ตอนที่แล้วGE143 นิกายปีศาจขาว [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE145 อ้านหลาน [ฟรี]

GE144 จริงใจ [ฟรี]


หนิงฝาน หานหยวนจี๋ และตู่กูกลับขึ้นมาจากใต้ดิน มุ่งตรงไปยังตำหนักซื่อฟาน ชายชราได้พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญจากโลกกระบี่ว่าในอีก 3 วันข้างหน้าจะออกเดินทางพร้อมกับเหม่ยน้อยและตู่กู

ตู่กูจำเป็นต้องไป ไม่งั้นจิตวิญญาณของนางจะห่างร่างจริงนานเกินไป...

ท่ามกลางราตรีที่มืดมิด หิมะโปรยปราย หนิงฝานยืนอยู่นอกตำหนักซื่อฟาน จ้องมองต้นท้อและศิลาที่เคยมีเจตจำนงค์เทพสลักอยู่

หนิงฝานยกมือเคลื่อนไหว ผนึกกระบี่รวมใจเปล่งแสง ปราณกระบี่ปรากฏ

ผนึกกระบี่รวมใจคือผนึกของโลกกระบี่ ที่สลักไว้เป็นสัญลักษณ์ว่าชายหญิงจะครองคู่จนนิจนิรันดร์… ผนึกกระบี่รวมใจไม่ได้ส่งผลอะไรกับหนิงฝาน ไม่ได้ส่งผลกับหัวใจแห่งปีศาจของเขา แต่กลับส่งผลกับตู่กู

เพราะหลังจากนี้ไป… หนิงฝานจะเป็นสามีเพียงคนเดียวของนาง แต่หากทั้งสองผิดคำมั่นสัญญา ฝืนทำลายผนึก ทั้งสองจะต้องตาย

“แม่นางตู่กู… ข้าว่าเราควรพูดคุยกันดีๆ ยังไงซะเราสองต่างก็ถูกสลักผนึกกระบี่รวมใจ ตัวเจ้าจึงถือเป็นภรรยาของข้า...”

“ไร้สาระ! ปีศาจหนิงน้อย ใครเป็นภรรยาเจ้า! ข้ามีนามว่าตู่กู แซ่...” เสียงอันขุ่นเคืองของนางสะท้อนก้องสุสาน แต่เมื่อนางกล่าวถึงแซ่… นางกลับหยุดไป

นางมีชื่อแต่ไร้แซ่… หากนางแต่งงาน นางต้องใช้แซ่ของสามี

พี่สาวของนางมีนามว่า ‘หานเหม่ย’... หานคือแซ่ของหานหยวนจี๋ ซึ่งนางและชายชราแอบตกลงกันอย่างลับๆ และนางก็ชอบชื่อนี้มาก

หากเป็นตู่กูที่ได้หนิงฝานเป็นสามี นางจะได้ชื่อหนิงตู่กูเช่นนั้นหรือ?

สตรีของโลกกระบี่จะมีชื่อแต่ไร้แซ่ หากสตรีคนใดไม่มีสามารถ พวกนางจะไร้แซ่เช่นนั้นไปตลอดชีวิต เหล่าสตรีระดับสูงของโลกกระบี่ พวกนางหยิ่งในศักดิ์ศรีและไม่ยอมมีสามีไปตลอดชีวิต

กระดูกขาวราวขุนเราลืมแซ่… สตรีก็เป็นเช่นนั้น

เมื่อกล่าวถึงเรื่องแซ่ หนิงฝานก็ถามด้วยความสงสัย

“เหตุใดเจ้าไร้แซ่… และตระกูลของเจ้าแซ่อะไร?”

“แซ่หลิง… แต่ข้าใช่แซ่ไม่ได้ บิดาของข้าไม่อาจละเมิดกฏของโลกกระบี่...” ตู่กูไม่พอใจ

“หากในอนาคตเจ้าแต่งงานกับข้า เจ้าอยากใช้แซ่ใด… แซ่หลิงดูคล้ายแซ่ของสัตว์เลี้ยง เจ้าอยากใช้แซ่นั้นจริงหรือ?” หนิงฝานยิ้มพลางกล่าว

“ฮึ่ม! เหตุใดข้าต้องแต่งงานกับเจ้า! ปีศาจหนิงน้อย ข้าจะบอกอะไรให้ บิดาของข้าหวงข้ามาก!”

“อืม… เข้าเรื่องกันเถอะ...”

หนิงฝานคืนสีหน้าสงบ เรื่องของผนึกกระบี่รวมใจ เป็นสิ่งที่ผูกพันธ์กับนตู่กูมาจากโลกกระบี่ ดังนั้น หนิงฝานจึงใช้ข้อนี้นับนางเป็นภรรยา

ที่หนิงฝานเย้าหยอกนาง ก็เพื่อจะทำให้พูดคุยกันได้ง่ายขึ้น

“มีอะไรก็กล่าวมา...” ตู่กูประหลาดใจ

“อาจารย์ของข้าจะไปโลกกระบี่พร้อมกับเจ้า ข้าขอให้เจ้าช่วยดูแลท่าน อย่าให้ท่านมีอันตราย… ข้าขอเจ้าเพียงเท่านี้… ส่วนเรื่องตอบแทน หากเจ้ามีปัญหาใดๆให้บอกข้า ข้าจะช่วยเจ้า เพียงแต่ต้องเป็น 100 ปีหลังจากนี้...”

นี่เป็นครั้งแรกที่หนิงฝานกล่าวกับนางอย่างจริงจัง และแววตาของเขาก็ทำให้นางใจสั่น ใบหน้าแดงระเรื่อ

แปลกนักที่หนิงฝานขอนางเช่นนั้น

เมื่อได้ยินว่าหนิงฝานจะช่วยเหลือ นางคิดว่าตนก็ไม่เสียประโยชน์

เงาร่างของนางปรากฏขึ้นใต้ต้นท้อ แววตาเป็นประกาย ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มที่งดงาม

“หากเจ้าช่วยข้า ข้าก็จะช่วยเจ้าเช่นกัน… ถึงข้าจะไม่ค่อยพอใจหานหยวนจี๋ แต่เขาก็เป็นคนรักของพี่สาวข้า หากวันใดที่พี่สาวข้าฟื้นกลับมาอีกครั้ง ข้าจะไม่ยอมให้นางได้พบหานหยวนจี๋อีกแน่… มีข้าอยู่ทั้งคน ไม่มีใครกล้าทำอะไรหานหยวนจี๋หรอก เขาเป็นถึงคนของ ‘ผู้ดูแลสี่มหาสมุทร’ แม้เป็นตัวตนระดับกษัตริย์ยังไม่กล้าทำอะไรเขา จะกลัวก็แต่พวกมือสังหารของโลกปีศาจ ข้าจะขอให้ท่านพ่อดูแลเรื่องนี้ให้”

นางไม่ได้อธิบายให้หนิงฝานฟังว่าผู้ดูแลสี่มหาสมุทรคืออะไร แต่หนิงฝานก็พอเดาได้ ดูเหมือนในแดนสวรรค์ ชายชราจะมีสถานะสูงส่ง นอกจากจะเป็นประมุขนิกายปีศาจทมิฬแล้ว ยังเป็นผู้ดูแลสี่มหาสมุทร แม้เป็นเทพกษัตริย์แห่งโลกพิรุณยังต้องต้อนรับด้วยความเคารพ

แต่บางที… สถานะผู้ดูแลสี่มหาสมุทรอาจไม่ใช่ตัวตนที่ยิ่งใหญ่ในแดนสวรรค์ แต่ก็ทำให้ขอบเขตระดับล่างอย่างหานหยวนจี๋ไม่กล้าคิดร้าย

หนิงฝานมองตู่กูด้วยความทราบซึ้ง เขาจ้องมองใบหน้าที่งดงามของนางไม่วางตา ราวกับอยากสลักใบหน้าของนางเอาไว้

แรกเริ่ม หนิงฝานและตู่กูมักจะพูดคุยกันด้วยอารมณ์ แต่สุดท้ายทั้งสองก็พูดคุยกันดีๆ เพราะไม่ว่ายังไง...นางก็เป็นภรรยาของเขา

เมื่อจับจ้องใบหน้าที่งดงามไร้เปรียบของนาง หนิงฝานเริ่มสูญเสียความเป็นตัวเอง ใบหน้าแดงระเรื่อ หัวใจเต้นรัว

เขายังจำเมื่อครั้งที่อยู่กับไห่หนิงได้ เมื่อครั้งนั้น หนิงฝานยังไม่เคยจ้องมองใบหน้าของสตรีในตระกูลยามนั้น พวกนางงดงามอย่างที่สุด แต่การจ้องมองพวกนางจะถือเป็นเรื่องหยาบคาย แม้ว่าพวกนางจะไม่ตำหนิที่แอบมองบ้างก็ตาม

แต่โชคชะตาก็เปลี่ยนหนิงฝาน เปลี่ยนตัวตน… เปลี่ยนหัวใจ… เขาไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึกของเด็ก ยิ่งผ่านการสังหาร ผ่านสงครามและการนองเลือด ผ่านการยกระดับจิตใจจากผลแห่งความฝันเป็นเวลา 50 ปี จิตใจของเขาก็ไม่ต่างไปจากชายชราคนหนึ่ง

แววตาของหนิงฝานทำให้นางอับอายจนต้องหลบตา พลางแอบตำหนิหนิงฝานในใจ

แต่ในขณะนั้น หนิงฝานกลับป้องมือคารวะนาง

“ขอบคุณเจ้ามาก เพลงกระบี่ของเจ้าช่วยชีวิตข้าไว้หลายครั้ง… ตอนนี้ เจ้ายังรับปากว่าจะปกป้องอาจารย์ข้า ข้าหนิงฝานนับถือ...”

“อืม...” ตู่กูหวนนึกถึงบางสิ่ง

ก่อนที่นางจะไป นางกลับนำเอาคัมภีร์บางอย่างออกมาจากอก

“ข้าให้เจ้า...” หนิงก้มหน้า กล่าวด้วยน้ำเสียงคลุมเครือไม่ชัด ก่อนจะกล่าวต่อ

“สิ่งนี้จะเป็นประโยชน์กับเจ้า… แต่ข้าให้ยืม ไม่ได้ให้ถาวร...”

หนิงฝานรับคัมภีร์จากนางมา เขาสัมผัสได้ถึงไออุ่น และกลิ่นหอมจากกายนางที่ติดอยู่บนคัมภีร์

แต่สิ่งที่หนิงฝานใส่ใจไม่ใช่กลิ่นของนาง แต่เป็นเนื้อหาของคัมภีร์ม้วนนั้น

หลังจากอ่านเนื้อหาผ่านใน หนิงฝานเผยสีหน้าตกตะลึงและเร่งส่งคืนคัมภีร์คืนให้นางทันที

“ไม่ได้... ข้ารับมันไม่ได้ มันมากเกินไป!”

“เจ้ารับไปเถอะ… แค่ห้ามบอกผู้ใด คัมภีร์โบราณนี้ข้าบังเอิญได้มาจากบรรพบุรุษกระบี่ นอกจากข้าแล้ว ท่านพ่อหรือผู้ใดก็ไม่เคยเห็น! ในเมื่อข้ามอบให้เจ้าแล้ว เจ้าก็รับไปเถอะ! จะพูดอะไรให้มากความ!” นางทำท่าเหมือนคนเอาแต่ใจ ทุกครั้งที่หนิงฝานทำเหมือนว่าตนเองเป็นเพียงคนรู้จัก นางโกรธโดยที่ไม่ทราบสาเหตุ

นางกระทืบเท้าแล้วกลับเข้าไปในสุสาน

“ไปได้แล้ว ข้าไม่อยากเห็นหน้าเจ้า!” นางกล่าว

หนิงฝานถอนหายใจพลางจ้องมองสุสานของนางอย่างเงียบงัน

คัมภีร์ที่ได้มาสลักคำว่า ‘ดรรชนีกระบี่’ เป็นเพลงกระบี่ลับที่สามารถใช้ได้ด้วยการขัดเกลาร่างกาย กระที่ร่างกายเป็นหนึ่งเดียวกับกระบี่ แม้ไม่มีกระบี่ก็ยังฟาดฟันสังหารศัตรูได้ราวกระบี่

วิชาดรรชนีกระบี่นี้คือวิชาขัดเกลาร่างกายของเทพโบราณ… วิชาเทพที่หายสาบสูญ! แต่ตู่กูกลับมีมันในครอบครอง นับว่านางโชคดีเป็นอย่างมาก

วิชาขัดเกลาร่างกายให้เป็นกระบี่นั้น แบ่งออกเป็น ‘ดรรชนีกระบี่’ ‘กระดูกกระบี่’ ‘เนตรกระบี่’ ‘หัวใจกระบี่’ และอีกหลายๆวิชา

มนุษย์มีสิบนิ้ว หากทั้งสิบนิ้วคือกระบี่ ก็สังหารศัตรูได้ในพริบตา... ขั้นนี้จำเป็นต้องขัดเกลานิ้วมือของผู้ฝึก ต้องทนกับความเจ็บปวดจนยากจะกล่าว เพราะการขัดเกลานิ้วมือนั้น ต้องทำโดยใช้เพลิงพิภพแผดเผา ใช้ค้อนทุบราวกับตีกระบี่ขึ้น

หนิงฝานยังจดจำคราวที่เทพกษัตริย์เนี่ยมาเยือนได้ เพียงมันชี้นิ้ว มันก็สามารถเปล่งอานุภาพทำลายล้างที่ทรงพลังได้

วิชาขัดเกลาร่างกายของเทพนั้น จะทำให้ร่างกายของมนุษย์ทรงพลังมากขึ้น

ยามนี้หนิงฝานบรรลุขอบเขตกระดูกเงิน แต่วิชาขัดเกลาร่างกายกลับมีเพียงกายาหกจ้าง แต่นั่นเป็นเพียงวิชาที่ไร้ค่า และด้อยกว่าดรรชนีกระบี่มาก

หนิงฝานไม่รู้ว่าบรรพบุรุษกระบี่คือผู้ใด แต่คนผู้นั้นต้องเป็นตัวตนที่ทรงพลังที่สุดของโลกกระบี่ การที่ได้สืบทอดวิชามาจากบรรพบุรุษกระบี่นั้น หากถึงหูของผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ พวกมันอาจคลั่งได้

ของล้ำค่าเช่นนี้ แต่ตู่กูกลับเลือกที่จะให้หนิงฝาน นั่นยิ่งทำให้หนิงฝานไม่เข้าใจ

นางรู้สึกแบบใดกับเขานั้น เขาไม่ได้เข้าใจจริงๆ

“อีก 100 ปีข้างหน้า หากข้าไม่ตาย ข้าจะไปเยือนโลกกระบี่...”

เมื่อกล่าวจบ หนิงฝานก็จากไปในความมืดมิด

ตู่กูที่ได้ฟัง เงียบอยู่นาน หลังจากนั้น นางจึงยิ้มอย่างงดงามและกล่าวขึ้น

“ฮึ่ม! ปีศาจหนิงน้อย นับว่าเจ้ายังมีสำนึกอยู่บ้าง… หากเจ้าไม่มาหาข้าที่โลกกระบี่ ข้าจะเกลียดเจ้าไปตลอดชีวิต...”

สามวันให้หลัง หนิงฝานจ้องมองตู่กูและผู้เชี่ยวชาญของโลกกระบี่

หานหยวนจี๋เดินออกมาอย่างเริงร่าและผ่อนคลาย แต่ในระหว่างนั้น ชายชราก็ประครองกระเป๋าที่เอวเป็นอย่างดี เพราะในนั้นมีโลงศพที่สำคัญอยู่

ผู้เชี่ยวชาญในแคว้นเยว่จำนวนมากที่ได้ยินข่าวลือ ล้วนมาชุมนุมกัน ณ เมืองฉีเหม่ย เหล่าผู้เชี่ยวชาญจดจำหานหยวนจี๋ได้ จดจำผู้เชี่ยวชาญจากโลกกระบี่ได้ และจดจำตู่กู มือกระบี่สตรีที่เอาชนะผู้เชี่ยวชาญทุกคนในแคว้นเยว่มาแล้วเมื่อ 10 ปีก่อน

ยามนี้ทุกคนนิ่งสงบ ในใจคิดว่าหานหยวนจี๋สมควรเป็นตัวตนที่สำคัญของโลกกระบี่

เดิมทีผู้คนคิดสงสัยในตัวหานหยวนจี๋ แต่ยามนี้ เมื่อหนิงฝานผู้เป็นศิษย์โด่งดัง และทรงพลังที่สุดในแคว้นเยว่ จึงไม่มีใครกล้าสงสัยในตัวชายชราอีก

หนิงฝานและผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณอีก 4 คนข้างหลัง จ้องมองหานหยวนจี๋ที่ค่อยๆเลือนหายไป

ผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณทั้ง 4 นั้นคือผู้นำตระกูลใหญ่ทั้ง 4 แห่งเมืองฉีเหม่ย ยามนี้ พวกมันไร้ซึ่งหานหยวนจี๋เป็นร่มคุ้มภัย หนิงฝานเองก็จะออกจากแคว้นเยว่… เมืองฉีเหม่ยคงได้กลายเป็นเมืองร้าง

“นายน้อย นับจากวันนี้ไป เมืองฉีเหม่ยของเราจะทำอย่างไร...” โม่หรูฉุ่ยกล่าวถาม

“ผู้นำตระกูลทั้ง 4 ล้วนอยู่ร่วมกับอาจารย์มาค่อนชีวิต แต่ถึงท่านจะไม่อยู่ พวกท่านก็ยังคงต้องฝึกฝนตนเองอย่างหนักอยู่เสมอ… นี่คือโอสถ วิชา คำชี้แนะ วิธีหลอมสร้างสมบัติวิญญาณ และการปรุงโอสถ แม้ข้าจะเพิ่งเตรียมพวกมันในช่วงเวลา 3 วันที่ผ่านมา แต่ก็น่าจะช่วยเหลือพวกเจ้าได้”

หนิงฝานยื่นส่งกระเป๋าให้นาง จ้องมองเมืองหนิงเป็นครั้งสุดท้าย ยิ้มให้ แล้วจากไป

หลังจากหนิงฝานจากไป ผู้นำตระกูลทั้ง 4 ได้เปิดกระเป๋า และผงะกับสิ่งที่อยู่ภายใน

โอสถเสริมวิญญาณ โอสถยกระดับวิญญาณ และโอสถอีกบางชนิดที่ช่วยให้บรรลุขอบเขตแก่นทองคำได้ง่ายขึ้น!

ในหมู่โอสถเหล่านั้น แม้เป็นโอสถผันแปรที่ 4 ยังมี!

ส่วนคำชี้แนะการฝึกฝนที่หนิงฝานให้นั้น เป็นวิธีที่เป็นประโยชน์กับผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณไปจนถึงดวงจิตแรกเริ่ม มีการอธิบายขั้นตอนการฝึกในแต่ละขั้นไว้อย่างชัดเจนและเข้าใจง่าย!

เมื่อผู้นำตระกูลทั้ง 4 ได้อ่าน พวกกลับรู้สึกราวกับได้ความรู้ในสิ่งที่ตนเองถนัด และรู้สึกว่าการฝึกฝนไม่ใช่เรื่องยาก

ทั้งหมดรู้สึกราวกับฟันฝ่าไปยังขอบเขตแก่นทองคำ กระทั่งขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มได้!

ในกระเป๋าใบนั้น แม้หนิงฝานจะกล่าวว่าเล็กน้อย แต่มันกลับยิ่งใหญ่!

ยามนี้เหล่าผู้นำตระกูลต่างสนใจว่า ยามนี้ หนิงฝานแข็งแกร่งระดับใดกันแน่? วิชาปรุงโอสถบรรลุถึงระดับใดกันแน่?

“ลึกล้ำเกินหยั่งคาด!” ผู้นำตระกูลทั้ง 4 ถอนหายใจ แต่หลังจากทั้ง 4 ถอนสัมผัสเทพ หยกที่บันทึกวิชาต่างๆก็สลายเป็นเถ้าถ่าน

หนิงฝานเป็นผู้สร้างหยกนั้นขึ้นด้วยวิธีการพิเศษ เขาสลักรูปแบบวิญญาณเข้าไปว่า หากสัมผัสเทพถูกถอนหลังจากอ่านเนื้อหาภายใน มันจะทำลายตัวเองทันที

หนิงฝานกังวลว่าวิชาของตนจะตกเป็นเป้าให้ผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำช่วงชิง เขาไม่อยากนำปัญหามาให้เมืองฉีเหม่ย

จิตใจของนายน้อยช่างสูงส่ง… พรรสวรรค์เหนือล้ำกว่าผู้ใด… ในอนาคตเขาจะสร้างชื่อในทะเลไร้สิ้นสุด

“ขอบคุณนายน้อย! เช่นนี้เมืองฉีเหม่ยและพวกข้าก็รอดพ้นจากวิกฤติแล้ว!

ผู้นำตระกูลทั้ง 4 เปล่งเสียงกล่าวสุดเสียง

แม้หนิงฝานจะจากไป แต่สัมผัสเทพของเขายังเฝ้าสังเกตุ เขาเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด และยิ้มเล็กน้อย

ดีแล้ว… หวังว่าเมืองฉีเหม่ยจะพัฒนาคนได้เป็นอย่างดี...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด