ตอนที่แล้วเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 548 มรดกที่ซ่อนอยู่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 550 ยอดเขาซิงจิ่ว

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 549 หมาป่าสีคราม (อ่านฟรี)


เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 549 หมาป่าสีคราม (อ่านฟรี)

แปลโดย iPAT 

ฟางหยวนบินไปอีกสามวันแต่ยังไม่สามารถเข้าใกล้วังหลวงของแดนศักดิ์สิทธิ์

เขาคิด ‘ดูเหมือนข้าจะถูกส่งมาค่อนข้างไกล มิฉะนั้นด้วยความเร็วของข้า ข้าควรถึงวังหลวงภายในสามวัน’

ระหว่างทาง ฟางหยวนพบผู้ใช้วิญญาณและมนุษย์มากมาย

หลังจากเข้าสู่แดนศักดิ์สิทธิ์ คนเผ่าไห่พยายามไปรวมตัวกันที่วังหลวง แต่บางกลุ่มก็เริ่มหาสถานที่ตั้งค่ายพักแรมของตน

แดนศักดิ์สิทธิ์เต็มไปด้วยวิญญาณและสัตว์อสูร

เมื่อกองทัพเผ่าไห่เข้ามาและแย่งอาณาเขตของพวกมัน การต่อสู้จึงปะทุขึ้นอย่างช่วยไม่ได้

แต่ไม่ว่าอย่างไรสภาพแวดล้อมในแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ดีกว่าโลกภายนอกอยู่มากนัก

ฟางหยวนเห็นฉากการต่อสู้รวมถึงซากศพมนุษย์และสัตว์อสูรตลอดทาง

แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้มีรากฐานที่ยิ่งใหญ่กว่าแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูอย่างไม่สามารถเปรียบเทียบ อากาศไม่เคยเปลี่ยนแปลงในแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู แต่ที่นี่กลับมีการเปลี่ยนแปลง

มันมีทั้งเวลาเช้าและกลางคืน แม้คนทั่วไปอาจไม่รู้สึกถึงความพิเศษ แต่ฟางหยวนเข้าใจคุณค่าที่แท้จริงของเรื่องนี้เป็นอย่างดี

มันหาได้ยากนักที่สภาพอากาศในแดนศักดิ์สิทธิ์จะเกิดการเปลี่ยนแปลงและมีกระทั่งเวลากลางวันกลางคืน นี่บ่งบอกว่ากฎแห่งกาลเวลาของที่นี่ค่อนข้างสมบูรณ์แบบ

แดนศักดิ์สิทธิ์ทั่วไปไม่มีรากฐานที่ลึกซึ้งระดับนี้ กระทั่งแดนศักดิ์สิทธิ์หยางหยาก็ยังไม่มี

เวลาผ่านไปจนถึงยามค่ำคืน

ฟางหยวนมองท้องฟ้าที่เปลี่ยนเป็นมืดมิดด้วยความสนใจ

เวลากลางวันในแดนศักดิ์สิทธิ์จะสว่างไสวไปด้วยลำแสงสีทองขณะที่กลางคืนแสงดาวจะส่องสว่างอยู่เต็มท้องฟ้า

การบินอยู่กลางอากาศทำให้ฟางหยวนเห็นการเปลี่ยนแปลงนี้ได้อย่างชัดเจน

ฟางหยวนมองลงไปด้านล่างและพบเนินเขาเล็กๆที่อยู่ไม่ไกล ด้วยประสบการณ์ เขารู้ว่าสถานที่แห่งนี้เหมาะสมต่อการตั้งค่ายพักแรม

หลังจากยืนยันความปลอดภัย เขาร่อนลงจอดบนเนินเขา

ปีกอินทรีย์สีดำอันตรธานหายไปก่อนที่ฟางหยวนจะกระตุ้นใช้งานวิญญาณบ้านกิ้งก่ายักษ์

ลำแสงลึกลับพุ่งออกมาจากทะเลวิญญาณของฟางหยวนและเปลี่ยนเป็นบ้านกิ้งก่าขนาดใหญ่

กิ้งก่ายักษ์เปิดปากและเผยให้เห็นประตูทางเข้า

ลิ้นของมันเหมือนบันไดสีแดง เมื่อฟางหยวนเหยียบลงไป ประตูบ้านจึงเปิดออกด้วยตัวของมันเอง

แม้ฟางหยวนจะแข็งแกร่งแต่เขาก็ยังเป็นมนุษย์ที่ต้องพักผ่อนเพื่อกู้คืนสภาพร่างกายและจิตใจที่เหนื่อยล้า

“ซี่ ซี่ ซี่ ซี่...”

หลังจากเข้าไปในบ้านกิ้งก่ายักษ์ ฟางหยวนกลับได้ยินเสียงดังมากจากด้านนอก

เขาพึมพำ “ดังคาด มันเป็นฝูงค้างคาวหิมะ”

ฟางหยวนรู้ว่าในเวลากลางคืนค้างคาวหิมะจะบินออกมาหาอาหาร

ค้างคาวหิมะมีร่างกายสีขาวที่ทำให้พวกมันดูน่ารักมากกว่าน่าเกลียด

มันเป็นฝูงค้างคาวขนาดใหญ่ที่มีสมาชิกนับแสน ท่ามกลางพวกมันมีราชันสัตว์อสูรและกระทั่งจักรพรรดิสัตว์อสูร

แม้ฟางหยวนจะมีทะเลวิญญาณที่สองและมีท่าไม้ตายเจ้าวายุสี่กร แต่เขาก็ยังไม่สามารถรับมือพวกมัน

อย่างไรก็ตามค้างคาวหิมะจะกินสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยหรือวิญญาณที่บินอยู่กลางอากาศเท่านั้น ด้วยเหตุนี้บ้ากิ้งก่าจึงไม่ตกเป็นเป้าหมายของพวกมัน แต่ด้วยความระวังตัวของฟางหยวน เขาจึงสั่งให้กิ้งก่ายักษ์หลบไปอยู่ด้านหลังเนินเขาและขดตัวเหมือนหินก้อนหนึ่ง

ฟางหยวนนอนอยู่บนเตียงแต่ไม่สามารถข่มตาหลับ

ทันใดนั้นเสียงค้างคาวกลายเป็นสับสนวุ่นวายขณะที่เสียงหมาป่าจำนวนมากดังขึ้น

“เกิดสิ่งใดขึ้น?” ฟางหยวนลุกขึ้นจากเตียงและเดินไปที่หน้าต่าง

สิ่งที่เขาเห็นคือสัตว์อสูรสองฝูงกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด

ฝูงสีขาวคือค้างคาวหิมะ ขณะที่ฝูงสีฟ้าเขียวคือหมาป่าสีครามจำนวนหนึ่ง แม้ฝูงหมาป่าจะมีน้อยกว่า แต่พวกมันยังสามารถต่อสู้กับฝูงค้างคาว

ฟางหยวนตกใจเล็กน้อย

หมาป่าสีครามดูเหมือนจะมีสายเลือดของสัตว์อสูรเดียวดาย ดังนั้นพวกมันจึงสามารถวิ่งอยู่กลางอากาศ

หมาป่าสีครามเป็นสัตว์อสูรชั้นสูง กระทั่งหมาป่าสีครามระดับต่ำยังมีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับราชันร้อยอสูร

ค้างคาวหิมะร่วงลงบนพื้นขณะที่หมาป่าสีครามตามลงมากัดกินซากศพของพวกมัน

เมื่อบรรลุจึงจุดนี้ค้างคาวหิมะที่เหลือรอดจึงบินหนีไปอย่างรวดเร็ว

หัวใจของฟางหยวนสั่นสะท้านขึ้น “หลังจากเข้ามาในแดนศักดิ์สิทธิ์ ฝูงหมาป่าของข้าก็กระจัดกระจายกันออกไป ข้าไม่สามารถรวบรวมพวกมันได้ในระยะเวลาสั้นๆ หมาป่าสีครามเหล่านี้มาในจังหวะเวลาที่ดีจริงๆ พวกมันสามารถปกป้องข้ากลางอากาศ ในอนาคตข้าจะสามารถรับมือฝูงค้างคาวหิมะ”

ในเวลาเดียวกันฝูงหมาป่าสีครามก็ได้ค้นพบบ้านกิ้งก่ายักษ์ของฟางหยวนและเข้ามาล้อมกรอบเอาไว้ทั้งหมด

ฟางหยวนออกมาจากบ้านกิ้งก่ายักษ์ก่อนจะเก็บมันเข้าไปในทะเลวิญญาณและพุ่งเข้าโจมตีฝูงหมาป่า

ฝูงหมาป่าสีครามตกใจกับการเคลื่อนไหวอย่างกะทันหันของฟางหยวน

พวกมันพึ่งกินอาหารมื้อใหญ่ดังนั้นการเคลื่อนไหวของพวกมันจึงกลายเป็นล่าช้าลง นี่เป็นโอกาสที่ดีที่ฟางหยวนจะจัดการราชันหมื่นอสูร

ด้วยความเชี่ยวชาญในการบิน ฝูงหมาป่าสีครามจึงไม่สามารถไล่ตามฟางหยวน

ราชันหมื่นอสูรที่กำลังไล่ล่าฟางหยวนแตกต่างจากราชันหมื่นอสูรอีกสองตัวเพราะมันได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้ก่อนหน้าและสูญเสียวิญญาณไปหลายดวง ขณะเดียวกันฟางหยวนก็รู้ว่ามันมีวิญญาณชนิดใดบ้างในการครอบครอง

เผชิญหน้ากับราชันหมื่นอสูร ฟางหยวนไม่ลังเลที่จะกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายเจ้าวายุสี่กร

ราชันหมื่นอสูรที่โชคร้ายถูกฟางหยวนเหวี่ยงลงสู่พื้นขณะที่เขาเร่งกระตุ้นใช้วิญญาณทาสหมาป่าระดับห้า

เมื่อมันตกเป็นทาสของฟางหยวน ฝูงหมาป่าหนึ่งในสามส่วนจึงเปลี่ยนฝ่ายอย่างกะทันหัน

ฟางหยวนหัวเราะเสียงดังเมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป

ภายใต้การควบคุมของเขา ฝูงหมาป่าพุ่งเข้าล้อมกรอบราชันหมื่นอสูรตัวที่สองเอาไว้อย่างรวดเร็ว

ฝูงหมาป่าโจมตีอย่างดุเดือดขณะที่อีกกลุ่มจัดแนวป้องกันอยู่รอบตัวฟางหยวน

หลังจากสิบห้านาที ฟางหยวนจึงได้รับราชันหมื่นอสูรตัวที่สอง

ชัยชนะกลายเป็นเรื่องที่แน่นอน

เมื่อราชันหมื่นอสูรตัวสุดท้ายเห็นเหตุการณ์นี้มันจึงตัดสินใจหลบหนีทันที

ฟางหยวนหยุดและสำรวจอาการบาดเจ็บของตน หลังจากเก็บกวาดสนามรบ เขาจึงกลับเข้าไปในบ้านกิ้งก่ายักษ์และย้ายตำแหน่งที่พัก

บริเวณนี้เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด มันจะดึงดูดสัตว์ร้ายเข้ามาอย่างไม่รู้จบสิ้น

ห่างออกไปสิบกิโลเมตร ฟางหยวนพักแรมอยู่เป็นเวลาสี่ชั่วโมงก่อนจะออกเดินทางอีกครั้ง

อย่างไรก็ตามเวลานี้แตกต่างจากก่อนหน้าเพราะมีราชันหมื่นอสูรหมาป่าสีครามสองตัวบินอยู่ข้างกายเขา นอกจากนั้นยังมีราชันพันอสูรสามสิบแปดตัวและราชันร้อยอสูรอีกสองร้อยห้าสิบหกตัว พวกมันเป็นกองทัพขนาดใหญ่

ในพริบตาฟางหยวนก็เดินทางมาถึงหกวัน

ระหว่างนี้เขาได้รับมรดกอีกสามครั้ง อย่างไรก็ตามพวกมันล้วนเป็นมรดกเล็กๆและไม่มีสิ่งใดพิเศษในสายตาของฟางหยวน

สิ่งที่ควรค่าแก่การกล่าวถึงคือฝูงหมาป่าที่ขยายตัวขึ้น

ฟางหยวนได้รับราชันหมื่นอสูรหมาป่าสีครามอีกหนึ่งตัวรวมเป็นสามตัว

แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ถือเป็นดินแดนแห่งโชคลาภที่แท้จริง มันเต็มไปด้วยสมบัติและสัตว์อสูรที่หาได้ยาก

นอกจากหมาป่าสีคราม ฟางหยวนยังมีฝูงหมาป่าราตรี หมาป่าวายุ หมาป่าหลังโหนก และหมาป่าเพลิงโลหิต

หมาป่าเหล่านี้เป็นหมาป่าของเขาที่กระจัดกระจายกันออกไป แต่นี่ยังเป็นเพียงส่วนหนึ่งของทั้งหมดเท่านั้น