ตอนที่แล้วDNA อลวนคนสองร่าง ตอนที่ 39
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปDNA อลวนคนสองร่าง ตอนที่ 41

DNA อลวนคนสองร่าง ตอนที่ 40


ตอนที่ 40

ปัญหาการใช้ชีวิตก่อนที่เย่ซวงจะกำหนดได้เพศที่แน่นอนได้นั้น อันที่อันจริงคนในครอบครัวเย่ก็คิดถึงเรื่องนี้อยู่ตลอดเวลา

ถ้ามองดูจากสถานการณ์ตอนนี้ หลังจากที่เย่ซวงถูกเปลี่ยนแปลงให้แข็งแรงขึ้น ก็สามารถใช้ความสามารถมาทำมาหากินได้ไม่น้อยเลย แต่ว่าปัญหาก็มีเยอะเช่นเดียวกัน เมื่อถึงเวลาต้องเลือกเพศคงยากน่าดู

เพื่อไม่ให้ร่างกายที่แปลกไปถูกเปิดเผยออกมา เย่ซวงจึงยังไม่สามารถเข้าองค์กรใหญ่ๆ และอยู่ภายใต้การจัดการระดับสูงได้ สรุปได้ว่า มีแค่การทำธุรกิจส่วนตัวหรือทำงานอิสระเพียงสองตัวเลือกนี้เท่านั้นที่ทำได้...

ถ้าเป็นตัวเลือกแรกจะได้เงินเยอะ อีกทั้งยังมีอนาคต แต่ต้องใช้เงินลงทุนมากมายมหาศาล สำหรับเย่ซวงแล้วการวางแผนการประกอบธุรกิจคงไปไม่รอด

ส่วนทางเลือกที่สองนั้น ข้อจำกัดน้อยที่สุด ทั้งยังสามารถรักษาความลับส่วนตัวเอาไว้ได้มากที่สุด แต่น่าเสียดายที่รายรับไม่มั่นคงแล้วยังต้องการคำแนะนำจากแวดวงลูกค้าอีก พูดง่ายๆ ก็คือกินข้าวก็ต้องพึ่งฟ้าพึ่งดินเอา ถ้าเกิดโชคไม่ดีก็ไม่ได้รับงาน อย่างนั้นถึงแม้จะมีความสามารถแต่ก็ไม่มีที่ที่จะได้แสดงมันออกมา

เพื่อปัญหาเรื่องการทำงานของเย่ซวงในช่วงเวลานี้ ก็ทำเอาคุณเย่หัวแทบจะหงอกไปเลย ส่วนคุณนายเย่กลับไม่สนใจ ในฐานะที่ตัวเองเป็นแม่บ้าน สิ่งที่เธอเป็นกังวลมากกว่าก็คือ ลูกสาวคนสวยของตัวเองจะหาคู่ครองแบบไหนมากำหนดเพศ

“ที่เสี่ยวฟางคนนั้นพูดก็มีเหตุผลนะลูก แต่ว่าเรื่องนี้จะรีบไปก็เท่านั้น สถานการณ์ของลูกในตอนนี้ยังทำได้แค่งานพิเศษเท่านั้น ส่วนงานอะไรนั้น...รอให้ลูกเปลี่ยนเป็นผู้ชายก่อนค่อยไปขอให้เสี่ยวฟางสอนแล้วกัน” คุณเย่ถอนหายใจด้วยความอึดอัดก่อนจะพูดว่า “ดูก็รู้แล้วว่า เสี่ยวฟางน่าจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกว่ากับ ‘เสี่ยวเย่’ และในสายตาของเขา ลูกก็เป็นแฟนของเพื่อนเขา ด้วยสถานะของลูกแล้ว จะไปติดต่อกันมากมายเขาคงอึดอัดเป็นแน่...พ่อคิดว่า การที่เสี่ยวฟางแนะนำลูก เขาคงมีอะไรอยู่ในใจบ้างแล้วแหละ”

คงจะมีคนที่ยอดเยี่ยมเท่านั้นถึงจะเป็นเช่นนี้ ต่อให้เรื่องนี้จะไม่เกี่ยวกับพวกเขา และคงจะไม่เข้าไปพัวพันอีก แต่แค่เกิดบังเอิญเจอเข้าสักครั้ง คนพวกนี้ก็คงจะวิเคราะห์ออกมาได้โดยเร็วอย่างเคยชิน เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวว่าจะยุ่งเรื่องชาวบ้านหรือไม่ ที่สำคัญคือ มันเป็นความเคยชินของคนที่ทำงานโดยใช้สมอง และอีกด้านหนึ่งก็คือ คนพวกนี้มักจะมองเห็นโลกที่กว้างกว่า ดังนั้นความเข้าใจในข้อมูลและวิธีการจึงมีมากกว่า

คุณนายเย่ยังคงเสียดายเด็กหนุ่มคุณสมบัติเพียบพร้อมคนนั้นอยู่ “เสี่ยวซวงลูก ลูกกับเสี่ยวฟางคนนั้นคบกันไม่ได้จริงๆ เหรอ?! ครั้งหน้าก็หาโอกาสพูดว่าลูกกับแฟนเก่าเลิกกันไปแล้วสิลูก”

“แม่เลิกคิดได้แล้ว” เย่เฟิงก็เข้าร่วมการประชุมบนโต๊ะอาหารเช่นกัน ในฐานะที่เป็นพี่น้องของ ‘เฮียเย่’ ก็คงจะได้รับความชื่นชอบจากฟางม่อเช่นกัน แล้วก็หยิบแอปเปิลขึ้นมากิน พร้อมกับหัวเราะร้ายๆ ก่อนจะตั้งใจพูดไม่ดีออกไปว่า “เห็นได้ชัดว่าพี่ฟางเขาสนิทกับ ‘เฮีย’ ของผม ต่อไปถ้าหากเจ๊ไปบอกเขาว่าเลิกกับแฟนแล้วล่ะก็ โอกาสที่พี่ฟางกับเจ๊จะลงเอยกันคงจะยาก เรื่องที่เขาจะวิ่งแจ้นไปหาเฮียเย่แล้วกลายเป็นพวกชายรักชายยังเป็นไปได้มากกว่าอีก”

เมื่อพูดออกไปแล้ว เย่เฟิงก็เตรียมตัวที่จะลุกขึ้นวิ่งหนี และตามมาด้วยคุณนายเย่ที่ไม่พูดพล่ำทำเพลงหยิบไม้ปัดขนไก่วิ่งไล่ฟาดก้นตามไป ในเวลานั้นภายในห้องรับแขกก็เต็มไปด้วยเสียงด่าทอของคุณนายเย่และเสียงกรีดร้องพร้อมกับเสียงหัวเราะของเย่เฟิง

เย่ซวง “...”

เด็กบ๊องนี่เป็นน้องชายของฉันจริงๆ เหรอ? !

“...” คุณเย่ก็เงียบไปอยู่ครึ่งนาทีได้ จากนั้นก็กระแอมออกมาแล้วพูดต่อ ทำเหมือนว่าไม่ได้ยินเสียงเจี๊ยวจ้าวที่ดังลั่นไปทั่วห้อง “พ่อก็คิดว่าคำแนะนำของแม่ไม่เข้าท่านะ เสี่ยวฟางเห็นลูกตอนที่เป็นผู้ชายถึงได้เป็นเพื่อนกับลูก ถ้าจะไปพูดว่าเลิกกันน่ะ ความสัมพันธ์อาจจะเปลี่ยนไปเป็นบาดหมางกันก็ได้...ยังไงก็เอาเรื่องงานให้เสร็จก่อน หลังจากนี้ยังมีโอกาสอีกเยอะ”

เย่ซวงพยักหน้าตอบรับพร้อมกับถอนหายใจออกมา ทั้งบ้านก็มีแค่คุณเย่เท่านั้นที่คิดได้อย่างมีเหตุมีผล...ถึงแม้ว่าคุณนายเย่จะอายุมากแล้ว แต่ในเวลาที่เรื่องไม่ได้เร่งด่วน บางครั้งก็ยังมีความเพ้อฝันอย่างพวกเด็กสาวอยู่เหมือนกัน

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเย่เฟิง เพราะบนโลกใบนี้คงไม่มียาตัวไหนที่จะรักษาอาการบ้าของเขาได้แล้วล่ะ

โดยเฉพาะคุณนายเย่กับเย่เฟิงที่กำลังทะเลาะกันอยู่ด้านหลังนั้น ก็ยิ่งทำให้เย่ซวงรู้สึกว่าวันนี้มันช่างวุ่นวายเหลือเกิน...

หลังจากปรึกษาหารือกันเสร็จ เย่ซวงก็เตรียมตัวที่จะกลับห้องไปนอน ช่วงนี้หลังจากเธอกลับบ้านมาก็จะต้องกระโจนเข้าหาเตียงจนติดเป็นนิสัย อันที่จริงช่วงนี้ทุกวันจะต้องผ่านการฝึกอย่างหนักหน่วง เป็นผู้ชายได้ไม่กี่วันก็ต้องไปถ่ายโฆษณา ไหนจะต้องจัดการกับพวกสาวๆ ไหนจะฟางเฟย ไหนจะคุณยายอีก

เนื่องจากช่วงเวลาไม่กี่วันนี้มานี้มีแต่เรื่องเต็มไปหมด จึงไม่มีโอกาสได้งีบหลับเลย

ถ้าคิดว่าเปลี่ยนเป็นผู้หญิงแล้วจะไม่มีเรื่องล่ะก็ คิดผิดแล้ว สุดท้ายตอนเช้าก็ต้องกลายเป็นฮีโร่ช่วยคนไปเสียอย่างนั้น...ช่างเถอะ พูดแล้วน้ำตาจะไหล!

เพิ่งจะล้มตัวนอนบนเตียงได้ไม่นาน เสียงมือถือก็ดังขึ้น เย่ซวงที่กำลังจะปิดตาก็อยากจะร้องไห้ขึ้นมาทันที

มองดูแล้วเป็นเบอร์ที่ไม่รู้จัก ไม่นานมานี้พวกแก๊งต้มตุ๋นทางมือถือกำลังระบาด เย่ซวงจึงตัดสินใจกดวางสายไป แล้วหลังจากนั้นก็หมุนตัวจะหลับตาลงอีกรอบ มือถือเธอก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง เธอจึงกดวางสายอีก และมันก็ดังขึ้นมาอีก...เป็นแบบนี้ไปอีกสองสามครั้ง ในที่สุดเย่ซวงก็ยอมแพ้ ก่อนจะยอมรับสาย และลองฟังดูว่าเขาจะหลอกกันยังไง

คงไม่ใช่เพื่อนเปลี่ยนเบอร์มือถือหรอกนะ?!

คิดไปมือก็คลำหามือถือไป ก่อนจะยกขึ้นมาใกล้หูด้วยเปลือกตาที่ยังปิดอยู่ แล้วเธอก็ได้ยินเสียงผู้หญิงหัวเราะดังลอยมาจากปลายสาย ดูท่าแล้วนี่อาจจะเป็นเพื่อนที่เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ไปก็เป็นได้

ดังนั้นเย่ซวงจึงพูด ‘ฮัลโหล’ ออกไป และกำลังจะถามว่าใครโทรมา ทันใดนั้นกลุ่มหญิงสาวปลายสายก็เงียบไปพร้อมกัน...เล่นอะไรกันน่ะ!

เย่ซวงขมวดคิ้ว และเอามือถือออกห่างมาดู

สัญญาณก็ยังเต็มนะ

เย่ซวงจึงพลิกตัวลุกขึ้นนั่งแล้ว ‘ฮัลโหล’ ไปอีกครั้ง “โทรหาใครคะ? พูดสิคะ!”

ปลายสายก็ยังคงเงียบ ผ่านไปประมาณครึ่งนาทีได้ ในที่สุดก็มีเสียงรัดผ้าลอยมาเข้ามาในสาย ราวกับว่ามีคนเอามือถือไป แล้วก็ตัดสาย

เย่ซวง “...”

ประสาทเหรอ? !

เธอคงไม่รู้ว่า เวลานั้นคุณหนูฟางเฟยกำลังนั่งกำมือถือไว้แน่นด้วยท่าทีเคอะเขินท่ามกลางกลุ่มเพื่อนสาว

เนื่องจากยังต้องร่วมงานถ่ายโฆษณากัน คุณหนูฟางจึงคิดเอาเองว่า นี่คงเป็นเหตุผลที่เพียงพอที่จะเอาเบอร์มือถือของเย่ซวงมาจากรายชื่อเบอร์โทรในมือถือของฟางม่อ แต่ก็ไม่ได้ใช้ชื่อบันทึกเอาไว้ มันแสดงแค่ว่า ‘คนคนนั้น’

และวันนี้ก็ได้มาทานข้าวกับพวกญาติสาวๆ ที่มาเมืองนี้พอดี เล่นกันไปเล่นกันมา คุณหนูฟางเฟยก็ใช้ความกล้าติดต่อไป หลังจากได้ยินเสียงปลายสาย ก็สติหลุดไปครึ่งนาที ขณะที่รอให้สติของเธอกลับมานั้น ทุกคนก็ได้เอามือถือของเธอไปดูอย่างสนุกสนาน เมื่อเลื่อนไปกดดูข้อความและบันทึกการโทรอีกทั้งรายชื่อในมือถือนั้น ในที่สุดก็เจอเบอร์โทรน่าสงสัยของเย่ซวง หลังจากปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ทุกคนก็เข้าใจ...

พวกพี่สาวน้องสาวมองหน้ากันเลิกลัก หลังจากที่เห็นฟางเฟยทำหน้าตาอึดอัดอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็มีน้องสาวใจกล้าคนหนึ่งเปิดปากพูดออกมาว่า “...เป็นผู้ชายของคนอื่นเหรอ?!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด