ตอนที่แล้วเทพกระบี่มรณะ - 271
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพกระบี่มรณะ - 273

เทพกระบี่มรณะ - 272


เทพกระบี่มรณะ - 272

 

ตอนที่ 272: ตระกูลเทียนฉิน

คืนต่อมา เจี้ยนเฉินและหมิงตงก็มารวมตัวกันในห้องเล็ก ๆ

"ดูสิว่าเจ้าดูดีขึ้นมากแค่ไหนหลังจากที่เจ้าหายดี" เจี้ยนเฉินบอกความคิดของเขาขณะที่ยิ้มให้กับหมิงตง

หมิงตงพยักหน้ารับและพูดว่า"ทั้งหมดนี้เป็นเพราะว่ายาที่เจ้าได้ทิ้งเอาไว้ ไม่อย่างนั้นมันจะต้องใช้เวลานานกว่านี้ในการฟื้นฟู ขอบใจสำหรับเรื่องนี้มาก ข้าสามารถบ่มเพาะตัวเองได้อย่างสงบและเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเองได้เป็นอย่างมาก"

เจี้ยนเฉินพยักหน้าพร้อมกับชมเชย"ไม่เลว ตอนนี้เจ้าเป็นเซียนขั้นสุดยอดแล้ว ด้วยความสามารถในการบ่มเพาะของเจ้า มันไม่ต้องทำให้ข้าสงสัยได้เลยว่าเจ้าจะต้องทะลวงผ่านภายในหนึ่งเดือนนี้และกลายเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษ"

"ตราบใดที่มีแกนอสูรมากพอ ข้าก็จะสามารถทะลวงไปเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญได้ภายในสามเดือน"ใบหน้าของหมิงตงเต็มไปด้วยความมั่นใจ เขาไม่ได้ที่จะภาคภูมิใจในการบ่มเพาะของเขา แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เขานึกถึงเจี้ยนเฉิน ความเย่อหยิ่งบนใบหน้าของเขาก็หายไปทันที

แม้ว่าพรสวรรค์ในการบ่มเพาะของเขาจะสูงกว่าคนส่วนใหญ่ แต่หมิงตงรู้ดีว่ามีความแตกต่างอย่างมากกับพรสวรรค์ของเจี้ยนเฉิน เจี้ยนเฉินยังดูไม่ถึง 20 ปีดี แต่เขาก็เป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษแล้ว เขาที่มีอายุได้ 27 ปี และอายุมากกว่าเจี้ยนเฉินไปหลายปี ความแข็งแกร่งของเขายังอยู่ที่เซียนผู้เชี่ยวชาญขั้นสุดยอดเท่านั้น ด้วยสิ่งเหล่านี้มันแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน

เจี้ยนเฉินยื่นแกนอสูรระดับ 4 ให้กับหมิงตง "เพิ่มความแข็งแกร่งของเจ้าต่อไป เจ้าไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีแกนอสูร ที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้า แต่สิ่งหนึ่งที่เจ้าต้องจำไว้คือเจ้าต้องเพิ่มการบ่มเพาะของตัวเองทีละขั้น หากเจ้าเร่งรีบมากเกินไปโดยไม่สนใจใด ๆ เจ้าก็ไม่อาจรู้ได้ว่ามีอันตรายใด ๆ ที่ซ่อนอยู่ในอนาคตซึ่งจะขัดขวางความก้าวหน้าของเจ้า"

ด้วยรู้ว่าเจี้ยนเฉินเป็นคนเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เช่นนี้ หมิงตงก็ไม่กล้าขัด เขารับแกนอสูรและพูดว่า "ไม่ต้องห่วง ข้ารู้ตัวดี"

"ดี อ๊ะ! เจ้ารู้หรือไม่ว่าจะมีการรวมตัวกันของทหารรับจ้างเกิดขึ้น 2 ครั้งในทุก ๆ 100 ปี?"

หมิงตงพยักหน้า "ข้าได้เดินทางไปหลายที่แล้ว ดังนั้นการชุมนุมกันของทหารรับจ้างข้าก็เตบได้ยินมาก่อนหน้านี้ พวกเขาบอกว่ามันเป็นการแข่งขันที่ดุเดือดและคนที่มีระดับความแข็งแกร่งน้อย ๆ ไม่ควรเข้าร่วม ไม่อย่างนั้นมันก็ไม่ต่างอะไรกับการที่พวกเขาเอาชีวิตไปทิ้ง"

"อึ้ม!" เจี้ยนเฉินพยักหน้าเห็นด้วย "ข้าได้ยินว่ามา โอกาสตายนั้นค่อนข้างสูง แต่รางวัลที่ให้มานั้นก็มากอย่างเหลือเชื่อ มันทำให้ทหารรับจ้างต้องบ้าคลั่งเป็นอย่างมาก"

เมื่อได้ยินอย่างนี้หัวใจของหมิงตงก็เต้นแรงสักครู่ขณะที่จ้องกลับไปที่เจี้ยนเฉินอย่างสงบ "อย่าบอกนะว่าเจ้าต้องการที่จะเข้าร่วมการชุมนุมของทหารรับจ้าง ? "

เจี้ยนเฉินก็ไม่ได้ปฏิเสธและพูดว่า "ถูกต้อง นั่นเป็นแผนของข้า"

"อย่าไปเลย ! "หมิงตงอุทาน "แม้ว่าข้าจะไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับการชุมนุมของทหารรับจ้าง แต่ข้าก็ได้ยินมาว่ามันเต็มไปด้วยอันตราย หากคนในกลุ่มไม่มีใครอยู่ในขอบเขตของเซียนปฐพี พวกเขาก็ไม่ควรไปเข้าร่วมหรือหาเรื่องตาย"

เจี้ยนเฉินหัวเราะเบา ๆ และกล่าวว่า "ไม่ต้องห่วง แม้ว่าข้าจะไม่ใช้เซียนปฐพี แต่ข้าก็สามารถป้องกันตัวเองได้ ทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์มันช่างเย้ายวนจนข้าอดใจไม่ไหว"

หน้าของหมิงตงดูขึงขังอย่างมากขณะที่มองมาที่เจี้ยนเฉินอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดหลังจากที่เห็นว่าเจี้ยนเฉินไม่ได้ล้อเล่น เขาก็สูดลมหายใจไปเฮือกหนึ่งและพูดว่า "ดูเหมือนว่าเจ้าตั้งใจที่จะเข้าร่วมการชุมนุมของทหารรับจ้าง"

"ถูกต้อง ข้าตั้งใจว่าจะไป พรุ่งนี้ข้าจะออกจากหมู่บ้าน เจ้าควรจะไปกับข้าด้วย หมู่บ้านหวางนั้นสงบเกินไปและมันอาจจะทำให้เจ้าหยุดอยู่กับที่หากว่าเจ้าอยู่ที่นี่นาน ๆ"

"ยังงั้นก็ได้ ข้าก็เริ่มที่จะอดทนไม่ไหวแล้วหลังจากไม่กี่วันที่ผ่านมา หากไม่รอให้เจ้ากลับมาที่นี่ ข้าคงออกไปจากที่นานแล้ว"

…….

เช้าวันที่สอง เจี้ยนเฉินและหมิงตงต่างก็บอกกับคนในหมู่บ้านว่าพวกเขาจะออกไป หลังจากนั้นพวกเขาก็ออกจากหมู่บ้านพร้อมกับอาหารที่คนในหมู่บ้านให้มาเป็นจำนวนมาก

ส่วนการออกจากหมู่บ้านของหมิงตงนั้น ตัวเขาเองก็ค่อนข้างลังเลว่าจะออกจากหมู่บ้านหวางดีหรือไม่ แต่เขาก็ยังคงออกมาแม้ว่าจะลังเล พวกเขารู้ดีว่าหมิงตงไม่พอใจที่จะอยู่ในหมู่บ้านต่อไป เขาจะต้องออกจากหมู่บ้านอยู่แล้วไม่ช้าก็เร็วตราบเท่าที่โลกนี้ยังมีการผจญภัยที่น่าสนใจอยู่ ในฐานะนักผจญภัยเขาต้องไม่อยู่เป็นหลักเป็นแหล่ง ชาวบ้านในหมู่บ้านหวางก็ได้แต่หวังว่าหมิงตงและเจี้ยนเฉินจะกลับมาเยี่ยมบ้างหากว่าเขามีเวลาในอนาคต

ในที่สุดหมู่บ้านหวางก็อยู่ลึกลงไปในเทือกเขาและตัดขาดจากโลกภายนอก ผู้เดินทางก็อยู่ไกลและมีน้อย

สองวันต่อมาเจี้ยนเฉินและหมิงตงทั้งคู่ก็เดินออกมาจากเทือกเขาในที่สุดและอีกหนึ่งวันหลังจากที่พวกเขาเดินทางมาถึงเมืองชั้น 2 จากระยะไกลพวกเขาสามารรถเห็นขบวนของพ่อค้าและทหารรับจ้างกำลังหลั่งไหลเข้า-ออกเมืองตลอดเวลา

มีทหารจำนวนก 200-300 คนตามประตูเมืองต่าง ๆ และพวกเขาแต่ละคนก็ตรวจสอบทั้งพ่อค้าและทหารรับจ้าง พวกเขาถูกขวางทางและพูดคุยอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะปล่อยให้พวกเขาเข้าเมือง แม้กระทั่งบนกำแพงก็เต็มไปด้วยกองทหารชั้นยอดที่คอยจ้องมองมายังทุกคนอย่างดุดัน

"เกิดอะไรขึ้น? ทำไมถึงมีทหารจำนวนมาก มันไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน..."

"ข้าสามารถบอกได้ว่ามีบางอย่างที่สำคัญเกิดขึ้นเท่านั้น เมื่อวานนี้ข้าอยู่ในเมืองละมั่งและมันก็มีทหารยามมากมายเช่นกัน เมืองทั้งเมืองเต็มไปด้วยทหารทุกหนทุกแห่ง ราวกับว่าพวกเขากำลังหาใครบางคน มันช่างวุ่นวายจริง ๆ..."

"พวกเจ้าไม่รู้หรือ ? ลูกพี่ลูกน้องของข้าในเมืองใกล้ ๆ ของข้าคือหัวหน้าทหารยาม แต่ข้าก็ได้ยินมาว่ามีสายลับจากอาณาจักรเกอซุนแทรกซึมเข้ามาในอาณาจักวายุครามของเรา แม้กระทั่งทหาร 300 คนจากกองกำลังพายุก็ถูกฆ่า สายลับได้เอาแกนอสูรทั้งหมดไปและหนีหายเข้าไปในกลีบเมฆ ตอนนี้ทั้งอาณาจักรกำลังควานหาตัวสายลับ..."

คนมากมายพูดคุยกันตรงประตูอย่างคึกคัก แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะได้ยินหัวข้อเหล่านี้เขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างเยือกเย็น เกือบจะเป็นที่แน่นอนว่าการสูญเสียแกนอสูรเหล่านั้นมันมากเกินกว่าจะทนได้สำหรับอาณาจักร

หลังจากที่รออยู่ครึ่งวัน ทุกคนที่อยู่ข้างหน้าก็ได้เข้าเมือง คราวนี้ก็เป็นหมิงตงและเจี้ยนเฉินที่ถูกตรวจสอบ

"หยุด เจ้ามาทำอะไรที่นี่?"ทันใดนั้นก็มีทหาร 2 คนออกมาหยุดเขาและถามคำถามพวกเขา

เจี้ยนเฉินยิ้มบาง ๆ พลางเอ่ยว่า "พี่น้อง พวกเราเป็นทหารรับจ้างซึ่งอยากจะอยู่ที่นี่สักพักและซื้อของใช้ที่จำเป็นสำหรับพวกเรา"เจี้ยนเฉินถือตราสัญลักษณ์ของทหารรับจ้างอัคนีให้ทหารที่เข้ามาเห็น

ทหารได้ทำการตรวจสอบสัญลักษณ์ที่ถูกมอบมาให้กับพวกเขาอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะมองไปยังทหารรับจ้างทั้งสองคน "พวกเจ้าทั้งดูสองไม่เหมือนสายลับ เข้าไปได้ ! "

เจี้ยนเฉินและหมิงตงก็เดินเข้าไปในเมืองทั้งคู่โดยไม่มีอะไรมาขวางอีก หลังจากนั้นเจี้ยนเฉินก็เดินไปตามถนนก็เห็นรูปร่างของบุคคลนั้นแปะไว้ตามตรอกซอกซอย คนที่ถูกอธิบายนั้นเหมือนกับเจี้ยนเฉิน แต่สิ่งที่แปลกคือรูปร่างหน้าตาของเขานั้นไม่ได้เหมือนกับสิ่งที่เขาอธิบายเลย

"คนแบบนี้มาเป็นสายลับได้อย่างไร ? เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสายลับคนนี้เป็นคนแบบไหน เราจะหาตัวเขาได้อย่างไร..."

"เราไม่รู้ว่าสายลับหน้าตาเป็นอย่างไร แม้ว่าเขาจะมายืนอยู่ตรงหน้าเรา เราก็ไม่อาจรู้ได้ ไอ๊หยา ทำไมพวกเขาถึงไม่วาดภาพเหมือนออกมากัน เราจะได้รู้ว่าเรากำลังมองหาใครอยู่?"

เมื่อคนมองภาพนั้นแล้วพวกเขาทุกคนก็ได้แต่บ่นกับคำอธิบายบนนั้น

"เฮ้อ อาณาจักรวายุครามประกาศจับข้าด้วยภาพวาดเช่นนี้หรือ ? นี่ไม่ต่างอะไรกับคนตาบอดงมทาง มีคนตรงกับคำอธิบายแปลก ๆ นี้มากมาย พวกเขาต้องการจับคนที่มีท่าทางเหมือนกับคนที่ตรงกับคำอธิบายนี้ทุกคนงั้นรึ ? " เจี้ยนเฉินหัวเราะเบา ๆ เมื่อเขามองเห็นรูปวาดตัวเขา

"ถูกต้อง เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเขาเป็นสายลับ ภาพนี้มันไม่มีอะไรมากไปกว่าสิ่งของตกแต่ง"หมิงตงซึ่งอยู่ข้าง ๆ เขาก็เห็นด้วย

ออกไปมาจากแถวนั้น พวกเขาทั้งสองก็เดินลึกเข้าไปในเมืองยังส่วนของคอกสัตว์อสูรที่ถูกรวบรวมไว้ใกล้กับตลาด

คอกสัตว์อสูรนั้นเป็นสถานที่ที่คนมาไม่เยอะ ราวกับว่ามันเป็นกระท่อมขนาดใหญ่ที่มีสัตว์อสูรไม่เกิน 30 ตัวรอขายอยู่

ม้าอสูรที่เป็นพาหนะนั้นเชื่องมากและมันไม่อาจต่อสู้ใดๆได้ ด้วยราคามันสะท้อนให้เห็นในสิ่งเหล่านี้ เพราะราคาของมันค่อนข้างจะสูง ทำให้มีไม่กี่คนที่สามารถซื้อมันได้ ดังนั้นจึงมีคนค่อนข้างน้อยซึ่งมาที่คอกม้าอสูร

ภายในคอกม้าอสูร เจี้ยนเฉินใช้เงินประมาณ 500 เหรียญม่วงเพื่อซื้อสัตว์อสูรระดับ 3 สองตัวเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางไกล ก่อนที่จะพักในโรงเตี้ยมและรอออกจากเมืองในเช้าวันรุ่งขึ้น

ตอนนี้เหลือเวลาเพียงครึ่งปีก่อนที่การชุมนุมของทหารรับจ้างจะเกิดขึ้น ในเวลาอันใกล้นี้ทั้งสองจะต้องรีบเดินทางโดยไม่หยุดพัก ระยะทางระหว่างเมืองทหารรับจ้างกับที่ซึ่งพวกเขาอยู่นั้นไกลมาก พวกเขาจะต้องข้ามไปอีกหลายอาณาจักรและเดินทางหลายพันกิโลเมตร

เจี้ยนเฉินและหมิงตงทั้งคู่ต่างก็ขี่สัตว์อสูรระดับ 3 และเดินทางไปตามเส้นทางอย่างรวดเร็ว ดินและโคลนสาดกระเซ็นตามเส้นทางที่พวกมันทะยานไป พ่อค้าและทหารรับจ้างหลายคนต่างก็โวยวายขณะที่เจี้ยนเฉินและหมิงตงขี่ผ่านพวกเขา แต่หลังจากเห็นสัตว์อสูรระดับ 3 แล้วพวกเขาก็รู้ดีว่าไม่ควรไปท้าทายเจี้ยนเฉินและหมิงตง

สองวันต่อมา เจี้ยนเฉินและหมิงตงออกจากอาณาจักรวายุครามและยังคงเดินทางต่อไป

พวกเขาจะพักในตอนกลางวันและจะเร่งเดินทางต่อให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ในตอนกลางคืน ทั้งสองยังคงบ่มเพาะต่อไป พวกเขาทำแบบนี้มากว่าครึ่งเดือนแล้วและตอนนี้พวกเขาก็เดินทางผ่านอาณาจักรมา 4 แห่งและเดินทางมาหลายพันกิโลเมตรแล้ว

บนที่ราบ เจี้ยนเฉินและหมิงตกแวะข้างทางเพื่อพักสักครู่ เจี้ยนเฉินถือแผนที่ไว้ในมือขณะที่พวกเขาพยายามหาตำแหน่งจุดหมายและกำหนดเส้นทางที่ถูกต้อง

"หมิงตง ดูจากสัญลักษณ์บนแผนที่แล้ว จะมีเมืองชั้นหนึ่งอยู่ข้างหน้าเรา 50 กิโลเมตร เราควรจะไปที่นั่นและพักสักพักแล้วดูว่ามีม้าอสูรที่ดีกว่านี้" เจี้ยนเฉินพูดโดยไม่เงยหน้าออกจากแผนที่

หลังจากเปิดกล่องอาหาร หมิงตงตอบว่า "ดี ในเมื่อเจ้าก็ไม่ได้ขาดเงิน การเปลี่ยนม้าอสูรก็เป็นสิ่งที่ดี แม้ว่าสัตว์อสูรระดับ 3 ค่อนข้างเร็ว แต่ถ้าเราจะไปเมืองทหารรับจ้างแบบนี้ เราอาจจะต้องใช้เวลาอีก 2-3 เดือน"

หลังจากหยุดพักไม่นาน เจี้ยนเฉินและหมิงตงก็เดินทางมาถึงเมืองที่ชื่อว่า เมืองหว่าลู่เหริน

เมืองหว่าลู่เหรินเป็นเมืองชั้นหนึ่งที่ใหญ่โตอย่างมาก ทางเข้าเมืองเต็มไปด้วยความคึกคัก บนถนนมีรถม้ามากมายหลายคันที่สามารถแล่นไปพร้อมกันได้ มีโรงเตี๊ยมหลายแห่งซึ่งมีขนาดที่แตกต่างกันไปตามถนน มีทั้งพ่อค้าและทหารรับจ้างที่กำลังเดินไปคุยไปมากมาย

เมืองหว่าลู่เหรินค่อนข้างดูดี มีถนนกว้าง ไม่มีขยะหรือสิ่งสกปรกใด ๆ มันดูเป็นระเบียบอย่างมาก เมื่อเทียบกับเมืองเวคซึ่งมีทหารรับจ้างมากมายตั้งแผงขายของแบบแบกับดิน จากสิ่งนี้ได้แสดงความแตกต่างระหว่างเมืองชั้นหนึ่งและเมืองชั้นสามอย่างเห็นได้ชัด

ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงดังจากด้านหลัง ทันทีที่เจี้ยนเฉินหันหน้าไปมองเขาก็เห็นกลุ่มขนส่งสินค้าที่แต่งตัวสดใสพร้อมกับรถม้าที่หรูหราเดินมาตามถนน บนรถม้ามีธงสีเหลืองโบกสะบัดอยู่ในอากาศพร้อมกับเขียนคำว่า "ฉิน" เอาไว้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด