ตอนที่แล้วGE139 ชู่ซวนเชียนสื่ออับอาย [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE141 ข้าไม่ยอม [ฟรี]

GE140 สามทางเลือก [ฟรี]


ภายในห้องลับที่เงียบสงบ บรรยากาศที่คลุมเครือก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ

หนิงฝานสัมผัสน่องขาของชู่ซวนเชียนสื่อ สัมผัสข้อมือ และเท้าทั้งสองข้าง เพื่อชักนำพิษหนอนไหมออกมา

แต่บางคนอาจคิดว่า เป็นการล่วงเกินสตรี… หนิงฝานหลับตา ปิดสัมผัสรับกลิ่น โคจรวิชาแปลงหยินหยาง เพราะด้วยสถานการณ์ที่คลุมเครือเช่นนี้ เป็นโอกาสที่จะทำให้วิชาแปลงหยินหยางยกระดับ

ในตัวตนหนิงฝานมีทั้งโม่หนิงและไป๋ฝาน แบ่งออกเป็น 2 บุคลิกเหมือนหยินหยาง ทำให้วิชาแปลงหยินหยางยกระดับได้ง่ายขึ้น

ส่วนการจะยกระดับปราณ การขัดเกลาผสานจะได้ผลดี

การที่มีสตรีเช่นชู่ซวนเชียนสื่อตรงหน้าเช่นนี้ ช่างเป็นโอกาสดีให้ขัดเกลาผสาน

เท้าของนางเป็นส่วนสำคัญ มันไวต่อความรู้สึก งดงาม นุ่มละมุน ง่ายต่อการที่บุรุษจะขาดสติยับยั้งชั่งใจ และนั่นก็ช่วยให้วิชาแปลงหยินหยางของหนิงฝานยกระดับขึ้นอย่างช้าๆ

วิชาแปลงหยินหยางแบ่งออกเป็น 9 ระดับ ฉากที่คลุมเครือ เย้ายวนต่างๆนาๆทำให้หนิงฝานบรรลุระดับแรกของมัน

ชู่ซวนเชียนสื่อเป็นผู้เชี่ยวชาญกึ่งดวงจิตแรกเริ่ม สตรีในขอบเขตนี้จะแตกต่างจากสตรีทั่วไปอย่างสิ้นเชิง ปราณหยินแรกเริ่มในร่างพวกนางจะหนาแน่น กลิ่นอายของปราณหยินแรกเริ่มที่แผ่ออกมาจากใต้กระโปรงของนางนั้น ช่วยให้วิชาแปลงหยินหยางของหนิงฝานยกระดับได้ไม่น้อย

หากจะบรรลุวิชาแปลงหยินหยางระดับ 2… ต้องร่วมรักกับสตรีในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม 99 ครั้ง ในทุกๆ 11 ครั้งจะทะลวงระดับ 1 ระดับ แต่หากสตรีนางนั้นเป็นสตรีพรหมจรรย์ ผลที่ได้จากการร่วมรักพวกนางจะดีขึ้นนับ 10 เท่า

และยามนี้ ชู่ซวนเชียนสื่อที่ยังคงพรหมจรรย์ นอนหมดสติอยู่เบื้องหน้าหนิงฝาน หากหนิงฝานคิดจะขัดเกลาผสานกับนางจริง นางย่อมไม่อาจขัดขืน เพราะปราณหยินแรกเริ่มของนางจะเป็นประโยชน์กับหนิงฝานมาก

หากวิชาขดเกลาผสานบรรลุระดับ 2... วิชาสัมผัสเทพของก็จะถูกเปิดเผย บางที อาจไม่ได้มีเพียงดรรชนีคลายหยิน

“หากร่วมขัดเกลาผสานกับนาง ตัวข้าจะได้ประโยชน์อย่างที่สุด แต่นั่น...มันขัดกับเต๋าของข้า...”

ขณะที่ลูบสัมผัสฝ่าเท้าของนางอยู่นั้น หนิงฝานก็ถอนหายใยพลางส่ายหน้า และพยายามขับพิษให้นางต่อ

คำกล่าวของหนิงฝานได้ยินถึงหูของนางที่แกล้งหมดสติ ทำให้นางแอบโกรธเคือง

“ช่างกล้าคิดจะขัดเกลาผสานกับข้า...”

แม้นางจะโกรธแต่นางก็เริ่มกังวล เพราะร่างกายของนางยามนี้ต้องพิษร้ายแรง ยิ่งหนิงฝานลูบสัมผัส ยิ่งทำให้ร่างกายของนางหมดแรงอย่างบอกไม่ถูก หากหนิงฝานคิดจะทำอะไรนางจริง คงยากจะขัดขืน

แต่สิ่งที่หนิงฝานกล่าวหลังจากนั้น คือจะไม่ขัดเกลาผสานกับนาง เพราะหากเขาทำขึ้นมาจริงๆ นางจะทำอย่างไร

ทั้งหมดนั้นทำให้นางเข้าใจในตัวหนิงฝานมากขึ้น

แม้หนิงฝานจะโหดเหี้ยม ฝึกฝนวิชาขัดเกลาผสานเป็นหลัก แต่แท้จริงแล้วหนิงฝานกลับเป็นตรงกันข้ามทั้งหมด  หากเขาเป็นคนเลวจริง แคว้นเยว่คงพินาศได้ง่ายๆ เพราะสตรีในขอบเขตแก่นทองคำทั้งหมด คงกลายเป็นกระถางขัดเกลาของเขา

เมื่อหวนนึกถึงวิชาขัดเกลาผสาน นางที่ถูกหนิงฝานลูบสัมผัสน่องข้าก็เริ่มหวาดกลัว

ถึงนางจะไม่ลืมตา แต่นางรู้ว่าตอนนี้หนิงฝานกำลังช่วยนางถอนพิษอยู่ แต่เมื่อได้สัมผัสขานาง ก็คงมีสักนิดที่คิดขัดเกลาผสาน

นางกลายเป็นเหมือนลูกไก่ในกำมือ หากหนิงฝานมีความคิดชั่วร้าย หนิงฝานอาจเคลื่อนมือเข้าไปใต้กระโปรงของนางก็ได้

เหตุที่หนิงฝานนำนางมายังห้องลับ เพราะไม่มีใครมารบกวน เพราะมีผู้เฝ้าหน้าห้องอยู่...

ตัวนางเองก็ถูกขับออกจากนิกายไท่ชูไพ่ แม้เป็นศิษย์พี่ของนางก็ไม่อาจช่วยเหลือ

ยิ่งคิดจิตใจของนางยิ่งสับสนและหวาดกลัว

แต่ในยามนั้นเอง หนิงฝานกลับหยุดมือและกล่าวกับเอง

“ข้าขัดเกลาผสานกับท่านไม่ได้… ท่านเป็นผู้มีพระคุณของเมืองหนิงข้า ข้าหนิงฝานจึงติดหนี้บุญคุณท่าน หากเมื่อใดท่านประสบกับศัตรูที่ทรงพลัง ข้าหนิงฝานจะช่วยท่านครั้งหนึ่ง นับเป็นการตอบแทน”

หนิงฝานไม่ได้กล่าวกับนาง เขาเพียงกล่าวกับตนเอง

ยามนี้ หนิงฝานบอกกล่าวกับตนเองอย่างหนักแน่น จิตใจที่มั่นคงสะกดหัวใจแห่งปีศาจเอาไว้ ทำให้จิตใจของเขายกระดับขึ้นมาก

หนิงฝานไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนได้กล่าวไป จะเป็นเหมือนแสงตะวันอบอุ่น ปลอบประโลมหัวใจของชู่ซวนเชียนสื่อ

นางคลายความกังวลอย่างช้าๆ และเชื่อใจหนิงฝานอย่างบอกไม่ถูก

เมื่อตนผ่อนคลาย นางก็เริ่มรู้สึกง่วงอีกครั้ง แม้ว่าจะรู้สึกถึงมือหนิงฝานที่สัมผัสกาย แต่นางก็เชื่อว่าหนิงฝานจะไม่ทำอะไรนาง

เมื่อหนิงฝานชักนำพิษมาที่ข้อเท้าได้หมด หนิงฝานจึงเจาะข้อเท้านาง จากนั้นใช้ปากเพื่อทาโอสถให้นาง แต่ลิ้นของหนิงฝานสัมผัสกับข้อเท้านาง นางกลับสั่นสะท้านราวกับมีอัสนีไหลไปทั่วร่าง

นั่นเป็นสิ่งที่นางยากจะทนทาน แต่นางยังต้องทนต่อไป

แม้จะขับพิษส่วนใหญ่ออกได้แล้ว แต่ยังเหลือส่วนอื่นของพิษที่ออกฤทธิ์ต่างกันออกไปบางส่วนอยู่ในกายนาง หนิงฝานจึงนำสมุนไพรที่ใช้ถอนพิษหลายชนิดออกมา

เมื่อมือหนิงฝานเข้าใกล้ริมฝีปากของนาง หัวใจของนางเต้นรัวโดยไม่อาจควบคุม แต่นางยังต้องแกล้งหมดสติต่อไป

หนิงฝานุจดเพลิงเบาๆเพื่อเผาสมุนไพร กลิ่นหอมของสมุนไพรลอยคลุม เมื่อชู่ซวนเชียนสื่อสูดเข้าไป พิษที่หลงเหลืออยู่ภายในร่างนางกลับแปรเปลี่ยนเป็นปราณสีคราม แผ่ออกมาจากร่างกายของนาง

เมื่อพิษออกมาจากร่างกายของนาง หนิงฝานก็ทุ่มกำลังในการขับพิษของนางอย่างเต็มที่ กระทั่งตนเองเหนื่อยและหมดสติไป...

หลังจากนั้น 10 วัน หนิงฝานก็ตื่นขึ้น… ชู่ซวนเชียนสื่อได้จากไป เหลือไว้เพียงหนิงฝานในห้องลับเพียงลำพัง พร้อมกับผ้าห่มผืนบางที่ห่มกาย

ใกล้ๆกับหมอน มีผ้าเช็ดหน้าที่สลักคำว่าขอบคุณเอาไว้อย่างงดงามด้วยฝีมือของนาง

หนิงฝานยิ้มเล็กน้อย เก็บผ้าเช็ดหน้าแล้วออกจากห้องลับไป

13 วันหลังจากจบสงคราม เมืองหนิงยังคงคึกคัก ผู้เชี่ยวชาญจากนิกายต่างๆล้วนมาเยี่ยมเยือน

พวกมันไม่ได้ยื่นมือช่วยในสงครามที่ผ่านมาก พวกมันกลัวเสียโอกาสที่จะได้โอสถก่อดวงจิต จึงได้เดือนทางมาเมืองหนิงเพื่อมอบของกำนัล และร้องขอให้ปรุงโอสถให้

เมื่อเห็นผู้คนมากหน้าหลายตามาเยือน หนิงฝานก็คร้านจะต้อนรับ จึงยกหน้าที่ให้หนานกงแทน

สำหรับผู้ที่มาขอให้ปรุงโอสถก่อดวงจิต หนิงฝานรับปากว่าจะปรุงให้

หนิงฝานเก็บตัวฝึกฝน 3 เดือน ในช่วง 3 เดือนนั้น เขาใช้โอสถจำนวนมากในการรักษาตัว จนอาการบาดเจ็บหายดี แต่แก่นโลหิตยังไม่ฟื้นฟู สีหน้ายังซีดขาว

ผ่านไปอีก 2 เดือน ปรากฏการณ์ที่น่าตกตะลึงก็ปรากฏเหนือท้องนภาเมืองหนิง เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดจากการถือกำเนิดของโอสถผันแปรที่ 4...

ยามนี้ได้เลยผ่านครามมาถึง 7 เดือน… หนิงฝานยังคงอยู่ภายในเมืองไม่ไปไหน

ตำหนักเจ้าเมืองหนิง… หนิงฝาน กุ่ยเชว่สื่อ และจิงสั่วกำลังนั่งหารือธุระสำคัญ หนานกงและระดับสูงของเมืองได้เข้าฟังด้วย และเรื่องที่ว่านั้น คือเรื่องที่หนิงฝานจะเดินทางไปทะเลไร้สิ้นสุดเพื่อทะลวงขอบเขตแก่นทองคำ!

ในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา หนิงฝานได้สั่งหนานกงให้เสาะหาเส้นทางที่จะไปทะเลไร้สิ้นสุด

ทะเลไร้สิ้นสุดตั้งอยู่ทางตะวันออกของโลกพิรุณ ที่นั่นมีหมู่เกาะมากมายนับพัน แต่ละเกาะมีขุมกำลังและนิกายต่างๆเป็นเจ้าของ

แต่ที่มีชื่อเสียงที่สุดในทะเลไร้สิ้นสุดคือ ‘10 นิกาย 3 เกาะ’... 10 นิกายที่ว่าคือนิกายที่ทรงพลังที่สุดในทะเลไร้สิ้นสุด... 3 เกาะ หมายถึง เกาะที่มีผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากรวมตัว ภายในนั้นมีเมืองต่างๆมากมาย วิหารสาบสูญก็อยู่หนึ่งในเกาะเหล่านั้น

หนานกงหาวิธีเดินทางมาได้ 3 วิธี วิธีแรกคือเดินทางด้วยตนเอง ต้องมุ่งหน้าจากแคว้นเยว่ ผ่านแคว้นของผู้เชี่ยวชาญมากมายกระทั่งถึงส่วนที่เป็นทะเล จากนั้นก็นั่งเรือล่องสวรรค์… เส้นทางนี้กินระยะทางนับ 10 ล้านลี้ ด้วยความเร็วของหนิงฝานยามนี้ อาจใช้เวลา 3 ปี

วิธีที่สองจะเร็วกว่าวิธีแรก คือมุ่งหน้าไปยังแคว้นเฉินที่อยู่ทางใต้ จากนั้นเรียกผู้เชี่ยวชาญแคว้นวิหค คนเหล่านั้นจะมีเหยี่ยวที่รวดเร็ว อยู่ในขอบเขตแก่นทองคำ รวดเร็วเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม หากขี่เหยี่ยวเหล่านั้นไป จะใช้เวลาอย่างน้อย 1 ปีก็ถึงทะเลไร้สิ้นสุด เพียงแต่ต้องจ่ายหยกสวรรค์จำนวนมหาศาลให้

หนิงฝานไม่เลือกทั้งสองวิธีนั้น แม้ 1 - 3 ปีจะเร็วสำหรับคนทั่วไป แต่หนิงฝานต้องการให้เร็วกว่านั้น เพราะเขาไม่มีเวลา

วิธีการที่ 3 คือมุ่งหน้าไปยังแคว้นซ่งที่อยู่ทางเหนือ จากนั้นเดินทางผ่านอีก 4 แคว้นกระทั่งแคว้นจิน… แคว้นของผู้เชี่ยวชาญระดับกลาง

แคว้นจินไม่ได้ทรงพลังมากนัก ผู้เชี่ยวชาญมีระดับสูงสุดอยู่เพียงขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม แต่ที่นั่นมีวิหารพิรุณ ที่มีข่ายอาคมเคลื่อนย้ายโบราณ

หากจะใช้ข่ายอาคมเคลื่อนย้ายโบราณต้องใช้หยกสวรรค์จำนวนมหาศาล แต่ก็ช่วยให้เดินทางข้างระยะทาง 10 ล้านลี้ได้อย่างง่ายดาย

นอกจากนี้ ข่ายอาคมเคลื่อนย้ายยังช่องทางหายกสวรรค์ชั้นดี วิหารพิรุณจึงเลือกที่ตั้งวิหารย่อยเป็นแคว้นจินเพื่อหากำไร

แม้ข่ายอาคมโบราณจะชำรุด แต่ผู้เชี่ยวชาญข่ายอาคมกลับศึกษาและดัดแปลงมันขึ้นมา จนสามารถเดินทางไปยังทะเลไร้สิ้นสุดได้

การจะใช้ข่ายอาคมเคลื่อนย้าย อย่างน้อยๆต้องจ่าย 1 แสนหยกสวรรค์… ราคาสูงเทียมฟ้า ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ต่ำกว่าขอบเขตเวงจิตแรกเริ่ม ไม่มีปัญญาหามาจ่ายได้

จิงสั่วไม่เห็นด้วยกับเส้นทางนี้ เพราะมันไม่มีหยกสวรรค์ขนาดนั้น มันยอมเดินทางไปทะเลไร้สิ้นสุดด้วยเวลา 3 ปี แต่หนิงฝานกลับเลือกวิธีนี้

ไม่ถึงปีก็จะถึงทะเลไร้สิ้นสุด!

“ข้าเลือกวิธีนี้!”

การตัดสินใจของหนิงฝานทำให้ จิงสั่วอยากจะกล่าว แต่เมื่อสีหน้าที่หนักแน่นของหนิงฝาน มันจึงกล่าวไม่ออก

มันไม่รู้ว่าเหตุใดหนิงฝานต้องเลือกวิธีที่เดินทางได้เร็วที่สุด บางที เขาอาจมีเหตุผล

หากไม่มีหนิงฝาน จิงสั่วก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะสังหารสือหยินได้… มันอยากจะติดตามคุ้มกันหนิงฝาน แต่การที่เลือกเส้นทางนั้นจะดีหรือ… ได้ยินมาว่าสถานการณ์ในแคว้นจินยามนี้ไม่สู้ดี

“เห้อ… ข้าจะยอมสละ 1 แสนหยกสวรรค์เพื่อติดตามคุ้มกันท่าน!” ในที่สุดจิงสั่วก็ขบฟัน ยอมตัดสินใจติดตามหนิงฝานไป

“ขอบคุณสหายเต๋าจิงสั่ว… หลังจากนี้ 10 วัน เราจะต้องออกเดินทางอย่างยาวนาน จึงมีหลายสิ่งต้อเตรียมพร้อม”

หนิงฝานยิ้มพลางกล่าวกับจิงสั่ว

หนิงฝานเตรียมการเพื่อให้ตนเองไม่ต้องย้อนกลับมาแคว้นเยว่ในช่วง 10 นี้ข้างหน้า ส่วนเรื่องโอสถก่อดวงจิต หนิงฝานปรุงจนเสร็จทั้งหมด เขามอบโอสถให้กุ่ยเชว่สื่อ และนิกายต่างๆที่มาขอให้ปรุงโอสถให้

ยามนี้ ยังเหลืออีกหลายสิ่งที่ต้องทำก่อนเดินทาง

อย่างน้อย เขาควรกลับไปพบหานหยวนจี๋ และหนิงกู่

เขาอยากจะกลับเข้าไปในป่าแห่งภูติพรายอีกครั้ง แต่ก็ต้องเปลี่ยนความคิด เพราะเขาและจักรพรรดิปีศาจไป๋กู่เป็นศัตรูคู่อาฆาต หากเข้าไปแล้วเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น คงทำให้การเดินทางล่าช้า

“แคว้นเยว่… สถานที่ที่เปลี่ยนข้าจากคนธรรมเป็นผู้ฝึกตนฝ่ายอธรรม หากข้ายังไม่ตาย ข้าจะกลับมาเยือน...”

หนิงฝานเดินออกจากตำหนักเจ้าเมือง และกล่าวกับจื่อเฮ่อที่อยู่ข้างกาย

“พี่ฝาน… ซือซือบอกว่าไม่สบาย นางขอให้ท่านไปช่วยรักษาคืนนี้”

“รักษา? นางป่วยเป็นอะไร?” หนิงฝานมองจื่อเฮ่อด้วยความสงสัย

“เอ่อ… ท่านไปก็รู้เอง… แต่คืนนี้ห้ามใช้ห้องข้านะ...” จื่อเฮ่อหน้าแดง ไม่รู้ว่าพวกนางคุยอะไรกันไว้ แต่ดูเหมือนจื่อเฮ่อจะอายมากจนวิ่งหนีไป

หนิงฝานขมวดคิ้ว ยามนี้ความทรงจำของซื่อหวูเสียน่าจะกลับมาแล้ว… ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา หนิงฝานยุ่งไปกับการรักษาตนและกลั่นโอสถ ไม่มีเวลาได้ใส่ในนาง การที่นางเรียกให้เขาไปหาเช่นนี้ อาจมีจุดมุ่งหมายบางอย่าง

“เห้อ… หวังว่าจะพูดคุยกับนางได้… ร่างจำแลงแม่ชีพรหมจรรย์… ซือซือ... ความทรงจำของนางกลับมา แต่ยังเลือกที่จะช่วยเหลือข้า ข้าไม่เข้าใจนางจริงๆ...”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด