ตอนที่ 1 ตำนานแห่งยีนโบราณ
“ทุกๆตำนานคือเส้นทางสู่การเป็นเทพ!ยีนของคุณดำรงอยู่ในตัวคุณ!”
“ความหลากหลายของสิ่งชีวิตดำรงอยู๋เพราะยีน พันธศาสตร์คือจุดกำนิดของชีวิต พวกมันดูเหมือนโมเลกุลขนาดใหญ่ที่เกิดจากนิวคลีโอไทด์ทั้ง4ประเภท แต่มันก็ยังประกอบไปด้วยข้อมูลของชีวิตทั้งหมด เมื่อพูดจากมุมมองขนาดใหญ่ มันกำหนดรูปแบบและการทำงานของอวัยวะทั้ง5และแขนขาทั้ง4 เมื่อพูดจากมุมมองขนาดเล็ก มันควบคุมขนทุกเส้นและรูขุมขนต่างๆบนร่างเรา บนดาวมนุษย์-โลก มันยากมากที่จะจินตนาการว่าในยุคดึกดำบรรพ์หลายล้านปีก่อน อารยธรรมโบราณน่าตื่นตาและเจริญรุ่งเรืองไกลเกินกว่ายุคสมัยใหม่มาก ในบรรดาสมัยโบราณ มีมนุษย์บางคนที่ครอบครองพลังเหนือธรรมชาติและถูกเรียกว่าเทพเจ้า สำหรับยีนของเทพเจ้า มนุษย์ยุคใหม่เองก็ได้รับสืบทอดมา หากอยากกลายเป็นผู้บ่มเพาะดวงดาว สิ่งแรกที่ต้องทำคือการปลุกยีนบรรพกาลของเขาหรือเธอขึ้นและสืบทอดพลังเหนือธรรมชาติ...”
ในห้องเรียนที่เต็มไปด้วยความรู้ทางเทคโนโลยี กลุ่มนักศึกษาในเครื่องแบบได้เข้าเรียนชั้นทฤษฏีเกี่ยวกับยีนในตำนาน
ภาพโฮโลกราฟฟิกลอยต่อหน้าทุกคนและเนื้อหาของบทเรียนก็ไหลเข้าหัวพวกเขาเหมือนกระแสข้อมูล
แม้ชั้นเทียนทฤษฏีจะน่าเบื่อ แต่ทุกคนก็ตั้งใจฟัง
ข้อมูลเกี่ยวกับยีนในตำนานมีผลว่าพวกเขาจะสามารถเป็นผู้บ่มเพาะได้หรือไม่ ไม่มีใครกล้าขี้เกียจหรือประมาท
สายตาของอาจารย์หญิงบนเวทีดูเข้มงวด เธอกวาดตามองรอบๆและพยักหน้าเมื่อเธอเห็นว่านักเรียนเธอจริงจังแค่ไหน
“เอ๊ะ?”เงาร่างหนึ่งดึงดูดความสนใจเธอ
คนๆนี้แตกต่างจากนักเรียนคนอื่นที่ตั้งใจฟัง เขากำลังฟุบหน้าหลับกับโต๊ะและนอนโดยไม่สนใจสิ่งภายนอก
ในฝันเขา เขาพบเจอสิ่งน่ากลัวบางอย่าง คิ้วเขาขมวดและเหงื่อก็ชุ่มไปทั่วหน้าผาก เขานอนละเมอคำแปลกๆออกมา
“ปฏิทินดาราศาสตร์ปี9991 นี่....นี่คือยุคอะไร?”
“ทำไมชุดความทรงจำของคนอื่นถึงปรากฏในหัวฉัน...?”
“หรือฉันจะเผอิญข้ามไปยังมิติอื่นมา?!”
…
ระดับเสียงเขาต่ำมาก คำพูดเขาไม่ชัดเจน ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังพูดถึงอะไร
“เขานั่นเอง!นักเรียนอันดับสุดท้ายของห้อง17 เฟิงหลิน!”คิ้วของอาจารย์หญิงขมวดแน่นอย่างไม่พอใจและพร้อมระเบิดอารมณ์ แต่เมื่อเธอจำบางอย่างได้ ความโกรธเธอก็หมดไป เธอส่ายหัวและไม่สนใจเขาอีก
สงสารต่อความโชคร้าย โกรธสำหรับพวกขี้ขลาด!
เพื่อปลุกยีนในตำนานขึ้น พรสวรรค์คือสิ่งจำเป็น
แม้คนในยุคสมัยดวงดาวสามารถปลุกยีนได้ทุกคน มันก็ยังมีความแตกต่างระหว่างชุดยีนที่ตื่นขึ้น
มีบางยีนที่ไร้ประโยชน์และอาจมีผลข้างเคียงหลังตื่นขึ้น ตัวอย่างเช่น มนุษย์ที่มีหางลิง ขนดำ 6นิ้ว....มีความแปลกประหลาดอยู่ทุกประเภท ยีนเหล่านี้จะนำพามาซึ่งอันตรายหากตื่นขึ้นมา
และสำหรับบางยีน มนุษย์จะเริ่มก้าวข้ามตัวเองเมื่อยีนตื่นขึ้น พวกเขาจะสามารถควบคุมลม ฝน สายฟ้า สนามแม่เหล็กและแรงโน้มถ่วง...พวกเขาจะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่สามารถควบคุมพลังงานลึกลับได้ สำหรับยีนเหล่านี้ที่จะเป็นประโยชน์ต่อมนุษย์ พวกมันรู้จักกันในฐานะยีนในตำนาน
ไม่ต้องสงสัย ยีนเป็นพรสวรรค์ของมนุษยชาติ
เฟิงหลินผู้นี้ปลุกยีนระดับต่ำสุดและเป็นยีนพื้นฐานสุดอย่างยีนลิง เร็วๆนี้ มีข่าวลือว่าเขาปลุกยีนขึ้นมาอีกชุดก่อนสอบเข้าวิทยาลัย ยีนชุดสองที่เขาปลุกเองก็เป็นหนึ่งในยีนชั้นต่ำสุดและพื้นฐานสุดอย่างยีนหิน
ตามการวิจัยปัจจุบัน ยังไม่มีข้อมูลใดว่ายีนลิงและยีนหินจะสามารถวิวัฒนาการเป็นชุดยีนชั้นสูงได้ กล่าวอีกนัยหนึ่ง มันคือยีนขยะ
ตอนนี้ ค่าพลังของเฟิงหลินอยู่แค่0.4 ยังไม่ถึง1ด้วยซ้ำ เขาเป็นพี่ใหญ่และกำลังจะจบการศึกษาระดับมัธยม แต่ก็ไม่มีคุณสมบัติสอบเข้าวิทยาลัย
ศักยภาพของเฟิงหลินเป็นเช่นนั้น!
จากปัจจุบัน เขาดูไร้อนาคต
ในชั่วพริบตา อาจารย์หญิงก็ตัดสินใจให้เฟิงหลินเป็นขยะ
ในยุคสมัยดวงดาว มันเป็นความโชคร้ายครั้งใหญ่สำหรับมนุษย์ผู้ไร้พรสวรรค์ด้านยีน
เฟิงหลินผู้นี้เหมือนคนพิการ ทำได้แค่นอนไปวันๆ ไม่พยายามฝึกฝน แต่แน่นอน มันย่อมไร้ประโยชน์ต่อให้ฝึกฝนอย่างหนัก
พรสวรรค์ไม่ใช่สิ่งที่จะได้รับจากการฝึกฝนอย่างหนัก ตอนนี้ ดูเหมือนว่าเฟิงหลินจะยอมแพ้ในตัวเองและกลายเป็นขยะโดยสมบูรณ์
อาจารย์หญิงละสายตา ไม่คิดมองเฟิงหลินให้เสียสายตา
บทเรียนนี้จบอย่างรวดเร็ว และนักเรียนก็ออกไปทีละคน ไม่มีใครคิดมองเฟิงหลิน ไม่มีใครแม้แต่จะปลุกเขา
ไม่นานห้องเรียนก็ว่างเปล่า
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนก่อนชายหนุ่มจะยกหัวหนักขึ้น เขากวาดตามองห้องเรียนที่แปลกตาและไม่คุ้นเคย
ฉันเป็นใคร?ฉันมาจากไหน?สถานที่นี้คืออะไร...?
ห้องเรียนเต็มไปด้วยโฮโลแกรมและเทคโนโลยีในอนาคต มีแม้กระทั่งรถที่กำลังบินผ่านหน้าต่างห้องเรียน นี่คือความฝันใช่ไหม แต่มันดูสมจริงมาก
หรือจะเป็นหนังไซไฟ?
โดยไม่มีเวลาให้ไตร่ตรอง ความทรงจำก็หลั่งใหลเข้ามา
ความเจ็บปวดกระจายไปทั่ว
สีหน้าของเฟิงหลินบิดเบี้ยว เขาทำได้แค่สูดลมหายใจหลังผ่านไปนาน แต่ตอนนี้ สีหน้าเขากลับกลายเป็นอึ้ง
งั้น มันก็กลับกลายเป็นว่า ฉันมาอยู่ปี9991 ปฏิทินดวงดาว หลังเขาจบจากมหาวิทยาลัย เขาก็ดื่มจนเมาและมีแค่พระเจ้าที่รู้ว่าทำไมเขาถึงตื่นมาในยุคสมัยนี้
จักรวาลคู่ขนานงั้นหรอ?หรือโลกเขาในอนาคต?
แต่ความจริงอาจไม่ถือว่าสำคัญต่อเฟิงหลิน เขาได้ข้ามมายังอีกโลกและมีโอกาสสูงที่เขาจะกลับไปไม่ได้
ตามประวัติของดวงดาว ในปีคริสต์ศักราช 2160 มนุษย์ได้ออกจากขอบเขตของโลกและเริ่มตั้งอาณานิคมของระบบสุริยะ
เพื่อเป็นการระลึกถึงโอกาสครั้งใหญ่ มนุษย์จึงเปลี่ยนปฏิทิน พวกเขาละทิ้งปฏิทินเดิมและผลักดันปฏิทินด้วยคอมพิมเตอร์ควอนตัมให้สอดคล้องกับเวลาของจักรวาล
นั่นเป็นปีแรกของปฏิทินดวงดาว
ตอนนี้ผ่านไป9991ปีแล้ว
นั่นหมายความว่านับจากปีค.ศ.2018 จากช่วงเวลาที่เขาข้ามมามันก็ผ่านมากว่าหมื่นปีแล้ว
นี่เป็นความฝันใช่ไหม?
ในช่วงเวลาหนึ่ง เฟิงหลินกลับตกอยู่ในภวังค์
การก้าวสู่ยุคสมัยดวงดาว การพัฒนาของเทคโนโลยีมนุษย์รวดเร็วและไม่น่าเชื่อ
ปฏิทินดวงดาวปี3628 มนุษย์ได้พิชิตระบบสุริยะอย่างสมบูรณ์ ดาวเคราะห์ทุกดวงภายในระบบสุริยะเป็นของมนุษย์
ดาวอังคารแสนแห้งแล้งถูกดัดแปลงเป็นดาวเคราะห์เขียวขจี สามารถดำรงชีวิตได้ สถานีอวกาศลอยอยู่เหนือดาวพฤหัสขนาดใหญ่ยักษ์ แถบดาวเคราะห์น้อยระหว่างดาวอังคารและดาวพฤหัสเต็มไปด้วยยานอวกาศสำหรับขุดแร่และดาวพลูโตที่อยู่ปลายสุดของระบบสุริยะก็กลายเป็นดาวเคราะห์สำหรับให้มนุษย์ไปเที่ยววันหยุดพักผ่อน ....รอยเท้าของมนุษยชาติแพร่ไปทั่วทุกมุมของระบบสุริยะ แต่มนุษยชาติก็ถูกขังอยู่เช่นกัน
เทคโนโลยีของมนุษย์พัฒนาจนถึงขีดสุดและพบกับปัญหาคอขวด
นอกระบบสุริยะเป็นวังวนมืดของจักรวาล หลายสิบปีแสงคืออุปสรรคที่มนุษย์ไม่อาจก้าวข้าม
กว่า3พันปีต่อมา นักวิทยาศาสตร์จำนวนนับไม่ถ้วนยังคงทำงานวิจัยและวิทยาศาสตร์กับเทคโนโลยีของมนุษย์ก็เผชิญกับการพัฒนาครั้งใหญ่ พวกเขามีเทคโนโลยีรูหนานซึ่งทำให้มนุษยชาติก้าวออกจากระบบสุริยะได้
ในพื้นที่ไร้สิ้นสุดของห้วงอวกาศ สมบัติมีอยู่ทุกที่ ขุมพลังงานมากมาย
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ฝันอันสวยงามของมนุษย์จะเริ่มขึ้น ฝันก็ดับลงซะก่อน ฝันร้ายที่แท้จริงอุบัติขึ้น
มนุษย์ค้นพบว่าระบบสุริยะไม่ใช่แค่คุกสำหรับพวกเขา มันยังเป็นร่มป้องกันพวกเขาอีกด้วย
สัตว์ประหลาดของดาวเคราะห์อื่น สิ่งมีชีวิตต่างดาวหลายล้านสายพันธ์และหายนะระดับจักรวาลที่ทำลายสวรรค์และโลก...พวกมันปรากฏขึ้น
มนุษยชาติถูกทำลายทันที
แต่ทว่า ท่ามกลางการต่อสู้ มนุษย์ก็วิวัฒนาการขึ้น และในขณะนี้ มนุษย์ก็ค้นพบความสุขและความโศรกเศร้าเมื่อเทียบกับห้วงจักรวาลไร้ขอบเขต มนุษย์นั่นแหละคือสมบัติที่ยิ่งใหญ่สุด
ย้อนไปในยุคโบราณ ตำนานเหล่านั้นเกี่ยวกับเทพเจ้าที่ถูกหักล้างและลดทอนความเชื่อ แต่ในยุคดวงดาว มนุษย์ค้นพบว่าตำนานของเหล่าเทพเป็นเรื่องจริง
พวกเขามีจริง!
ตัวละครในตำนานล้วนแต่มีอยู่จริงในอารยธรรมโบราณ ตามการคำนวณทางวิทยาศาสตร์และการจำลองทางคอมพิวเตอร์ ตัวตนในอดีตได้รับการเคารพในฐานะเทพเพราะพวกเขามีพลังพิเศษ
ด้วยการล่มสลายของอารยธรรม ตำนานเหล่านี้จึงหายไป อย่างไรก็ตาม ยีนพวกเขายังดำรงอยู่ในกลุ่มพันธุกรรมของมนุษย์
มนุษย์สามารถปลุกยีนพวกเขาได้ผ่านการบ่มเพาะและได้รับพลังเหนือธรรมชาติ ดังนั้น กลุ่มยีนพวกนี้จึงเป็นที่รู้จักกันในนามยีนในตำนาน
ร่างมนุษย์ก็เหมือนจักรวาลขนาดเล็ก ทุกยีนเหมือนดวงดาวในท้องฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วน
วิธีบ่มเพาะโบราณตอบสนองต่อศักยภาพซ่อนเร้นของมนุษย์
ทุกๆตนานคือเส้นทางสู่การเป็นเทพ
“เส้นทางสู่การเป็นเทพ?”เฟิงหลินพึมพำ เขาสามารถสัมผัสได้ถึงความหมายลึกลับข้างใน
ร่างนี้เองก็มีชื่อว่าเฟิงหลิน เขาเป็นเด็กชั้นปีสุดท้ายและเป็นนักเรียนธรรมดามาก แม้กระทั่งรูปร่างหน้าตาก็ค่อนข้างเหมือนกับเขาในอดีต
หลังพัฒนามากว่าหมื่นปี หลังมนุษยชาติเคยประสบกับสงครามโลกสามครั้ง สงครามดาวเคราะห์สองครั้ง สงครามดวงดาว5ครั้งและการล่มสลายของอารยธรรมมากมาย มันก็ไม่มีใครให้ความสนใจกับตำนานของยุคโลกโบราณ มีแค่ตำนานส่วนน้อยที่ยังหลงเหลือ และก็มีแค่หนึ่งหรือสองคำ ข้อมูลไม่สมบูรณ์และผสมปนเปกันจนมั่ว
มนุษย์ของโลกโบราณได้ละทิ้งดาวต้นกำเนิดมาเพื่อขุดค้นและวิจัย ทุกวันนี้พวกเขากำลังสำรวจร่องรอยของตำนานอยู๋
แม้มนุษย์จะรู้ถึงการดำรงอยู่ของตำนานเหล่านี้ แต่การสืบทอดก็ถูกตัดขาดมานาน พวกเขาไม่มีทางถอดรหัสยีนพวกเขาได้
เส้นทางการเป็นเทพถูกลืมเลือน มนุษย์ต้องทนทุกข์ภายใต้กรรมของตนและต้องค้นหาเส้นทางโบราณที่เต็มไปด้วยขวากหนามอีกครั้ง
แต่ทว่า เฟิงหลินกลับค้นพบว่าความรู้เขากลายเป็นข้อได้เปรียบครั้งใหญ่
เดิมที ในฐานะคนสมัยใหม่ของศตวรรษ21ที่ถูกส่งข้ามโลกมา ความรู้กละกระบวนการความคิดเขาย่อมห่างไกลกับคนยุคนี้
เดิมทีเขายังกังวลว่าเขาไม่มีทางสร้างตัวในโลกนี้ได้ แต่สิ่งต่างๆก็แตกต่างออกไป!
ยุคสมัยดวงดาวได้เริ่มกำหนดทฤษฏีการปลุกยีนในตำนาน แต่น่าเศร้า เวลาได้ผ่านมานาน ตำนานได้เลือนหายไปจนเกือบหมด
หากเป็นเช่นนั้นก็ดี เพราะเขามาจากอดีต เฟิงหลินมีความรู้เกี่ยวกับตำนานของโลกอยู่มาก
ทุกๆตำนานคือเส้นทางสู่การเป็นเทพ
หากนี่เป็นจริง มันก็หมายความว่าเขายืนอยู่บนเส้นทางสู่การเป็นเทพจำนวนมากไม่ใช่งั้นหรอ?
เทพสงครามฮั่วเซี่ย เทพสามตาเอ๋อหลาง มหาเทพเทียมฟ้าซุนหงอคง จอมปีศาจแห่งแดนเหนือ...
นักบุญตะวันตก พระเยซู จอมมาร ซาตาน บรรพบุรุษแห่งแวมไพร์...
จอมเทพแห่งกรีก ซูส เทพแห่งแสง อพอลโล่ มารดาแห่งโลก ไกอา....
โอดินแห่งยุโรปเหนือ เทพแห่งความตายของอียิปต์ อนูบิส เทพแห่งการทำลายล้างของอินเดีย ศิวะเทพ...
ตำนานเทพทั้งหมดถูกลืมเลือนไปจนเกือบหมดแล้ว
เฟิงหลุนสูดหายใจลึก สำหรับเขา นี่เป็นยุคที่ดีสุดอย่างแน่นอน!