ตอนที่แล้วเทพกระบี่มรณะ - 037
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพกระบี่มรณะ - 039

เทพกระบี่มรณะ - 038


เทพกระบี่มรณะ - 038

 

Chaotic Sword God ตอนที่ 38 เหลียงเสี่ยวเล่อ

"โอ้ อีกอย่างหนึ่ง เจียงหยางเซียงเทียน เจ้าตรวจพบพวกเราได้อย่างไร?" ชายวัยกลางคนคนหนึ่งถาม เสียงของเขาเต็มไปด้วยสงสัย

อาจารย์คนอื่น ๆ อีกสามคนก็อยากรู้เช่นเดียวกัน พวกเขาจ้องมองมาที่เจี้ยนเฉิน พวกเขาทั้งสี่มีความสนใจอย่างมากในวิธีการที่เจี้ยนเฉินใช้ในการตรวจพบพวกเขาขณะที่ซ่อนตัวอยู่ในหญ้าสูง เพราะพวกเขาไม่ได้ส่งเสียงหรือเคลื่อนไหวแต่อย่างใด ดังนั้นมันไม่มีทางที่เจี้ยนเฉินจะมองเห็นพวกเขาได้

เจี้ยนเฉินหัวเราะและกล่าวว่า "ข้าตรวจพบพวกท่านตั้งแต่ที่ท่านอาจารย์มาถึง"

"อะไร! เจ้าตรวจพบตั้งแต่พวกข้ามาถึง นั่นมันเป็นไปได้อย่างไร" ผู้หญิงร้องออกมาด้วยท่าทีไม่อาจเชื่อ

ทั้งสามคนก็ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เจี้ยนเฉินกล่าวออกมา

เจี้ยนเฉินเปิดปากของเขา "ขณะที่ข้ากำลังต่อสู้กับฝูงหมาป่า ขณะนั้นข้าก็ยังให้ความสนใจกับสิ่งแวดล้อมโดยรอบ มิฉะนั้นพวกเราอาจจะถูกโจมตีจากใครบางคน แล้วข้าจะกล้าสูญเสียความสนใจของสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวข้าได้อย่างไร นั่นมันสำคัญยิ่งนัก ? "

ได้ยินอย่างนี้แล้วอาจารย์ทั้งสี่พยักหน้าเห็นด้วยในสิ่งที่เจี้ยนเฉินได้กล่าว

เจี้ยนเฉินอธิบายอย่างต่อเนื่องว่า "ท่านอาจารย์ แม้ทุกคนจะไม่ได้ส่งเสียงอะไร แต่เมื่อพวกท่านมาถึงข้าเห็นกิ่งไม้ขยับอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นข้าจึงค้นพบพวกท่านตั้งแต่แรก"

ได้ยินอย่างนี้แล้ว ทั้งสี่คนตระหนักถึงความผิดพลาดของพวกเขาด้วยท่าทีชื่นชม "ยอดเยี่ยม! นั่นมันยอดเยี่ยมยิ่งนัก เจียงหยางเซียงเทียน ข้าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะชื่นชมเจ้า และคิดว่าเมื่อข้าอายุเท่าเจ้า ข้าไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับที่เจ้าเป็นในตอนนี้" ผู้อาวุโสกล่าวแล้วหยุดชั่วคราวก่อนที่จะพูดว่า "เนื่องจากลูกศิษย์ไม่ตกอยู่ในอันตรายใด ๆ แล้ว พวกเราคงต้องจากไปในตอนนี้ ยังคงมีลูกศิษย์ที่ต้องการความช่วยเหลือ " แม้ว่าผู้อาวุโสได้กล่าวเช่นนั้น แต่เขาก็มีท่าทีลังเลที่จะจากไป

"กรุณาคอยก่อน ! " ทันใดนั้น เจี้ยนเฉินก็ร้องบอกไปทางเหล่าอาจารย์ทั้งสี่ ชี้ไปที่เหลียงเสี่ยวเล่อที่ยังคงหลบซ่อนตัวอยู่ในต้นไม้เขากล่าวว่า "อาจารย์ที่เคารพ ท่านสามารถนำลูกศิษย์ออกไปได้หรือไม่? นางไม่ได้มีความกล้าพอที่จะอยู่ที่นี่อีกต่อไป"

อาจารย์ขมวดคิ้ว ขณะที่เขาคิดเรื่องนี้ "นั่นมันไม่น่าจะมีปัญหา แต่แม้ว่านางจะมีแกนอสูรระดับหนึ่ง 2 ชิ้น นั่นยังถูกพิจารณาว่าสูญเสียสำหรับนาง อย่างไรก็ตาม เพราะว่านางไม่ได้อยู่ที่นี่ทั้งสามวัน"

"ไม่ ข้าจะไม่จากไป แน่นอนข้าจะอยู่ที่นี่จนครบสามวัน" เหลียงเสี่ยวเล่อส่งเสียงดังขึ้นจากยอดไม้ ที่นางกระโดดลงมา 5 หรือ 6 เมตร ลงสู่พื้นดิน และก้าวยาว ๆ ไปยังบริเวณที่เจี้ยนเฉินอยู่

"เฮ้ อาจารย์ สามารถนำเจ้า ออกจากป่านี้ ดังนั้นเจ้าจะไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการถูกสัตว์อสูรทำร้าย ทำไมเจ้าไม่อยากกลับบ้านหรือ ? " เถี่ยต้าค่อนข้างไม่พอใจเนื่องจากความจริงที่ว่าเหลียงเสี่ยวเล่อขี้ขลาดเกินไป ช่วงเวลาที่นางเห็นสัตว์อสูร นางจะร้องออกมาดัง ๆ นี่มันช่างน่ารำคาญสำหรับเถี่ยต้าจริง ๆ ...

เหลียงเสี่ยวเล่อมองเถี่ยต้าด้วยท่าทีขลาดเขลาและกระซิบว่า "ข้าไม่ต้องการที่จะไป"

"เจ้าไม่กลัวสัตว์อสูรแล้วหรือ ? " เถี่ยต้าถามอยากรู้อยากเห็น

"ข้า..!"

"ดังนั้นเมื่อเจ้ากลัว แล้วทำไมเจ้าถึงไม่ต้องการที่จะออกจากที่นี่?"

"นั่นเพราะเจ้าทั้งสองยังคงอยู่ที่นี่"

ด้วยคำตอบที่ตรงไปตรงมาเช่นนี้ เถี่ยต้าไม่รู้จะตอบกลับเช่นไร

เจี้ยนเฉินมองที่เหลียงเสี่ยวเล่ออย่างช่วยไม่ได้ ก่อนที่จะพยายามที่จะชักชวนนาง "เหลียงเสี่ยวเล่อ เจ้าควรจะออกไปกับอาจารย์ สัตว์อสูรในป่านี้มีจำนวนมากเกินไปและข้าไม่อาจรับประกันได้ว่าจะสามารถปกป้องเจ้าได้"

ใบหน้าของเหลียงเสี่ยวเล่อกลายเป็นลำบากใจ ขณะที่นางตระหนักว่า นางจำเป็นต้องพึ่งพาและร้องเรียกเจี้ยนเฉิน นางกล่าว "ศิษย์พี่ โปรดยินยอมให้ข้าไปกับท่าน นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เห็นสัตว์อสูร นั่นเป็นเหตุผลที่ข้ากลัวในตอนแรก แต่ข้ารับประกันว่าถ้าข้าพบมันอีกข้าจะไม่ส่งเสียงดัง " หลังจากที่ได้พบกับความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉินและเถี่ยต้า นั่นไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับปัญหาใด บวกกับว่าเหลียงเสี่ยวเล่อได้ยินเสียงอาจารย์ทั้งสี่คน กล่าวว่าป่าเขตแดนชั้น 2 นี้ไม่มีอะไรที่พวกเขาไม่สามารถจัดการได้ ดังนั้น มันย่อมไม่เกิดอะไรขึ้นกับนางอย่างง่าย ๆ แน่นอน

เจี้ยนเฉินก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา เหลียงเสี่ยวเล่อเป็นชนชั้นสูงมาตั้งแต่เกิด ดังนั้นแน่นอนว่านางย่อมจะเป็นภาระให้กับพวกเขา เมื่อพวกเขาต่อสู้สัตว์อสูร ในอนาคตพวกเขาจะต้องคอยดูแลนางอีกด้วย

"เจียงหยางเซียงเทียน ด้วยเจ้าและเถี่ยต้า ไม่มีสัตว์อสูรตัวในในเขตแดนชั้น 2 นี้จะทำร้ายเจ้าได้ ดังนั้นเจ้าก็พานางไปด้วยเถอะ ลูกศิษย์ควรระวังหลังให้กับอีกคน และนอกจากนี้ จริง ๆ แล้วสำหรับเจ้าทั้งสองนี้ ไม่ควรได้รับการพิจารณาให้ทำการทดสอบอีกต่อไปด้วย" หญิงวัยกลางคนหัวเราะ

เจี้ยนเฉินถอนหายใจด้วยความโกรธเคือง เนื่องจาก แม้กระทั่งอาจารย์ก็ยัวอยากให้เหลียงเสี่ยวเล่อติดตามพวกเขาไป เขาก็ไม่อาจหาเหตุผลใด ๆ ได้อีก

แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะอนุญาต แต่เถี่ยต้าก็ยังไม่พอใจ แต่เขาไม่ได้พูดอะไร หลังจากวันแรกนี้ เขาได้เริ่มเห็นเจี้ยนเฉินเป็นเสาหลักของทีม ไม่ว่าการตัดสินใจของเขาจะถูกหรือไม่ เถี่ยต้าจะไม่คัดค้านมัน เขารู้แก่ใจดีว่าเจี้ยนเฉินนั้นมีกลวิธีและมีประสบการณ์มากในการจัดการกับสัตว์อสูร ซึ่งมันมากกว่าเถี่ยต้า ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรก็ตาม เถี่ยต้าย่อมยอมรับว่าเจี้ยนเฉินถูก

หลังจากที่อาจารย์ทั้งสี่คนจากไป เจี้ยนเฉินและเถี่ยต้าไม่ได้ให้ความสนใจกับเหลียงเสี่ยเล่อ แต่กลับเดินไปที่ศพของหมาป่าสีน้ำเงิน มันมีแกนอสูรมากกว่า 20 ชิ้น พวกเขาไม่กล้าที่จะปล่อยมันทิ้งไว้เช่นนั้น

เพราะแกนอสูรของหมาป่าสีน้ำเงินอยู่ในหัวของพวกมัน เถี่ยต้าและเจี้ยนเฉินกำลังพยายามที่จะหาวิธีที่จะดึงพวกมันออกมา พวกเขาจำเป็นต้องโจมตีและทำลายส่วนหนึ่งของหัวที่ซึ่งมีแกนอสูรอยู่ ดังนั้นใบหน้าของเหลียงเสี่ยวเล่อซีด ขณะที่นางลอบมองพวกเขา บางทีเหลียงเสี่ยวเล่อมีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย ด้วยความยากลำบาก นางก็สามารถระงับความขี้ขลาดภายในตัวของนาง ขณะที่นางเฝ้าดูเจี้ยนเฉินและเถี่ยต้าแยกแกนอสูรอย่างขยันขันแข็ง มันกลายเป็นว่านางกำลังเรียนรู้จากสิ่งเหล่านั้น

ยามค่ำคืนผ่านไปอย่างรวดเร็วและมันสงบสุขนัก หลังจากการโจมตีของหมาป่าสีน้ำเงินจบลง

ขณะที่ดวงอาทิตย์ยามเช้าค่อย ๆ สูงขึ้นมาจากขอบฟ้า เจี้ยนเฉินกำลังนั่งขัดสมาธิหลังจากบ่มเพาะพลังเสร็จแ ะลุกขึ้นยืนเพื่อยืดเส้นยืดสาย

เช่นเดียวกับเมื่อเจี้ยนเฉินยืนขึ้น เขาได้ยินเถี่ยต้าที่เริ่มตื่นขึ้นมาเช่นกัน เขาเดินตามเจี้ยนเฉินมา และแม้ว่าทั้งสองอยู่ในช่วงที่กำลังบ่มเพาะพลัง พวกเขาก็ยังคงตระหนักถึงสภาพแวดล้อมรอบตัว และตราบใดที่ลมพัดผ่านหญ้าสูงแล้ว ทั้งคู่จะสามารถรับรู้ถึงทุกคน

"เถี่ยต้า ไปหากิ่งไม้แห้งมาก่อไฟ ข้าจะไปหาเนื้อสัตว์อสูร มันเป็นเวลาที่เราควรเตรียมอาหารเช้าบางอย่าง" เจี้ยนเฉินกล่าว

"โอ้!" โดยปราศจากการขัดแย้งใด ๆ เถี่ยต้าหันไปรอบ ๆ และเข้าไปในป่าเพื่อค้นหาฟืนแห้ง

ไม่นานหลังจากนั้นเถี่ยต้าก็นำเอาฟืนแห้งกลับมา ในเวลาเดียวกัน, เจี้ยนเฉินได้เตรียมเนื้อก้อนใหญ่ของสัตว์อสูรที่ได้มาจากหมาป่าสีน้ำเงินที่ถูกพวกเขาฆ่าเมื่อคืนที่ผ่านมา

เนื่องจากปราศจากแหล่งน้ำในพื้นที่ตรงนี้ เนื้อสัตว์จึงไม่ได้ถูกล้าง แต่มันถูกเสียบโดยตรงกับด้วยแท่งบางอย่างและถูกวางไว้ด้านบนกองไฟที่จะเริ่มต้นการย่าง

หลังจากนั้นไม่นานเนื้อสัตว์ที่ถูกย่าง เริ่มที่จะส่งกลิ่นหอม แม้ว่ามันจะไม่ได้มีเครื่องเทศใด ๆ แต่คุณภาพของเนื้อสัตว์อสูรย่อมอยู่ในระดับสูง นอกจากนี้ด้วยเพราะเป็นเนื้อสัตว์อสูร มันจึงอร่อยและมีประโยชน์อย่างมาก มันสามารถกล่าวได้ว่า เนื้อสัตว์อสูรระดับ 5 สามารถเติมเต็มความแข็งแกร่งให้กับใครคนหนึ่งได้เลย

บางทีอาจเป็นเพราะนางได้กลิ่นหอมของเนื้อสัตว์ เหลียงเสี่ยวเล่อตื่นขึ้นมาจากการหลับใหลด้านบนของต้นไม้และกระโดดลง ด้วยความสูง 5-6 เมตรไม่ได้เป็นอะไรที่ยากเกินไปสำหรับคนที่ก้าวมาถึงระดับ 8 ของพลังเซียน

"หวา ... มันเป็นกลิ่นที่หอมจริง" เหลียงเสี่ยงเล่อเต้นไปยังกองไฟและเห็นหยดน้ำสีทองที่ไหลมาจากเนื้อสัตว์อสูร ช่วยไม่ได้ที่นางจะรู้สึกน้ำลายยืด แม้ว่านางจะได้กินอาหารที่แปลก ๆ มามากมาย นางไม่เคยกินสัตว์อสูรเช่นนี้มาก่อน หลังจากกินเนื้อสัตว์ชนิดเดียวกันมาเป็นเวลานานแล้วเราก็คิดอย่างอื่นว่าน่ารับประทานมากขึ้นแม้ว่าจะเป็นแค่กะหล่ำปลีก็ตาม เถี่ยต้าหันมองไปยังเหลียงเสี่ยวเล่อด้วยสายตาไม่พอใจ และบ่นอย่างเงียบ ๆ "เมื่อคืนเจ้าร้องไห้เสียงดัง ตอนนี้เจ้าลืมเกี่ยวกับมันทั้งหมดอย่างรวดเร็ว ข้าหวังว่าเมื่อพวกเราพบสัตว์อสูรอีกครั้ง แล้วเจ้าจะไม่ร้องเสียงดัง".

เสียงเถี่ยต้าเบาและพึมพำอยู่ในลำคอ ดังนั้นนอกเหนือจากตัวเขาเองไม่มีใครจะสามารถได้ยินในสิ่งที่เขาบ่นพึมพำ แม้ว่าจะเป็นเจี้ยนเฉินก็ตาม

เหลียงเสี่ยวเล่อมองที่เถี่ยต้าอย่างสงสัย "เถี่ยต้า เจ้ากำลังพูดอะไรอยู่หรือ?" เมื่อคืนที่ผ่านมา อาจารย์ทั้งสี่คนได้เรียกทั้งชื่อเจี้ยนเฉินและเถี่ยต้าแล้ว ดังนั้นเหลียงเสี่ยวเล่อจึงได้รู้จักชื่อของพวกเขา

"อ่า ไม่มีอะไร" เถี่ยต้าโบกมือราวกับว่าเขารู้สึกผิดขึ้นมา

เหลียงเสี่ยวเล่อไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก นางจ้องมองเจี้ยนเฉินและเถี่ยต้าและยิ้ม "ตั้งแต่เจ้าทั้งสองได้ต่อสู้อย่างมีประสิทธิภาพ พวกเจ้าสามารถฆ่าสัตว์อสูรระดับ 1 ได้ถึง 20 ตัว มันเปิดเผยให้ข้ารู้ แท้จริงแล้วพวกเจ้าคือเจียงหยางเซียงเทียนและเถี่ยต้า ความจริงที่ข้าได้พบกับพวกเจ้าทั้งสอง นับว่าโชคดีจริง ๆ " เหลียงเสี่ยวเล่อในปัจจุบันดูเหมือนจะเป็นคนที่แตกต่างจากช่วงเย็นวานนี้อย่างสิ้นเชิง หลังจากผ่านไปชั่วข้ามคืนราวกับว่านางลืมเหตุการณ์ของเมื่อวานนี้ไปหมด ตอนนี้ใบหน้าของนางไม่ได้แสดงให้เห็นร่องรอยของความกลัวและนึกถึงความน่ากลัวของสัตว์อสูร

เจี้ยนเฉินยกเนื้อสัตว์ที่สุกดีขึ้นและจากนั้นฉีกส่วนหนึ่งโยนมันไปที่เหลียงเสี่ยวเล่อ และถาม "มีสัตว์อสูรจำนวนมากอยู่ในป่าแห่งนี้ นอกจากนี้ถ้าพวกเราไม่ได้อยู่ครบจน 3 วัน พวกเราย่อมออกไปไม่ได้ เจ้ากลัวหรือไม่ ? "

เหลียงเสี่ยวเล่อยอมรับเนื้อสัตว์ชิ้นนั้นและในขณะที่นางเคี้ยวมันเบา ๆ นางกล่าวว่า "ถึงแม้ว่าข้ายังคงกลัว แต่ข้าเชื่อว่าข้าจะคุ้นเคยกับมันได้ นอกจากนี้เจ้าสองคนก็อายุไม่มากกว่าข้า แต่เจ้าทั้งสองต้องเผชิญกับฝูงหมาป่าสีน้ำเงินอย่างรุนแรง ในคืนที่ผ่านมาโดยไม่มีร่องรอยของความกลัว เจ้าสองคน ยังสามารถฆ่าพวกมันได้ทั้งหมด นี่เป็นสิ่งที่น่าประทับใจมากขึ้นกว่าคนอื่น ๆ เหล่านั้น ฮึ่ม เด็กเหล่านั้นไร้ประโยชน์ พวกเขา 5 คนร่วมมือกันไม่สามารถเอาชนะสัตว์อสูรได้แม้แต่ตัวเดียว ในท้ายที่สุดความไร้ความสามารถของพวกเขาก็บังคับให้ข้าต้องพลัดกับน้องสาวของข้า".

เหลียงเสี่ยวเล่อจู่ ๆก็ลุกขึ้นยืนและประกาศเสียงดังว่า "ข้าได้ตัดสินใจแล้วในตอนนี้ แน่นอนข้าจะใช้เวลาสองวันนี้ เพื่อเรียนรู้จากเจ้าทั้งสองคน "

ได้ยินอย่างนี้แล้วเจี้ยนเฉินพอใจนัก เขาพยักหน้าให้กับตัวเอง คำกล่าวของเหลียงเสี่ยวเล่อได้รับการยอมรับจากเจี้ยนเฉิน แม้ว่านางจะเป็นคนขี้อายและกลัวสัตว์อสูรเป็นอย่างมาก ปัจจัยที่สำคัญที่สุดก็คือนางเต็มใจที่จะเปลี่ยนแปลงวิธีการของนางเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม

อย่างไรก็ตาม ทุกคนไม่มีใครเกิดมาพร้อมกับความสามารถในการทำและเข้าใจทุกอย่าง ความรู้ทั้งหมดที่เก็บไว้เป็นผลมาจากการเรียนรู้พวกมัน แน่นอนเจี้ยนเฉินเป็นข้อยกเว้น.

ในทางกลับกัน เหลียงเสี่ยวเล่อเกิดเป็นลูกสาวคนโตในครอบครัวชนชั้นสูง นางได้รับการตามใจตั้งแต่นางยังเป็นเด็กและเติบโตขึ้นมาในสภาพแวดล้อมที่มีการปกป้อง เห็นได้ชัดว่านางไม่เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับความยากลำบากใด ๆ ดังนั้นมันจึงไม่เป็นที่คาดหวังว่านางจะหลีกเลี่ยงความกลัวในระหว่างการเผชิญหน้ากันครั้งแรกของนางกับสัตว์อสูรที่โหดร้าย หลังจากทั้งหมดนี้คือเทียบได้กับคนธรรมดา กลับพบเจอผีครั้งแรก ใคร ๆ ก็ย่อมกลัว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด