ตอนที่แล้วบทที่ 87 เล่นกล
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 89 ความอึดอัดหลังพูดไม่คิด

บทที่ 88 ตำรับอาหารซอมบี้


บทที่ 88 ตำรับอาหารซอมบี้

“เอาล่ะ เท่านี้ก็สามารถอดทนไปจนถึงโรงพยาบาลได้แล้ว”

 

ถึงแม้ฝีมือการพันแผลของหลิงม่อจะไม่ถือว่าดี แต่พอพันแผลเสร็จแล้ว แขนของหลินล่วนชิวกลับดูดีขึ้นกว่าเมื่อครู่เยอะทีเดียว บวกกับได้ความช่วยเหลือจากเย่เลี่ยนและซย่าน่าแล้ว ถือว่าดูเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา

 

“ที่จริงคุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ก็ได้ พวกเราแค่ร่วมมือกัน” หลินล่วนชิวพูดเสียงเบา

 

หลิงม่อหัวเราะเบาๆ “แค่เรื่องเล็กน้อยน่า อีกอย่าง ผมขอพูดอะไรสักอย่าง การตายของสื่อปิน ไม่เกี่ยวกับคุณจริงๆ”

 

เขามองออก ถึงแม้ว่าหลินล่วนชิวพยายามที่จะรักษาสีหน้าให้เรียบเฉย แต่รอบดวงตาเธอกลับมีรอยแดงเล็กน้อย เพื่อนคนสุดท้ายต้องมาตายไปเช่นนี้ สำหรับหลินล่วนชิวแล้ว นอกจากเจ็บปวดแล้วยังรู้สึกสูญเสียอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

เดิมทีหลิงม่อยังลังเลว่าควรพูดเรื่องการหักหลังครั้งสุดท้ายของสื่อปินออกมาดีไหม แต่พอคิดดูอีกที ปล่อยมันไปเสียดีกว่า

 

หากรู้ความจริงแล้ว ก็ไม่แน่ว่าหลินล่วนชิวจะรู้สึกดีขึ้นมาบ้างหรือเปล่า

 

ผ่านพ้นคืนที่แสนจะโกลาหล อีกไม่นานท้องฟ้าก็จะสว่างแล้ว

 

ทุกคนรีบคว้าโอกาสนี้พักผ่อนสักครู่หนึ่ง พอฟ้าสางก็จะรีบไปจากโรงยิมแห่งนี้ทันที

 

หลังจากทานมื้อเช้าง่ายๆเสร็จแล้ว ก่อนออกเดินทาง หลินล่วนชิวถามหลิงม่อถึงสถานที่ที่สื่อปินตาย จากนั้นเธอก็วิ่งออกไปดูหน้าเขาเป็นครั้งสุดท้าย

 

เขายืนมองส่งหลินล่วนชิวเดินออกจากประตูโกดัง หลิงม่อแอบคิด ผ่านการไตร่ตรองมาหลายชั่วโมง ในที่สุดหลินล่วนชิวก็ยอมรับเรื่องจริงที่ว่าสื่อปินตายแล้ว ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่มีความกล้าพอที่จะพูดถึงเรื่องไปดูศพของเขา

 

พอช่วยเย่เลี่ยนกับซย่าน่าหวีผม เช็ดหน้าเสร็จแล้ว หลิงม่อก็พาพวกเธอออกเดินทาง

 

สองสาวซอมบี้กลายพันธ์ต่างก็คุ้นเคยกับการดูแลเช่นนี้ของหลิงม่อแล้ว แม้ว่าซย่าน่าจะฟื้นฟูความจำได้ และเย่เลี่ยนเองก็มีสติรู้คิด เริ่มมีความสามารถที่จะจัดการพื้นฐานการใช้ชีวิตได้บ้างแล้ว แต่พวกเธอก็ยังชอบให้หลิงม่อดูแลแบบนี้มากกว่า แน่นอนว่าหลิงม่อเองก็รู้สึกยินดีกับเรื่องเหล่านี้ ไม่นับว่าเป็นการเอาเปรียบเล็กๆ น้อยๆ สิ่งสำคัญคือ ในวันโลกาพินาศ พวกเขากลับมีช่วงเวลาที่เงียบสงบอย่างนี้ ช่างเป็นสิ่งที่หายากเสียจริง

 

เขาตั้งใจชะลอความเร็ว พอพวกเขาเดินไปถึงขั้นบันได หลินล่วนชิวก็รอพวกเขาอยู่ที่นั่นด้วยดวงตาแดงก่ำแล้ว

 

“ไปกันเถอะ” ไม่รอให้หลิงม่อถามไถ่ หลินล่วนชิวก็ชิงพูดขึ้นก่อน

 

ในใจหลิงม่อพลันโล่งอก หากหลินล่วนชิวเงียบไม่พูดไม่จา เขากลับไม่รู้จะปลอบใจเธออย่างไรจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องแบบนี้ต้องให้เจ้าตัวคิดได้เอง คนอื่นพูดไปเท่าไหร่ก็ไม่มีประโยชน์

 

ด้านหน้าโรงยิม ซอมบี้พวกนั้นยังคงเดินแกว่งไหวไปมาช้าๆ พื้นที่เปิดโล่งเช่นนี้ หากมีคนโผล่หัวออกไปก็สามารถดึงดูดความสนใจจากซอมบี้พวกนี้ได้ทันที ยิ่งหากเกิดการปะทะกัน ซอมบี้ที่หลบอยู่ตามมุมก็จะมารวมตัวกันแน่นอน ดังนั้นวิธีที่หลิงม่อเลือกก็คือการอ้อมผ่านไป

 

หลังจากหลบอยู่หลังแท่นดอกไม้และค่อยๆ อ้อมออกมาจากสนามอย่างระมัดระวัง หลินล่วนชิวก็ชี้ไปยังตึกที่ค่อนข้างสูง และพูดขึ้นว่า “ที่นั่นก็คือโรงพยาบาลของมหาลัย”

 

ถึงแม้จะมองเห็นหลังคาของโรงพยาบาลจากที่ไกลๆ แต่ก็เหมือนเห็นภูเขาอยู่ใกล้แค่เอื้อม แท้จริงวิ่งไปจนม้าตายก็ยังไม่ถึง สถานการณ์เช่นนี้ในพื้นที่วุ่นวายแบบนี้ คงไม่ต่างจากสุภาษิตสำนวนนี้เลย หากเดินตรงไป ระยะทางเหมือนไม่ไกล แต่หากเดินเลียบไปตามถนนแล้ว กลับต้องใช้เวลาเดินกว่าครึ่งวันเลยทีเดียว

 

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงซอมบี้ที่เดินอยู่เกลื่อนถนน บางทีเพิ่งจัดการเสร็จไปไม่กี่ตัว พอตัวด้านหน้าได้กลิ่นคาวเลือดก็รีบจู่โจมเข้ามาทันที เพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าไปอยู่ในวงล้อม หลิงม่อมักลอบฆ่าซอมบี้บนถนนใหญ่ จากนั้นก็ฉวยโอกาสตอนที่ซอมบี้โดนดึงดูดความสนใจ พาพวกพ้องอ้อมไปด้านหลังอาคารอย่างเงียบๆ

 

วิธีนี้มีทั้งข้อดีข้อเสีย เพราะพวกซอมบี้ที่หลบอยู่ตามมุมอาคารต่างๆ ก็จะถูกดึงดูดด้วยกลิ่นคาวเลือด และมักจะพุ่งออกมาจากเงามืด เผชิญหน้าเข้าอย่างจังกับพวกหลิงม่อ

 

ข้อดีอยู่ที่การต่อสู้อย่างมีประสิทธภาพและการตอบสนองอย่างรวดเร็วของซอมบี้สาวสองตัว ซอมบี้พวกนี้ยังไม่ทันเดินเข้ามาก็ถูกพวกเธอจัดการร่วงเสียแล้ว หากคำนวณดูแล้ว วิธีการเช่นนี้ของหลิงม่อมีเล่ห์เหลี่ยมไม่น้อย ไม่ต้องเผชิญกับสิ่งกีดขวางเป็นฝูง อีกทั้งพื้นที่ก็แคบ และเพื่อหลีกเลี่ยงการได้รับบาดเจ็บ หลิงม่อจะใช้ความสามารถในการควบคุมหุ่นซอมบี้ ให้ซอมบี้เดินเข้ามาหาความตายอย่างว่าง่ายก็ดี หรือจะใช้หนวดสัมผัสทางจิตก่อกวนให้เกิดผลกระทบ แล้วฉวยโอกาสจัดการเสียก็ได้

 

ความแตกต่างระหว่างความสามารถในการควบคุมหุ่นซอมบี้กับหนวดสัมผัสทางจิตของเขา ถึงแม้คนอื่นจะมองไม่ออก แต่หลินล่วนชิวนั้นติดตามทั้งสามคนมาหนึ่งวันกว่าๆ แล้ว เธอสังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่าง โดยเฉพาะเมื่อคืนที่เธอถูกดมกลิ่นคาวเลือดได้ หลินล่วนชิวก็เริ่มสงสัยในตัวตนของเย่เลี่ยนกับซย่าน่ามากขึ้นไปอีก

 

คนทั่วไปไม่น่าจะไวต่อกลิ่นมากขนาดนี้ ยิ่งกว่านั้นเธอยังใช้เหล้าเพื่อปกปิดกลิ่นและแก้พิษไว้แล้วด้วย

 

ทว่าสงสัยก็ส่วนสงสัย แม้ว่าหลินล่วนชิวจะเป็นคนฉลาด แต่ก็คงคิดไม่ถึงว่าคนที่ดูคล้ายมนุษย์ธรรมดาทั่วไปอย่างสองสาวนี้ จะกลายเป็นซอมบี้กลายพันธุ์ไปได้

 

แต่กลับเป็นเพราะความสามารถพิเศษของหลิงม่อมากกว่า ที่ทำให้เธอมองเห็นถึงเงื่อนงำบางอย่าง

 

ถึงแม้อยากเปิดปากถามให้แน่ใจ แต่เธอกลับพบว่า เวลาที่หลิงม่อพูดถึงความสามารถพิเศษของตัวเองมักจะคลุมเครือไม่ชัดเจนเสมอ ในเมื่อเป็นอย่างนี้ เธอก็ไม่อยากถามให้อึดอัดใจอีก

 

บางทีอาจเป็นเพราะหลังจากที่สื่อปินตาย เธอก็เริ่มเป็นกังวลเกี่ยวกับสถานภาพของตัวเอง ดังนั้นเวลาที่ซอมบี้มีจำนวนไม่มาก เธอจะยื่นมือเข้าช่วยด้วยเหมือนกัน แม้ร่างกายไม่ค่อยพร้อม แต่อาศัยความสามารถพิเศษที่เร็วเหมือนกระสุน เธอก็ฆ่าซอมบี้ไปได้หลายตัวแล้วเช่นกัน

 

ระหว่างทาง ตอนที่เดินผ่านอาคารปฏิบัติการหลังหนึ่ง หลิงม่อเกิดความสนใจอย่างมากเกี่ยวกับซอมบี้กลายพันธุ์ที่อาจรอดชีวิตอยู่ด้านใน เขาใช้ข้ออ้างในการพัก พาคนทั้งกลุ่มเดินเข้าไปด้านใน ให้หลินล่วนชิวกับซย่าน่ารออยู่ที่ชั้นหนึ่งชั่วคราว ส่วนตัวเองก็พาเย่เลี่ยนเดินขึ้นตึกไป

 

เดิมทีจุดประสงค์ของเขาในการมาที่มหาวิทยาลัยเมือง X ก็เพื่อตามล่าซอมบี้กลายพันธุ์ เก็บรวบรวมก้อนไวรัสให้ได้มากที่สุด และส่งเสริมวิวัฒนาการของเย่เลี่ยนกับซย่าน่าให้ก้าวไปอีกขั้น โดยเฉพาะเย่เลี่ยน เธอมาถึงจุดสำคัญในการที่จะวิวัฒนาการขึ้นอีกขั้นแล้ว ขอแค่ผ่านอุปสรรคนี้ไปได้ เธอก็จะกลายเป็นซอมบี้กลายพันธ์ระดับสูงขึ้นอีก

 

ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะสะดวกกว่าหากทำหลังจากที่ส่งหลินล่วนชิวไปโรงพยาบาลแล้ว แต่ดันมาเจอตึกปฏิบัติการที่เต็มไปด้วยซอมบี้อยู่ระหว่างทางอย่างนี้ หากพลาดโอกาสนี้ไป คงอดเสียดายไม่ได้

 

ความจริงแล้ว เนื่องจากหลินล่วนชิวสงสัยในความสามารถพิเศษของหลิงม่ออยู่แล้ว ตอนที่หลิงม่อพูดขึ้นว่า “พักผ่อน” เมื่อครู่ แม้ว่าหลินล่วนชิวรู้สึกว่าข้ออ้างนี้ฟังไม่ขึ้นสักเท่าไหร่ แต่เธอก็ไม่ได้คัดค้านอะไร แน่นอนว่าเธอไม่รู้ว่าหลิงม่อตั้งใจจะไปล่าซอมบี้ เรื่องที่ฟังดูน่าตกใจอย่างนี้ เธอคงคิดไม่ถึง แต่เธอเดาว่า บางทีหลิงม่ออาจตั้งใจเข้าไปเก็บรวบรวมของพิเศษบางอย่างก็ได้

 

ในอาคารปฏิบัติการหลังนี้มีซอมบี้จำนวนไม่น้อย แม้แต่ซอมบี้กลายพันธุ์ก็ยังมีมาให้เห็นหลายตัว หากต้องเผชิญกับซอมบี้กลายพันธุ์ในที่โล่งแจ้ง เกรงว่าหลิงม่อเองก็คงต้องกังวลไม่น้อย แต่หากในสถานที่แบบนี้ แม้ว่าเย่เลี่ยนจะไม่ลงมือ หลิงม่อก็สามารถใช้ประโยชน์จากสถานที่บวกกับความสามารถพิเศษของเขา บดขยี้ซอมบี้กลายพันธุ์เหล่านี้ให้ตายไปเสีย

 

เพื่อเป็นการประหยัดเวลา หลิงม่อไม่ได้ชำระความใดๆ กับซอมบี้กลายพันธุ์พวกนี้ตามที่คิดไว้ แต่หันไปพึ่งพาความสามารถในการโจมตีระยะประชิดของเย่เลี่ยนแทน โดยให้เธอจัดการพวกซอมบี้ให้พ้นทางไป ส่วนตัวเขาเองก็อยู่ข้างๆคอยใช้หนวดสัมผัสทางจิตคอยก่อกวนฝ่ายตรงข้าม จากนั้นก็ใช้มีดแทงออกไปอย่างรวดเร็ว ภายใต้เงื่อนไขการร่วมมือร่วมใจ วิธีการต่อสู้แบบนี้เห็นจะได้ประสิทธิภาพสูงสุดแล้ว พวกซอมบี้กลายพันธุ์ยังไม่ทันได้แสดงฝีมืออะไร ก็ถูกฆ่าตายไปเสียก่อน

 

เวลาเพียงเกือบสิบนาทีบนตัวอาคาร หลิงม่อเก็บก้อนไวรัสได้มากถึง 5 ก้อนแล้ว ถึงแม้ระดับความบริสุทธิ์จะต่ำไปหน่อย แต่ก็ทำให้หลิงม่อรู้สึกพอใจอยู่ไม่น้อย

 

ซอมบี้ภายในวิทยาเขตกึ่งปิดที่แน่นหนาเช่นนี้ แน่นอนว่าจำนวนของซอมบี้กลายพันธุ์นั้นมีมากตามคาด

 

เดิมทีหลิงม่อเคยคิดว่า อาศัยแค่ความสามารถของตัวเอง ก็สามารถสร้างซอมบี้กลายพันธุ์ขึ้นมาเองได้ แต่ในทางกลับกันมันก็ใช้เวลานานและใช้พลังงานไม่น้อย และอีกอย่าง บางทีหลิงม่ออาจยังไม่ทันได้สร้างซอมบี้กลายพันธุ์ให้สำเร็จ เย่เลี่ยนกับซย่าน่าก็อาจจะหิวจนทนไม่ไหวเสียก่อน

 

ความจริงแล้วหลิงม่อเคยสร้างซอมบี้กลายพันธุ์ขึ้นมาหนึ่งตัวโดยไม่ได้ตั้งใจ ถึงแม้จะเป็นซอมบี้ระดับต่ำสุดก็ตาม

 

ตอนที่เขาเริ่มควบคุมหุ่นซอมบี้ตัวนั้น ก็ถือได้ว่าซอมบี้ตัวนั้นเป็นซอมบี้กลายพันธุ์แล้ว แต่ก้อนไวรัสในสมองของมัน มีขนาดเล็กจนน่าสงสาร นั่นเป็นเพราะว่าตอนหลังเขานำซากเนื้อมาเป็นอาหารให้มัน

 

ดังนั้นเพราะเหตุนี้หลิงม่อเลยได้รู้ว่า ซอมบี้กลายพันธุ์สามารถกินเนื้อเพื่อให้อิ่มท้องได้เหมือนกัน แต่หากอยากมีวิวัฒนาการที่สูงขึ้นก็ทำอย่างนี้ไม่ได้ ยิ่งเป็นซากเนื้ออย่างนั้นแล้วด้วย แม้กระทั่งซอมบี้ทั่วไป ยังเลือกที่จะกินเนื้อมนุษย์ก่อนเป็นอันดับแรก

 

พูดง่ายๆ คือ ในตำรับอาหารของซอมบี้กลายพันธุ์นั้น ก้อนไวรัสคืออาหารหลัก เนื้อมนุษย์คือของหวาน แต่เนื้อทั่วไปก็แค่เศษอาหารที่เอาไว้อุดช่องฟัน

 

แต่สำหรับซอมบี้ทั่วไป พวกมันไม่มีปัญญาได้กินก้อนไวรัส ดังนั้นเนื้อมนุษย์จึงกลายเป็นอาหารหลักของพวกมันแทน แต่เนื้อทั่วไปก็ยังถือว่าเป็นเศษอาหารอยู่เช่นกัน

 

นึกย้อนไปในตอนที่ตัวเขาเองยังขาดความรู้ ผลสุดท้ายเขาได้ทำให้วิวัฒนาการของหุ่นซอมบี้ตัวนี้สูญเปล่าไปเสียแล้ว หลิงม่อเองก็อดไม่ได้ที่จะนึกขำ แต่มันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้จริงๆ ซอมบี้พวกนี้ก็ถือว่าเป็นสายพันธุ์ใหม่ ความลี้ลับที่ซ่อนอยู่ในร่างกายของพวกมัน ไม่มีใครรู้ได้ชัดเจน อย่างน้อยตอนนี้ความเข้าใจที่หลิงม่อมีต่อพวกมัน ไม่ได้หยุดอยู่แค่ที่รู้ว่าพวกมันมีวิวัฒนาการไปได้เรื่อยๆ ไม่หยุด แต่ยังสามารถมีสติรู้คิดได้อีกด้วย

 

-----------------------------------------------------------------------------

 

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด