ตอนที่แล้วGE144 จริงใจ [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE146 โลกพิรุณย่อมมีพิรุณ [ฟรี]

GE145 อ้านหลาน [ฟรี]


บนภูเขาลูกหนึ่ง มีหมู่บ้านแห่งหนึ่งนามว่าปิงอ้าน

สถานที่แห่งนี้มีปราณธรรมชาติที่เบาบาง ไม่เหมาะกับการฝึกฝน นอกจากนี้ ในระยะพันลี้ ยังไม่มีตระกูลของผู้ฝึกตน เมือง หรือนิกายใดๆอยู่

มีเพียงคนในหมู่บ้านเพียงไม่กี่คนเท่านั้น

แม้แคว้นเยว่จะเป็นแคว้นระดับต่ำในโลกพิรถณ แต่การที่จะมีสรวงสวรรค์ของมนุษย์ปุถุชนทั่วไปนั้น กลับไม่ใช่เรื่อง่าย

เมื่อประมาณ 1 ปีที่แล้ว ผู้เยาว์คนหนึ่งได้เดินทางมายังหมู่บ้านแห่งนี้ และใช้ชีวิตอยู่ที่นี่

เมื่อเวลาล่วงเลย หนิงกู่ก็ได้ใช้ชีวิตเฉกเช่นมนุษย์ทั่วไป

แม้ก่อนหน้านี้หนิงกู่จะสูญเสียพลังไป ทั้งยังบาดเจ็บสาหัส แต่ถึงอย่างนั้น เหล่านายพรานภายในหมู่บ้านกลับไม่อาจเทียบเคียงหนิงกู่… ครั้งหนึ่งเคยมีเสือหลงเข้ามาในหมู่บ้าน มันฝึกตนจนได้ครอบครองปราณ มีร่างกายที่ทรงพลัง มันเข้ามากินหมูในหมู่บ้าน สังหารชาวบ้าน และสังหารพรานที่ออกล่ามัน จนทำให้คนในหมู่บ้านเริ่มคิดที่จะย้ายถิ่นฐาน

แต่ในยามนั้นเอง หนิงกู่กลับเหนี่ยวคันศรสังหารมันได้

เสือตัวนั้นมีปราณคุ้มกาย เหตุใดธนูธรรมดาของหนิงกู่จึงสังหารมันได้? ที่สำคัญ ธนูที่หนิงกู่ยิงออกไปนั้น ตรงเข้าที่หัวและทะลุออกทางด้านหลังของมัน อานุภาพของธนูหนิงกู่น่าสะพรึงกลัวมาก

หมู่บ้านปลอดภัย ชื่อเสียงของหนิงกู่โด่งดัง ทำให้กลายเป็นที่สนใจของลูกสาวหัวหน้าหมู่บ้าน

แต่น่าเสียดายที่หนิงกู่ไม่ชอบการเป็นนายพราน หากจะล่าก็เพียงเพื่ออาหาร หนิงกู่ไม่ชอบโลหิต ไม่ชอบการเข่นฆ่า สิ่งที่หนิงกู่ชื่นชอบคือธรรมชาติและดอกไม้

แต่จนถึงยามนี้ หนิงกู่ยังไม่อาจจดจำหนิงฝานได้

ภายในทุ่งดอกไม้แห่งหนึ่ง หนิงกู่กำลังชมดอกไม้ที่พลิ้วไหวไปตามสายลม

ดอกไม้ที่หนิงกู่จับจ้องคือดอกทับทิม มันช่วยทำให้ผู้ที่มองรู้สึกอบอุ่นใจ ทั้งยังช่วยเป็นรายได้ขายให้เมืองใกล้ๆได้ด้วย แบบนั้น หนิงกู่จะได้ไม่ต้องออกล่า

ไม่ลงมือฆ่านับเป็นเรื่องดี...

สายลมพลิ้วไหว พัดพาอาภรณ์ดำหนิงกู่ลู่ลม ไม่นานนัก เสียงของสตรีเยาว์วัยนางหนึ่งก็ดังขึ้น

“หนิงกู่… อากาศข้างนอกหนาว ท่านพ่อให้ข้านำชุดคลุมขนจิ้งจอกมาให้ท่าน!”

สาวน้อยที่มาเปิดประตูกระท่อม นำชุดคลุมขนจิ้งจอกมาให้หนิงกู่

ชุดคลุมนี้ทำขึ้นจากขนจิ้งจอกทั้งหมด ถ้านำไปขายในเมืองจะได้ราคาไม่น้อย แต่นางกลับกล่าวว่าบิดาให้นำชุดคลุมมาให้

สาวน้อยนางนี้คือบุตรสาวของผู้นำหมู่บ้าน นาม ‘อ้านหลาน’ แม่นางไม่ได้งดงามมากนัก แต่เมื่อได้เห็นใบหน้าของนางก็ยากที่จะลืม

นางชอบหนิงกู่… ชอบมานานมากแล้ว...

ชุดคลุมขนจิ้งจอกนี้ นางเสี่ยงชีวิตออกล่ายังภูเขาที่ห่างไกล ทั้งยังถักทอมันให้หนิงกู่โดยเฉพาะ

ชุดคลุมขนจิ้งจอกนี้ทำขั้นมาด้วยใจของนาง ที่อยากจะมอบให้กับคนที่นางรัก...

“เจ้าได้มันมายังไง?”

หนิงกู่ขมวดคิ้ว แม้ว่าหนิงกู่จะสูญเสียพลังดังเดิมและไม่ก้าวหน้า แต่ระดับพลังปัจจุบันยังอยู่ในขอบเขตเปิดเส้นชีพจรที่ 10 เขาแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไป ย่อมไม่กลัวลมหนาว

ดังนั้น เขาจึงไม่ต้องการชุดคลุมขนจิ้งจอกตัวนี้!

“ฮึ่ม… ข้าแค่หวังดี ถักทอมันขึ้นมาเพื่อเจ้า...” นางกล่าวด้วยความไม่พอใจ

“ข้าไม่ต้องการความหวังดีของเจ้า!” หนิงกู่หยาบคาย

“เจ้า! ก็ได้ ถึงข้าจะไม่เก่งยิงธนู แต่วันนี้ข้าจะประลองกับเจ้า!” นางกล่าวอย่างขุนเคือง วางชุดคลุมขนจิ้งจอกลงบนโต๊ะ แล้วนำธนูที่สะพายไว้ออกมา

“เจ้าสู้ข้าไม่ได้หรอก!” หนิงกู่เองก็ไม่ยอม เดินไปหยิบธนูที่แขวนอยู่บนผนังกระท่อมออกมา

ผู้คนที่เดินผ่านภูเขาลูกนี้ ต่างยิ้มที่ทั้งสองคนนั้นโต้เถียงกัน

“เห้อ… หนิงกู่กับอ้านหลานทะเลาะกันอีกแล้ว… สองคนนั้นสนิทกันดีจริงๆ!”

“แต่เดี๋ยวไม่นานอ้านหลานก็ร้องไห้ฟูมฟาย… นางจะยิงธนูสู้หนิงกู่ได้ยังไง”

ผู้คนที่ผ่านไปมาพูดคุย อ้านหลานมักจะมาหาหนิงกู่เสมอ และนางก็ต้องโมโหกลับไปเสมอเช่นกัน...

ไกลออกไปจากกระท่อม จะมีหินก้อนหนึ่งที่เต็มไปด้วยรูพรุนตั้งอยู่

อ้านหลานโก่งคันศร เล็งไปยังหินก้อนนั้นแล้วปล่อยเชือก ส่งลูกศรปักเข้าไปในหินหนึ่งฉื่อ

ในฐานะที่นางเป็นคนทั่วไป นางนับเป็นนักธนูที่แม่นยำและมีร่างกายที่แข็งแรงมาก

แต่นั่นไม่ได้ทำให้นางมีความสุข เพราะหนิงกู่เหนี่ยวโก่งคันศรเบาๆ ส่งลูกศรผ่านกลางลูกศรของนาง กระทั่งจมเข้าไปในก้อนหินจนมิด!

อ้านหลานตะโกนด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะร้องไห้เสียงดัง

“หนิงกู่เจ้าข่มแหงข้า… เจ้าข่มเหงข้า! ข้าไม่ทำดีกับเจ้าแล้ว!”

หนิงกู่เดินไปเก็บลูกศรอย่างเรียบเฉยโดยไม่ได้ตามนางไป…

เหนือขึ้นไปบนท้องนภา ท่านกลางหมู่เมฆหนา ผู้เยาว์อาภรณ์ขาวดำเหยียบย่างนภา ถอนสัมผัสเทพ เขารับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในหมู่บ้าน

หนิงกู่ดำเนินชีวิตไปได้ด้วยดี จากสีหน้าแล้ว ดูเหมือนหนิงกู่จะฟื้นฟูขึ้นมาก

แต่สิ่งที่ทำให้หนิงฝานมีความสุขที่สุด คือหนิงกู่มีสตรีมาชอบแล้ว

แต่ก็ยังมีสิ่งที่หนิงฝานเป็นห่วง คือหนิงกู่เป็นคนใจแข็ง นอกจากจะพูดเอาใจสตรีไม่เป็น ยังกล่าววาจาทำร้ายจิตใจสตรี… อยากนักที่จะมีสตรีถูกใจหนิงกู่เหมือนนาง

“อ้านหลาน… เป็นชื่อที่ไพเราะ นางเหมาะสมกับหนิงกู่… เจ้าต้องดูแลรักษานางให้ดี เส้นทางการฝึกตนไม่เหมาะกับเจ้า”

หนิงฝานจ้องมองหนิงกู่ด้วยความเป็นห่วง ก่อนที่เงาร่างจะหายไป...

อ้านหลานวิ่งร้องไห้กลับบ้าน แต่เมื่อกลับไปถึงบ้าน นางกลับถูกบิดาตำหนิ

“เด็กน้อย เจ้ารู้หรือไม่ว่าชุดคลุมขนจิ้งจอกขายได้ราคาดีขนาดไหน? เจ้านี่มันจริงเลย… ชอบทำข้าหงุดหงิดอยู่เรื่อย… ส่งชุดคลุมนั่นมาให้ข้าได้แล้ว!”

“ไม่ได้! ข้าไม่ได้ทำให้ท่าน! มันไม่ใช่ของท่าน!” นางกล่าวด้วยใบหน้าที่บูดบึ้ง

บิดาของนางเป็นผู้นำหมู่บ้าน ผู้ที่กล้าโต้เถียงย่อมมีเพียงอ้านหลานเท่านั้น

แต่อ้านหลานกล่าวรุนแรงเกิน ทำให้ผู้เป็นบิดาโกรธเป็นอย่างมาก

จึงได้เหวี่ยงฝ่ามือเข้าใส่ใบหน้าของนาง

แต่ทันทีที่ลงมือ มันกลับเสียใจทันที เพราะพละกำลังของมันสามารถสู้กับหมีหรือเสือได้ด้วยมือเปล่า แต่ฝ่ามือของมันโดนเข้าที่ใบหน้าของนาง ก็กลัวว่าจะทำให้นางบาดเจ็บไม่น้อย

แต่เมื่อได้ออกแรงไปแล้ว ก็ยากที่จะถอนกลับ

แต่ในขณะนั้นเอง สายลมเย็นพัดพา สลายฝ่ามือที่รุนแรงของมันจนหมดสิ้น

พร้อมกับผู้เยาว์ในอาภรณ์ขาวดำปรากฏตัว

ผู้เยาว์คนนี้มีรูปร่างผอมบาง ใบหน้าซีดขาวราวกับไร้โลหิต แต่แววตาของเขากลับทำให้ผู้นำหมู่บ้านที่มีรูปร่างสูงใหญ่ ถึงกับหวาดกลัวจนเหงื่อตก

มันออกล่าเสือและสัตว์นกล่าที่ทรงพลังมาทั้งชีวิต เห็นสัตว์นักล่าที่น่าสะพรึงกลัวมามากมาย แต่มันไม่เคยเห็นแววตาใดที่น่ากลัวเท่าผู้เยาว์เบื้องหน้านี้!

เพียงแค่แววตาของผู้เยาว์คนนี้ ก็ทำให้มันหวาดกลัวกระทั่งไม่อาจควบคุมร่างกายให้หยุดสั่น

ผู้เยาว์เบื้องหน้า หากเป็นมนุษย์ คงเคยเข่นฆ่าสังหารมาแล้วมากมายนับไม่ถ้วน แต่หากเป็นเทพเซียน คงเคยสังหารปีศาจมาเป็นภูเขาเลากา

ผู้นำหมู่บ้านไม่รู้เจตนาของผู้เยาว์ที่มา แต่จากสายตาของอีกฝ่ายแล้ว มันไม่สมควรยั่วยุ

อ้านหลานดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ เมื่อนางไม่ต้องถูกบิดาตบ นางจึงแอบถอนหายใจ แต่เมื่อได้จ้องมองผู้เยาว์เบื้องหน้า กลับทำให้นางรู้สึกสงสัย

ผู้เยาว์คนนี้เป็นใคร เหตุใดถึงเข้ามาในบ้านตน? หรือคนผู้นี้จะเป็นศัตรูของบิดานาง เป็นผู้ที่คนในหมู่บ้านไม่ต้อนรับ

ผู้เยาว์คนนั้นยิ้มเล็กน้อย ถอนแรงดันที่น่าสะพรึงกลัว จนทำให้นางต้องประหลาดใจ

บิดาของนางไม่ตำหนิผู้เยาว์เบื้องหน้าในการไร้มารยาท ทั้งยังกล่าวอย่างนอบน้อมพร้อมด้วยรอยยิ้มแปลกๆบนใบหน้า

“ที่นายท่านมาเยือนบ้าของข้า ไม่ทราบว่าท่านต้องการที่พักเช่นนั้นหรือ?”

นางตกตะลึงในคำกล่าวของบิดา กลายเป็นว่าผู้เยาว์เบื้องหน้าคือบุคคลที่ยิ่งใหญ่ และเหตุใดบิดาของนางต้องหวาดกลัวผู้เยาว์เบื้องหน้ามากขนาดนั้น?

นางไม่อาจสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของหนิงฝาน นางสัมผัสได้เพียงว่า ผู้เยาว์เบื้องหน้านี้แข็งแกร่งมาก

“ท่านผู้นำหมู่บ้านไม่จำเป็นต้องสุภาพ… เมื่อครู่ท่านเกือบจะพลั้งมือทำร้ายบุตรสาว ข้าเห็นเข้าก็เลยอดสอดมือไม่ได้… ข้าคือพี่ชายของหนิงกู่ ในเมื่อเจ้ามอบชุดคลุมนั่นให้หนิงกู่แล้ว ก็ไม่อาจนำกลับคืน… แม้ข้าจะไม่มีเงินมาซื้อ แต่ก็ขอให้แม่นางส่งชุดนั่นให้ข้าด้วย”

ผู้เยาว์คนนั้นยิ้มอย่างสดใจ จนทำให้ผู้นำหมู่บ้านตกตะลึง เพราะรอยยิ้มนั้น เป็นรอยยิ้มที่มาจากใจ

ให้ตายเถอะ… ผู้เยาว์เบื้องหน้าคือพี่ชายของหนิงกู่ ทั้งยังดูแข็งแกร่งกว่าหนิงกู่หลายเท่า

ลูกศรหนิงกู่ที่ทะลวงตั้งแต่หัวจรดหางของเสือที่บุกหมู่บ้าน ก็ทรงพลังเกินหยั่งคาดแล้ว แต่ดูเหมือนผู้เป็นพี่ชายจะทรงพลังยิ่งกว่ามาก

ผู้นำหมู่บ้านสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า ผู้เยาว์เบื้องหน้าเคยผ่านการเข่นฆ่าสังหารมาแล้วมากมายนับไม่ถ้วน

หากรู้แต่แรกว่าหนิงกู่มีพี่ชายที่น่าสะพรึงกลัวขนาดนี้ ผู้นำหมู่บ้านคงไม่ตำหนิบุตรสาวเรื่องชุดคลุมจิ้งจอก

แม้ผู้นำหมู่บ้านจะแข็งแกร่งและเก่งกาจ แต่หากยั่วยุผู้เยาว์เบื้องหน้า หมู่บ้านของมันได้พินาศแน่

“ฮ่าฮ่า… ที่แท้สหายน้อยเป็นพี่ชายของหนิงกู่ ดี… ดี...” ผู้นำหมู่บ้านกล่าวยกย่อง แม้จะไม่รู้ว่าตนเองยกย่องอะไรก็ตาม

ในยามนั้นเอง อ้านหลานสังเกตุเห็นแววตาที่เปลี่ยนไปของผู้เยาว์คนนั้น แววตาของเขาดูอ่อนโยนเป็นอย่างมาก

ผู้เป็นพี่แตกต่างจากผู้เป็นน้อง… หนิงกู่ดูเรียบเฉยราวกับท่อนไม้ แต่ผู้เป็นพี่กลับดูอ่อนโยนเป็นอย่างมาก

ในเมื่ออีกฝ่ายคือพี่ชายของหนิงกู่ นางจึงต้องปฏิบัติกับอีกฝ่ายเป็นอย่างดี

“พี่หนิง… ท่านพักก่อนเถอะ ข้าจะไปต้มชงชามาให้ท่าน...”

ความกระตือรือร้นของผู้เป็นบุตรสาว ทำให้ผู้นำหมู่บ้านกล่าวไม่ออก

เด็กโง่… เด็กโง่… เจ้ามันโง่จริงๆ!

เมื่อเห็นผู้นำหมู่บ้านแสดงสีหน้าหวาดกลัว ผู้เยาว์คนนั้นก็ยิ้มพลางส่ายหน้า

“เจ้าไม่ต้องลำบากหรอก ข้าไม่ได้กระหายน้ำ… ว่าแต่ บุตรสาวท่านชื่ออ้านหลานใช่หรือไม่?” แววตาผู้เยาว์เป็นประกาย

“ถูกต้อง… มารดาของนางเป็นผู้ตั้งให้ แต่ช่างไร้รสนิยมจริงๆ...” ผู้นำหมู่บ้านยิ้มอย่างเศร้าใจ

“ไม่หรอก… ข้าว่าชื่อของนางไพเราะมาก”

“อ้านหลานเหมาะสมกับหนิงกู่มาก...” ผู้เยาว์คนนั้นกล่าว

แต่คำกล่าวนั้น กลับเหมือนอัสนีฟาดผ่าข้างๆหูของผู้นำตระกูล

หรือผู้เยว์คนนี้จะมาเพราะเรื่องแต่งงาน? มันกำลังจะชิงบุตรสาวของตนไปให้ผู้เป็นน้องชาย!

ไม่ได้! จะให้บุตรสาวเป็นภรรยาของปีศาจเช่นนี้ไม่ได้ นับเป็นอันตรายกับนางเป็นอย่างมาก

แต่ไม่ว่ามันจะต่อต้านยังไง สุดท้ายบุตรสาวผู้น่ารักก็เลือกหนิงกู่อยู่ดี

อ้านหลานก้มหน้าเล็กน้อยแล้วพึมพัม

“พี่หนิง… ข้าคู่ควรกับหนิงกู่จริงๆเหรอ?”

“อืม… พวกเจ้าเหมาะสมกันมาก แต่เรื่องเป็นสามีภรรยา… เจ้าอยากเป็นภรรยาหนิงกู่หรือไม่?” ผู้เยาว์คนนั้นยิ้มพลางกล่าว

“ข้าอยากเป็น!” นางกล่าวอย่างมีความสุข แต่ก็ต้องถอนหายใจ “แต่เขาคงไม่อยากเป็นหรอก...”

“หนิงกู่ก็ชอบเจ้าเช่นกัน… ข้าเข้าใจดี หากสิ่งใดที่หนิงกู่ไม่ชอบ เขาจะไม่สนใจแม้แต่น้อย เพียงแต่...เขาแค่ไม่รู้วิธีที่จะทำให้เจ้ามีความสุข ตั้งแต่เรายังเด็ก เขาไม่ค่อยกล่าววาจา ไม่ค่อยชื่นชอบสิ่งใด มีแต่สร้างปัญหาอยู่เสมอ...” หนิงฝานหวนนึกถึงวันวาน

หนิงฝานสัมผัสกระเป๋า นำเอาปิ่นปักผม และขวดโอสถออกมา

เมื่อผู้นำหมู่บ้านได้เห็นสิ่งที่ผู้เยาว์คนนั้นนำออกมา มันตกตะลึงจนเสียอาการ

ผู้เยาว์คนนี้คือเทพเซียนจริง! เพราะนอกจากเทพเซียนแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดมอบของล้ำค่าเช่นนี้ให้

ปิ่นปักผมที่งดงาม สลักลวดลายที่วิจิตร ผู้นำหมู่บ้านไม่เคยเห็นสมบัติที่ล้ำค่าขนาดนี้มาก่อน ยิ่งโอสถที่อยู่ในขวด หากนำไปขายในโลกของผู้เชี่ยวชาญ คงได้หยกสวรรค์มาหลายพัน

“นี่คือปิ่นหยก… ข้ามอบให้อ้านหลาน ส่วนโอสถที่อยู่ในขวดนี้ คือ ‘โอสถโชคลาภ’ หากมนุษย์ทั่วไปกิน จะช่วยต่ออายุได้อีก 10 ปีและมีสุขภาพแข็งแรง… หากท่านคิดว่าผู้ใดสมควรได้ก็จงแจกจ่าย… แต่ท่านไม่ต้องกังวล หากผู้ใดคิดช่วงชิงสมบัติ มันผู้นั้นจะตายสถานเดียว!”

ดวงตาของผู้เยาว์คนนั้นเปล่งประกาย ปราณกระบี่หลายสายพุ่งเข้าไปยังปิ่นปักผม

“สิ่งที่ข้ามอบให้คือเป็นการตอบแทนเจตดีที่พวกท่านมีต่อหนิงกู่… ข้าต้องจากที่นี่ไปสักพัก หวังว่าท่านจะช่วยดูแลหนิงกู่ให้ดี...”

“วางใจเถอะ ข้าไม่ปล่อยให้หนิงกู่เป็นอะไรไปอย่างแน่นอน ต่อให้เขาจะไม่ชอบข้าก็เถอะ...” อ้านหลานกล่าว

“ขอบใจ” ผู้เยาว์คนนั้นยิ้มเล็กน้อย ราวกับพึงใจอ้านหลานอย่างที่สุด

หลังจากนั้นไม่นาน ผู้เยาว์คนนั้นก็มองออกไปนอกบ้าน “ดูนั่นสิ เขามาแล้ว เขาเป็นห่วงเจ้าจริงๆ”

เมื่อกล่าวเสร็จ เงาร่างของผู้เยาว์เบื้องหน้าก็หายไปอย่างไร้ร่องลอย

อ้านหลานตกตะลึง ที่แท้พี่ชายของหนิงกู่ไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นเทพ?

ส่วนผู้เป็นบิดากลับถอนหายใจด้วยความโล่งใจ

มันเหน็ดเหนื่อยอย่างที่สุด การที่เผชิญหน้ากับผู้เยาว์คนนั้น ทำให้อายุขัยของมันราวกับจะลดลง

แต่เมื่อมองสมบัติที่ผู้เยาว์คนนั้นทิ้งไว้ ก็ทำให้ผู้นำหมู่บ้านมีความสุข

มันไม่เข้าใจปิ่นปักผมมากนัก แต่โอสถที่อยู่ในขวดมันรู้ดี เพราะโอสถชนิดนี้สามารถต่ออายุของมนุษย์ได้อีก 10

สำหรับคนทั่วไปแล้ว ชีวิตคือสิ่งที่สำคัญที่สุด! หรือกระทั่งจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ก็ไม่อาจหลีกพ้นความตาย

ดังนั้นโอสถที่ช่วยยืดอายุขัยให้นั้น นับเป็นสมบัติล้ำค่าอยู่ที่สุด!

สมบัติที่มันได้นั้น นับว่ามีราคาแพงมหาศาล แต่เมื่อแลกกับชุดคลุมจิ้งจอก และยกอ้านหลานให้เป็นภรรยาของหนิงกู่นั้น นับว่าเพียงพอ

หลังจากนี้ไป ดูเหมือนมันจะยุ่งเรื่องระหว่างหนิงกู่และอ้านหลานไม่ได้แล้ว...

ยามนี้ อ้านหลานถือปิ่นปักผมแน่น แววตาเหม่อมองไปยังนอกบ้าน ก่อนจะได้ยินเสียงของหนิงกู่ที่คุ้นเคย

หนิงกู่ผลักประตูเข้ามา มองผู้นำหมู่บ้านด้วยสายตาเรียบเฉย แต่เมื่อหันมองอ้านหลาน แววตากลับดูอ่อนโยนลง

“เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า?” หนิงกู่กล่าวอย่างผ่อนคลาย

“ฮึ่ม! ข้าจะเป็นอะไรได้? ว่าแต่ เหตุใดเจ้าจึงเป็นห่วงข้า?” อ้านหลานยิ้มอย่างงดงาม แต่นั่นกลับทำหนิงกู่ขมวดคิ้วและเตรียมจะจากไป

มันไม่ชอบให้นางยิ้มอย่างมีความสุขแช่นนี้ แต่ก็ไม่ได้อยากให้นางร่ำไห้เช่นกัน…

แต่ก่อนที่หนิงกู่จะไปนั้น มันกลับเหลือบเห็นปิ่นปักผมและขวดโอสถ

ปิ่นปักผมคือสมบัติวิญญาณระดับสูง บนตัวปิ่นสลักด้วยรูปแบบวิญญาณที่ทรงพลัง ราวกับสังหารผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำได้ง่ายๆ

ส่วนขวดโอสถนั้น กลิ่นโอสถที่โชยออกมารุนแรงยิ่งกว่าโอสถผันแปรที่ 2... เป็นโอสถผันแปรที่ 3 ที่มีคุณภาพสูงสุด

แต่สิ่งที่หนิงกู่สนใจคือ กลิ่นอายที่คุ้นเคยที่เขาสัมผัสได้จากโอสถและปิ่นปักผม

“นี่มัน...” กลิ่นอายนี้ทำให้หนิงกู่รู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก แม้มันจะจดจำไม่ได้ แต่ความรู้สึกต่างๆกลับถามโถมเข้าไปในใจของมัน

“พี่ชายของเจ้ามอบให้...” เป็นครั้งแรกที่นางเห็นสีหน้าแบบนี้ของหนิงกู่ นางจึงหยิบปิ่นปักผมออกมา

“ขอข้าดูหน่อย!” หนิงกู่เร่งกล่าว

“ไม่ได้ เดี๋ยวเจ้าจะขโมยของข้าไป!” นางแลบลิ้นแล้ววิ่งออกไปนอกบ้าน หนิงกู่ก็เร่งไล่ตามนางออกไป

“ถ้าจับข้าได้แล้วจะให้ดู!”

แล้วทั้งสองก็วิ่งเล่นไปทั่วภูเขา

เมื่อผู้เป็นบิดาได้เห็นสีหน้าของบุตรสาว มันก็อดยิ้มไม่ได้

“หนิงกู่ผ่านประสบการณ์ที่เจ็บปวด จึงมีนิสัยเป็นเช่นนั้นเพื่อปกต้องตน… แต่จิตใจของมันกลับอ่อนโยนราวกับบุบผา และมันก็ชอบอ้านหลานด้วย… เห้อ แต่ตอนนี้สองคนนั่นเสียงดังกันจริงๆ”...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด