ตอนที่แล้วราชันย์เร้นลับ 38 : มือสมัครเล่น
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปราชันย์เร้นลับ 40 : คาบเรียนวิชาเร้นลับ

ราชันย์เร้นลับ 39 : ลูกเล่นที่น่าสนใจ


ราชันย์เร้นลับ 39 : ลูกเล่นที่น่าสนใจ

 

แม้แต่ตัวเราก็ไม่ทราบว่าสมุดบันทึกถูกทำลายหรือแค่ซ่อนไว้… แต่หากลองอนุมานแบบย้อนกลับ ก็จะเป็นดังที่เลียวนาร์ดว่าไว้

 

ถ้าจุดประสงค์มีเพียงการทำลายสมุด ก็ไม่จำเป็นที่ไคลน์ต้องเดินทางกลับบ้าน…

 

หลังจากได้ยินคำถามจากเลียวนาร์ด ไคลน์เข้าสู่ภาวะนักสืบคีย์บอร์ดทันที

 

มันขมวดคิ้วครุ่นคิด

 

“บางทีเวิร์ชและนาย่าอาจทำพันธสัญญากับตัวตนลึกลับที่ชื่นชอบการเซ่นสังเวยชีวิตมนุษย์อย่างต่อเนื่อง

 

“ในเมื่อการฆ่าตัวตายทำให้ข่าวไปถึงหูตำรวจได้เร็ว ตัวตนลึกลับจึงสะกดจิตให้ผมนำสมุดติดตัวกลับมาที่ห้องเพื่อเตรียมพิธีกรรมเซ่นสังเวยครั้งถัดไป แต่ผมกลับล้มเหลวด้วยเหตุผลบางประการ”

 

นี่คือทฤษฎีที่ไคลน์คิดขึ้นเองจากประสบการณ์อ่านนิยาย ภาพยนตร์ หรือละครทีวีที่เกี่ยวข้องกับพิธีกรรมบูชายัน

 

และความผิดพลาดเกิดขึ้นกลางคันเพราะตัวมันดันถูกส่งข้ามโลกมาในจังหวะดังกล่าวพอดิบพอดี

 

“เป็นสมมติฐานที่น่าสนใจ แต่ผมเชื่อในอีกทฤษฎีมากกว่า… เวิร์ชและนาย่าได้สังเวยชีวิตตนเองเพื่ออัญเชิญตัวตนลึกลับให้ลงมาจุติบนโลก สมุดบันทึกเล่มดังกล่าวคือภาชนะบรรจุดวงวิญญาณหรือสถานที่ ‘ฟักไข่’ ของดวงวิญญาณ อย่างใดอย่างหนึ่ง ในขณะที่พลังของตัวตนลึกลับยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ สมุดจะถูกทำลายไม่ได้โดยเด็ดขาด และนั่นคือเหตุผลที่ต้องนำสมุดไปซ่อนให้พ้นสายตาผู้คน”

 

เลียวนาร์ด·มิเชลลองคาดเดา เมื่อกล่าวจบ มันจ้องมองเข้ามาในดวงตาไคลน์พร้อมกับยิ้มอย่างมีเลศนัย

 

“แต่ก็ไม่แน่เช่นกัน สมุดบันทึกอาจถูกทำลายไปแล้ว  โดย ‘ภาชนะ’ ที่แท้จริงของตัวตนปริศนาไม่ใช่สมุดบันทึก แต่เป็นร่างเนื้อของใครสักคน และนั่นคือสาเหตุที่คุณฆ่าตัวตายล้มเหลว ส่วนการทำลายสมุดก็เพื่อลบเนื้อความด้านในให้หายไปจากโลกโดยสมบูรณ์”

 

หมอนี่หมายความว่ายังไง?

กำลังสงสัยเราหรือ?

 

เลียวนาร์ดกำลังสงสัยว่าร่างเนื้อไคลน์คนก่อน คือภาชนะในการอัญเชิญดวงวิญญาณให้กับตัวตนลึกลับ?

 

ไม่สิ เดี๋ยวก่อน… ทฤษฎีนี้มีมูลอยู่มาก ร่างเนื้อของไคลน์คนก่อนอาจถูกใช้เป็นภาชนะในการเดินทางข้ามโลกของเรา

 

ถ้าอย่างนั้น วลี ‘ฟักไข่’ คงไม่ถูกต้องนัก ร่างของไคลน์ควรถูกเรียกว่า ‘ภาชนะดวงวิญญาณ’ มากกว่า

 

ไคลน์ผงะไปครู่ใหญ่ สีหน้าของมันกำลังหมกมุ่นครุ่นคิด

 

“ผมไม่ได้คิดจะปกป้องตัวเองหรอกนะ แต่ผมหลงเหลือความทรงจำของเหตุการณ์ในวันนั้นเลย และหัวหน้ากับมาดามดาลี่ย์ก็ยืนยันแล้วว่าไม่พบสิ่งผิดปรกติในตัวผม มุกตลกของคุณจึงไม่ขำสักเท่าไร”

 

“ผมแค่ลองคาดเดาดู สาเหตุที่คุณฆ่าตัวตายล้มเหลวอาจเป็นเพราะดวงวิญญาณตัวตนลึกลับในสมุดได้เข้ามาสิ่งสู่แทน… หรืออาจไม่มีอะไรเลยก็เป็นได้ เหตุผลที่คุณฆ่าตัวตายล้มเหลว อาจเพราะเทพธิดาต้องการให้คุณมีชีวิตอยู่ต่อไป”

 

เลียวนาร์ดยิ้มมุมปากก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง

 

“ช่วงบ่ายที่ผ่านมา พบอะไรบ้างไหม?”

 

จากบทสนทนาเมื่อครู่ ไคลน์เริ่มระแวงในตัวเลียวนาร์ดมากขึ้น ชายหนุ่มตอบกลับด้วยท่าทีระมัดระวัง

“ไม่เลย พรุ่งนี้ผมจะลองเปลี่ยนเส้นทางดู”

 

จากนั้นก็ชี้นิ้วไปยังฉากกั้น

 

“ผมขอตัวลงไปคลังอาวุธก่อน ต้องเบิกกระสุนซ้อมประจำวัน”

 

สนามยิงปืนเปิดบริการถึงสามทุ่มก็จริง แต่หากเป็นช่วงเวลาหลังเลิกงาน โอกาสถูกแย่งลู่ซ้อมจนต้องต่อคิวก็ยิ่งมากขึ้น

 

“ขอให้เทพธิดาอวยพร”

 

เลียวนาร์ดยิ้มพร้อมกับทำสัญลักษณ์มือที่หน้าอก

 

มันจ้องมองไคลน์เดินผ่านฉากกั้นด้วยรอยยิ้มเช่นนั้นจนกระทั่งเสียงฝีเท้าดังจากบันไดหิน ทันใดนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าเลียวนาร์ดพลันเลือนหายไป ถูกแทนที่ด้วยดวงตาอันเคลือบแคลง

 

มันส่งเสียงกระซิบด้วยท่าทีไม่พอใจ

 

 

ณ ทางเดินใต้ดินชั้นล่าง ไคลน์กำลังมุ่งหน้าไปยังเส้นทางที่นำไปสู่คลังอาวุธและคลังเก็บของเก่า

 

เมื่อผลักประตูเข้าไป โรแซนผมน้ำตาลกำลังยืนหน้าโต๊ะทำงาน เธอสนทนาอยู่กับชายวัยกลางคนสวมหมวกทรงสูงซึ่งมีเคราสีดำเข้มน่าเกรงขาม

 

“สวัสดียามเช้า ไม่สิ… สวัสดียามบ่าย ข้างล่างมืดตลอดจนฉันหลงลืมกลางวันกลางคืน… ไคลน์! ฉันได้ยินจากลุงนีลล์แล้ว คุณกลายเป็นผู้วิเศษอย่างนั้นหรือ? ชื่อว่าอะไรน้า~ นักทำนายใช่ไหม?”

 

โรแซนหันมาหาพร้อมกับยิงคำถามใส่ ใบหน้าของเธอไม่ปกปิดความฉงนและความกังวล

 

ไคลน์พยักหน้ายิ้มรับ

 

“สวัสดียามบ่าย มิสโรแซน บรรยากาศข้างล่างมืดตลอดดังที่คุณว่า แต่มันก็มอบความสงบสุขได้ในเวลาเดียวกัน… ส่วนคำอธิบายของถูกยังไม่ถูกต้องนัก ต้องกล่าวว่า ชนิดของโอสถที่ผมดื่มเข้าไปมีชื่อว่านักทำนาย”

 

“คุณกลายเป็นผู้วิเศษจนได้…”

 

โรแซนกล่าวเสียงค่อย สีหน้าของเธอค่อนข้างผิดหวังและห่อเหี่ยว

 

ไคลน์ชำเลืองมองชายวัยกลางคนที่ยืนข้างหล่อนและเอ่ยปากถามอย่างสุภาพ

 

“สวัสดีครับ คุณคือ?”

 

จะเป็นเจ้าหน้าที่เหยี่ยวราตรี หรือเจ้าหน้าที่พลเรือนอีกหนึ่งคนที่ตนยังไม่เคยพบ?

 

โรแซนทำแก้มป่องเมื่อถูกเมิน

 

“นี่คือไบรท์ เจ้าหน้าที่พลเรือนเหมือนกับพวกเรา เขามาขอสลับเวรเฝ้าคลังอาวุธกับฉัน เพื่อที่พรุ่งนี้จะได้ไปดูหนังในโรงเขตเหนือกับภรรยา เนื่องในโอกาสครบรอบวันแต่งงานปีที่สิบห้า ช่างเป็นสุภาพบุรุษที่โรแมนติกมาก”

 

ไบรท์อมยิ้มและยื่นแขนออกมาหาไคลน์

 

“ถ้ามีมิสโรแซนอยู่ด้วย ผมแทบไม่ต้องอธิบายอะไรเพิ่มเติมเลย สวัสดีครับไคลน์ ไม่คิดว่าคุณจะกลายเป็นผู้วิเศษเร็วขนาดนี้ ในส่วนของตัวผมคงขอผ่าน ฮะฮะ ผมไม่มีความกล้ามากขนาดนั้น”

 

“ดีแล้วครับ เคยมีคำกล่าวไว้ว่า คนเสียสติจะไม่หวาดกลัวต่อภัยอันตราย”

 

ไคลน์กล่าวเชิงตำหนิตัวเองพร้อมกับยื่นแขนออกไปจับมือกับไบรท์

 

“ความขี้ขลาดของผมคงไม่ใช่เรื่องแย่เสียทีเดียว”

 

ไบรท์ส่ายศีรษะเล็กน้อย

 

“เคยมีผู้วิเศษกล่าวกับผมในวาระสุดท้ายของเขาว่า จงอย่าได้สงสัยในสิ่งที่ไม่ควรสงสัยเด็ดขาด โดยเฉพาะกับเหตุการณ์แปลกประหลาดที่อาจนำพาไปสู่อันตราย ยิ่งรู้น้อยเท่าไร ชีวิตก็ยิ่งยืนยาวและมีความสุขมากเท่านั้น”

 

โรแซนรีบเสริม

 

“ไคลน์ คุณไม่ต้องกังวลเกินไป ฉันได้ยินมาจากลุงนีลล์แล้ว นักทำนายคือผู้วิเศษสายสนับสนุน ตราบใดที่คุณไม่ถูกเสียงในหัวเย้ายวน อันตรายยังถือเป็นเรื่องไกลตัว

 

“แล้วก็… ทำไมถึงแต่งตัวแบบนี้? ไคลน์! คุณแต่งกายได้เสื่อมเกียรติสุภาพบุรุษมาก!

 

“ว่าแต่… วันนี้คุณไม่ต้องเข้าเวรแล้วนี่นา? แล้วกลับมาทำไมอย่างนั้นหรือ?”

 

“ผมมาเบิกกระสุนซ้อม”

 

ไคลน์ไม่ตอบคำถามแรก มันเชื่อว่าอีกประเดี๋ยวสตรีผู้นี้คงลืมไปเอง

 

“ไม่มีปัญหา”

 

“ไบรท์ เป็นหน้าที่คุณแล้ว คงรู้ใช่ไหมว่ากุญแจคลังอาวุธถูกเก็บไว้ที่ใด? อ๊ะ! ลุงนีลล์ใจร้ายมาก! ไหนบอกว่าวันนี้จะให้ลองชิมกาแฟ? ดันเอากระป๋องติดตัวกลับไปเสียได้”

 

โรแซนยืนจ้ออีกสักพักจนไคลน์ได้รับกระสุนฝึกซ้อม

 

คนทั้งสองเดินออกจากบริษัทหนามทมิฬพร้อมกัน แต่แยกกลางทางบนถนนซุตแลน คนหนึ่งขึ้นรถม้ากลับบ้าน ส่วนอีกคนเดินไปสนามยิงปืน

 

ปัง! ปัง! ปัง!

 

ไคลน์ฝึกซ้อมแบบเดิมซ้ำไปมา : ดึงปืนออกจากซองรักแร้ เกร็งมือเล็ง ยิงให้ครบหกนัด ดันโม่ออก เทปลอกกระสุน และบรรจุกลับไปใหม่

 

ยิ่งเวลาผ่านไป กล้ามเนื้อร่างกายก็ยิ่งคุ้นเคยกับท่วงท่า รวมถึงความแม่นยำของกระสุนที่เข้าเป้ามากกว่าเดิมเล็กน้อยหลังจากกลายเป็นผู้วิเศษ

 

เมื่อครบหนึ่งเซ็ต ไคลน์จะนั่งพักและพิจารณาหาข้อบกพร่องของตัวเอง

 

หลังจากใช้กระสุนไปจนหมด ชายหนุ่มอาศัยพื้นที่ภายในสนามยิงปืนเพื่อซ้อมวิดพื้นและฝึกร่างกายในรูปแบบอื่น

 

เมื่อทุกสิ่งเสร็จสิ้น มันนั่งรถม้าไร้รางตรงกลับบ้านทันที ขณะมองออกไปนอกหน้าต่าง ชายหนุ่มเพิ่งตระหนักได้ว่าท้องฟ้าเริ่มมืด ปัจจุบันเป็นเวลาเกือบหนึ่งทุ่ม

 

ไคลน์เตรียมตัวออกจากบ้านไปซื้อของสำหรับประกอบอาหารเย็น ทันใดนั้น เมลิสซ่าเปิดประตูบ้านสวนเข้ามาพร้อมกับกระเป๋าสะพายบรรจุเครื่องเขียน

 

นอกเหนือจากกระเป๋า เธอยังถือถุงพะรุงพะรังซึ่งเป็นวัตถุดิบสำหรับประกอบอาหารในคืนนี้

 

“…ฉันคิดว่านายกับเบ็นสันน่าจะกลับดึก ก่อนออกจากบ้านเลยหยิบเงินจากที่ซ่อนจำนวนหนึ่งซูลเพื่อซื้อของ”

 

เมื่อเห็นพี่ชายแสดงสีหน้าฉงน เมลิสซ่าจึงอธิบายด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยเหมือนทุกครั้ง

 

“ถ้าหยิบเงินไปแล้ว ทำไมเธอถึงไม่นั่งรถม้าไปโรงเรียน?”

 

ไคลน์ย้อนนึกถึงสิ่งที่มันครุ่นคิดเมื่อช่วงเช้า

 

เมลิสซ่าขมวดคิ้วตอบ

 

“ทำไมฉันต้องนั่ง? ค่าโดยสารรถม้าไปโรงเรียนจะอยู่ที่สี่เพนนี่ ไปกลับเท่ากับแปดเพนนี หากรวมเบ็นสันกับนาย ค่าเดินทางครอบครัวเราจะตกที่วันละ 24 เพนนี นั่นเท่ากับสองซูลเลยนะ! เมื่อคำนวณค่าใช้จ่ายภายในหนึ่งสัปดาห์โดยตัดวันอาทิตย์ออกไป ค่าเดินทางจะอยู่ที่ 12 ซูลต่อสัปดาห์ เทียบเท่าได้กับค่าเช่าบ้าน”

 

หยุด หยุด หยุด! ไม่ต้องประกาศศักดาความเก่งคณิตศาสตร์ต่อหน้าพี่… ไคลน์รีบยกมือขึ้นเป็นเชิงห้าม

 

เมลิสซ่าชะงักครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวต่อ

 

“การเดินไปเรียนไม่ใช่เรื่องเสียหายสักหน่อย คุณครูบอกว่ามนุษย์ทุกคนควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แถมยังมีโอกาสเก็บเศษวัสดุได้ตามทางเดิน”

 

ไคลน์แสยะยิ้ม

 

“งั้นฉันจะคำนวณให้ฟัง ค่าเดินทางรายสัปดาห์ตกที่สิบสองซูล ค่าเช่าบ้านอีกสิบสองซูลสามเพนนี รวมเป็นหนึ่งปอนด์ สี่ซูล กับอีกสามเพนนี… ลำพังค่าแรงเบ็นสันก็มากพอจะจ่ายตรงนี้ได้หมด แถมยังเหลือเศษนิดหน่อย

 

“ค่าแรงของฉันอาจถูกลดลงครึ่งหนึ่งจากการเบิกล่วงหน้าก็จริง แต่ก็ยังสูงถึงสัปดาห์ละหนึ่งปอนด์กับอีกสิบซูล ต่อให้พวกเรากินเนื้อทุกวัน รวมถึงค่าจิปาถะอย่างแก๊ส ถ่านหิน ฟืน และเครื่องเทศสำหรับปรุงอาหาร รายได้ของพวกเราก็ยังเหลือกินเหลือใช้ ถ้าประหยัดค่าอาหารเที่ยงสักหน่อย พวกเราสามารถเป็นสมาชิกหนังสือพิมพ์ฉบับเช้าได้ด้วย

 

“หลังจากครบสองเดือน หนี้ที่เบิกล่วงหน้าก็จะหมดลง ฉันจะกลับมามีค่าแรงสามปอนด์ต่อสัปดาห์อีกครั้ง เงินที่เหลือจะถูกเก็บออมสำหรับเสื้อผ้าชุดใหม่ของเธอและเบ็นสัน”

 

“ต…แต่พวกเราต้องสำรองเงินเผื่ออุบัติเหตุเอาไว้”

 

เมลิสซ่ายังคงยืนกราน

 

ไคลน์อมยิ้ม

 

“ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะกินเนื้อให้น้อยลง เธอไม่คิดบ้างหรือว่าระยะเวลาห้าสิบนาที ไม่สิ หนึ่งร้อยนาทีที่เธอใช้เดิน มันผ่านไปอย่างสูญเปล่าและไม่เกิดประโยชน์ เธอสามารถนำเวลาดังกล่าวมาทบทวนบทเรียนหรืออ่านหนังสือพัฒนาตัวเองได้

 

“ถ้ามีเวลาอ่านหนังสือเพิ่ม เมลิสซ่า เธอจะจบการศึกษาด้วยผลการเรียนเป็นเลิศ ได้ทำงานที่มั่นคงและผลตอบแทนดี และเมื่อเป็นเช่นนั้น ครอบครัวของเราจะยิ่งมั่งคั่งขึ้นกว่าเดิม ลองคิดถึงอนาคตดูบ้าง”

 

“…”

 

นี่คือความช่ำชองในการโต้เถียงของนักเลงคีย์บอร์ด เมลิสซ่ามิอาจหาเหตุผลมาแย้งได้ เธอจำใจต้องทำตามข้อเสนอ

 

ฟู่ว! ในที่สุดก็ล่อลวงสำเร็จ ไม่สิ คำว่าล่อลวงฟังดูอันตรายเกินไป เรียกว่าโน้มน้าวก็แล้วกัน…

 

ไคลน์รำพันก่อนจะก้มตัวลงไปหยิบถุงพะรุงพะรังที่เมลิสซ่าหิ้วมาตลอดทาง

 

“คราวหลังซื้อเนื้อสัตว์ให้มากกว่านี้ จำพวกเนื้อแกะหรือเนื้อไก่… เธอต้องทานให้อิ่ม จะได้มีอาหารไปเลี้ยงสมอง เมื่อสุขภาพร่างกายแข็งแรง ผลการเรียนก็จะดีขึ้นตามไปด้วย เนื่องจากสมองได้รับการพัฒนาเต็มที่”

 

เมื่อพูดถึงเนื้อสัตว์ ไคลน์เริ่มน้ำลายสอ

 

เมลิสซ่าทำแก้มป่องก่อนจะยอมอ่อนข้อ

 

“เข้าใจแล้ว”

 

 

เช้าวันถัดมา หลังจากมั่นใจว่าเมลิสซ่ายอมขึ้นรถม้าไปโรงเรียน ไคลน์และเบ็นสันต่างแยกย้ายไปยังบริษัทของตัวเอง

 

เมื่อย่างกรายเข้าไปในสำนักงาน ชายหนุ่มได้พบกับลุงนีลล์และโรแซนกำลังนั่งสนทนาบนเก้าอี้รับแขกอย่างออกรส

 

รายแรกยังคงสวมชุดคลุมสีดำคล้ายนักบวชเช่นเคย ดูเหมือนเขาจะไม่แยแสสายตาคนรอบข้าง

 

ส่วนโรแซน วันนี้เธอปรากฏตัวในเดรสสีครีมน่ารักน่าชัง

 

“สวัสดียามเช้า มิสเตอร์นีลล์ มิสโรแซน”

 

ไคลน์กล่าวทักทายพร้อมถอดหมวก

 

ลุงนีลล์จ้องมองอย่างมีเลศนัย

 

“สวัสดียามเช้า… เสียงที่ไม่ควรได้ยิน เจ้าไม่ได้ยินมันใช่ไหม?”

 

“ไม่มีครับ ผมหลับสบายดี”

 

ไคลน์ฉงนเล็กน้อย อาจเป็นเพราะตนยังมีสัมผัสวิญญาณไม่รุนแรงพอกระมัง…

 

“ฮะฮะ! อย่าไปคิดมากเลย ไม่ใช่เสียงที่ได้ยินง่ายนักหรอก”

 

ลุงนีลล์ชี้นิ้วไปยังฉากกั้น

 

“ตามฉันไปที่คลังอาวุธ พวกเราจะเรียนศาสตร์เร้นลับคาบเช้าที่นั่น”

 

ไคลน์พนักหน้าและเดินตามลุงนีลล์ไปอย่างว่าง่าย เมื่อมาถึง ไบรท์ซึ่งมีเวรทั้งคืนยังคงปฏิบัติหน้าที่อยู่ ได้เวลาลุงนีลล์มาเปลี่ยน

 

“พวกเราจะเรียนอะไรกันหรือครับ?”

 

ไคลน์ถามฉงน

 

ลุงนีลล์อธิบาย

 

“มีทั้งความรู้ระดับพื้นฐานและค่อนข้างซับซ้อน แต่ก่อนอื่นเลย ฉันจะสอนนายเกี่ยวกับลูกเล่นที่น่าสนใจ”

 

ลุงนีลล์ยกข้อมือขึ้นและชี้ไปยังอัญมณีที่ห้อยอยู่กับสร้อยเงิน… ศิลาจันทรา

 

▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬

ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร - เสาร์

ติดตามผู้แปลได้ที่ : www.facebook.com/bjknovel/

 

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด