ตอนที่แล้วตอนที่ 1 ตำนานแห่งยีนโบราณ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 3 สมการพันธุกรรม

ตอนที่ 2 การแสวงหาผลประโยชน์ของตระกูล


 

 

ทุกตำนานคือเส้นทางสู่การเป็นเทพ!

ตำนานที่เลือนหายไปเกือบหมดในยุคสมัยดวงดาวนั้น แท้จริงแล้วเฟิงหลินผู้มาจากอดีตกลับคุ้นเคยเป็นอย่างมาก

ตอนนี้พลังเขามีแค่0.4 นับว่ายังห่างไกลกับมาตรฐานพลังของมนุษย์ในยุคนี้

แต่มนุษย์ในยุคโลกโบราณมีสถิติพลังสูงสุดแค่0.1เท่านั้น เมื่อเปรียบเทียบกับร่างดั้งเดิมของเขาบนโลก พลังของเขาก็ถือว่าแข็งแกร่งขึ้นถึงสี่เท่า

เมื่อพลังเพิ่มขึ้น ความทรงจำจะแข็งแกร่งขึ้น ความแข็งแรงและความเร็ว พร้อมกับลักษณะทางกายภาพอื่นๆย่อมเพิ่มขึ้นตาม

เขาอาจลืมเรื่องราวบางส่วนเกี่ยวกับตำนานที่เขาเคยอ่านเมื่อเขากลับมาบนโลก แต่พวกมันยังอยู่ในส่วนใดส่วนหนึ่งของจิตใจเขา ตอนนี้หากเขาเพ่งสมาธิและพยายามนึกถึงมัน เขาย่อมจำตำนานมากมายบนยุคโลกโบราณได้

เฟิงหลินรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังยืนอยู่บนเส้นทางสู่การเป็นเทพจำนวนนับไม่ถ้วน

ความคิดมากมายเกิดขึ้นในใจเขา เขาออกจากประตูโรงเรียนและนั่งบนรถแม่เหล็กไฟฟ้ากลับบ้าน

สิ่งก่อสร้างมากมายนับพันดูคล้ายเสาหลักที่นำไปสู่สวรรค์ รถกำลังบินพร้อมทิ้งเส้นแสงไฟไว้ด้านหลัง หุ่นยนต์อัจฉริยะกำลังยุ่งอยู่กับงานทั่วทุกมุมเมือง ...

นี่เป็นยุคที่ยิ่งใหญ่อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวเพลิดเพลินไปกับทรัพยากรไร้ขอบเขตทุกคนสามารถกลายเป็นมังกรเหนือคนอื่นได้!

...

แม้ว่าเฟิงหลินจะได้รับความทรงจำทั้งหมดของยุคนี้ เขาก็ยังรู้สึกตกตะลึงเมื่อเห็นสภาพแวดล้อมทั้งหมดนี้ด้วยตนเอง

ความเร็วของรถไฟนั้นเร็วถึง 3,000 กิโลเมตร / ชั่วโมง

เขาถึงบ้านภายในสิบนาที!

ตึกตระกูลเฟิง!

ตึกสีเงินขนาดมหึมาที่สร้างขึ้นจากโลหะปรากฏอยู่ตรงหน้าเขา มันสูงหลายร้อยเมตรคล้ายกับภูเขาลูกเล็กๆ ตั้งตระหง่านอย่างยิ่งใหญ่

เฟิงหลินขมวดคิ้ว ความทรงจำที่ไม่ค่อยดีปรากฏในหัวของเขา

เขาลงจากรถไฟแล้วเดินเข้าไปข้างใน เมื่อเขาเข้าไปในอาคาร ลำแสงสีแดงก็ส่องแสงเข้ามาหาเขา "การสแกนไมโครชิปเสร็จสมบูรณ์ ยืนยันตัวตนแล้ว! คนในตระกูลขั้น 9, เฟิงหลิน... " อีกประตูหนึ่งเปิดขึ้นหลังจากนั้นและเฟิงหลินก็ก้าวผ่านมันมาถึงห้องนั่งเล่นที่กว้างขวาง

บันไดเลื่อนมากมายสามารถมองเห็นการเชื่อมกันของชั้นต่างๆ การตกแต่งที่นี่สวยงามมาก มีสระว่ายน้ำ, ห้องบ่มเพาะ, ห้องนวด ... มีทุกอย่างที่นี่ ให้เพลิดเพลินอย่างเต็มที่ตามต้องการ มีผู้หญิงสวยๆหลายคนในชุดแม่บ้านเดินอยู่รอบ ๆ นี่เป็นเหมือนวังของจักรพรรดิที่มีอยู่ในสมัยศักดินา

เฟิงหลินเหลือบมองสักพักก่อนละสายตาและหันออกมา เขาเดินไปอีกมุมนึง ตรงนี้จะมีลิฟต์โบราณลงไปที่ชั้นใต้ดิน

มีเด็กหนุ่มจำนวนมากเดินผ่านเขา พวกเขาทุกคนเดินไปยังชั้นที่สูงขึ้น ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ ไม่มีใครพูดอะไรกับเฟิงหลินสักคำ พวกเขาไม่แม้แต่จะมองเฟิงหลิน

อย่างไรก็ตาม คนเหล่านี้ล้วนเป็นคนในตระกูลของเขา

ยุคสมัยดวงดาวเป็นยุคที่ยิ่งใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

ท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาว จักรวาลไร้ขอบเขต

ที่นี่มีอิสระเสรีไร้สิ้นสุด และความหวาดกลัวไม่รู้จบ จักรวาลทั้งมืดมนและหนาวเย็น สามารถกลืนกินทุกสิ่งอย่างในโลกเราได้ สัตว์ประหลาดในห้วงอวกาศอันตรายมากต่อมนุษย์ พวกมันสามารถกลืนมนุษยชาติได้จนหมด!

จักรวาลอันกว้างใหญ่ไร้ขอบเขตนั้น ดำเนินตามกฎแห่งป่า การคัดเลือกโดยธรรมชาตินั้นแพร่หลายและผู้แข็งแกร่งคือกฎเกณฑ์ที่แท้จริง

ไม่เพียงแต่จะมีการแข่งขันระหว่างเผ่าพันธุ์เท่านั้น แต่ทุกคนในยุคสมัยดวงดาวต่างก็แข่งขันกันเองเช่นกัน ประชากรของมนุษยชาติมีจำนวนมากถึงหลายล้านล้านคนและเพราะมีจำนวนมาก การแข่งขันจึงรุนแรงเกินไป

ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะมีอิสรภาพ

ผู้อ่อนแอต้องรวมตัวกันเพื่อความอบอุ่น แต่การอยู่รวมกันแทบจะไม่สามารถช่วยให้มีชีวิตรอดได้

ตระกูล – โครงสร้างโบราณนี้ได้ถูกนำกลับมาอีกครั้งและได้รับความนิยมในยุคสมัยดวงดาว คนส่วนใหญ่ต้องรวมกลุ่มกันเพื่อความอยู่รอด

และจากการพัฒนากว่าหมื่นปี ทรัพยากรของโลกในระบบสุริยะจึงหมดไปเกือบหมดแล้ว พื้นที่นอกโลกได้เปลี่ยนเป็นพื้นที่ที่เรียกว่าภูมิภาคดวงดาว มันอาจเหลืออยู่แค่ชื่อเท่านั้น วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมันถือว่าด้อยกว่าเมื่อเทียบกับดาวเคราะห์ดวงอื่นและความวกวนแปรปรวนก็มากที่สุด ตระกูลเล็ก ๆ มีลักษณะคล้ายกับสังคมขนาดเล็ก ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับโครงสร้างภายในของรังมด ตระกูลทั้งหมดมีความสามารถที่แตกต่างกัน และวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน พวกเขาเหมาะสมกับงานที่แตกต่างกันไป บางคนเหมือนมดขยันและเงียบ บางคนจะรับผิดชอบในการปกป้องผลประโยชน์ของตระกูลเช่นมดทหาร นอกจากนี้ยังมีบางคนที่มีสถานะสูงขึ้น มีอำนาจและพลังที่ยิ่งใหญ่ สิ่งมีชีวิตเหล่านี้เทียบเท่ากับราชามดและราชินีมด ...

ตระกูลเฟิงบนโลกเป็นเพียงตระกูลเล็กๆเท่านั้น ทั้งหมดอาศัยอยู่ในตึกสีเงินที่สร้างขึ้นจากโลหะชื่อว่า 'ตึกตระกูลเฟิง' และตระกูลสามารถแบ่งออกเป็น 9 ขั้นที่แตกต่างกัน

ขั้นที่ 9 นั้นถือเป็นขั้นที่ต่ำที่สุดในขณะที่ขั้นที่สูงสุดคือขั้น 1

คนที่มีความสามารถโดดเด่นถือเป็นหัวหน้าและอาศัยอยู่บนชั้นบนสุด เพลิดเพลินไปกับการดูแลเหมือนราชา ไม่จำเป็นต้องทำงานหนัก และสามารถเพลิดเพลินไปกับทรัพยากรที่ได้รับการบ่มเพาะมาฟรีๆจากคนอื่นๆในตระกูล พวกเขาเป็นเหมือนบุตรสวรรค์

สำหรับผู้ที่มีความสามารถปานกลาง สถานะของพวกเขาจะน่าสังเวชเพราะอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายที่สุด หลังจากจบการศึกษาจากโรงเรียนมัธยม มันเป็นเรื่องยากมากสำหรับพวกเขาที่จะมีโอกาสเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย พวกเขามักจะถูกส่งไปช่วยกลุ่มตามการกระจายคำสั่งงาน ผลิตภัณฑ์ใดๆที่เกิดจากการใช้แรงงานรายวันจะถูกมอบให้พวกเขา พวกเขาจะได้รับรายได้ที่น่าเวทนาทุกๆเดือนซึ่งแทบจะไม่เพียงพอใช้เลี้ยงครอบครัว

อย่างไรก็ตาม กุญแจสำคัญคือไม่มีใครต้องการที่จะออกไป สถานการณ์ข้างนอกนั้นรุนแรงกว่าเมื่อเทียบกับการอาศัยอยู่ในตระกูล หากพวกเขาออกจากตระกูล พวกเขาจะไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยของตัวเองได้

แม้ว่าชีวิตภายในตระกูลจะไม่ราบรื่นนัก คนในตระกูลก็ยังได้รับการปกป้องและไม่ต้องกังวลถึงความปลอดภัย

จุดประสงค์ของตระกูลคือพวกเขาต้องการรวบรวมทรัพยากรของกลุ่มและหวังว่าจะหล่อเลี้ยงอัจฉริยะที่แท้จริงที่จะสามารถเดินทางระหว่างดวงดาวได้ จากนั้นพวกเขาอาจกลายเป็นคนระดับบนในหมู่มนุษย์ สร้างชื่อให้ตระกูลและยกระดับตระกูลได้

ตระกูลเฟิงไม่ได้เป็นกลุ่มเดียวที่ทำสิ่งนี้ แต่นี่ก็เป็นภาพสะท้อนของตระกูลเล็กๆจำนวนนับไม่ถ้วนบนโลกและดาวเคราะห์ดวงอื่น

เฟิงหลินเป็นพี่ใหญ่ในปีสามในโรงเรียนมัธยม ร่างกายของเขาผอมและอ่อนแอ พลังของเขาแค่ 0.4 ไม่ถึง 1.0 ในฐานะเป็นคนฐานะต่ำสุดในตระกูล เขาย่อมไม่ได้รับทรัพยากรบ่มเพาะ

ดังนั้นที่ที่เขาอยู่คือห้องใต้ดิน ...

แม้ว่ามันจะเป็นห้องใต้ดิน แต่มันก็เป็นพื้นที่ใต้ดินที่กว้างมาก มีอุปกรณ์ทุกชนิดที่นี่รวมถึงห้างสรรพสินค้าขนาดเล็ก ร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร ... มีทุกอย่าง นอกจากนี้ยังมีอุโมงค์มากมายที่นำไปสู่สถานที่ต่าง ๆ ผู้ที่อาศัยอยู่ในห้องใต้ดินอาจถูกมองว่าเป็นชุมชนเล็ก ๆ และผู้คนหลายพันคนก็สามารถอยู่ที่นี่ได้

เทคโนโลยีในยุคสมัยดวงดาวได้รับการพัฒนาอย่างมาก และประชากรก็เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ตอนนี้บนโลกใบเล็ก ๆ มีคนมากกว่า 26.8 ล้านคน

อาคารที่สร้างขึ้นเหนือพื้นดินถูกสร้างขึ้นและสูงขึ้น และยังขยายลึกลงไปในพื้นดิน สำหรับชั้นใต้ดินเหล่านี้แม้ว่าจะมีการสร้างดวงอาทิตย์เทียม ความอบอุ่นและแสงที่มาจากดวงอาทิตย์เทียมจะไปดีเท่าแสงแดดธรรมชาติได้อย่างไร

ชุมชนใต้ดินเหล่านี้เป็นสถานที่สำหรับคนชั้นต่ำ กลุ่มคนชั้นสูงจะไม่มีทางลงมาที่นี่

เฟิงหลินเดินเดินไปทางบันไดเลื่อนที่จะนำพาเขาไปอุโมงนค์ นำสู่บ้านเขา บางครั้ง จะมีคนผ่านเขาไปเงียบๆ บรรยากาศที่นี่ดูน่าหดหู่

คนเหล่านี้ล้วนเป็นขั้นต่ำที่สุดของตระกูลเฟิง

ครั้งหนึ่งเฟิงหลินก็เป็นส่วนหนึ่งของพวกเขาเช่นกัน มีความรู้สึกไม่สบายลึก ๆ เกิดขึ้นในใจเสมอเมื่อเขาคิดถึงมัน

คนเหล่านี้ทำงานหนักมาก แต่รายได้จากการทำงานของพวกเขาทั้งหมดถูกส่งมอบให้กับตระกูล ในขณะที่พวกเขาจะได้รับเพียงเงินเดือนที่แสนน้อยนิด เมื่อเวลาผ่านไปกลุ่มคนเหล่านี้ทั้งหมดจะรู้สึกหดหู่ใจอย่างมาก

นี่เป็นเพียงการหาผลประโยชน์

เฟิงหลินพบว่ามันยากที่จะจินตนาการว่ามนุษยชาติได้พัฒนาไปแล้วในยุคสมัยดวงดาว แต่เรื่องโหดร้ายเหล่านี้ยังเกิดขึ้นทุกที่

และแน่นอนตราบใดที่ยังมีความแตกต่างกันของชนชั้น มันก็ย่อมมีเรื่องของผลประโยชน์

สวรรค์ไม่เคยห่างไกลจากนรก

ทุกคนมาจากตระกูลเดียวกัน แต่มีเก้าระดับที่แตกต่างกันในการแยกสถานะของพวกเขา

"ฉันต้องออกไปจากตรงนี้ให้ได้ !" เฟิงหลินพึมพำอย่างเงียบ ๆ

เขาจะไม่ยอมจำนน

เขาเคยใช้ชีวิตมาก่อน และนี่อาจเป็นชีวิตที่สองของเขา หากเขายังไม่มีชีวิตที่ดีกว่าเดิม – สมมติว่ามีคนข้ามมาแบบเขาอีก มันจะไม่นับว่าเสียหน้ารึไง?

เมื่อสแกนตัวตนที่หน้าประตูโทรม ประตูเหล็กเก่าๆก็เปิดออก เผยให้เห็นห้องประมาณ60ตารางเมตร

คู่รักวัยกลางคนกำลังยุ่งกับงานของพวกเขา ใบหน้าพวกเขาเต็มไปด้วยริ้วรอยที่เกิดจากความเหนื่อยล้ายาวนานหลายปี

"ลูกกลับมาแล้ว" เมื่อเห็นว่าเฟิงหลินกลับมาพวกเขาก็เอียงหัวแล้วร้องออกมา หลังจากนั้นพวกเขาก็ก้มหน้าและยุ่งกับงานของพวกเขาอีกครั้ง

เฟิงหลินไม่ได้สนใจ สองคนนี้เป็นพ่อแม่ของเขามาตลอดชีวิต

บนโต๊ะมีขวดของแหลวสีดำและไร้รสชาติ มันคืออาหารเย็นของคืนนี้ สารละลายธาตุอาหารระดับต่ำชนิดนี้ผลิตขึ้นเป็นกลุ่มที่ผ่านการสังเคราะห์ทางด้วยกระบวนการต่างๆ และแทบจะไม่เพียงพอต่อคุณค่าทางสารอาหารต่อวันเลย อย่างไรก็ตาม มันมีรสชาติเหมือนน้ำเพราะไร้รสชาติ

อาหารตามธรรมชาติมีราคาแพงมาก มันไม่ใช่ของที่ครอบครัวของเฟิงหลินสามารถจ่ายได้

"พี่ชาย!" ในขณะนั้น เงาร่างเล็กผอมสองร่างก็วิ่งมา ทั้งสองเป็นฝาแฝด น้องชายของเฟิงหลินเฟิงเฉินและน้องสาวคนเล็กเฟิงซิน ทั้งคู่อายุ7ขวบแล้วและมักชอบเกาะติดพี่ชาย

หลังจากสืบทอดความทรงจำของเฟิงหลิงคนเดิม เฟิงหลินก็ได้รับอารมณ์มาด้วย เขาจ้องมองพี่น้อง ความเศร้าอัดแน่นในหัวใจเขา

ในชีวิตที่ผ่านมาของเขา เขาเป็นลูกคนเดียว เขาไม่คิดเลยว่าจะกลายเป็นคนมีน้องหลังข้ามโลกมา

"มากินกันเถอะ!" พ่อของเขาที่ทำงานอยู่พูดขึ้นอย่างเงียบ ๆ

ด้วยความที่เป็นครอบครัวยากจน มันจึงกลายเป็นเรื่องลำบากที่จะส่งเสริมเฟิงหลิน ไม่น่าแปลกใจว่าพ่อแม่ของเฟิงหลินต้องทนกับความขมขื่นมาตลอดหลายปี

ทุกคนในครอบครัวเงียบ ค่อยๆจิบขวดสารละลายอาหารรสจืดกันอย่างเงียบๆ

ปัง!

ทันใดนั้นก็มีภาพโฮโลแกรมออกมา

ผู้อาวุโสที่มีใบหน้าเย็นยะเยือกยืนอยู่ต่อหน้าทุกคน จ้องมองครอบครัวของเฟิงหลินด้วยความรังเกียจ

เขาไม่ได้พูดอะไรกับพ่อแม่ของเฟิงหลิน ดวงตาของเขาเหมือนนกอินทรีที่กำลังล่าสัตว์บนอากาศ จากนั้นเขาก็พูดว่า "เฟิงหลิน ในฐานะสมาชิกตระกูลขั้นที่ 9 เธอกำลังจะสำเร็จการศึกษา อย่างไรก็ตามสถิติพลังของเธออยู่ที่0.4 และเป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะกลายเป็นผู้บ่มเพาะ หลังจากที่เธอเรียนจบ เธอจะต้องทำงานในโรงงานพลังงานของตระกูล ภายในหนึ่งเดือนเธอสามารถไปที่นั่นและเริ่มเรียนรู้เรื่องโรงทำเชือกได้ ไม่ว่าในกรณีไหน เธอจะไม่ได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัย เธออยู่ในตระกูลมาหลายปีและตามกฎหมายของตระกูลแล้ว เธอควรจะเริ่มสร้างผลงานให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ 70% ของเงินเดือนจะจ่ายให้กับตระกูล และเธอจะได้รับส่วนที่เหลืออีก 30% ... "

ตั้งแต่ต้นจนจบชายชราไม่ฟังอะไรจากเฟิงหลินหรือพ่อแม่ของเขาเลยสักคำ เขาเพียงแค่แจ้งให้ทราบและพวกเขาไม่มีโอกาสที่จะโต้แย้งแม้แต่น้อย

หลังจากพูดจบภาพโฮโลแกรมก็หายไป

บรรยากาศในบ้านยิ่งอึดอัดหนักขึ้นไปอีก เฟิงเฉินและเฟิงซินเหลียวมองกันและกันด้วยความท้อแท้ แต่ก็ไม่กล้าหายใจดังเกินไป

พ่อแม่ของเฟิงหลินใบหน้าดูเคร่งเครียดยิ่งขึ้น พวกเขาหายใจเข้าลึก ๆ แล้วถอนหายใจออกมาโดยเลือกที่จะไม่พูดอะไร

พวกเขามีความคุ้นเคยกันมานานในชีวิตเช่นนี้ พวกเขาเรียนรู้มานานแล้วว่าจะต้องไม่ต่อต้าน

เกิดในตระกูล ตายในตระกูล มันเป็นเช่นนั้นมาหลายชั่วอายุคนแล้ว

ในยุคสมัยดวงดาว การไม่มีพรสวรรค์ทางยีนบาปที่ยิ่งใหญ่ที่สุด!

ถ้าใครอยากจะหนีชะตากรรมของคนธรรมดาๆ มันก็ต้องแสดงความสามารถที่โดดเด่นก่อน พวกเขาจึงจะได้รับการยอมรับจากตระกูล และสมารถยกระดับขั้นของตัวเองไปสู่ขั้นที่สูงกว่ากลายเป็นกลุ่มคนชั้นสูงได้

เมื่อเจอกับชะตากรรมอันน่าเศร้าที่จะเกิดขึ้นกับลูกชายและพวกเขาก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ พ่อกับแม่ของเฟิงหลินจึงหันไปพูดกับน้องอีกสองคนแทน "ลูกๆต้องตั้งใจและปลุกยืนบรรพกาลในตัวขึ้น จากนั้นลูกก็จะได้รับความสนใจของตระกูลและกลายเป็นผู้บ่มเพาะดวงดดาว หลีกเลี่ยงชะตากรรมเหมือนพี่ชายของพวกลูก!”

ความจริงที่ว่าพวกเขาล้มเหลวในการเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของพวกเขา ทำให้พวกเขาหายใจอย่างยากลำบาก

เฟิงหลินยืนอยู่ที่เดิมพร้อมกับกำมือแน่น ความมุ่งมั่นปรากฎอยู่ภายในดวงตา

ชะตากรรมเช่นนี้…เขาไม่ต้องการมัน!

ในฐานะลูกชายคนโตของครอบครัว เขาจึงมีห้องเล็กเหมือนกระท่อมที่มีลักษณะคล้ายกับที่เก็บขยะขนาดเล็ก

เขานั่งไขว่ห้างอยู่บนเตียงและฝึกบังคับลมหายใจ และเริ่มฝึกทักษะการบ่มเพาะขั้นเริ่มต้น

นี่เป็นทักษะการบ่มเพาะขั้นต่ำ หนึ่งควรปรับการหายใจเพื่อกระตุ้นศักยภาพเริ่มต้นของยีน

แม้ว่าหัวใจของเขาจะเต็มไปด้วยความโกรธ แต่เฟิงหลินก็ค่อยๆสงบลง ลมหายใจของเขาช้าลงและช้าลงจนในที่สุดก็แทบจะสงบนิ่ง มีเพียงการสูดหายใจเข้าออกเบา ๆ เป็นครั้งคราวเท่านั้นที่ระบุว่าเขายังมีชีวิตอยู่

เขาค่อยๆรู้สึกถึงกระแสพลังอุ่นในส่วนลึกของร่างกาย กระแสที่อบอุ่นเข้าสู่เส้นเอ็น เนื้อและเลือดของเขา เซลล์แต่ละเซลล์และนิวเคลียสรวมทั้งยีนของเขา

ในขณะนั้นร่างกายของเขาก็มีอาการสั่นที่อธิบายไม่ได้จากส่วนลึกของยีน คลื่นลึกลับของพลังงานความเย็นที่ไม่รู้จักก็พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วขยายในตัวเขา

ทันใดนั้นสายตาของเขาพล่ามัว ในความมืดของความว่างเปล่า เงาของมนุษย์ที่โปร่งใสก็ปรากฎออกมาให้มองเห็น แสงที่ส่องมาอย่างไม่หยุดหย่อนเช่นเดียวกันกับดวงดาวนับไม่ถ้วนในท้องฟ้าเต็มไปด้วยแสงสว่างในตัวเอง

คุณสมบัติของภาพเงานั้นคล้ายกันกับเขาจริง ๆ

ในขณะนี้การหลั่งไหลของข้อมูลก็ปรากฏขึ้นในใจของเขาอย่างลึกลับ

=======

ชื่อ: เฟิงหลิน

พลัง: 0.4

ยีนลิง: 2

ยีนหิน: 1

ศักยภาพทางพันธุกรรม: 1468%

=======

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด