ตอนที่แล้วเทพกระบี่มรณะ - 196
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพกระบี่มรณะ - 198

เทพกระบี่มรณะ - 197


เทพกระบี่มรณะ - 197

 

ตอนที่ 197: หมู่บ้านในภูเขาเล็ก ๆ

10 วันต่อมา เจี้ยนเฉินก็ลุกออกจากเตียงและยืนขึ้น เขามองไปที่พื้นจนค่อย ๆ ไล่มาสังเกตเสื้อผ้าที่เขาใส่ เขาสังเกตว่าสิ่งนี้น่าจะเป็นเสื้อผ้าที่รอสโก้สวมใส่ตามปกติ เพราะว่ามันใหญ่ว่าตัวเจี้ยนเฉิน

หยิบชุดใหม่ออกมาจากเข็มขัดมิติของเขา เขาได้ถอดชุดเก่าของรอสโก้ออกและใส่ชุดใหม่ทันที จากนั้นด้วยท่าทางที่ตะลึงงัน ในที่สุดเขาก็รู้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับผิวของเขา

ผิวที่ขาวซีดของเขาไม่ได้เป็นสีขาวอีกต่อไป มันเปลี่ยนเป็นสีแดงอีกครั้งเหมือนครั้งแรกที่หมื่นต้านพิษได้ทะลวงผ่านขั้นแรก มันเป็นภาพที่แปลกประหลาดจากที่เห็น

เมื่อเห็นสีผิวของเขา เจี้ยนเฉินยังคงนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง มองอย่างแปลกใจแม้ว่าหลังจากที่ยอมรับได้ เจี้ยนเฉินก็ยังคงสับสนอยู่

หลังจากนั้นเจี้ยนเฉินก็ได้สติขึ้นมาและคิดเกี่ยวกับข้อมูลที่เขาได้รับ

"ภูมิคุ้มกันพิษจากอสรพิษทองริ้วเงินทำให้ผิวของข้าแดงอีกครั้งหลังจากที่หลอมรวมเสร็จแล้ว เป็นไปได้ไหมว่าขณะที่ข้าพักฟื้นใน 10 วันที่ผ่านมา หมื่นต้านพิษได้หลอมรวมจนเสร็จสมบูรณ์?" เจี้ยนเฉินมีความสุขกับตัวเอง

จากเวลาที่เขาซึมซับภูมิคุ้มกันพิษจากเลือดของอสรพิษทองริ้วเงินจนถึงตอนนี้ก็ผ่านมา 1 ปีแล้ว ในที่สุดหมื่นต้านพิษของเขาก็มาถึงจุดหลอมรวมอย่างสมบูรณ์ ตอนนี้เขาสามารถพูดได้ว่าเขามีหมื่นต้านพิษ

"นับจากนี้ข้าไม่ต้องกลัวพิษใด ๆ อีกต่อไป ตราบใดที่พิษของมันไม่ร้ายแรงกว่าของอสรพิษทองริ้วเงิน"เจี้ยนเฉินคิดอย่างมีความสุข ทั่วทั้งทวีปเทียนหยวน พิษของอสรพิษทองริ้วเงินนั้นถือได้ว่าเป็นหนึ่งในพิษที่ร้ายแรงที่สุด ทุกคนรู้ดีว่ามันเป็นพิษโดยธรรมชาติและยังมีพิษอื่น ๆ ที่ร้ายแรงกว่ามันแต่มันก็หายากยิ่งกว่า

"จากหนังสือ หลังจากที่เข้าสู่สภาวะสมบูรณ์แล้ว หมื่นต้านพิษจะเปลี่ยนผิวให้เป็นสีแดงและจะกลับมาเป็นอย่างเดิมหลังจากนี้อีก 1 เดือน แต่ในหนังสือไม่ได้บอกว่าผิวของข้าจะกลายเป็นสีแดง" เจี้ยนเฉินพึมพำกับตัวเอง มันเป็นความอัปยศที่เขาดันไม่มีกระจก เขาเลยไม่อาจเห็นว่าใบหน้าของเขากลายเป็นสีแดงด้วยหรือไม่

หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ที่นำออกมาจากเข็มขัดมิติ เจี้ยนเฉินก็พับเสื้อผ้าของรอสโก้และวางไว้ข้างเตียงก่อนที่จะเดินออกไป

พร้อมกับเสียงแอ้ดดังออกมาหลังจากที่เจี้ยนเฉินเปิดประตูเก่า ๆ แสงอาทิตย์ส่วนหนึ่งก็สาดเข้ามาในห้อง ทำให้ห้องสว่างพอสมควร

ในขณะที่ดวงอาทิตย์แทบจะอยู่เหนือหัว ซึ่งหมายความว่ามันจะถึงเวลาเที่ยงแล้ว นอกห้องเป็นพื้นบ้านที่เต็มไปด้วยรอยปริแตก ด้านหน้าเจี้ยนเฉินเป็นบ้านไม้และบ้านอีกหลังที่อยู่ห่างไกลออกไปก็เป็นเช่นกัน ภายใต้แสงของดวงอาทิตย์ มีเด็กน้อยวิ่งเล่นและหัวเราะเสียงดังขณะที่กำลังเล่นกันอยู่

เมื่อออกจากบ้านไม้ที่เขาอยู่มากว่าครึ่งเดือน เจี้ยนเฉินก็สามารถเห็นได้ว่ามันเป็นอย่างไร มันเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ใกล้กับภูเขา มีบ้านมากกว่าที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่ไม่อาจมองเห็นผู้ที่อยู่อาศัยได้

"รอสโก้ วันนี้เก็บเกี่ยวได้ค่อนข้างดี มันพึ่งจะบ่ายเท่านั้นและเราก็ได้สัตว์มา 2 ตัวแล้ว มันก็เพียงพอที่จะเลี้ยงทั้งหมู่บ้านได้อีกสองสามวัน"

"ใช่แล้ว ดูเหมือนว่าเราไม่จำเป็นต้องออกไปล่าสัตว์ในวันพรุ่งนี้ เราจะสามารถกินและมีความสุขไปอย่างน้อยอีกสองสามวันสบาย ๆ "

"ถ้าโชคในภายหน้าดีเหมือนกับวันนี้ ต่อไปเราอาจจะอยู่ได้อย่างสบาย ๆ "

เสียงของคนสองคนที่กำลังพูดคุยกันอยู่ดังมาถึงหูเจี้ยนเฉิน เขาหันไปมองตามเสียงและเห็นรอสโก้กับอีกสองสามคนไกลออกไป บนบ่าของชายทั้งสองคนคือสัตว์อสูรขนาดใหญ่ เมื่อมองดูหนึ่งในสัตว์อสูรที่แบกมา ก็สามารถคาดเดาน้ำหนักของมันได้ว่ามันต้องหนักอย่างน้อย 100 กิโลกรัม

ในตอนนี้รอสโก้ก็ตระหนักได้แล้วว่าเจี้ยนเฉินอยู่ตรงหน้าของเขา เขาตะโกนอย่างยินดีว่า"ไง เจ้าหนู ! บาดแผลของเจ้าหายดีพอที่จะเดินได้แล้วหรือ ? "

เจี้ยนเฉินยิ้มและพูดว่า "สิ่งนี้ต้องขอบคุณท่านลุงในความห่วงใย หลังจากที่ใช้ยาดี ๆ หลายอย่างในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา บาดแผลของข้าก็หายดีเกือบหมดแล้ว"

ในที่สุดเหล่าสหายของรอสโก้ต่างก็มองไปที่เจี้ยนเฉินอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะมีคนพูดยิ้ม ๆ ออกมา" รอสโก้ ข้าได้ยินมาว่า เมื่อไม่นานมานี้เจ้าได้ช่วยชายผู้หนึ่งมาจากแม่น้ำ นี่อาจจะเป็นคนที่เจ้าช่วยเอาไว้ ? "

รอสโก้พยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม ไม่นานทุกคนก็มาถึงตรงที่เจี้ยนเฉินยืนอยู่ ขณะที่รอสโก้ชี้นิ้วไปที่เจี้ยนเฉิน "น้องชายผู้นี้ชื่อเจี้ยนเฉิน ถึงแม้ว่าเขาจะยังเด็ก แต่เจ้าก็ไม่ควรจะประมาทเขานัก ชีวิตของเขาเกือบจะถูกพรากไปแล้ว ด้วยบาดแผลที่ร้ายแรงจนขนาดข้าเชื่อว่าเขาจะต้องตายแน่นอน ข้าไม่คิดว่าหลังจากผ่านไป 2-3 วัน เขาจะมายืนอยู่ตรงหน้าของพวกเราทันทีที่เขาหายเป็นปกติ นี่คือสิ่งที่ข้าไม่สามารถทำได้"

"โอ้ งั้นรึ ? น้องชายผู่นี้ดูไม่เหมือนคนป่วยเลย"

เมื่อได้ยินอย่างนั้น ชายสองสามคนต่างก็อ้าปากหัวเราะ แต่มันก็เป็นท่าทีในทางที่ดี

รอสโก้มองไปที่เจี้ยนเฉิน "น้องชาย ข้าขอแนะนำให้เจ้ารู้จัก ชายคนนี้คือฟางหยุนกวง คนนี้คือเฉิงยี่หร่าน และคนนี้เรียกว่าฉินซูเจี่ย"

เจี้ยนเฉินยิ้มขณะที่กำหมัดทักทายคนที่ถูกแนะนำตัว

"เจ้ากลับมาแล้ว? โอ้ ! ดูเหมือนว่าเจ้าจะหาเสบียงมาได้มากเลยในวันนี้ สัตว์ป่าสองตัวนี้ถูกล่ามาได้ด้วยเวลาที่รวดเร็ว ! " ในตอนนี้มีเสียงผู้หญิงดังออกมาจากข้างหลัง นางเป็นผู้หญิงที่สวมเสื้อผ้าธรรมดาที่มีหน้าตาธรรมดา ๆ

"น้องชาย มานี่ ข้าจะแนะนำให้รู้จัก" รอสโก้ตบไหล่ของเจี้ยนเฉินขณะที่เขาชี้ไปที่หญิงสาววัยกลางคนที่เข้ามาหาพวกเขา "นี่คือฮูหยินของข้า ฟางฮุ่ย"

"ข้าต้องรบกวนท่านแล้ว ฮูหยิน ! " เจี้ยนเฉินทักทายนางด้วยความเคารพ นี่เป็นครั้งแรกที่เจี้ยนเฉินได้เห็นฮูหยินของรอสโก้ว่ามีหน้าตาเช่นไร หลังจากที่ครึ่งเดือนมานี้เขาเอาแต่อยู่ในห้องพักและได้ยินเสียงของนางเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ฟางฮุ่ยมองไปที่เจี้ยนเฉินและยิ้มว่า "เด็กผู้นี่รูปงามมาก ข้ารู้จากรอสโก้มานานแล้วว่าเขาได้ช่วยเหลือเจ้า แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เห็นเจ้าจริง ๆ ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะเป็นเด็กหนุ่มที่รูปงามเช่นนี้ แต่ทำไมใบหน้าของเจ้าถึงได้แดงเช่นนี้เล่า ? "

"อ่า ถูกต้อง ? น้องชาย ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาข้าก็เริ่มสังเกตเห็นว่าใบหน้าเจ้าเริ่มเป็นสีแดง เจ้ายังปกติอยู่หรือเปล่า ? หรือเจ้าไม่สบายหรือ ? " รอสโก้ถามด้วยความกังวล

"ไม่ต้องกังวล ท่านลุง นี่เป็นผลกระทบจากยาที่ข้าได้ใช้ ข้าสบายดี" เจี้ยนเฉินโบกมือให้รอสโก้ว่าไม่ต้องเป็นห่วง

"อ่า นั่นก็เป็นเรื่องที่ดี" รอสโก้สงบสติอารมณ์ตัวเองก่อนที่จะพูด" ตอนนี้ถึงเวลากินแล้ว น้องชาย เพราะว่าเจ้าหายดีแล้ว ทำไมเจ้าถึงไม่มากินข้าวกับพวกเรา?"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด