ตอนที่แล้วDNA อลวนคนสองร่าง ตอนที่ 9
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปDNA อลวนคนสองร่าง ตอนที่ 11

DNA อลวนคนสองร่าง ตอนที่ 10


​ตอนที่ 10

มือใหม่หัดขับอย่างเย่เฟิง สุดท้ายก็เอารถของฟางม่อไปครูดเป็นรอยมาจนได้ ตอนที่กำลังจอดในลานจอดรถของโรงแรม เย่ซวงก็ได้ยินเสียงที่ทำให้เธอรู้สึกใจคอไม่ดี เมื่อลงจากรถจึงรีบเดินไปดูที่ท้ายรถ แล้วก็พบว่ามีรอยครูดเป็นทางบนรถอย่างชัดเจน

“...” เย่ซวงเดินไปที่เย่เฟิงอย่าเงียบๆ ก่อนจะพูดว่า “แกควรจะไปฝึกมาให้มากกว่านี้นะ ฉันหวังว่าเขาจะเห็นแก่ความช่วยเหลือของเราแล้วไม่เอาเรื่องนะ...เขาคงไม่ใช่คนที่คิดเล็กคิดน้อยหรอกมั้ง”

แม้ว่าจะไม่รู้เรื่องรถนี้ดีนัก แต่ตอนที่เย่ซวงอยู่ในบริษัทก็เคยได้ยินเพื่อนที่ทำงานคุยกันประมาณว่า “ผู้จัดการนี่รวยจังเลย รถส่วนตัวนี่ราคาตั้งหลักล้านเชียวนะ...”

เมื่อนึกขึ้นมาได้ อยู่ๆ ก็รู้สึกถึงแรงกดดันอย่างมหาศาล…

เย่เฟิงเก็บทัศนคติที่พังทลายของตัวเองเอาไว้ แล้วมองไปยังพี่สาวที่กำลังโน้มตัวไปอุ้มผู้ชายบนเบาะหลังมาไว้ในอ้อมแขนอย่างง่ายดาย

ภาพแบบนี้ไม่ว่าจะมองกี่ครั้งก็รู้สึกบาดตา...จากนั้นเย่เฟิงก็หมุนตัวกลับไปสงบสติอารมณ์กับตัวเองอย่างเงียบๆ จากนั้นก็หันกลับมารับความจริงและแก้ตัวว่า “หรือจะบอกให้จอดรถเขาไว้ข้างถนนแล้วถูกขโมยดีไหมล่ะ!”

เย่ซวงขี้เกียจที่จะใส่ใจคำพูดของเขา ตอนนี้เธอคิดเพียงแต่ว่าจะทำยังไงให้บอสของเธอตื่นขึ้นมาแล้วไม่เอาความเรื่องรถ...

ทั้งสองเดินตรงไปยังประตูโรงแรม ตอนนั้นพนักงานเปิดประตูก็จ้องจนตาจะถลนออกมา

ในสายตาของพวกเขาเห็นชายหนุ่มร่างสูงหล่อกำลังอุ้มผู้ชายอีกคนเดินเข้ามา แล้วที่ด้านหลังก็มีชายหนุ่มอีกคนเดินตามมาอีก...นี่มันยังไงกันแน่เนี่ย!

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้วิจารณ์กันต่อหน้า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่สงสัย

สายตาหลายๆ คู่จับจ้องมาที่ทั้งสาม จนกระทั่งเดินมาถึงหน้าเคาน์เตอร์ต้อนรับ

พนักงานต้อนรับก็ตกตะลึงเหมือนกัน แต่ก็ต้อนรับด้วยความยินดีพร้อมกับเปิดห้องให้เสร็จสรรพ

เย่ซวงรู้สึกว่าวงเงินรูดบัตรในครั้งนี้ของเธอถือเป็นการสร้างสถิติใหม่เลยก็ว่าได้

โชคดีที่คืนนี้มีรายได้พิเศษจากพวกอันธพาล เดิมทีวางแผนว่าจะเปิดห้องเตียงเดี่ยว แต่ถึงตอนนี้เปลี่ยนเป็นเตียงคู่ก็ไม่ได้เสียหายอะไร

เมื่อทั้งสองคนพี่น้องพาฟางม่อไปยังห้องที่เปิดใหม่ เวลาก็ใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว ถึงเวลาที่เย่เฟิงควรจะกลับบ้าน แต่เขาก็รอจนกระทั่งเย่ซวงพาบอสของเธอไปนอนบนเตียง แล้วอยู่ช่วยเปลี่ยนชุดนอนให้ จากนั้นตาก็เหลือบไปเห็นเวลา จึงรีบร้อนออกไป แต่ก็ไม่ลืมที่จะกำชับสองสามประโยคก่อนไป...

ในเวลานั้นสติของฟางม่อก็ค่อยๆ กลับมา เขารู้สึกว่าในสมองของตัวเองนั้นเหมือนกำลังถูกปูนซีเมนต์เทใส่มายังไงอย่างนั้น เขารู้สึกว่ากะโหลกศีรษะกำลังขยายออกอย่างช้าๆ และหนักขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าหัวของเขาจะแตกออกมาอย่างนั้น

เมื่อฟื้นขึ้นมาก็เหมือนไม่ได้สติยกมือปัดป่ายไปทั่ว เมื่อลองจับเตียงก็รู้ว่าไม่ใช่เตียงที่บ้าน ฟางม่อจึงพยายามเปิดตามองไปรอบๆ

ยังไม่ทันจะเปิดเต็มตา ก็มีผ้าขนหนูเปียกชื้นผืนหนึ่งมาวางบนหน้าผาก เพื่อช่วยให้ไข้ของเขาลดลง

ฟางม่อครางออกมาเบาๆ แล้วคิ้วที่ขมวดกันอยู่ก็ค่อยๆ คลายออก ผ่านไปสักพัก ฟางม่อก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น จากนั้นก็เห็นหนุ่มหล่อคนหนึ่งกำลังนั่งพิงหัวเตียงอยู่บนเตียงข้างๆ

แสงไฟสลัวๆ สาดโดนตัวชายหนุ่มบนเตียงด้วยที่กำลังนั่งอย่างสบายอารมณ์ เขาชันขาขึ้นมาเล็กน้อย มือข้างหนึ่งพาดที่หัวเข่า และมืออีกข้างกำลังถือนิตยสารของทางโรงแรมอ่านอย่างใจจดใจจ่อ

ชายหนุ่มที่มีโครงหน้างดงามราวกับแสงอาทิตย์อันอบอุ่น รอบตัวเขาเหมือนเวลาหมุนไปอย่างช้าๆ และสงบนิ่ง จนเหมือนเวลาได้หยุดเดิน

ฟางม่อหายใจออกเอาไออุ่นๆ ออกมา ในที่สุดก็เข้าใจว่าทำไมนิยายมักจะใช้การพรรณนาเกินจริง ที่แท้ใบหน้าที่ทำให้จิตใจฟุ้งซ่านมันเป็นแบบนี้นี่เอง

เย่ซวงสังเกตได้ว่าลมหายใจของฟางม่อเปลี่ยนไปจึงหันไปมอง แล้วก็พบว่าชายที่นอนอยู่บนเตียงนั้นได้ตื่นขึ้นมาแล้ว

“คุณฟื้นแล้ว?” เย่ซวงเผลอพูดประโยคเหลวไหลออกไป จากนั้นก็ยืนมือไปวัดอุณหภูมิบนผ้าก็รู้ว่าผ้ายังไม่ร้อนมาก จึงวางผ้าไว้ที่เดิม

จากนั้นก็ลุกขึ้นมาจากข้างเตียง แล้วเย่ซวงก็หยิบโทรศัพท์จากหัวเตียงขึ้นมา “เมื่อกี้ผมให้ทางโรงแรมเขาเตรียมโจ๊กไก่ไว้ให้ชามหนึ่ง จะให้เขายกมาให้เลยไหม?”

เย่ซวงที่นั่งเฝ้าอยู่ในห้องนั้นมาสักพักก็รู้ว่าฟางม่อมีอาการไม่ค่อยดีเท่าไร ตอนแรกคิดว่าแค่เมาเหล้าอย่างเดียว คิดไม่ถึงว่าจะได้ยินว่าเขาละเมอออกมาด้วยความทรมาน เหมือนกับว่านอนยังไงก็รู้สึกไม่ค่อยสบาย แม้แต่อุณหภูมิบนหน้าผากก็ยังคงสูงไม่มีท่าว่าจะลดลง...แล้วเธอก็พบว่าตัวเองนั้นตัดสินใจผิดไป เย่ซวงคิดแค่จะช่วยชีวิตแต่ไม่คิดว่าจะต้องมาดูแลด้วย...

หลังจากที่หลับไปได้งีบหนึ่งก็ทำให้มีกำลังขึ้นมานิดหน่อย ฟางม่อรู้สึกดีขึ้น จากนั้นก็รีบลุกขึ้นนั่งด้วยความรวดเร็ว ทำให้ผ้าขนหนูที่วางอยู่บนหน้าผากร่วงลงมา ก่อนจะก้มหัวขอบคุณเย่ซวง “รบกวนคุณหน่อยนะครับ ผมยังหิวอยู่นิดหน่อย”

เย่ซวงยักไหล่ตอบรับอย่างไม่ยี่หระ ก่อนจะเดินไปโทรศัพท์เรียกพนักงานให้นำโจ๊กมาเสิร์ฟ แล้ววางสายไป จากนั้นก็หยิบนิตยสารมาไว้ในมือก่อนจะเดินไปนั่งบนเตียง

เย่ซวงคิดว่าการอยู่ดูแลเขาเป็นเรื่องปกติที่ควรทำ แต่ฟางม่อกลับไม่ได้คิดแบบเดียวกัน

อย่างแรกคืนนี้เขาถูกพวกอันธพาลมาปล้น แต่ก็ได้ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้ากับน้องชายของเขามาช่วยชีวิตเอาไว้ เขารู้สภาพร่างกายของตัวเองดี แต่เรื่องที่เขาเป็นลมล้มพับไปมันเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมาย ตามหลักแล้วอีกฝ่ายไม่จำเป็นต้องมาดูแลเขาด้วยซ้ำ แต่เขากลับมาดูแลและคอยเฝ้าเป็นเวลานาน...

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้แล้ว ฟางม่อก็คิดถึงความเหงาและความโดดเดี่ยวที่ต้องมาทำงานในเมืองซานหลิน แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมา

ฟางม่อหยิบผ้าขนหนูไปใส่ไว้ในตะกร้าผ้า จากนั้นเขาก็ลงจากเตียงไปหยิบชุดนอนว่าจะไปอาบน้ำ ตอนนี้เหงื่อที่ซึมทั้งตัวทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยสบายตัวเท่าไรนัก

เมื่อเดินผ่านเตียงของเย่ซวงไปก็เห็นว่าเขาตั้งใจอ่านนิตยสารที่อยู่ในมือมาก ฟางม่ออดสงสัยไม่ได้จนต้องหยุดเดินก่อนจะถามออกไปว่า “นิตยสารเล่มนี้สนุกเหรอ?” คำพูดที่พูดออกไปนั้นทำให้ฟางม่อรู้สึกว่ามันงี่เง่ามาก คิดจะแก้ก็คงไม่ทันแล้ว อีกทั้งตั้งแต่เล็กจนโตเขายังไม่เคยรู้วิธีเริ่มบทสนทนามาก่อน เพราะปกติจะมีแต่คนเข้ามาชวนเขาคุยก่อนมากกว่า...

สุดท้ายชายหนุ่มที่อยู่บนเตียงก็เงยหน้าขึ้นมามองเขาอย่างประหลาดใจแล้วพูดว่า “...นิตยสารเล่มนี้สนุกไหมน่ะเหรอ?!”

“...”

ฟางม่อก็เงียบไปสักพักก่อนจะกระแอมแก้เขินออกมาเพื่อเปลี่ยนบทสนทนา “วันนี้ขอบคุณคุณมากจริงๆ แถมยังต้องรบกวนให้คุณมาดูแลผมอีก...”

“ไม่ต้องขอบคุณหรอก ยังไงผมก็นอนไม่หลับอยู่แล้ว”

ที่เย่ซวงพูดนั้นคือความจริง เพิ่งจะเลยเที่ยงคืนมาหนึ่งนาที อยู่ๆ ในหัวของตัวเองก็มีข้อมูลข่าวสารต่างๆ นานาไหลเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย จากความทรงจำที่ได้รับสืบทอดมาทำให้เขารู้ได้ว่า นี่คงจะเป็นความทรงจำและความรู้ที่ได้มาจากยีน...เพราะนี่ไม่ใช่ความจำที่เธอมีมาตั้งแต่เด็ก อีกทั้งจำนวนข้อมูลที่สะสมอยู่ก็ดูจะมากจนเกินไป

ยังไงก็ตามคืนนี้ยังอีกยาวไกล แถมยังถูกกวนใจจนนอนไม่หลับ แค่เปลี่ยนผ้าขนหนูให้จะไปยุ่งยากอะไรล่ะ

ฟางม่อคิดว่าฝ่ายตรงข้ามอาจจะถ่อมตัว จึงพยักหน้ารับแล้วไม่ได้พูดอะไรต่อ ได้แต่เก็บเอาไว้ในใจ แล้วคิดว่าจะไปตอบแทนทีหลัง

ฟางม่อเดินไปถึงตู้เสื้อผ้าก็หยิบชุดนอนออกมา เขาไม่ได้ถือสาอะไรจึงเริ่มถอดกระดุม...

ในห้องก็มีแต่ผู้ชาย ไม่น่าเสียหายอะไร แต่คิดไม่ถึงว่าแค่เขาถอดเสื้อตัวบนเผยให้เห็นแผ่นหลังกำยำ หนุ่มหล่อที่นั่งพิงหัวเตียงอยู่ด้านหลังก็ปาหมอนมาพร้อมกับตะโกนว่า “ไปถอดในห้องน้ำสิ!”

“...”

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด