี้ก็ทำให้เขาแทบร้องไห้ออกมาด้วยความยินดีแล้ว

วิชายุทธ์ฝึกพลังจิตระดับสูงเรียกได้ว่าค่อนข้างดีไม่น้อย แต่นักเรียนผู้อื่นไม่คิดเช่นนั้น นี่เป็นเพราะวิชายุทธ์ฝึกพลังจิตของพวกเขาอย่างมากก็เป็นเพียงระดับต่ำ

เรื่องนี้ถึงกับเรียกความริษยาไม่น้อยมุ่งเป้าไปยังฉินหยุนเพราะได้รับความสนใจจากหยางฉีเย่ว์

“กลับไปที่หอพักแล้วพักผ่อนกันเสีย พรุ่งนี้เช้าให้เข้าร่วมการแข่งขั้นเด็กใหม่ด้วย” เมื่อกล่าวจบคำ หยางฉีเย่ว์จึงเดินออกจากชั้นเรียนไป

* * *

หอพักของนักเรียนอยู่ทางตะวันออกของบ้านพักอาจารย์ ถึงจะเรียกว่าหอพัก กระนั้นก็เป็นที่พักซึ่งแยกเป็นหลังอย่างอิสระต่อกัน อีกทั้งยังดูสะดวกสบายและมีสภาพแวดล้อมเงียบสงบ

ฉินหยุนถูกจัดแจงให้มาอยู่ในบ้านพักขนาดสิบคนร่วมกับนักเรียนอีกสี่คนจากชั้นเรียนเดียวกัน ไม่นานหลังจากนักเรียนทั้งสี่เข้ามาในบ้านหลังเล็ก พวกเขาก็ถูกเรียกตัวกันออกไป

“นี่ก็ค่อนข้างเย็นแล้ว พวกเขาออกไปทำอะไรกันนะ?” ฉินหยุนมองนักเรียนทั้งสี่คนเดินจากไปและพูดกับตนเอง ตอนนี้ในบ้านจึงเหลือเขาเพียงคนเดียว

เมื่อเดินมาสำรวจห้องของตน เขาเลือกที่จะนั่งลงบนที่นอน หลับตาลง และนึกย้อนถึงสิ่งที่หยางฉีเย่ว์สอนและทบทวน จากนั้นจึงค่อยนำสร้อยข้อมือเก้าไข่มุกออกมาทำการดูดซับพลังวิญญาณของเก้าตะวัน

“พลังวิญญาณภายในสถาบันยุทธ์ฮัวหลิงหนาแน่นมาก!” หลังทำการดูดซับพลังวิญญาณ ฉินหยุนอดไม่ได้ที่จะร้องอุทานออกมาและกล่าวชื่นชม จากนั้นจึงค่อยเริ่มการฝึกฝนพลังจิต

หลังทำการตื่นรู้วิญญาณยุทธ์ ตอนนี้เขาสามารถฝึกฝนพลังจิตได้แล้ว

พลังจิตจะเพิ่มขอบเขตการรับรู้ มันสามารถสัมผัสได้ถึงทุกสิ่งโดยรอบโดยไม่จำเป็นต้องมอง จะเรียกว่าเป็นการสร้างเค้าร่างในใจก็ไม่ผิด

สำหรับผู้ที่มีพลังจิตแข็งแกร่ง การรับรู้ของพวกเขาก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นไปด้วย

ที่ชั้นเรียน หยางฉีเย่ว์ได้อธิบายลงรายละเอียดถึงประเด็นสำคัญของการฝึกฝนพลังจิต ตราบเท่าที่ไม่ใช่คนโง่จนเกินเยียวยา คนผู้นั้นย่อมสามารถฝึกฝนได้

ไม่นานหลังจากนั้น ฉินหยุนก็เริ่มฝึกพลังจิตโดยการก่อเป็นบอลลูกเล็กและเก็บมันเอาไว้ในใจ

หลังหลับตาลง เขาปลดปล่อยพลังจิตออก จากนั้นเขาจึงสามารถสัมผัสทุกสิ่งอย่างภายในระยะหนึ่งเมตรรอบตัวได้ ทว่ามันยังคงพล่าเลือน ไม่ได้กระจ่างชัดเท่าใดนัก

“พลังจิตหลุดการควบคุม? เกิดอะไรขึ้นกัน?” ฉินหยุนตระหนักได้ ด้วยสาเหตุบางอย่าง เขาไม่ทราบว่าทำไมพลังจิตฉับพลันถึงหลุดจากการควบคุมและไหลเข้าสู่สร้อยข้อมือเก้าไข่มุก

เขาเพียงสัมผัสได้บางเบาถึงแรงสั่นภายในศีรษะก่อนพื้นที่ว่างเปล่าปรากฏขึ้นในใจ พร้อมกันนี้ เขายังได้รับเส้นสายข้อมูลหนึ่ง เป็นการบอกให้เขารับรู้นามของสร้อยข้อมือนี้ วิญญาณเทวะเก้าตะวัน!

“นี่คือมิติเก็บของ?” ฉินหยุนอุทานอย่างแตกตื่นแล้ว

ไม่เพียงสร้อยวิญญาณเทวะเก้าตะวันนี้สามารถดูดซับพลังวิญญาณเก้าตะวันได้ มันกระทั่งสามารถมีมิติเก็บของร่วมด้วย การค้นพบอย่างปุบปับนี้ทำให้เขารู้สึกยินดีเกินจะกล่าวแล้ว

อุปกรณ์วิญญาณสำหรับจัดเก็บสิ่งของมีราคาสูง อย่างน้อยก็หลายล้านเหรียญผลึก อีกทั้งยังไม่ใช่สิ่งที่ง่ายซื้อหา

“มิติเก็บของนี้ขนาดราวห้องหนึ่ง ไม่ใช่เล่นเลย” ฉินหยุนพิจารณาสำรวจพื้นที่เก็บของ ในอนาคตเขาสามารถนำสิ่งใดก็ได้มาเก็บเอาไว้ภายในนี้

“หือ? ม้วนตำราไผ่?” หลังนำกระเป๋าของตนใส่ในมิติเก็บของ เขาจึงได้เห็นตำราไผ่สามม้วนวางเอาไว้ที่มุมหนึ่ง

ม้วนตำราไผ่เป็นวัตถุโบราณยิ่ง ทุกวันนี้ไม่มีการจัดทำขึ้นอีกแล้ว ที่ใช้กันทุกวันนี้คือแผ่นกระดาษ

เพียงคิด ม้วนตำราไผ่ทั้งสามจึงปรากฏในมือเขา

เพียงเห็นเนื้อหาเล็กน้อย ฉินหยุนอดไม่ได้จนร้องอุทานแผ่วเบา “ผังวิญญาณ!”

เขาเร่งร้อนเปิดตำราอีกสองเล่มที่เหลือ หลังพิจารณาให้ดี เขายิ่งมายิ่งอึ้งทึ่งกับเนื้อหาภายใน!

“สามสิบหกผังวิญญาณ สิบแปดผังลึกล้ำ และเก้าผังเต๋า!”

ฉินหยุนสูดลมหายใจเข้าลึกพยายามสงบจิตสงบใจ

ผังวิญญาณ ลึกล้ำ และเต๋า ทั้งหมดนี้คือจารึกโบราณที่ผู้ฝึกตนใช้เพื่อสำรวจทองฟ้ายามค่ำคืน ดวงดาว ดวงตะวัน ดวงจันทร์ และการเคลื่อนไหวของดวงจันทร์เพื่อทำความเข้าใจถึงความลึกลับมากมายจนเกิดเป็นลวดลายที่ลึกล้ำ

หลังทำเข้าใจความลึกล้ำของสิ่งที่มีแต่โบราณกาล พวกเขาได้จารึกพวกมันเป็นผังวิญญาณบนอาวุธและชุดเกราะ เป็นผลให้พวกมันแข็งแกร่งมากขึ้น นับแต่นั้น อุปกรณ์วิญญาณทั้งหมดทุกประเภทจึงได้รับความสามารถอันลึกลับ พวกมันถูกใช้งานเพื่อก่อร่างสร้างพื้นฐานความแข็งแกร่งและเสริมศักยภาพของผู้คน

ผังวิญญาณใช้เพื่อขัดเกลาอาวุธวิญญาณ ทางด้านผังลึกล้ำนั้นใช้งานเพื่อขัดเกลากับอาวุธระดับลึกล้ำ ส่วนผังเต๋า พวกมันใช้เพื่อสร้างขึ้นเป็นอาวุธเต๋า มันคืออาวุธที่ทรงพลังมากที่สุดของมหาวิถีแห่งเต๋า

อาจกล่าวได้ว่ากระทั่งจักรวรรดิเทียนฉินยังไม่เคยมีอุปกรณ์ระดับเต๋าปรากฏขึ้นมาก่อน!

ผังวิญญาณ ผังลึกล้ำ และผังเต๋า พวกมันถูกรู้จักในนามผังวิญญาณที่ใช้เพื่อควบคุมพลังอำนาจ การจารึกมีการส่งถ่ายกันมารุ่นสู่รุ่น ผู้คนเหล่านั้นล้วนมีพื้นฐานการจารึกผังวิญญาณจนมีชื่อเสียงโด่งดัง

“นี่เราถึงกับได้รับผังวิญญาณอันล้ำค่าและหายากมากมายถึงเพียงนี้ เราจะได้เป็นปรมาจารย์จารึกที่แข็งแกร่ง!” ฉินหยุนลอบยินดีอยู่ภายใน “เรื่องนี้ต้องเป็นความลับ หากผู้อื่นรู้ว่าเราครอบครองผังลึกล้ำและผังเต๋า ได้เกิดศึกนองเลือดขึ้นแน่”

ผู้คนมากมายไม่ได้มีโอกาสเรียนรู้วิธีการจารึกผังวิญญาณ และแม้แต่ขั้วอำนาจยิ่งใหญ่ยังคาดหวังที่จะมีโอกาสได้ฝึกฝนการจารึกผังวิญญาณอันล้ำค่าเหล่านี้!

ตอนนี้ ฉินหยุนได้รับม้วนตำราทั้งสาม นี่คือโอกาสที่เขาจะได้เป็นปรมาจารย์ด้านการจารึก หากเป็นก่อนหน้านี้ เขาคงไม่มีทางคาดหวังในสิ่งยิ่งใหญ่เช่นนี้แน่นอน

ปรมาจารย์จารึกมีความสามารถในการขัดเกลาอาวุธและติดตั้งผังวิญญาณลงไป พวกเขาเหล่านั้นล้วนเป็นที่นับหน้าถือตาเสียยิ่งกว่าผู้ฝึกตนที่ทรงพลังด้วยซ้ำ

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด