ตอนที่แล้วเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0005
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0007

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0006


ตอนที่ 6 : อาจารย์สาวงาม

“องค์ชายซึ่งไม่อาจเข้าถึงขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่สี่ด้วยอายุสิบปีห้า จำต้องเข้าร่วมกองทัพและถูกส่งตัวไปยังชายแดน!” ใบหน้าของจักรพรรดินียังคงเผยซึ่งความเย็นเยียบขณะจ้องมองกินเลือดเนื้อที่ฉินหยุน นางประกาศกร้าว “ฉินหยุน เจ้ายืนตรงนี้หาอะไร? ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”

ฉินหยุนยังคงสงบใจขณะยืนข้างพรมแดง เขาเพียงมองเหมือนเรื่องนี้หาได้เกี่ยวข้องกับตนไม่ หลังได้ยินคำถามจากจักรพรรดินี เขาเพียงยิ้มเล็กน้อยและตอบกลับ “โอ้ เช่นนั้นคงน่าเสียดายแล้ว ตัวข้านั้นเพิ่งเข้าสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่สี่พอดีเสียนี่ เช่นนั้นข้าก็ไม่จำเป็นต้องยืนบนพรมโสโครกนั่น! เอ้าเริ่มพิธีกันได้แล้ว! เริ่มเลย!”

ยามเมื่อคำพูดนี้ออกจากปาก ผู้คนต่างแตกตื่นโกลาหล!

ทุกคนล้วนทราบว่าฉินหยุนกลายเป็นคนพิการตั้งแต่เมื่อห้าปีก่อนแล้ว

เพียงไม่กี่วันก่อน เขาเพิ่งเข้าถึงขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่สามและทำร้ายฉินเทียนอี้จนบาดเจ็บหนัก ข่าวคราวเรื่องนี้กระจายทั่วอย่างไม่อาจปิดบัง มันเพียงพอที่จะสร้างความแตกตื่นให้ทั่วทั้งเมืองหลวงแล้ว

แต่พอวันนี้ หลังผ่านไปเพียงแค่สิบวัน เขากลับเข้าถึงขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่สี่!

ความเร็วในการฝึกฝนเช่นนี้เกินกว่าจะเชื่อได้!

“โป้ปดเพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าร่วมกองทัพคืออาชญากรรมร้ายแรง!”

จักรพรรดินีหาได้เชื่อคำพูดของฉินหยุนไม่ สายตาของนางยังคงเย็นเยือกขณะเผยเจตนาฆ่าฟันพร้อมแค่นเสียงดังให้ได้ยิน “เช่นนั้นจงมายืนต่อหน้าข้า!”

“ข้าฝึกฝนพลังธาตุเป็นที่เรียบร้อย ข้าตอนนี้คือผู้ฝึกตนขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่สี่แล้ว!”

ฉินหยุนผายฝ่ามือออกพร้อมปล่อยหมอกที่เป็นประกายกระจายในอากาศให้เห็น

พลังปราณเริ่มหลุดลอยออกมาและเรืองแสง สิ่งนี้คือการแสดงถึงว่าพลังปราณได้เกิดการควบแน่นขึ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มีเพียงเพราะพลังปราณที่ควบแน่นเป็นพลังธาตุเรียบร้อยแล้วจึงทำเช่นนี้ได้

ฉินหยุนปัจจุบันมีชีพจรวิญญาณเพียงหนึ่งตะวัน แต่แล้วเขากลับสามารถเข้าถึงขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่สี่ได้ทันอายุสิบห้า!

ใบหน้าทุกคนที่รวมตัวกันอยู่ที่นี้ต่างตื่นตะลึง ความสงสัยกระจายทั่ว พวกเขาอดไม่ได้จนสนทนากันอย่างออกรส

ใบหน้าของจักรพรรดินีต้องแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย น้ำเสียงนั้นคล้ายตระหนักได้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร “เจ้าต้องใช้ปาหี่อะไรสักอย่างหลีกเลี่ยงการเข้าร่วมกองทัพแน่ นี่ก็เพียงแค่พลังปราณที่หลุดลอยออกมาเท่านั้น พวกเจ้าจงไปตามอาจารย์จากสถาบันยุทธ์ฮัวหลิงมาที่นี่ พวกเขาอยู่บริเวณลานทางทิศใต้”

ดูเหมือนการส่งฉินหยุนเข้ากองทัพจะมีเบื้องลึกเบื้องหลัง ตราบเท่าที่เขาเป็นคนของกองทัพแล้ว พวกเขาสามารถลอบสังหารอีกฝ่ายได้ตามใจนึก ทว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นตรงหน้าตอนนี้ทำให้นางไม่อาจรับได้ว่าเป็นจริง

ทหารอารักขาเร่งรีบวิ่งไปบริเวณลานทางทิศใต้เพื่อเชื้อเชิญอาจารย์ของสถาบันยุทธ์ฮัวหลิง

ฉินหยุนยังคงสงบ ทั้งหมดนี้ก็เพราะเขามั่นใจถึงพลังธาตุภายในที่ผ่านการควบแน่น เขาคือขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่สี่ของจริง เขาไม่จำเป็นต้องใส่ใจหรือกังวลแต่อย่างใดไม่

“เรียนองค์จักรพรรดินี... อาจารย์จากสถาบันยุทธ์ฮัวหลิงค่อนข้างยุ่งมากขอรับ” ทหารอารักขาเร่งรีบเดินเข้ามากล่าวเสียงเบา

หางตาของนางอดไม่ได้ที่จะกระตุก นางถึงกับต้องสะกดความพิโรธภายใน นางในตอนนี้ยังไม่อาจพูดกล่าวอะไรได้ สถาบันยุทธ์ฮัวหลิงนั้นแข็งแกร่งยิ่ง พวกเขาไม่หวาดเกรงพลังอำนาจของราชวังแห่งจักรวรรดิแม้แต่น้อย

“งั้นเป็นพวกเราไปทางนั้น!” จักรพรรดินีรับสั่งด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

“ย่อมได้ ข้าอยากเข้าร่วมสถาบันยุทธ์ฮัวหลิงอยู่พอดี!” ฉินหยุนเพียงยิ้มรับ เขาเองก็เตรียมการเข้าร่วมสถาบันยุทธ์ฮัวหลิงอยู่ก่อนแต่แรกแล้ว

ยามเมื่อจักรพรรดินีได้ยินดังนั้น นางยิ่งมายิ่งเคร่งเครียด

หากฉินหยุนเข้าร่วมสถาบันยุทธ์ฮัวหลิง อนาคตภายภาคหน้าไม่มีผู้ใดทราบแล้ว มันอาจเป็นอันตรายร้ายแรงต่อนางได้

* * *

บริเวณทางทิศใต้ของลานกว้างแห่งพระราชวังหลวง ผู้คนรวมตัวกันหนาแน่นอีกทั้งยังตั้งแถวเรียงยาว

ผู้คนที่มารวมตัวกันบริเวณนี้ล้วนเพื่อลงทะเบียน ทั้งหมดเป็นศิษย์ของสำนักที่มีชื่อเสียง ทั้งชายหนุ่มหล่อเหลา หญิงสาวที่งดงาม พวกเขาทั้งหมดล้วนสวมใส่ชุดมูลค่าสูงกันทั้งสิ้น นอกจากนี้ใบหน้าของพวกเขายังเต็มไปด้วยความอหังการถึงความเป็นบุตรธิดาขุนนางใหญ่

ชั่วขณะที่ฉินหยุนมาถึง เขาได้เห็นฉินเทียนอี้ที่ใบหน้าปูดบวมเป็นหมูโดนทุบยืนอยู่

ยามเมื่อจักรพรรดินีพบเห็นฉินเทียนอี้ ใบหน้าของนางยิ่งเย็นเยือกกว่าครั้งใด นางในตอนนี้มีความแค้นภายในอกสุมอยู่แน่น

บุตรชายคนสุดท้องของนาง ฉินเทียนอี้คือผู้มีพรสวรรค์พอสมควร แต่แล้วใบหน้านั้นกลับปูดบวมเป็นที่ขบขันเพราะฉินหยุนกระทำ นอกจากนี้ยังต้องสูญเสียเม็ดยาปราณวิญญาณถึงสิบห้าเม็ด เรื่องราวทั้งหมดนี้เพียงพอให้เขากลายเป็นตัวตลกประจำวังหลวงแล้ว

สิ่งหนึ่งที่ยิ่งสุมไฟโทสะนางให้แรงขึ้นคือหากฉินหยุนเข้าถึงขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่สี่จริง มันก็ต้องเป็นเพราะได้รับพลังมหาศาลจากเม็ดยาวิญญาณจึงทำให้สามารถก้าวข้ามขอบเขตมาได้ ด้วยจำนวนมากถึงสิบห้าที่ฉกชิงจากบุตรชายของนาง เรื่องนี้จะกลายเป็นบุตรชายนางส่งเสริมให้ฉินหยุนแล้ว!

หยวนหยานหยิงเองก็อยู่ที่นี่ นางตอนนี้สวมใส่ชุดสีน้ำเงินเข้มงดงาม ด้วยวัยที่ยังเยาว์นั้นยิ่งขับเน้นให้นางดูสูงศักดิ์ นางตอนนี้กำลังคุยอย่างออกรสสุขสันต์กับผู้อื่น แต่แล้วเมื่อเห็นฉินหยุน สีหน้าของนางเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย นางไม่กล้าหันมองมาทางเขา

สิบวันก่อน นางเชื่อมั่นว่าฉินหยุนไม่มีทางฝ่าขอบเขตได้ทันเวลาจึงบอกให้เขามอบเม็ดยาแก่ฉินเทียนอี้ แต่แล้วตอนนี้ ฉินหยุนกลับฝ่าขอบเขตสู่ระดับที่สี่ได้จนสำเร็จ

ทหารอารักขาเดินเข้ามากระซิบแจ้งต่อจักรพรรดินี “พวกเขาแจ้งว่าต้องให้ฉินหยุนต่อคิวตามปกติขอรับ หากเขาก้าวเข้าสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่สี่จริง เขาก็มีคุณสมบัติครบถ้วนในการเข้าร่วมสถาบันยุทธ์ฮัวหลิงขอรับ”

เมื่อฉินหยุนได้ยินดังนั้น เขาเร่งรีบก้าวเดินออกไป

มีอาจารย์สิบคนมาที่นี่เพื่อรับสมัครคัดเลือกนักเรียน ที่ต้องตามากที่สุดเห็นจะเป็นอาจารย์หญิงสาวนางหนึ่งที่ไว้ผมยาวและมีผ้าคลุมไหล่พร้อมชุดสีขาวงดงาม

อาจารย์หญิงท่านนี้งดงามยิ่ง ทว่าใบหน้านั้นเย็นเยียบ ชัดเจนว่านางต้องเป็นอาจารย์ที่เข้มงวดมากท่านหนึ่ง

มหาอุปราชก็เป็นหญิงสาว ฉินหยุนรู้สึกอดไม่ได้ที่จะมองอาจารย์ที่เป็นหญิงสาว เขาก้าวเดินเข้าหาทางด้านของนางเพื่อทำการลงทะเบียน

ข้าราชบริพารเฒ่าเร่งรีบวิ่งเข้ามา

เมื่อทราบว่าฉินหยุนฝึกฝนพลังธาตุเป็นที่เรียบร้อย พวกเขาล้วนแห่แหนกันมา

ฉินหยุนยิ่งมายิ่งโกรธแค้นเมื่อเห็นเหล่าข้าราชบริพารเฒ่าเข้ามารุมล้อม เขาสาบานกับตัวเองในใจว่ายามเมื่อในอนาคตแข็งแกร่งขึ้น เขาจะให้เฒ่าชราพวกนี้ต้องจ่ายค่าชดใช้อย่างสาสม

ทั้งจักรพรรดินีและข้าราชบริพารระดับสูงทั้งหมดล้วนเผยสีหน้ามืดมนขณะเดินเข้าหาข้างกายของอาจารย์หญิงท่านนั้น จากนั้นจึงคล้ายรอคอยผลลัพธ์

อาจารย์หญิงท่านนั้นเพียงดำเนินการทดสอบเรียบง่ายต่อนักเรียนที่เข้ามาลงทะเบียน

แม้นางถูกจับตามอง แต่หาได้นำพาให้นางหันมองผู้จับตามองนางไม่ นางเพียงเมินเฉยต่อกลุ่มขั้วพลังอำนาจของพระราชวังหลวงเป็นอากาศธาตุ

อึดใจถัดมา ถึงคราวฉินหยุนโดนเรียกเข้าไปสอบถาม เขานั้นเมื่อยืนต่อหน้าจึงทำการสำรวจมองอาจารย์ผู้งดงามท่านนี้

ใบหน้าของนางนั้นคล้ายเปล่งประกายระยิบระยับ ผิวหนังขาวราวหยกแก้ว รูปลักษณ์ของนางสวยอย่างสมบูรณ์แบบไม่อาจหาที่ติ ยามเมื่อนางมอง ท่าทีนั้นเย็นชาและจริงจัง ความเย็นชาและทะนงตนของนางเกิดขึ้นเพราะธรรมชาติบ่มเพาะขึ้น ยามสายลมบางเบาพัดผ่าน เส้นผมไหวเล็กน้อย ด้วยท่าทีเย็นชา มั่นใจในตนเอง และความงดงามไม่อาจหาที่ใดเปรียบของนาง มันทำให้นางดูสูงศักดิ์ยิ่งกว่าผู้ใด

ฉินหยุนเองก็อดไม่ได้ที่จะหลงชื่นชมแม่นางผู้นี้ ท่ามกลางบรรดาหญิงงามทั้งหมดที่เขาพบเจอมา มีเพียงมหาอุปราชที่ทัดเทียมกับแม่นางตรงหน้าได้!

อาจารย์หญิงท่านนี้มีป้ายชื่อเสียงเรียงนามประดับไว้หน้าโต๊ะพร้อมคำแนะนำตัวเล็กน้อยเขียนไว้

“หยางฉีเย่ว์ อายุยี่สิบสาม ถือกำเนิดพร้อมชีพจรหกตะวัน ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้า เป็นนักเรียนที่โดดเด่นที่สุดของสถาบัน!”

เมื่อได้อ่านถ้อยคำแนะนำตัวของอาจารย์หญิงงามตรงหน้า ฉินหยุนยิ่งอึ้งทึ่ง!

ปัจจุบันนางถือครองขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้าด้วยอายุเพียงยี่สิบ! หากนางก้าวข้ามขอบเขตได้ ถึงตอนนั้นนางจะเข้าสู่อีกขอบเขตหนึ่งอย่างสิ้นเชิง ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า!

ถึงตอนนั้น นางจะได้เป็นผู้เข้าถึงมหาวิถีแห่งเต๋าของผู้ฝึกตน!

สิ่งหนึ่งที่ควรทราบคือในพระราชวังหลวงแห่งนี้ กับแม่ทัพที่อหังการ หรือแม้กระทั่งข้าราชบริพารเฒ่าที่ชอบรังแกผู้เยาว์ทั้งที่ช่วงอายุเจ็ดสิบถึงแปดสิบแล้ว พวกเขาเหล่านั้นล้วนอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่แปดหรือไม่ก็เก้ากันเท่านั้น

นอกจากนี้ยังมีสถาบันยุทธ์เทียนเสวียนที่มีตัวตนน่าพรั่นพรึงยิ่งกว่าสถาบันยุทธ์ฮัวหลิง สถาบันนั้นเต็มไปด้วยความลึกลับ มีเพียงผู้ได้รับการยอมรับและมีพรสวรรค์เหนือผู้ใดจึงสามารถเข้าร่วม

หยางฉีเย่ว์ปัจจุบันอยู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่เก้าทั้งที่อายุยังเยาว์ แต่นางกลับมีสถานะเป็นอาจารย์ร่วมด้วย เรื่องนี้สร้างความสับสนให้ผู้พบเห็นได้ไม่มากก็น้อยจริง ๆ

“ต่อไป!”

ในที่สุดก็ถึงคราวฉินหยุน

จักรพรรดินี ข้าราชบริพารเฒ่า และผู้คนจากตระกูลขุนนางจำนวนมากล้วนให้ความสนใจทางด้านนี้แทบพร้อมกันเมื่อเห็นฉินหยุนถูกเรียกตัว

ไม่ว่าฉินหยุนจะครอบครองขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่สี่จริงหรือไม่ ผลลัพธ์นั้นอีกไม่ช้าจะกระจ่างแล้ว

หยางฉีเย่ว์เอ่ยเสียงเบา “ฉินหยุน?”

ฉินหยุนตอบรับด้วยน้ำเสียงที่ทั้งไม่เบาและไม่ดังมากจนเกินไป “ข้าคือฉินหยุน! ข้าฝึกฝนพลังธาตุสำเร็จและเข้าถึงขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่สี่เรียบร้อยแล้ว ข้าต้องการเข้าร่วมสถาบันยุทธ์ฮัวหลิงเพื่อทำการฝึกฝน ข้าหวังว่าอาจารย์หยางจะสามารถชี้แนะข้าได้!”

หยางฉีเย่ว์ได้ยินเสียงเล่าลือนามฉินหยุนนี้นานมากแล้ว นางยิ่งมายิ่งสงสัยว่าชายตรงหน้านางปัจจุบันเข้าถึงขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่สี่แล้วจริงหรือไม่

5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด