ตอนที่แล้วGE130 ผู้ใด [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE132 แผนการ [ฟรี]

GE131 ขอบเขตกระดูกเงิน [ฟรี]


ถ้ำแห่งหนึ่งภายในเมืองหนิง… หนิงฝานถอนสัมผัสเทพกลับมา เมืองเห็นชายชรา 2 คนมาช่วยชู่ซวนเชียนสื่อ

เขารู้จักนางเพียงผิวเผิน แต่เมื่อนางเห็นว่ากำลังปกป้องเมืองหนิงจนนำภัยใส่ตัว หนิงฝานก็ไม่อาจอยู่เฉยเช่นกัน เพียงแต่ผู้อาวุโสของนิกายไท่ชูไพ่มาช่วยนางไว้ก่อน และพานางกลับไป… ยามนี้ สงครามก็ขึ้นอยู่กับกองทัพของเมืองหนิง ตามแผนการที่วางไว้คือ ข่ายอาคมป้องกันเมืองหนิงทำงาน นิกายกุ่ยเชว่และนิกายเพลิงเมฆาจะใช้วิธีพิเศษในการเคลื่อนย้ายมายังเมืองหนิง จู่โจมนิกายจี๋หลิงและนิกายเต๋าสวรรค์จนทำให้พวกมันเสียหายใหญ่หลวง

“กลิ่นอายของเทียนยี่ดูแปลกไป...”

หนิงฝานขบคิดชั่วครู่ก่อนสลัดความคิดนั้นทิ้งไป เพราะไม่ว่ากลิ่นอายของเทียนยี่จะแปลกยังไง การบรรลุขอบเขตกระดูกเงินก็สำคัญกว่า

หนิงฝานมองขวดโอสถที่วางเรียงราย หยิบเอาโอสถขวดสุดท้ายขึ้น แล้วเทโอสถเว่ยหัวจินทั้งหมด 10 เม็ดเข้าไปในปาก

ยามนี้ ร่างกายของหนิงฝานยังไม่เปลี่ยนแปลง เขายังคงผอมบาง แต่เห็นกล้าเนื้อบนร่างที่เปล่งแสงสีเงินอย่างชัดเจน แสงสีเงินที่เปล่งออกมาเหล่านี้มีผลมาจากโอสถ พวกมันค่อยๆซึมเข้าไปในผิวหนัง กล้ามเนื้อ และกระดูกส่วนต่างๆ

ยามนี้ กระดูกของหนิงฝานเกือบจะกลายเป็นกระดูกเงินทั้งหมดแล้ว

ขอบเขตของร่างกายนั้น ขอบเขตแรกคือแสงเงิน มีด้วยกัน 9 ระดับ ยามนี้หนิงฝานบรรลุระดับ 9 เหลืออีกเพียงก้าวเดียวจะบรรลุ ‘ขอบเขตกระดูกเงินทั้งสี่’

หากหนิงฝานบรรลุขอบเขตกระดูกเงิน เขาจะมีร่างกายที่แข็งแกร่ง ที่สามารถรับมือกับการจู่โจมของผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มในขั้นต้นได้… หมายความว่า เขาสามารถต่อกรกับเทียนยี่ได้

ขอบเขตแสงเงินระดับ 9 คือจุดตีบตันก่อนการทะลวงขอบเขต หากทะลวงขอบเขตได้สำเร็จนั้น จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่หลวง แต่การจะทะลวงขอบเขตไม่ใช่เรื่องง่าย แม้หนิงฝานที่เพิ่งกินโอสถเว่ยหัวจินเข้าไป 10 เม็ด ก็ยังไม่อาจทะลวง

ราวกับเขาขาดอะไรบางอย่าง...

หนิงฝานหวนนึกถึงรายละเอียดของโอสถเว่ยหัวจินที่อยู่ในความทรงจำ… โอสถชนิดนี้เป็นโอสถที่ปรุงขึ้นเพื่อเหล่าทหารผ้าโพกหัวเหลืองโดยเฉพาะ ในลานสวรรค์โบราณนั้น กองทหารผ้าโพกหัวเหลืองนับเป็นเซียนที่มีระดับต่ำที่สุด แต่ถึงอย่างนั้น เซียนก็คือเซียน และเซียนเหล่านั้นก็ครอบครองเส้นลมปราณเทพ

“เส้นลมปราณเทพ… ตัวข้ามีเส้นลมปราณปีศาจโบราณ แม้จะกินโอสถเว่ยหัวจินเข้าไปมากเท่าไหร่ ก็ไม่อาจบรรลุขอบเขตกระดูกเงินได้งั้นรึ?”

หนิงฝานหลับตา สัมผัสถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในร่างกาย เขาเห็นแสงสีเงินและเส้นลมปราณหยินหยางปีศาจโบราณของเขาไม่เข้ากัน

ในสมัยโบราณ เทพปีศาจมีร่างกายที่ทรงพลังไร้เปรียบ เทพปีศาจเหล่านั้นใช้โอสถจำนวนมากในการขัดเกลา และเป็นโอสถที่แตกต่างจากโอสถเว่ยหัวจิน

โอสถเว่ยหัวจินเป็นโอสถเฉพาะสำหรับผู้ครอบครองเส้นลมปราณเทพ หากผู้มีเส้นลมปราณปีศาจใช้ ฤทธิ์ของมันจะลดลงไปครึ่งหนึ่ง และไม่สามารถทะลวงจุดตีบตันได้… หากเป็นผู้เชี่ยวชาญทั่วไปใช้โอสถเว่ยหัวจิน ร่างกายจะได้รับความเสียหายจากฤทธิ์โอสถที่รุนแรง

หนิงฝานคาดไม่ถึงว่า แม้จะเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมสรรพ แต่สุดท้าย กลับพลาดเพราะตนไม่ใช่เทพเซียน

“เทพและปีศาจช่างแตกต่างกันจริงๆ...”

เขาพลาดโอกาสที่จะทะลวงขอบเขตกระดูกเงิน เขาจึงไม่สบอารมณ์นัก

แต่เมื่อลองขบคิดหาทาง เขากลับฉุกคิดถึงบางสิ่ง

ฤทธิ์ของโอสถเว่ยหัวจินไม่ผสานเข้ากับเส้นลมปราณปีศาจ เป็นเหตุให้ฤทธิ์ของมันลดลงกว่าครึ่ง

ในเมื่อฤทธิ์ของโอสถลดลงกว่าครึ่ง โอสถจำนวน 300 เม็ดที่กินเข้าไปจึงไม่พอ

นี่เป็นครั้งแรกที่หนิงฝานรู้ถึงความต่างของเส้นลมปราณ

หากไม่ใช่ปีศาจโดยแท้ แม้จะดูดซับโอสถเว่ยหัวจินได้เพียงครึ่ง ทำให้ต้องเผชิญจุดตีบตัน

“หยินและหยาง… มีความมืดย่อมมีแสงสว่าง… มีความร้อนย่อมมีความเย็น… หยินหยางก่อเกิดธาตุทั้ง 5 แบ่งแยกเทพและปีศาจ แบ่งแยกพิภพและสวรรค์… ข้าเข้าใจแล้ว แม้เส้นลมปราณของข้าจะได้ชื่อว่า เส้นลมปราณหยินหยางปีศาจโบราณ… แต่แท้จริงแล้วมันไม่ใช่ มันคือกึ่งกลางระหว่างเทพและปีศาจ ดังนั้น ข้าจึงยังดูดโอสถเว่ยหัวจินได้เพียงครึ่ง… ข้าต้องสกัดเส้นลมปราณหยิน โคจรปราณเฉพาะเส้นลมปราณหยาง จึงจะดูดซับโอสได้หมด!”

หนิงฝานลืมตา แรงกดดันเพิ่มพูนเท่าทวี!

ในอดีต จักรพรรรดิสวรรค์ครอบครองเส้นลมปราณหยินหยางปีศาจโบราณ แม้จะได้ชื่อว่าปีศาจ แต่ยังเป็นเทพเช่นเดียวกัน จึงทำให้ได้ชื่อว่าเป็นจักรพรดรดิสวรรค์

เมื่อยามฆ่าล้างสังหาร จะโหดเหี้ยมเฉกเช่นปีศาจ แต่เมื่อยามปกติ จะเหมือนทั่วไป ซึ่งเทียบได้กับเทพ

เส้นลมปราณหยินหยางโบราณ มีปีศาจเป็นหลัก เทพเป็นรอง...

หนิงฝานทำความเข้าใจอย่างช้าๆ จนสุดท้าย เขาก็หวนถึงคำที่ชู่ซวนเชียนสื่อกล่าว

ว่าในของผู้ฝึกตนนั้น ไม่ว่าธรรมะหรืออธรรมล้วนเห็นแก่ตัวกันทั้งนั้น ทำให้หนิงฝานเข้าใจถึงคำว่าธรรมะและอธรรม… แม้วิธีการจะแตกต่าง จะมีเป้าหมายเดียวกัน หากลดหัวใจที่ชั่วร้ายลงได้ หัวใจที่ดีก็จะปรากฏ

หัวใจและความคิดด้านบวกค่อยๆเพิ่มพูนขึ้นใจของหนิงฝาน รอยยิ้มที่เรียบเฉย กลับเริ่มไปด้วยความนับถือ อาจหาญ และเมตตา ราวกับองค์เทพสูงสุดที่บรรลุกายาแท้จริง

เมื่อจิตใจของหนิงฝานแปรเปลี่ยนเข้าสู่ด้านสว่าง กำแพงที่ขวางกั้นขอบเขตกระดูกเงินก็ค่อยๆหายไปอย่างช้าๆ

“ให้ข้าทะลวงไปเถอะ!” ดวงตาหนิงฝานเปล่งแสงสีเงินราวกับดารา!

ไกลออกไปจากเมืองหนิง ชู่ซวนเชียนสื่อมองผู้อาวุโสทั้งสองอย่างขุ่นเคือง เพราะพวกมัน ห้ามนางไม่ให้ช่วยเมืองหนิง

สองนิกายฝ่ายอธรรมสร้างความวุ่นวายในแคว้นเยว่ แต่นิกายฝ่ายธรรมะอันดับหนึ่งของแคว้นเยว่กลับนิ่งดูดาย

“ผู้อาวุโส พวกเราคือนิกายไท่ชู...”

“หยุดกล่าวให้มากความ แล้วรีบกลับนิกายกับข้า!” ซ่งเชียนสื่อตะคอก

“ท่าน!”

“ข้าให้เวลาเจ้า 10 ลมหายใจ… หากเจ้าไม่กลับนิกายกับข้า ข้าจะขับเจ้าออกจากนิกายนับตั้งแต่วันนี้ไป!”

คำล่าวของชายชราทำให้นางดวงตาเบิกกว้าง นางไม่อยากเชื่อในสิ่งที่อีกฝ่ายกล่าว สีหน้าของไป่หงสื่อที่อยู่ใกล้ๆก็แปรเปลี่ยนใหญ่หลวง มันเร่งกล่าว “ศิษย์พี่ นี่ท่าน...”

“ข้ากล่าวไปแล้วไม่คืนคำ… ไม่อย่างนั้น นิกายไท่ชูไพ่จะตกอยู่ในอันตราย…” ซ่งเชียนสื่อหันมองเทียนยี่ เมื่อเห็นสายตาเย้ยหยันจากอีกฝ่าย มันก็รู้ชะตากรรม

ชู่ซวนเชียนสื่อคิดจะพยุงความยุติธรรมปกป้องเมืองหนิง แต่กลับกลายเป็นว่าตนจะถูกขับออกจากนิกาย เหตุใดถึงเป็นเช่นนั้น?

ซ่งเชียนสื่อไร้หนทาง… หากมันยั่วยุเทียนยี่ นิกายไท่ชูไพ่ต้องกลายเป็นศัตรูกับผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม!

แม้เป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มทั่วไปก็แข็งแกร่งพอจะขึ้นเป็นใหญ่ในแคว้นเยว่… แต่เมื่อเป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มปีศาจโบราณของนิกายเต๋าสวรรค์ แคว้นเยว่ย่อมถูกมันทำลายได้ไม่ยาก

อย่างน้อยๆซ่งเชียนสื่อก็มั่นใจว่า หากยั่วยุเทียนยี่ นิกายไท่ชูไพ่ต้องถูกทำลายอย่างแน่นอน ดังนั้นวันนี้ สมควรไม่มีผู้ใดยื่นมือช่วยเมืองหนิง

เมื่อขบคิด ชู่ซวนเชียนสื่อกลับเริ่มเข้าใจ เทียนยี่มีที่มาไม่ธรรมดา ไม่งั้นผู้อาวุโสของนางย่อมไม่ตัดสินใจถอนมือเช่นนี้

แต่ทำแบบนั้นไปแล้วจะได้อะไร?

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับปีศาจ แต่กลับเลือกที่จะถอย จะเป็นนิกายฝ่ายธรรมะไปเพื่ออะไร

นางโศกเศร้า แต่นางยังคงยืนกรานตามหัวใจของตน… ที่เป็นเช่นนั้นไม่ใช่เพราะหนิงฝาน แต่เป็นเพราะหัวใจของนาง!

“ผู้อาวุโส… ข้ามีเต๋าเป็นของข้า...” นางยิ้มอย่างเศร้าโศก

“นับจากวันนี้ไป ข้าไม่ใช่ชู่ซวนเชียนสื่อแห่งนิกายไท่ชูไพ่… ระหว่างข้ากับนิกายไท่ชูไพ่ ไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกันอีก...”

นางถอดหยกข้อมือ ที่เป็นตัวแทนสถานะของนิกายไท่ชูไพ่ออกแล้วทำลายมัน

เมื่อไม่เกี่ยวข้องใดๆกับนิกายไท่ชูไพ่ นางย่อมทำตามที่ใจปรารถนาได้

นางเป็นสตรีที่เด็ดเดี่ยวแน่วแน่

“สหายเต๋าทั้งสอง… พวกท่านกลับไปเถอะ! ไม่ว่าข้าจะเป็นหรือตาย นิกายไท่ชูไพ่จะไม่เกี่ยวข้องใดๆทั้งสิ้น...”

สหายเต๋า… นางไม่ได้เรียกขานอีกฝ่ายว่าผู้อาวุโสอีกแล้ว… ใบหน้านางยามนี้ดูขาวซีด ก่อนที่เงาร่างจะหายไป

“เชียนสื่ออย่าเพิ่ง...” ไป่หงสื่อจะไล่ตามนาง แต่ซ่งเชียนสื่อกลับรั้งมันไว้

มันหลับตา พลางขบฟันอย่างไร้ทาง

“กลับกับเถอะ อยู่ไปก็ไม่อาจช่วยอะไรได้...”

แล้วซ่งเชียนสื่อก็นำไป่หงสื่อจากไป...

ชู่ซวนเชียนสื่อเศร้าใจเป็นอย่างมาก แต่ไม่นานนัก นางก็เก็บซ่อนความเสียใจไว้ เผยสีหน้าหยิ่งทะนง

“วันนี้ข้าชู่ซวนเชียนสื่อจะแสดงให้เห็นถึงความยุติธรรม...”

“ฮ่าฮ่า… ดี… ข้าชอบสตรีที่เด็ดเดี่ยว ข้าจะฆ่าเจ้าแล้วนำไปทำศพ!” เทียนยี่เผยแววตาเย็นชา เมื่อนางไม่เกี่ยวข้องกับนิกายไท่ชูไพ่แล้ว มันก็ไม่ต้องลังเล!

เทียนยี่ชูมือไปยังเรือเหาะทั้ง 6 ลำ ผู้เชี่ยวชาญเปิดเส้นชีพจรทั้ง 6 พันคนทะยานออกจากเรือ เข้าล้อมจู่โจมชู่ซวนเชียนสื่อ!

เป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญเปิดเส้นชีพจร แต่กลับเหยียบย่างนภาได้! พวกมันสมควรเป็นศพที่สร้างขึ้นเป็นพิเศษ หรือที่เรียกว่า ‘ศพบิน’

ศพจำนวนมากบินได้ ที่สำคัญ ร่างที่เน่าเปื่อยของพวกมันก็แผ่ไอพิษออกมา พวกมันระดมมจู่โจมเข้าใส่นางอย่างโหดเหี้ยมจนนางต้องเริ่มถอย

ไอพิษที่พวกมันแผ่ออกมา ปกคลุมไปทั่วท้องนภา จนยามนี้ นางเริ่มประครอวสติตัวเองไม่อยู่

ปราณของนางลดลงไป 3 ใน 10 ส่วน เมื่อนางพยายามจะถอยห่าง นางกลับรู้สึกราวกับว่า ข้อมือและเอวของนางถูกสัมผัสตรึงไว้ ทำให้ยากจะโคจรปราณ

ศพทั้ง 6 พันตัวเริ่มเคลื่อนเข้าใกล้นางมากขึ้นเรื่อยๆ พวกมันแสยะยิ้มอย่างน่าสยดสยอง… หากพวกมันทั้งหมดจู่โจมในสภาพที่นางยากจะโคจรปราณเช่นนี้ นางคงไม่รอด และถูกพวกมันกินจนไม่เหลือแม้แต่กระดูก

“ไม่… ข้าไม่อยากตาย...” แววตาของนางแปรเปลี่ยนเป็นว่างเปล่า

นางหมดแรงที่จะขยับ… สิ่งที่ทำให้นางเสียใจ คือผู้อาวุโสทั้งสองของนางทอดทิ้ง คนในเมืองหนิงก็ไม่ออกมาช่วย

นางจ้องมองเทียนยี่และสือหยินที่ยิ้มร่า พลางถอนหายใจอย่างโศกเศร้า นางต้องตายด้วยน้ำมือของผู้เชี่ยวชาญฝ่ายอธรรม และยังไม่รู้ว่าพวกมันจะเอาร่างกายของตนไปทำอะไรบ้าง… มีข่าวลือว่า แม้เป็นศพสตรี สือหยินยังไม่ละเว้นที่จะร่วมรัก แต่หากตกไปอยู่ในมือของเทียนยี่ นางคงถูกแปรเปลี่ยนเป็นศพที่ต้องคอยปรนนิบัติมันทุกคืน

“ข้าต้องระเบิดร่าง ให้กองทัพศพเหล่านั้นตกตายไปพร้อมกัน!”

ในขณะที่นางกำลังจะลงมือนั้น ที่เมืองหนิงกลับปรากฏแสงสีเงินฉายขึ้นสู่ท้องนภานับหมื่นจ้าง!

อัสนีสีเงินปรากฏและฟาดผ่า!

พร้อมกับเสียงของคนผู้หนึ่งดังสะท้อนไปทั่วท้องนภา!

“หนานกง เตรียมหน้าไม้!”

“รับทราบ! ถึงนายน้อยไม่สั่ง บ้าวก็จะยิงพวกมันอยู่แล้ว! ทหาร...เตรียมหน้าไม้!”

ไม่นานนัก เสาแห่งแสงสีเงินก็ปรากฏฝูงสัตว์อสูรบินนับ 2 พันตัว บนหลังของสัตว์อสูรเหล่านั้น มีผู้เชี่ยวชาญเปิดเส้นชีพจรที่ 7 ขึ้นไปขี่อยู่!

ผู้เชี่ยวชาญทั้ง 2 พันคนนั้น ยกหน้าไม้เล็งไปยังกองทัพศพ เหนี่ยวไกส่งลูกศรระดมเข้าใจกองทัพศพราวกับห่าฝนดาวตก… ศพบินตนหนึ่งที่ขี่สัตว์อสูรบินคำรามลั่น ก่อนที่ร่างของมันและศพบินอีก 800 ตนจะถูกเผาเป็นเถ้าถ่าย… แล้วลูกศรระลอกที่สองก็ตามไป

เมื่อกองทัพศพบินถูกทำลาย พิษที่พันธะนาการชู่ซวนเชียนสื่อก็สลาย

เสียงออกคำสั่งเมื่อครู่ทำให้นางดีใจ เพราะเจ้าของเสียงคือปีศาจหนิงแห่งนิกายกุ่ยเชว่! คำสั่งของเขาช่างเด็ดขาด ดีกว่าผู้อาวุโสของนิกายไท่ชูไพ่นัก

เมื่อนางเริ่มได้สติ นางพยายามจะขยับขา แต่นางกลับยังถูกพันธะนาการไว้ ยิ่งปราณในร่างโคจรได้ยาก จึงไม่สามารถสลัดหลุดได้

นางพยายามดิ้นรนขัดขืน แต่ยังไม่สามารถหลุดพ้นจากพันธะนาการได้

ห่าลูกศรเพลิงที่ระดมยิงเข้ามา ยิ่งเคลื่อนเข้าใกล้นางเรื่อยๆตามศพบิน

“แย่แล้ว...”

นางขบฟัน สัมผัสกระเป๋าเพื่อจะนำสมบัติวิญญาณออกมา แต่ในชั่วลมหายใจนั้น นางกลับต้องอุทานด้วยความตกใจ

เพื่อเบื้องหน้านางปรากฏเด็กหนุ่มที่ทั่วร่างเปล่งแสงสีเงิน เขายื่นมือที่อบอุ่นสัมผัสขาของนาง เพื่อช่วยทำลายพันธะนาการ

ตลอด 100 ปีที่นางมีชีวิตมา นางยังไม่เคยให้ผู้ใดได้สัมผัสเท้ามาก่อน นางจึงสะดุ้งตกใจ

แต่ที่ทำให้นางตกใจยิ่งกว่านั้น คือผู้เยาว์คนนั้นกลับอุ้มนางแนบอก ทำให้หลายๆส่วนของร่างกายสัมผัสกัน

“เจ้ากล้า...”

“ใจเย็นๆก่อน… หากท่านถูกศรเพลิงพวกนั้นเข้า ร่างของท่านไม่เหลือแน่...” หนิงฝานยิมให้นาง และยามนี้ ที่หน้าผากของเขาก็ปรากฏจุดที่มีลักษณะคล้ายดาราสีเงิน

เมื่อศพบินทะยานล่อลูกศรเพลิงตรงเข้าหาหนิงฝาน เขากลับไม่กลัว แววตาแปรเปลี่ยนเย็นชา ดาราที่หน้าผากเปล่งแสงเจิดจ้า

หนิงฝานซัดฝ่ามืออัสนีที่ทรงพลังออกไป เสียงอัสนีฟาดผ่าดังสะนั่น

กวาดทำลายทั้งกองทัพศพบินและห่าลูกศรธนูเพลิงจนหมดสิ้น

หนิงฝานอุ้มประครองชู่ซวนเชียนสื่อ เหยียบย่างรุ้งสีเงินตรงเข้าเทียนยี่ด้วยความเร็วที่เทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม แล้วซัดฝ่ามือใส่แผ่นอกของมันอย่างรุนแรง

เทียนยี่ตกตะลึง มันเริ่มหวาดกลัวเมืองหนิง ลูกศรเพลิงที่ยิงออกมาระรอกแรก 2 พันลูก ใช้หยกสวรรค์ไป 2 หมื่น อีกระรอกก็ใช้ไปทั้งหมด 4 หมื่น… เหตุใดเมืองหนิงถึงทุ่มหยกสวรรค์เพื่อทหารเช่นนั้น

มันตกตะลึงในการปรากฏตัวขึ้นอย่างฉับพลันของหนิงฝาน รวมถึงดารากลางหน้าผากของเขา

ผู้เชี่ยวชาญทั่วไปอาจไม่รู้ความหมายของดาราบนหน้าผากหนิงฝาน แต่มันรู้ดี ต่อให้เผชิญหน้ากับประมุขนิกายไท่ชูไพ่ มันไม่สัมผัสถึงอันตรายขนาดนี้ไม่ได้ เพราะตอนนี้ ฝ่ามือของหนิงฝานกำลังจะปะทะร่างของมัน!

เทียนยี่อ้าปากพ่นมุกสีดำทมิฬออกมา มันคือสมบัติวิญญาณระดับสูง!

“สมบัติวิญญาณระดับสูง… มุกทมิฬ!” สือหยินขมวดคิ้ว มันตกใจกับสมบัติที่เทียนยี่ครอบครอง

แต่นั่นำไม่ทำให้หนิงฝานรั้งฝ่ามือ ฝ่ามือที่เปล่งแสงสีเงิน ซัดปะทะกับมุกทมิฬอย่างรุนแรง!

“ทำลาย!” หนิงฝ่านคำราม ดาราบนหน้าผากเปล่งประกาย มุกทมิฬถูกบดขยี้แตกเป็นเสี่ยง

ฝ่ามือหนิงฝานยังคงเคลื่อนเข้าหาเทียนยี่ แต่เมื่อฝ่ามือกำลังจะปะทะร่างของมัน มันกลับชกหมัดเข้าปะทะฝ่ามือ จนเกิดเสียงราวกับฝ่ามือกระทบโลหะดังสนั่น

หนิงฝานรู้สึกชาที่ฝ่ามือจากการปะทะ เขาประหลาดใจกับระดับร่างกายของเทียนยี่

เทียนยี่เองก็ตกตะลึงเช่นกัน ผลจากการปะทะเมื่อครู่ หมัดของมันฉีกขาดไปถึงครึ่งชุน โลหิตไหลริน

ดวงตาที่สามบนหน้าผากของเทียนยี่เปล่งแสงสีแดงโลหิตแดงฉาน หากเป็นคนทั่วไปจะมองไม่เห็น แต่หนิงฝานเห็นและตกตะลึง เพราะสัมผัสเทพของเขาไม่สามารถหยั่งระดับพลังของดวงตาดวงนั้นได้

“นี่มัน… เนตรศพ!” เนตรศพนั้นเป็นของเทพปีศาจที่หายสาปสูญ จักรพรรดิสวรรค์มีข้อมูลของมันไม่มากนัก… เนตรดวงนั้นเป็นเนตรที่จะผสานสัมผัสเทพและพลังกับศพ… แม้เป็นจักรพรรดิสวรรค์ ยังต้องระวังในความอันตรายของมัน

เมื่อมีวิชาเช่นนี้ในครอบครอง หรือเทียนยี่จะเป็นผู้สืบทอดของเทพปีศาจโบราณ! ไม่งั้นคงเป็นไปไม่ได้ที่มันจะใช้วิชาโบราณได้เช่นนั้น

แม้หนิงฝานจะถอยห่างออกไป เทียนยี่ยังคงหวาดกลัว

เทียนยี่พบกว่าหนิงฝานไม่ใช่ผู้ครอบครองเส้นลมปราณเทพ

แต่ร่างกายกลับบรรลุขอบเขตกระดูกเงินขั้นต้น ที่สามารถต้านรับการโจมตีของผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มได้!

เทียนยี่ประหลาดใจกับดาราดวงใหญ่ที่ปรากฏบนหน้าผากหนิงฝาน มันเคยได้ยินมาว่ามีเพียงผู้ที่ครอบครองเส้นลมปราณเทพเท่านั้นที่บรรลุขอบเขตกระดูกขาวได้ และสร้างเป็นดาราบนหน้าผากขึ้น

หากเทียบกันแล้ว ผู้ที่มีดาราบนหน้าผาก จะแข็งแกร่งกว่าทั่วไปหลายเท่า

จะประมาทเด็กคนนี้ไม่ได้! คาดไม่ถึงว่าจะมีผู้เชี่ยวชาญเช่นนี้อยู่ในเมืองหนิง!

แม้ชู่ซวนเชียนสื่อยังคงไร้เรี่ยวแรงในอ้อมอกหนิงฝาน แต่นางกลับตกตะลึงไม่แพ้กัน

ขอบเขตกระดูกเงิน… นางรู้จัก! แม้นางไม่ทราบรายระเอียดมากนัก แต่นางขอบเขตนี้ เป็นสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญมากมายเฝ้าฝัน เหตุใดหนิงฝานถึงบรรลุมัน

ที่สำคัญ หนิงฝานยังต้านรับการจู่โจมของเทียนยี่ได้!

สิ่งที่ทำให้นางอับอายคือ นางเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญระดับสูง แต่กลับถูกบุรุษอย่างหนิงฝานอุ้มประครอง ตั้งแต่นางเริ่มฝึกฝนมา ยังไม่เคยมีบุรุษใดสัมผัสกายนางมาก่อน

แม้นางอยากจะดิ้นให้หลุด แต่พิษที่เหลืออยู่ในร่างของนางกลับทำให้นางไร้เรี่ยวแรง ทั้งการที่ได้อิงแอบแนบกายกับบุรุษนั้น ทำให้นางรู้สึกแปลกๆ

“ปล่อยข้าได้แล้ว” นางกล่าวด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ

ลมหายใจถี่กระชั้นมากขึ้นเรื่อยๆ...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด