ตอนที่แล้วDNA อลวนคนสองร่าง ตอนที่ 53
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปDNA อลวนคนสองร่าง ตอนที่ 55

DNA อลวนคนสองร่าง ตอนที่ 54


ตอนที่ 54

ถึงแม้ครูฝึกม้าจะรู้สึกว่าเรื่องที่ม้าเตะประตูเหล็กแตกมันไม่สมเหตุสมผล แต่เมื่อครูฝึกม้าชาวต่างชาติระบุว่าเป็นความจริง บวกกับถ้าไม่ใช่คำอธิบายนี้ เขาก็ไม่สามารถหาคำอธิบายอื่นที่สมเหตุสมผลมาได้ เพราะแบบนั้นจึงต้องยอมรับไป

ตอนนี้ความโชคดีเพียงอย่างเดียวก็คือ นอกจากประตูเหล็กแล้ว ม้าหัวรุนแรงตัวนี้ยังมีเชือกแน่นหนาผูกไว้ด้วย ทำให้เมื่อครู่ไม่เกิดเหตุการณ์ม้าวิ่งออกไปทำร้ายผู้คน อีกทั้งแขกคนเมื่อกี้เองก็ไม่อยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นสาวน้อยบอบบางคงตกใจแย่แน่ๆ ...

หลังจากรีบร้อนเปลี่ยนคอกม้าให้ ‘โรส’ แล้ว ไม่รู้เป็นเพราะมีครูฝึกม้าชาวต่างชาติอยู่ด้วยหรือเปล่า สาวน้อยที่เดิมทีขี้หงุดหงิดกลับเชื่อฟังจนน่าเอ็นดูผิดปกติ จูงก็เดิน พูดก็ฟัง...ครูฝึกม้าถอนหายใจอย่างโล่งอก พร้อมกับรู้สึกชื่นชมครูฝึกม้าชาวต่างชาติ ทว่าเจ้าตัวกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย ด้วยท่าทางไม่พอใจ...อารมณ์ดี จนไม่เหลืออารมณ์ร้ายเลยสักนิดแล้วจะวิ่งทำผลงานดีๆ ได้ยังไง?!

ถึงแม้จะเป็นแค่การแข่งม้าของท้องถิ่นเล็กๆ ไม่ได้มีชื่อเสียงมากมาย แต่ไม่ว่าจะในสนามการแข่งขันแบบไหน ครูฝึกม้าชาวต่างชาติที่ผ่านการแข่งขันมืออาชีพมาหลายต่อหลายครั้งแล้วก็ไม่อยากจะถูกสบประมาทด้วยสาเหตุนี้

เพราะแบบนั้น หลังจากเปลี่ยนคอกม้าให้โรสแล้ว ครูฝึกม้าชาวต่างชาติจึงขอให้ครูฝึกม้าถอยออกไปก่อนด้วยความสุภาพ จากนั้นเขาก็จูงม้าพันธุ์เธอร์โรเบรตที่ตนเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กออกจากสนามฝึกของสมาชิก ไปวิ่งรอบสนามฝึกซ้อมสองรอบ หลังจากจงใจกระตุ้นความบ้าระห่ำออกมาแล้ว ก็ให้มันเก็บพลังไว้เยอะๆ จากนั้นจึงจูงมันกลับไป

...การแข่งขันต่อมาก็ไม่มีปัญหาแล้ว

หลังจากป้อนอาหารจนอิ่มและปลอบให้เจ้าม้ายังอยากจะวิ่งต่อเสร็จแล้ว ครูฝึกม้าชาวต่างชาติก็กลับออกไปด้วยความพอใจ เพื่อเก็บแรงไว้รอการแข่งขันที่จะมาถึง

และในขณะนั้น เย่ซวงก็กำลังพูดกับน้องหรวนหร่วนถึงผลจากการที่ตนไปดูม้ามา “...เท่าที่ไปดูมารอบหนึ่ง มีแต่ม้าตัวนั้นที่อาจจะช่วยให้พวกเธอชนะการแข่งได้ ม้าตัวอื่นแข็งแรงไม่พอ และพวกกล้ามเนื้อยังพัฒนาไม่พอ ฟังครูฝึกม้าพูดก่อนหน้านี้แล้วดูเหมือนม้าตัวนั้นจะยังไม่เคยฝึกให้เชื่องมาก่อน เพราะอย่างนั้นก็เลยไม่กล้าเอามาให้แขกขี่ แต่เธอก็พาแชมป์จังหวัดมาแล้ว คิดว่าเขาน่าจะวางใจอยู่นะ”

ความจริงคือเย่ซวงได้ใช้ความรุนแรงทำให้ตกใจกลัวไปก่อนหน้าแล้ว ถึงม้าตัวนั้นจะยังมีความบ้าระห่ำ และยากจะเชื่องได้อยู่ แต่เชื่อว่าคงไม่ยากเกินกว่าจะสอนเท่าตอนแรกแล้ว ทว่าเย่ซวงไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ หนึ่งคือการทำตัวเองให้เด่นไม่ใช่เรื่องจำเป็น อีกทั้งยังง่ายต่อการทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นการโอ้อวด และทำให้มืออาชีพอย่างแชมป์จังหวัดไม่พอใจได้ สองคือเธอไม่สามารถอธิบายวิธีการฝึกให้เชื่องของตนอย่างละเอียดได้...จะให้อธิบายว่าตัวเองเตะจนรั้วพังหรือยังไง?!

หรวนหร่วนตาเป็นประกายด้วยยินดี “ที่นี่มีม้าดีจริงๆ เหรอ?”

“เป็นม้าพันธุ์เธอร์โรเบรตจริงๆ เหรอ ผมขอไปดูได้หรือเปล่า?” แชมป์การแข่งขันขี่ม้าของจังหวัดเองก็ยินดีไม่ต่างกัน คนคนนี้เป็นคนซื่อตรงและขี้อาย ได้ยินว่าบ้านเกิดอยู่ที่มองโกเลีย เติบโตบนหลังม้ามาตั้งแต่เด็ก เพราะอย่างนั้นจึงนับได้ว่าเป็นคนมีพรสวรรค์ แต่อาจเพราะไม่ค่อยได้เข้าสังคมสักเท่าไร ดังนั้นนอกจากเวลาอยู่บนหลังม้าที่ค่อนข้างจริงจังเป็นพิเศษแล้ว เวลาอื่นๆ ก็มักจะขี้อายและเก็บตัว

ได้คุยกันสองสามประโยค เย่ซวงก็ดูออกว่าคนคนนี้เป็นคนบริสุทธิ์อย่างที่พบหาได้ยาก เวลาแข่งขันน่าจะค่อนข้างตรงไปตรงมา และไม่มีความปลิ้นปล้อน ดังนั้นเธอจึงรู้สึกสบายใจเวลาที่คุยกับเขา แล้วเธอก็พยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม “ได้อยู่แล้ว คอกม้าไม่ได้จำกัดไม่ให้คนนอกเข้า เดินเข้าไปด้านในสุด มีม้าตัวสีน้ำตาลแดงตัวเดียวเท่านั่นแหละที่สูงสิบหกแฮนด์ ตัวสูงใหญ่กว่าม้าตัวอื่นอยู่มาก ทั้งยัง...อะแฮ่ม หรือให้ฉันพาคุณไปไหม?!”

“ไม่ต้องหรอกครับ!” เด็กหนุ่มถูมือไปมาด้วยความตื่นเต้น ก่อนจะลุกขึ้นยืนอย่างอดไม่ไหว “คุณกับคุณหร่วนคุยกันอยู่ที่นี่แหละครับ ผมเข้าไปเองก็ได้” พูดจบแล้วก็วิ่งเหยาะๆ ไปทางคอกม้าอย่างลิงโลด...

ดูม้าเสร็จ แชมป์จังหวัดก็เข้าไปเจรจาเป็นการล่วงหน้าแล้ว บางทีตอนนี้อาจจะกำลังกระชับความสัมพันธ์ฝึกซ้อมเตรียมการแข่งอยู่บนหลังม้าก็ได้...เย่ซวงคิดว่าไม่มีอะไรต้องทำแล้ว ถึงได้กลับไปพูดคุยดื่มชากับเหล่าบรรดาสาวสวยคนอื่นๆ ที่ทยอยกลับมาจากการขี่ม้าด้วยความสบายใจ

ระหว่างที่ทุกคนยังอยู่ในห้องพักก็ได้เจอเข้ากับคุณชายที่เมืองหลวงส่งมาวางเดิมพันกับหรวนหร่วน ข้างกายของคุณชายยังมีเพื่อนมาด้วยอีกหลายคน หรวนหร่วนที่ถูกพูดยุไม่กี่ประโยคก็เข้าไปทะเลาะด้วยความโมโห ส่วนบรรดาสาวๆ ก็เอาแต่หัวเราะคิกคักไม่ได้มีวี่แววจะเข้าไปช่วยเลย

เย่ซวงไม่ค่อยเข้าใจ “...พวกเธอไม่ใช่ทีมเดียวกันเหรอ? ทำไมให้เธอไปทะเลาะกับคนเยอะแบบนั้นคนเดียว?”

“นั่นเรียกการจีบต่างหากล่ะ!” สาวสวยคนหนึ่งที่ดูอายุมากที่สุดในแก๊งสาวสวยท้องถิ่นโบกมือไปมา ก่อนจะพูดขึ้นอย่างหงุดหงิด “คนอื่นน่ะเขาไม่สนใจหรอก คุณชายฟางนั่นจงใจหาโอกาสเข้ามาตีสนิทกับหรวนหร่วน...แค่ก! เจ้าอีโก้สูงนี่ ชอบก็บอกออกมาตรงๆ สิ ฐานะครอบครัวของหรวนหร่วนก็ไม่ใช่ว่าไม่ดี แค่ขอหมั้นก็จบแล้ว เขาทำท่าอายๆ แบบนี้ คนอื่นเขาดูออกกันหมดแล้ว ยังมาจะมาเก๊กอะไรอีก...”

“...” มิน่าล่ะ ท่าทางของกลุ่มคนจากเมืองหลวงถึงได้ดีขนาดนั้น เดิมทีคิดว่าถึงไม่ได้ฉีกหน้าก็ต้องมีการเถียงกันอย่างรุนแรง แต่ตอนนี้มองปราดเดียวก็รู้ว่าเขากำลังหยอกล้อสัตว์ตัวเล็กอยู่...ก่อนหน้านี้เย่ซวงคิดว่าตัวเองเข้าใจผิดไปเอง แต่เมื่อได้ฟังเรื่องจากสาวๆ ถึงได้รู้ว่า ทุกคนรู้กันแต่แรกแล้วว่าคนในกลุ่มของตนชอบสาวน้อยคนนี้ แต่ตัวเจ้าปัญหาทั้งสองตัว คนหนึ่งก็คิดว่าคนอื่นไม่น่ารู้ ส่วนอีกคนก็ยังไม่รู้สึกตัวเลยด้วยซ้ำ...

อีโก้เนี่ย...เย่ซวงนวดขมับ รู้สึกว่าคนพวกนี้ช่างไรสาระเสียเหลือเกิน

หรือว่าว่างเกินไปก็เลยต้องมาทำอะไรบ้าๆ แบบนี้?!

ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น เด็กหนุ่มแชมป์จังหวัดก็เดินออกมาจากทางคอกม้า ตอนแรกเขาคิดจะเดินเข้ามาหา แต่เมื่อเห็นบรรดาสาวสวยที่อยู่รอบข้างแล้ว ทันใดนั้นหน้าขาวๆ ก็เห่อแดงขึ้นมา เขาถูมือไปมาอย่างอายๆ สองสามครั้งแล้วตัดสินใจตะโกนเรียกเย่ซวง

เย่ซวงเงยหน้าขึ้นมอง เด็กหนุ่มกำลังโบกมือเรียกเหมือนมีอะไรจะพูด เมื่อมองไปอีกทางก็เห็นหรวนหร่วนกำลังทะเลาะจนลืมเรื่องทางนี้ เพราะแบบนั้นก็เลยวางแก้ว ลุกขึ้นยืน แล้วเดินเข้าไปหา “มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”

“อืม มีเรื่องอยากจะรบกวนคุณหน่อยน่ะครับ” เด็กหนุ่มพยักหน้าอย่างลำบากใจและเขินอาย “ช่วยไปดูม้าใหม่ได้ไหมครับ? ตัวนั้นมันไม่ได้”

ไม่ได้? ทำไมไม่ได้?!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด