ตอนที่แล้วบทที่ 182 - ทุกๆคนคือผู้พิทักษ์ (8) [27-07-2019]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 184 - เส้นทางที่ฉันเลือกเดิน (1) [01-08-2019]

บทที่ 183 - ทุกๆคนคือผู้พิทักษ์ (9) [30-07-2019]


บทที่ 183 - ทุกๆคนคือผู้พิทักษ์ (9)”

 

ในตอนที่กำลังจะเกิดมหาภัยพิบัติขั้นที่ 3 ขึ้นมานี้เอิลต้าไม่ได้อยากจะแยกออกไปเลย แต่ว่าเธอก็ปล่อยผ่านการเลื่อนตำแหน่งครั้งนี้ไปไม่ได้ นอกไปจากนี้หากเธอกลับมาพร้อมกับคลาส 6 เขาก็น่าจะช่วยยูอิลฮานได้มากขึ้นด้วยนี่

"ถึงแม้ว่าต่อให้เธอมีคลาส 6 ฉันก็ไม่คิดว่าเธอจะช่วยฉันได้อยู่ดี แต่ถึงอยู่ที่นี่ก็ช่วยไม่ได้เหมือนกันนั่นแหละ ดังนั้นไม่ต้องห่วงหรอกน่า"

[นายส่งฉันได้เยี่ยมไปเลย! นายจะทำแบบนี้จริงๆสินะ?] (เอิลต้า)

เอิลต้าได้บ่นออกมา แต่ว่าเพราะความจริงนี้ทำให้เอิลต้าผ่อนคลายขึ้นมาได้หน่อยๆ

[เลียร่าระหว่างฉันไม่อยู่ก็ฝากด้วยนะ ฉันจะรีบกลับมา] (เอิลต้า)

[อ๊า เธอไม่ต้องกลับมาก็ได้นะ ฉันจะได้อยู่กับอิลฮานอย่างสงบสุขตลอดไป เธอแค่เตรียมของขวัญมาให้เราก็พอแล้ว] (เลียร่า)

[อย่าได้คิดเรื่องนั้นเลย ฉันจะกลับมาในทันทีที่ฉันเลื่อนขั้นแน่นอน!] (เอิลต้า)

ยังไงก็ตามในทันทีที่เอิลต้าแยกไปแล้ว สเปียร่าก็ยังเกาหัวพร้อมกางปีกออกมา ในที่สุดยูอิลฮานก็สังเกตุเห็นได้วางวงแหวนบนหัวของเธอกำลังสั่นและกระพริบไม่หยุดอยู่

[สองปีนานไปแล้วสินะ... ดูเหมือนว่าพวกนั้นจะเข้ามาใกล้แล้ว ยูอิลฮานขอโทษนะทั้งๆที่ฉันทำพันธะสัญญากับนายแล้ว แต่ว่าดูเหมือนว่าฉันจะต้องไปแล้วเหมือนกัน] (สเปียร่า)

ยูอิลฮานได้จบด้วยการยิ้มออกมา

"โอเค ถ้างั้นก็ไปเถอะ แล้วก็อย่ารีบซื้อไอติมตอนขากลับมาด้วยนะ"

[ทำไมตลอดเลย...] (เลียร่า)

[อย่างแรกเลยตอนที่ฉันขึ้นไปฉันจะไประดมพลทูตสวรรค์ทั้งหมดก่อน ฉันหวังว่าเราจะจัดการกวาดล้างคนทรยศทั้งหมดได้นะ....] (สเปียร่า)

เพราะแบบนี้สเปียร่าก็ได้จากไปแล้ว คฤหาสน์ที่ใหญ่อยู่แล้วได้รู้สึกยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีก หลังจากที่ยูอิลฮานอยู่กับสเปียร่าสองปีจนคุ้นเคยกับเธอเหมือนเธอมีตัวตนอยู่รอบๆเขาเป็นปกติแล้ว การที่เธอจากไปแบบนี้ได้ทำให้เขารู้สึกเศร้านิดๆ แต่ถึงแบบนั้นก็ยังมีคนหนึ่งที่ยังอยู่

"แล้วเธอล่ะเลียร่า?"

[ต่อให้ฉันตายฉันก็จะอยู่ข้างๆนาย] (เลียร่า)

ถ้างั้นแสดงว่าเธอค่อนข้างจะอิสระงัง้นสินะ? มันไม่มีทางที่เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงแน่นอน วงแหวนบนหัวของเธอก็ยังส่งสัญญาณออกมาไม่หยุดอยู่เลย ถึงแม้ว่าท่าทางเธอจะไม่ได้แสดงให้เห็นออกมาแต่ตัวเธอคือทูตสวรรค์คลาส 6 เชียวนะ ในตอนนี้เธอมีตำแหน่งที่สูงไม่ใช่แค่ในด้านพลังแล้ว แต่เป็นในระบบอำนาจและการทำงานของสวรรค์

แม้ว่าหน้าที่หลักของเธอจะเป็นทูตสวรรค์ผู้พิทักษ์ แต่ก็ไม่มีางที่เธอจะไม่มีงานอื่นเลยทั้งๆที่ทิ้งงานไปตลอด 2 ปีแน่ เอาล่ะถ้ามันเป็นแบบนี้...

"เธอจะไปตอบกลับวงแหวนนั่นหน่อยหรอ?" (คิมเยซอล)

"เลียร่า...?"

[อ่ะ] (เลียร่า)

เมื่อทุกๆคนต่างก็จ้องไปที่วงแหวนที่ส่องแสงไม่หยุดบนหัวเธอ เลียร่าก็ได้คว้ามันมาหักครึ่งไปทันที

[นี่ไง ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรเรียกแล้ว] (เลียร่า)

"นี่จะไม่เป็นไร!?"

[มันก็เหมือนกับการปิดมันไง] (เลียร่า)

"นั่นมันไม่ได้เหมือนการปิดเลยนะ!? เธอเพิ่งจะพังมันไปต่างหาก"

เลียร่าไม่ได้ตอบกลับแต่เข้ามาใกล้เขาแทน

[ฉันไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นภายในระยะเวลานี้เลย ดังนั้นฉันจะต้องอยู่ข้างๆนายตลอดเวลา ฉันจะไม่มีทางทิ้งนายไป นี่ก็คือภารกิจในฐานะของทูตสวรรค์ผู้พิทักษ์ของฉัน] (เลียร่า)

"..."

ยูอิลฮานได้พูดไม่ออกไป ในเวลาเดียวกันทูตสวรรค์คนอื่นๆมักจะบ่นว่าทำไมพวกเธอกลับกันไปไม่ได้ในตอนที่พวกเขามาบนโลก แต่บางทีเลียร่าน่าจะคิดต่างไปจากคนอื่นๆ

ไม่ว่ายังไงก็ตามความสัมพันธ์ของพวกเขาก็อยู่มามากกว่าพันปี ยูอิลฮานไม่มั่นใจในความสัมพันธ์ของเขากับคนอื่นๆ แต่หากเป็นเลียร่าเขารู้ว่าเธอปฏิบัติกับเขาเป็นพิเศษ ในเรื่องนี้เขาก็รู้สึกขอบคุณเธอเช่นกัน

[อ่า ค่อยรู้สึกดีขึ้นหน่อยที่เสียงเรียกหายไปแล้ว] (เลียร่า)

"...ถ้างั้นก็ทำตามใจเธอเถอะ แล้วเรื่องเสียงเรียกจากสวรรค์จะทำยังไงล่ะ"

[อ่า ฉันตั้งโหมดไม่อยู่เอาไว้ไงล่ะ!]

"โหมดไม่อยู่!?"

เธอได้หัวเราะออกมาเบาๆ แต่ว่านี่มันคือการตัดสินใจของตัวเธอเองดังนั้นยูอิลฮานจึงเคารพเธอ จริงๆแล้วเขาก็รู้สึกดีที่เธออยู่ข้างๆด้วย

ยังไงก็ตามยูอิลฮานได้ปล่อยให้เธอเข้ามาเกาะโดยไม่ผลักเธอออกไป ในตอนนี้เองคิมเยซอลที่อยู่ข้างๆได้ดวงตาเป็นประกายขึ้นมา

"แม่ แม่"

"... ผมรู้ว่าแม่คิดอะไรอยู่แต่ว่าไม่ใช่แบบนั้นครับ พวกเราก็เหมือนพี่น้องกัน"

"แม่ไม่เห็นจะจำได้เลยนะว่ามีแม่ลูกสาวสวยแบบนี้ ถึงแบบนั้นแม่ชอบนะถ้าได้เธอมาเป็นลูกสะใภ้น่ะ!"

"ผมก็บอกแล้วไงไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ชอบลูกแม่ไง!"

ยูอิลฮานได้ปฏิเสธออกมาแต่ดูแม่ของเขาจะไม่เชื่อเลย สำหรับเธอแล้วหากใครสวยและมีความสามารถก็มีศักยภาพที่จะมาเป็นลูกสะใภ้ของเธอแล้ว ไม่ว่าคนๆนั้นจะเป็นสิ่งมีชีวิตขั้นสูงหรืออะไรก็ตามที! ไม่ใช่แค่เธอเท่านั้นแต่นายูนากับคังมิเรย์ก็ยังเบิกต้ากว้างออกมา ยูอิลฮานได้ส่ายหัวปฏิเสธในสิ่งที่พวกเธอคิดแต่ว่านายูนาได้บ่นออกมาเบาๆ

"คนทรยศ"

"ไม่มีทาง"

เธอเรียกใครกันนะ...? ยูอิลฮานได้คิดเรื่องไร้ประโยชน์นี้และลุกขึ้นมา

"ในเมื่อเรามีเป้าหมายแล้ว ตอนนี้ก็ไปจัดการงานกันเถอะ"

"งั้นพ่อก็จะไปทำลายวงเวทย์กับเราด้วยหรอ?"

"ไม่หรอก น่าเสียดายนะที่ไม่ใช่กับลูก"

ยูอิลฮานได้ส่ายหัวออกมา

"ถ้าเราไม่ด้วยกันทั้งหมดจะไม่มีประสิทธิภาพ พวกเราจะต้องแบ่งงานกันทำ"

แม้ว่าเขาจะมีพรรคพวกมากมาย แต่ว่าความคิดของเขาก็ยังเป็นตัวคนเดียวอยู แน่นอนว่านี่ก็เป็นการตัดสินใจที่สมเหตุสมผลในด้านประสิทธิภาพ

"ถ้างั้นผมจะต้องแยกกับพ่ออีกแล้ว?"

"ไม่ต้องห่วงหรอกน่า เราไม่ได้แยกกันตลอดซะหน่อยนี้ อีกไม่นานเราก็จะมาได้เจอกันอีกแล้ว"

"แต่ถึงแบบนั้น..."

ยูมิลได้เริ่มใกล้จะร้องไห้ออกมาแล้วเมื่อคิดว่าพวกเขาจะต้องแยกกันอีกแล้วทั้งๆที่เพิ่งจะเจอกัน ยูอิลฮานก็ได้แต่ลูบหัวเขา

"ฮิค"

"ถ้าลูกทำได้ดี เราก็จะว่างกันสักพักเหมือนกันนะ เรามาอดทนจนถึงตอนนั้นกันดีกว่านะ"

เขาทำพลาดแล้ว แม้ว่าเขาจะคิดว่าทุกๆอย่างไม่เป็นไรก็เพราะตัวยูอิลฮานเองไม่เป็นไรในตลอดสองปีที่อยู่ในดันเจี้ยนก็ตาม แต่ดูแล้วจะไม่ใช่แบบนั้น

เขาไม่ได้รู้เลยว่าคนอื่นๆคิดถึงเขามากแค่ไหน จนถึงตอนนี้เขาไม่เคยมีโอกาสได้รู้เลย

แต่ยังไงก็ตามตอนนี้ไม่ใช่แบบนั้นอีกแล้ว ยูอิลฮานได้รู้ตัวแล้ว เขารู้สึกเขินมากทีเดียว แต่ในเวลาเดียวกันเขาก็มีความสุขาก

"พ่อสัญญา นับจากนี้พ่อจะไม่ไปไหนตามใจเองทั้งนั้น"

"จริงนะ?"

แม้แต่เขาสัญญากับยูมิลแบบนี้แล้ว ดวงตาของคนอื่นๆก็ยังเป็นประกายขึ้นมาเช่นกัน เมื่อเห็นแบบนี้เขาได้ยิ้มขึ้นมาและหยักหน้า

"ใช่ พูดจริงๆนะฉันจะกลับมาที่คฤหาสน์หลังนี้แน่"

"โอเค งั้นฉันเชื่อนาย"

ยูอิลฮานได้ให้สัญญากับยูมิล คังมิเรย์และนาบูนาที่กำลังสบสายตาเขาอยู่แล้ว

"แต่ว่าเราจะต้องหาคนไปช่วยสนับสนุนอิลฮาน และก็ในเมื่อฉันเป็นจอมเวทย์นี่น่าจะดีที่สุดแล้วที่จะให้ฉันไปกับเขา"

"จริงๆแล้วการทำลายวงเวทย์ไม่จำเป็นต้องมีจอมเวทย์ก็ได้นี่ กลับกันเลยนักบวชยังดีกว่าอีก"

"โอ้ ฉันจะไป.."

"" ห้ามไปคนเดียว ""

"ครับผม"

ดูเหมือนว่าหญิงสาวพวกนี้จะได้มีประสบการณ์เรื่องอื่นๆอีกมากนอกจากเลเวลกับสกิลด้วยแหะ ยูอิลฮานได้ตกใจก้าวถอยทันที และเขาก็นึกขึ้นได้ถึงสิ่งที่เขาลืมไปตลอด

"แล้วพวกเอลฟ์กับเผ่าหมาป่าล่ะ?"

"อ่า"

คังมิเรย์ได้แสดงสีหน้าลำบากใจขึ้นมา

"พวกเขายุ่งอยู่ตลอด 2 ปีที่ผ่านมานี้ แต่ว่าเร็วๆนี้พวกเขาก็ยิ่งยุ่งมากกว่าเดิมไปอีก น่าเสียดายที่ว่ามันเป็นเรื่องยากเลยที่จะไปขอให้พวกเขาช่วย กลับกันเลยในจุดๆนี้ฉันคิดว่าเขาควรจะไปช่วยพวกเขาแทนมากกว่า"

"ที่ไหนล่ะนั่น?"

"ดาเรย์ไง~ ที่ที่เอลฟ์ตั่งถิ่นฐานอยู่"

นายูนาได้เสริมขึ้นมา จากนั้นคังมิเรย์ก็อธิบายเพิ่มเติมให้กับยูอิลฮานที่ยังไม่เข้าใจ

"มหาภัยพิบัติขั้นที่ 4 ได้มาถึงดาเรย์แล้ว พวกเอลฟ์ได้มุ่งหน้าไปที่นั่นเพื่อปกป้องเผ่าพันธ์ของพวกเขาเองแล้วก็พวกเผ่าหมาป่าก็ไปช่วยพวกเขาด้วย"

"เป็นอย่างนี้งั้นหรอ....?"

ยูอิลฮานได้หยักหน้าทั้งๆที่จิตใจยังว้าวุ่น

ยังไงก็ตามในที่สุดแล้วเมื่อเขาทำความเข้าใจคำพูดของเธอได้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมา

"มหาภัยพิบัติขั้นที่ 4!??"

[อ่า นั่นมัน การพัฒนาของพวกเอลฟ์เร็วมากจริงๆเลย แต่ฉันไม่เคยคิดเลยว่าพวกเขาจะมาถึงมหาภัยพิบัติ การกวาดล้างมังกรทั้งหมดออกไปอาจจะมีผลด้วยก็ได้นะ]

มหาภัยพิบัติขั้นที่ 4 เป็นเวทีที่ใหญ่ที่สุดของโลกขั้นต่ำที่จะไปถึงได้แล้ว ที่เหนือไปกว่านั้นคือขอบเขตของโลกขั้นสูงไปแล้ว ถ้าหากว่าสิ่งมีชีวิตทรงสติปัญญาไม่อาจจะต้านทานเอาไว้ได้ พวกเขาก็จะตายจากไปและหากพวกเขาทนได้แต่ไม่อาจจะพัฒนาไปต่อได้งั้นพวกเขาก็จะหยุดอยู่ในเวทีนี้ไปตลอดกาล

แต่การที่ดาเรย์ได้อยู่ภายใต้มหาภัยพิบัติกับการที่มีคนแค่พันกว่าคนนี่มัน... ยูอิลฮานได้คิดอย่างใส่ใจในเรืองนี้บางทีดาเรย์อาจจะเกือบไปถึงมหาภัยพิบัติขั้นที่ 4 ตั้งแต่ในตอนที่เขาไปถึงแล้วก็ได้

มหาภัยพิบัติขั้นที่ 4 มันจะมีคลาส 4 จำนวนมากกำเนิดขึ้นมา ถึงเขาจะไม่อยากจะคิดเรื่องนี้แต่ว่าที่นั่นจะต้องรุนแรงกว่าที่โลกในปัจจุบันแน่ บางที...

"ให้ตายสิ"

"ถึงเราจะอยากไปช่วยพวกเขา แต่ว่าที่นี่ก็งานเต็มมือพวกเราแล้ว"

"แต่จริงๆแล้วพวกเราก็ไม่จำเป็นต้องช่วยพวกเขาก็ได้นี่นา~ พวกหมาป่าทั้งหมดจากไคโรได้ไปที่ดาเรย์หมดแล้วนะ พวกนั้นเลเวลเพิ่มขึ้นรัวๆเลยล่ะ"

แม้ว่าพวกเอลฟ์และเผ่าหมาป่าจะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา แต่ว่าเขาก็ไม่กล้าที่จะพาพวกนั้นมาช่วยเขาที่นี่หลังจากได้ยินว่าพวกนั้นกำลังเผชิญหน้าอยู่กับมหาภัยพิบัติขั้นที่ 4 ก็เหมือนอย่างที่คังมิเรย์พูดนั่นแหละ เขาควรจที่จะไปช่วยทางฝากนูนมากกว่าอีก...

'พวกนั้นทั้งสี่คน ไม่สิ รวมเอริเซียกับเฟมิลแล้วก็หกคน ฉันได้ติดอาวุธให้พวกนั้นเป็นไอเทมระดับตำนวนแล้วดงั้นก็ไม่น่าจะเป็นอะไรนะ.... พีทยังมีอาวุธระดับมหากาพย์อยู่กับตัวด้วยนี่ พวกเขาก็น่าจะสามารถจำกัดจำนวนการสูญเสียได้'

ยังไงก็ตามคำที่ว่า 'จำกัดจำนวน' นี้เป็นคำที่ไม่ได้ดีเลย มันหมายความว่าก็ยังมีการสูญเสียเป็นจำนวนมากอยู่ดี ยูอิลฮานได้เกลียดตัวเขาเองเล็กน้อยที่ดันคิดเรื่องแบบนี้ออกมาได้

ในเมื่อตอนนี้เขาคิดวิธีอะไรไม่ได้ไม่ได้ทำให้เขาถอนหายใจออกมาและหันไปมอบรอบๆ จากนั้นเขาก็ได้เห็นประตูมิติไปสู่ดาเรย์ แม้ว่าที่รอบๆประตูมิติจะไม่ได้มีใครอยู่เลย แต่ยูอิลฮานได้ทำอาร์ติแฟคที่จะรวบรวมมานาเติมเข้าไปในประตูมิติอัตโนมัติทำให้ประตูมิติยังคงคงสภาพอยู่ได้อย่างดีเยี่ยม

"ถ้าในกรณีที่แย่ที่สุด พวกเขาก็แค่น่าจะผลักดันมอนสเตอร์ออกมาที่ประตูมิติแล้วคฤหาสน์ก็จะจัดการกับพวกมันทั้งหมดเอง"

"พวกเขาน่าจะทำแบบนี้ไปแล้วในบางครั้งล่ะน้า~"

[ในมุมมองของมอนสเตอร์ประตูมิติที่มาสู่โลกเราน่าจะเป็นเหมือนเส้นทางสู่นรกสำหรับพวกนั้นแล้ว]

"คฤหาสน์ของลูกนี่มันยังไงกันนะ...?"

"ความลับ"

ยูอิลฮานได้ส่ายหน้ากับคำถามของแม่ของเขารวมไปถึงความเป็นห่วงทางเอลฟ์กับเผ่าพันธ์หมาป่าเหมือนกัน ในตอนนี้เขาได้ตัดสินใจไม่ไปพูดถึงคฤหาสน์นี้ให้กับทุกคนที่จะยิ่งแกร่งขึ้นในอนาคตอีกเพื่อไม่ให้ทุกคนตกใจกันหมด

ในท้ายที่สุดแล้วคนที่จะไปกับยูอิลฮานได้ถูกตัดสินใจเป็นนายูนา จากการเป่ายิ้งฉุบระหว่างนายูนากับคังมิเรย์ที่แข่งกันไปถึง 30 ตาซึ่งได้จบลงด้วยการชนะ 3 ครั้ง เสมอ 30 ครั้งแล้วก็แพ้อีก 2 ครั้ง

"ฉันชนะ~!! เย้! เดทแค่เราสองคนล่ะ!"

[ฟุฟุ เธอกำลังจะพูดอะไรน่ะ?]

"ชู่ววว เธออยู่กับเขามาสองปีแล้วนะ"

นายูนาได้ตอบกลับการตอกกลับของเลียร่าอย่างไม่สนใจและคังมิเรย์ได้ขมริมฝีปากโดยไม่มีใครเห็น ยูอิลฮานในตอนนี้กำลังไปสู่จุดที่ป็อบที่สุดในชีวิตโดยที่เขาคาดไม่ถึงแล้วแต่ว่าน่าเสียที่เขายังไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำไป

"ถ้าตัดสินใจกันได้แล้วก็ไปกันเถอะ เดี๋ยวนะก่อนหน้านั้น"

ยูอิลฮานได้หยิบเอาอะไรบางอย่างออกมาจากช่องเก็บของและวางของพวกนี้ลง ทุกๆอย่างที่เขาเอาออกมานี้ต่างก็สามารถทำให้เกิดความวุ่นวายได้ในทุกๆโลก

"ของพวกนี้คืออะไรน่ะ? ช่วยแนะนำฉันก่อนที่จะไปดันเจี้ยนกับนายหน่อยสิ้~"

"ฉันจำของพวกนี้ขึ้นในระหว่าเวลาว่างในดันเจี้ยน"

"สมบัติพวกนี้..."

"ในเวลาว่าง..."

บนโต๊ะห้องนั่งเล่นนี้ได้เต็มไปด้วยแสงของอุปกรณ์ที่เขาวางเอาไว้เต็มไปหมด ของพวกนี้ได้ถูกแจกจ่ายออกไปให้กับแต่ล่ะคน

"ถ้าผมรู้ว่าแม่ก็เป็นจอมเวทย์ผมก็น่าจะทำอุปกรณ์ของจอมเวทย์มามากกว่านี้ด้วย แต่ว่าในเมื่อเรารีบกันอยู่ก็ใช้เท่าที่มีนี่ไปก่อนนะครับ"

ไอเทมที่ยูอิลฮานส่งให้แม่เขาก็คือคทาที่อยู่ในระดับมหากาพย์รวมไปถึงผ้าคลุมระดับมหากาพย์ คิมเยซอลได้แต่กลับพริบตาปริบๆเมื่อรับของพวกนี้มา

"ลูกบอกว่า เท่าที่มี...?"

"นี่เป็นของระดับมหากาพย์ แต่ว่าผมไม่ค่อยชอบค่าสเตตัสของมันเลย... ออฟชั่นของมันจะเพิ่มพลังให้กับเวทย์ที่ไม่ใช่เวทย์ธาตุ แต่ว่าจริงๆแล้วคือแทบจะไม่มีเวทย์โจมตีที่เป็นเวทย์ไร้ธาตุเลยสักนิด"

"ลูกหมายถึงแบบนี้สินะ"

ยังไงก็ตามน่าตกใจที่คิมเยซอลเป็นจอมเวทย์ที่ไม่ได้ใช้เวทย์ธษตุเลย แม้ว่าจากคำพูดของเธอจะเป็นเพราะตัวเธอไร้พรสวรรค์ในเรื่องนี้แต่ว่าจากมุมมองของคังมิเรย์ คนที่ใช้การแทรกแซงมิติกับเวลาได้มันดูไม่น่าเชื่อเอามากๆ

ไม่ว่ายังไงก็ตามอาร์ติแฟคที่ยูอิลฮานได้ทำขึ้นมาทั้งหมดต่างก็ได้เจอกับเจ้าของของมันเองทั้งหมด ทั้งอาวุธและชุดเกราะทั้งหมดอยู่ในระดับมหากาพย์และเครื่องประดับทั้งหมดอยู่ในระดับตำนาน

"ถึงแม่จะฉันรู้ลูกแม่น่าทึ่งนะ... แต่ว่าการที่มันมากขนาดนี้นี่... ถ้าเป็นแบบนี้บางทีเราอาจจะทำได้สำเร็จ..."

คิมเยซอลเป็นคนที่มีอุปกรณ์ด้อยที่สุดในกลุ่มตอนแรกและในตอนนี้พลังต่อสู้ของเธอได้เพิ่มขึ้นมาสองเท่าในทันที และเมื่อเทียบกับเลเวลและสกิลของเธอแล้วสองเท่านี้มันสูงเอามากๆ คังมิเรย์กับนายูนาก็ไม่ได้ต่างกันไปมากนัก

"ไม่มีทาง..."

"ห้า... ออฟชั่น?"

ยูอิลฮานได้สร้างอุปกรณ์ที่น่าทึ่งกว่าเดิมขึ้นมาออกมาบ่อยๆ แต่ว่าไอเทมที่อยู่เบื้องหน้าของหญิงสาวในตอนนี้มันอยู่ในระดับที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิง แน่นอนว่าในส่วนนี้เป็นเพราะการพัฒนาที่ก้าวกระโดดในด้านวิศวกรรมเวทย์ของยูอิลฮานและวัตถุดิบที่ได้มาจากปีศาจในดันเจี้ยน 'นรก'

เมื่อสุดยอดความเชี่ยวชาญได้เจอเข้ากับสุดยอดวัตถุดิบแล้วจึงทำให้เกิดผลลัพธ์แบบนี้ออกมาได้

[ต่อให้มีหินพลังเวทย์จากสิ่งมีชีวิตขั้นสูงช่างฝีมือปกติยังไม่อาจจะสร้างไอเทมระดับตำนานได้เลยด้วยซ้ำไป...]

""ด้วยเพราะนี้ ฉันคิดว่าในตอนนี้ต่อให้เป็นคลาส 4 ฉันก็ล่าไหวแล้ว..."

"โอ้ ยูนา ถ้าเธอส่งหินพลังเวทย์มาให้ฉันสักหน่อยแล้วก็ฝังลงไปในช่องนั่นนะ มันจะเกิดมานาหัตถกรรมอัตโนมัติแล้วมีการเสริมออฟชั่นพิเศษลงไปนะ"

"วิศวกรรมเวทย์น่าทึ่งมาก!"

"นายทำอุปกรณ์น่าทึ่งแบบนี้ให้กับพวกนาย แต่ทำไมของของนายยังเหมือนเดิมล่ะ?"

คังมิเรย์ได้ถามออกมาอย่างสงสัย เมื่อดูไปที่เครื่องประดับที่หูกับที่คอของเขาดูๆไปแล้วเหมือนเขาจะทำขึ้นมาใหม่แน่นอน แต่ว่าเกราะของเขาก็ยังดูแล้วเหมือนอันเก่าอยู่ดี ยังไงก็ตามยูอิลฮานได้ถอนหายใจออกมาราวกับว่าเขารอคำถามนี้อยู่

"เกราะกับเอจิสเป็ฯของที่พัฒนาไประดับมหากาพย์ได้น่ะ..."

"ของพวกนี้พัฒนาได้ด้วย!?"

"ฉันไม่พอใจจริงๆแหละ ฉันเกือบจะเชี่ยวชาญในวิศวกรรมเวทย์แล้ว ดังนั้นฉันก็เลยคิดว่าฉันจะต้องสร้างเกราะในฝันของฉันขึ้นมาได้หากว่าฉันมีหินพลังเวทย์ของสิ่งมีชีวิตขั้นสูง แต่ว่าฉันยังไม่ได้อันที่เหมาะสมเลย..."

"..."

"..."

ทุกๆคนได้เงียบลงไปหมดแล้ว

ในระหว่าง 2 ปีที่เขาไม่อยู่มันเกิดอะไรขึ้นบ้างกันน่ะ... พวกเธอไม่อยากจะถามออกไปเลย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด