ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0002 [อ่านฟรี]

เทพราชันเก้าตะวัน ตอนที่ 0001 [อ่านฟรี]


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

สารบัญ ARK [จบแล้ว]

••••••••••••••••••••

ตอนที่ 1 : องค์ชายผู้สิ้นหวัง

เมื่อครั้งเบิกโลก แผ่นดินยังคงมืดและเย็นเยียบ

ผ่านไปนานนับ ดวงตะวันสุกสว่างทั้งเก้าถือกำเนิดและค้างสูงในท้องฟ้า แสงสว่างอันเจิดจ้าของของเก้าดวงตะวันสาดส่องสู่ผืนโลกและให้กำเนิดพลังวิญญาณเก้าตะวัน

พลังวิญญาณได้หล่อเลี้ยงสวรรค์และผืนโลกเป็นเวลาหลายล้านปี หล่อเลี้ยงสรรพชีวิตและก่อเกิดขึ้นเป็นแดนสวรรค์เก้าตะวันอันลึกลับ

และไม่ทราบเมื่อใดกัน ที่มนุษย์ได้บังเกิดขึ้นในแดนเก้าตะวัน พวกเขาเริ่มทำความเข้าใจสวรรค์แห่งเต๋า เริ่มสอดส่องสวรรค์ และสร้างวิชาอันลึกล้ำขึ้น พวกเขาได้ดูดซับพลังวิญญาณเก้าตะวันสู่ความร้อนแรงแก่ร่างกายและขัดเกลาจิต พวกเขาฝึกฝนเพื่อให้ได้รับพลังแห่งสวรรค์ และจนกระทั่งได้กลายเป็นจ้าวแห่งสรรพชีวิตและวิญญาณของแดนสวรรค์เก้าตะวัน

จักรวรรดิเทียนฉิน พระราชวังหลวง

ยามค่ำคืน พระราชวังหลวงยังคงส่องแสงสุกสว่าง กลุ่มควันและดอกไม้ไฟเป็นประกายในอากาศส่งผลให้แสงสีดูงดงาม ตำหนักน้อยใหญ่กว่าพันแห่งกระจายทั่วทั้งพระราชวัง นี่คืองานเฉลิมฉลององค์ชายรัชทายาทพระองค์ใหม่

บริเวณทางทิศใต้ของพระราชวัง ในกระท่อมเก่าที่ซอมซ่อ

เหนือกระท่อมเล็กจ้อยแห่งนั้น เด็กหนุ่มกำลังขมวดคิ้วเล็กน้อยมองไปยังดอกไม้ไฟงดงามยามค่ำคืน ดวงตาของเขาวิบวับไปมา ราวกับเขานึกย้อนถึงเหตุการณ์ครั้งอดีต...

เด็กหนุ่มนามฉินหยุน ปีนี้เขาอายุได้สิบห้าปีแล้ว บิดาของเขาคือจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิเทียนฉิน มารดาของเขาคืออดีตจักรพรรดินี ทว่าสิ้นพระชนม์ไปแล้วหลายปีนัก

เขาเป็นถึงองค์ชายรัชทายาท แต่กลับโดนเหยียดหยามและถูกถอดถอนตำแหน่งเมื่อห้าปีก่อน!

ห้าปีก่อน องค์ชายรัชทายาทถูกกล่าวหาว่าฝึกฝนวิชามาร ถูกตีตราเป็นผู้ฝึกตนสายมาร กล่าวหาว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญวิชามารระดับต้องห้าม!

เมื่อข่าวลือนี้แพร่กระจาย เรื่องราวใหญ่โตเกิดขึ้น ผู้คนในจักรวรรดิระส่ำระสาย

เพื่อปกป้องตนเอง มหาอุปราชที่เคยฝึกสอนเขาหลบหนีจากราชวังและหายไปที่ใดไม่มีผู้ใดทราบ

นับจากนั้น ข้าราชบริพารเฒ่าชราได้ร่วมกันสอบถามถึงเรื่องราวต่อจักรพรรดิ เพื่อถอดถอนองค์ชายรัชทายาทที่ได้รับการฝึกฝนโดยมหาอุปราชตั้งแต่ยังเยาว์ นี่หมายความว่าการฝึกฝนวิชามารนี้เกิดขึ้นในทางลับมานานยิ่ง นอกจากนี้พวกเขาเหล่านั้นยังเอ่ยถามต่อองค์จักรพรรดิ ถึงการแต่งตั้งจักรพรรดินีพระองค์ใหม่เพื่อเปลี่ยนตำแหน่งองค์ชายรัชทายาทและฟื้นคืนเกียรติของจักรวรรดิ

องค์จักรพรรดิโดนกดดันจากเหล่าข้าราชบริพารเฒ่า พระองค์จึงตัดสินใจกระทำอย่างที่ได้รับคำกล่าว ผลลัพธ์ ตำแหน่งองค์ชายรัชทายาทของฉินหยุนถูกเพิกถอน

ทว่าข้าราชบริพารเฒ่าทั้งหลายเหล่านั้นยังไม่คิดพอใจแต่เพียงเท่านั้น พวกเขาเกรงว่าฉินหยุนจะสั่งสมความแค้น ฝึกฝนวิชามารเป็นการลับเพิ่มพูนพลังอำนาจและแสวงการแก้แค้นพวกเขาในอนาคต

ด้วยความหวั่นเกรง พวกเขากล่าวคำ ‘ฆ่าก่อนแล้วค่อยถาม’ ต่อฉินหยุนที่อายุเพียงสิบขวบ บีบบังคับให้แยกชีพจรวิญญาณสี่ในห้าของเขาออกจากร่าง

ฉินหยุนถือกำเนิดขึ้นพร้อมห้าชีพจรวิญญาณ นับเป็นพรสวรรค์หายากนักในวิถียุทธ์แห่งเต๋า หลังถูกลิดลอนชีพจรวิญญาณออกถึงสี่ ตอนนี้จึงเหลือเพียงแค่หนึ่ง

องค์ชายรัชทายาทอัจฉริยะกลายเป็นองค์ชายธรรมดาเพียงข้ามคืน!

เพื่อฝึกฝนวิชายุทธ์ ชีพจรวิญญาณคือสิ่งสำคัญอย่างหาที่สุดมิได้!

ยิ่งครอบครองชีพจรวิญญาณมากเพียงใด มันหมายถึงพลังงานวิญญาณที่สามารถรับรู้ได้มากขึ้น รวดเร็วขึ้น และควบแน่นได้ดีขึ้น รวมถึงการดูดกลืน มันจะยิ่งรวดเร็วและลื่นไหล นับเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการฝึกฝนอย่างยิ่ง

เดิมฉินหยุนมีห้าชีพจรวิญญาณ จำนวนดังกล่าวนับเป็นพรสวรรค์หาได้ยากยิ่ง เขาสามารถสัมผัสถึงพลังงานวิญญาณของดวงตะวันทั้งห้า หลังโดนกระทำอย่างโหดเหี้ยมลิดรอนชีพจรวิญญาณออกถึงสี่ ตอนนี้เหลือชีพจรวิญญาณเพียงหนึ่ง เขาสามารถสัมผัสถึงพลังงานวิญญาณจากเพียงหนึ่งดวงตะวัน ไม่ว่าเขาจะพยายามเพียงใดในอนาคต เขาจะไม่มีทางได้กลายเป็นผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่ง

“พวกแกสมคบคิดกันจัดฉากข้าและพี่สาวมหาอุปราช ไม่เพียงแต่ขโมยตำแหน่งองค์ชายรัชทายาทข้าไป ซ้ำยังทำลายชีพจรวิญญาณ ตัดหนทางแห่งการฝึกฝนวรยุทธ์ของข้า ความเกลียดชังครั้งนี้ไม่มีทางได้รับอภัย! หากฉินหยุนผู้นี้สำเร็จการฝึกฝน ขอสาบานว่าจะถอนรากถอนโคนพวกแกด้วยพลังอำนาจที่มี!” ฉินหยุนสาบานกับตัวเองภายในใจ เขาต้องตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้เพราะเหล่าข้าราชบริพารเฒ่าที่ต่ำช้าและเลวทราม

“จักรพรรดินี องค์ชายรัชทายาท อย่าได้คิดว่าข้าไม่รู้เรื่องพวกแกเป็นตัวการของเรื่องนี้! ไม่เพียงเอาข้าออกจากตำแหน่งองค์ชายรัชทายาท ยังถึงกับทำลายชีพจรวิญญาณข้า ตัดหนทางข้าสู่การฝึกฝนวรยุทธ์ ความแค้นใหญ่หลวงครั้งนี้ข้าจะค่อย ๆ ขอสะสางจากพวกเจ้า!”

ครั้งหนึ่งฉินหยุนครอบครองห้าชีพจรวิญญาณ อีกทั้งยังเป็นถึงองค์ชายรัชทายาท เขามั่นใจว่าตนจะได้กลายเป็นยอดยุทธ์ในอนาคต ประสบการณ์อันกว้างใหญ่ และแดนอ้างว้างแห่งเก้าดวงตะวันรอคอยเขาอยู่ เขาไม่เคยมองตำแหน่งองค์ชายรัชทายาทในสายตา เพราะการครอบครองพลังหมายถึงทุกสิ่ง!

เมื่อลงจากหลังคา เขาสวมใส่เครื่องถ่วงน้ำหนักทำด้วยมือและเริ่มการฝึกฝนในช่วงหัวค่ำ

ตัวเขาสวมใส่เครื่องถ่วงน้ำหนักหลายอย่าง รวมกันแล้วหนักเกินกว่าสี่ร้อยจินเสียอีก นับตั้งแต่ที่เขาเหลือชีพจรวิญญาณเพียงหนึ่ง เขาก็ยิ่งห่างไกลจากการดูดกลืนพลังงานวิญญาณ การขัดเกลาร่างกายเป็นไปได้ยากยิ่ง เพราะแบบนั้น วิธีเดียวที่เขาสามารถฝึกฝนได้คือกำลังกาย

*ผู้แปล : จินเป็นหน่วยชั่งของจีน โดย 1 จิน = 0.5 กิโลกรัม*

“เราต้องแข็งแกร่งขึ้น โชคชะตาของเรา เราจะกำหนดมันด้วยมือของตัวเอง!” เขาสาบานเช่นนี้ต่ออุปกรณ์สวมใส่หนักอึ้งหลายร้อยกิโลกรัมและฝึกฝนชุดวิชาหมัดวิญญาณพยัคฆ์

วิชาหมัดนี้เขาต้องประหยัดอดออมอย่างหนักเพื่อซื้อหามา แม้จะเป็นของระดับต่ำ แต่มันก็สามารถขัดเกลาร่างกาย และบางครั้งก็ดูดพลังงานวิญญาณได้

ในช่วงห้าปีมานี้ เพื่อหาทางเปลี่ยนโชคชะตา ฉินหยุนต้องทนทุกข์ยากต่อการโดนเหยียดหยามรุนแรงเพื่อให้ได้รับมาซึ่งพลัง ทุกวันและทุกค่ำคืน เขาจะฝึกฝนอย่างฝืนต่อความเจ็บปวดและไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค...

ดอกไม้ไฟยังคงยิงออกอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งถึงกลางดึก ห้วงอากาศด้านบนเหนือพระราชวังยามนี้เต็มไปด้วยกลุ่มควันและกลิ่นผงดินปืน

ฉินหยุนหมดแรง แม้การฝึกทั้งวันและคืนจะยากเย็น แต่เขาก็ยังรู้สึกได้ถึงพละกำลังที่เพิ่มมากขึ้น สิ่งนี้คือแรงใจให้เขาเดินหน้าไปต่อ!

“เหนื่อยจริง แต่อย่างน้อยก็มั่นใจว่ามันได้ผล วันนี้คงต้องพอแค่นี้ก่อน”

เมื่อเดินไปยังบ่อน้ำและกำลังจะตักชำระกายตนเองอยู่นั้น ชายชราคนหนึ่งพลันเดินเข้ามาใกล้อย่างกะทันหัน

ชายชราคนนี้คือหัวหน้าแม่ทัพแห่งราชวัง

“แม่ทัพใหญ่หวัง มีเรื่องอะไรหรือ?” ฉินหยุนเร่งเอ่ยถามเมื่อเห็นชายชรา

“องค์ชายห้า!” แม่ทัพหวังเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง

เมื่อฉินหยุนได้เห็นสีหน้าของแม่ทัพหวัง เขาจึงเปลี่ยนคำเป็นจริงจังขึ้นมา “รับพระราชบัญชา!”

“องค์จักรพรรดิมีรับสั่งให้สิบวันนับแต่นี้ องค์ชายผู้ใดที่ไม่อาจเลื่อนสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่สี่ได้ จะต้องเข้าร่วมกองทัพและถูกส่งตัวไปยังชายแดนเพื่อต่อสู้กับทัพมนุษย์อสูร” แม่ทัพหวังเผยสีหน้ามัวหมองยิ่งขึ้น ร่องรอยของความขื่นขมปรากฏในดวงตา

เมื่อฉินหยุนได้ยินถ้อยคำ สีหน้าเขาอดไม่ได้จนแปรเปลี่ยน ร่างกายถึงกับสั่นเทิ้ม หมัดนั้นกำแน่นจนแทบได้ยินเสียงกระดูกแตก

องค์ชายที่ล้มเหลวการก้าวขึ้นสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่สี่แม้อายุสิบห้าปี จะถูกมองเป็นผู้ไร้ประสิทธิภาพต่อวิถียุทธ์แห่งเต๋า...

ด้วยการมีองค์ชายมากหน้าหลายตา จะเป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากร หากพวกเขาส่งองค์ชายเหล่านั้นเข้าร่วมกองทัพ เช่นนั้นหากได้รับชัยชนะขึ้นมาจะส่งผลเรียกขวัญกำลังใจต่อประชากรและทัพทหาร พวกเขาเหล่านั้นจะได้รับความปรารถนาดีจากพลเมืองของจักรวรรดิเช่นกัน

ด้วยขอบเขตกายวรยุทธ์ทั้งเก้าระดับ สามระดับแรกคือการฝึกฝนพลังภายใน หากมีชีพจรวิญญาณไม่เพียงพอ มันจะเป็นเรื่องยากต่อการสัมผัสถึงพลังวิญญาณตะวัน และยังส่งผลต่อเส้นทางแห่งการฝึกฝน

ฉินหยุนเวลานี้มีชีพจรวิญญาณเพียงหนึ่ง เขาจึงสัมผัสถึงพลังวิญญาณจากเก้าตะวันได้เพียงหนึ่ง มันคือเหตุผลหลักที่ทำให้การฝึกฝนของเขาเป็นไปอย่างเชื่องช้า! หากเป็นผู้อื่น พวกเขาเหล่านั้นคงยอมแพ้ต่อวิถียุทธ์ไปแล้ว มีเพียงแต่เขาที่กล้ำกลืนความขื่นขมนี้และเดินหน้าต่อ!

“หากหลบหนีตอนนี้ และหากโดนจับได้ โทษคือตายสถานเดียว...”

ฉินหยุนพึมพำกับตัวเอง หลังจากนั้นแม่ทัพหวังกล่าวคำใดเขาไม่รับรู้อีก กระทั่งไม่ทราบว่าแม่ทัพหวังจากไปเมื่อใด

เขาเพียงยืนเหม่อลอย จิตใจว่างเปล่า ราวกับร่วงหล่นสู่หลุมไร้ก้นเย็นเยียบที่จำต้องดิ้นรนอยู่ตลอด ความรู้สึกที่ไร้ความช่วยเหลือใดบังเกิด เป็นผลให้เขารู้สึกสิ้นหวัง...

ยามเมื่อเขาอายุสิบขวบ ตอนนั้นเขายังเป็นเพียงเด็กคนหนึ่ง ชีพจรวิญญาณจำนวนถึงสี่ถูกพรากเอาไปโดยกลุ่มข้าราชบริพารโฉดชั่วและนางสนมเหล่านั้นที่เป็นประหนึ่งงูพิษ ในตอนนั้นไม่มีผู้ใดยื่นมือเข้าช่วยเหลือเขาเลยแม้สักคน

นับแต่ตอนนั้น เขาให้สัญญากับตนเอง ไม่ว่าจะต้องทุกข์ทรมานเพียงใด เขาจะอดทน ต้องแข็งแกร่งยิ่งขึ้นกว่านี้!

หนทางเดียวคือต้องแข็งแกร่งขึ้นเพื่อไม่ให้ถูกรังแก เพื่อไม่ได้ถูกฉกชิงทุกสิ่งอย่าง เพื่อไม่ให้สิ้นหวังยามต้องทุกข์ยาก!

แต่ในตอนนี้ ความปรารถนาของเขากลับเลือนลาง เป็นอีกครั้งที่เขากำลังจะโดนกลืนกิน มันทำให้เขารู้สึกเหมือนย้อนเวลากลับไปเมื่อห้าปีที่แล้ว ตอนที่ชีพจรวิญญาณถูกพรากเอาไป มันเป็นความเจ็บปวดเหลือคนานับ...

ตลอดห้าปีที่ผ่านมา ในเขตพระราชวัง เขาต้องโดนเหยียดหยามทุกหนทางที่ผู้คนคิดกระทำได้ และไม่ว่าต้องพบเจอความยากลำบากเพียงใด เขาก็ไม่เคยคิดยอมแพ้ต่อการฝึกฝนในวิถียุทธ์แห่งเต๋า!

หลังผ่านการฝึกอันขื่นขมและรวดร้าว ท้ายที่สุดเขาก็ได้เห็นแสงแห่งความหวัง!

ในที่สุดเขาก็ก้าวขึ้นสู่ขอบเขตกายวรยุทธ์ระดับที่สอง!

ในคราวนั้น น้ำตาที่อุ่นจนร้อนของเขาต้องหลั่งออกจากดวงตา การฝึกฝนอันโหดร้ายต่อตนเองในที่สุดก็ได้รับการตอบแทน!

นับแต่นั้น เขายิ่งมั่นใจว่าตราบเท่าที่พยายามหนักมากพอ วันหนึ่งเขาจะได้กลายเป็นผู้ฝึกตนวิถียุทธ์แห่งเต๋า และอาจได้เปลี่ยนโชคชะตาของตน!

แต่แล้ว ณ ตอนนี้ เขากำลังเผชิญกับสถานการณ์บีบบังคับให้เข้าร่วมกองทัพเพื่อต่อสู้กับเหล่ามนุษย์อสูรที่โหดเหี้ยม เรื่องนี้ชัดเจนยิ่งกว่าสิ่งใด มันมีเพียงความตายที่รอคอย วิถียุทธ์แห่งเต๋าของเขากำลังจะจบลงที่ตรงนี้!

4 14 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด