ตอนที่แล้วGE129 นางมาด้วยเหตุใด [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE131 ขอบเขตกระดูกเงิน [ฟรี]

GE130 ผู้ใด [ฟรี]


เมื่อได้ยินคำกล่าวของชู่ซวนเชียนสื่อ ไม่เพียงสือหยินจะมีสีหน้ามืดมน ประมุขนิกายเต๋าสวรรค์ก็เช่นกัน

ในสายตาของเหล่าผู้เชี่ยวชาญระดับกลางในแคว้นหวู่ ต่างมองนิกายไท่ชูไพ่เป็นเพียงเด็กอมมือ

หากซ่งเชียนสื่อและไป๋หงสื่อสอดมือร่วมสงคราม แม้จะช่วยเมืองหนิงได้ แต่นิกายไท่ชูไพ่จะเสียหายร้ายแรง

เหตุที่เทียนยี่ ผู้นำนิกายเต๋าสวรรค์รับปากสือหยินว่าจะจู่โจมเมืองหนิง ไม่ใช่เพราะทั้งสองเป็นสหายกัน แต่เป็นเพราะสือหยินให้สัญญาว่า จะให้โอสถก่อดวงจิตกับเทียนยี่… หากแลกโอสถกับการทำลายเมืองหนิง ย่อมไม่ต้องขบคิด แต่หากเป็นนิกายฝ่ายอธรรมอันดับหนึ่งอย่างนิกายไท่ชูไพ่ พวกมันจะได้ไม่คุ้มเสีย

แม้โอสถก่อดวงจิตจะหายากในแคว้นหวู่ แต่ก็ยังมีวิธีให้ได้มาก

เทียนยี่ขมวดคิ้ว เขมทิศโลหิตที่ห้อยอยู่เอวของมันสั่นเทา

เขมทิศชิ้นนั้นมีนามว่า ‘เข็มทิศศพ’ เป็นอุปกรณ์ที่เอาไว้หาศพ หากพบศพคุณภาพสูง เข็มทิศจะสั่น

ยามนี้เทียนยี่อยู่ห่างจากเมืองหนิงไม่มากนัก การที่เข็มทิศของมันสั่นเช่นนั้น แสดงว่าในเมืองหนิงมีศพคุณภาพสูงอยู่

เข็มทิศศพสามารถระบุได้ถึงระดับของร่างยามก่อนตาย และระดับสูงที่เข็มทิศวัดได้ คือศพของผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยก แต่ยามนี้ ยากที่จะแน่ใจว่าเข็มทิศระบุได้ถูกต้องหรือไม่ แต่อย่างน้อย ก็บอกได้ว่าศพที่อยู่ในเมืองหนิงมีระดับไม่ต่ำกว่าขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม

“ศพของผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ?!”

แววตาเทียนยี่เป็นประกาย… หากได้ค่าตอบแทนเพียงโอสถก่อดวงจิต นับว่าไม่คุ้มค่าหากต้องยั่วยุนิกายไท่ชูไพ่ แต่หากเป็นศพของผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ… ไม่ว่ายังไงมันก็ต้องทำลายเมืองหนิงให้ได้!

หากเทียนยี่ได้ครบอครองศพของผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ มันก็มีโอกาสที่จะบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณเช่ากัน เมื่อถึงยามนั้น มันจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในแคว้นหวู่!

เมื่อมีผลประโยชน์นั้นหลอกล่อ ต่อให้นิกายไท่ชูไพ่มาขวาง มันก็ไม่กลัว… ผิดกับสือหยินที่ยังลังเล มันไม่กล้ายั่วยุนิกายไท่ชูไพ่ แต่ในยามนั้นเอง เทียนยี๋กลับอุ้มโลงศพขนาดใหญ่กระโดดลงจากเรือ หัวเราะอย่างชั่วร้าย ทะยานตรงเข้าหาชู่ซวนเชียนสื่อ

มันสัมผัสกระเป๋า นำทองคำดำออกมา

“เดิมทีนี่เป็นเรื่องของพวกข้ากับเมืองหนิง หากแม่นานสอดมือ อย่างหาว่าข้าไม่เตือน!”

มันถ่ายปราณเข้าไปในทองคำดำ 9 ใน 10 ส่วน มันคิดจะขู่นิกายไท่ชูไพ่โดยทำให้ชู่ซวนเชียนสื่อบาดเจ็บสาหัส นั่นจะทำให้นิกายไท่ชูไพ่เลิกล้มที่จะช่วยเมืองหนิง และตัดใจที่จะเข้าร่วมสงคราม

สือหยินขมวดคิ้ว มันประหลาดใจกับการเคลื่อนไหวของเทียนยี่ อีกฝ่ายเป็นคนนอกแต่กลับชิงลงมือก่อน มันจึงเร่งติดตามไปทันที

ชู่ซวนเชียนสื่อขมวดคิ้วเล็กน้อย แม้นางจะแข็งแกร่งทัดเทียมกับเหล่าประมุขนิกาย แต่ปราณของนางยังห่างชั้นกับเทียนยี่อยู่มาก กองทองคำในมือของเทียนยี่ก็เป็นอุปกรณ์วิญญาณระดับสูง ขาดอีกเพียงระดับเดียวจะเป็นสมบัติระดับสูงสุด อำนาจของมันจึงไม่ธรรม แต่ถึงอย่างนั้น ในเมื่อนานตัดสินใจจะปกป้องเมืองหนิงแล้ว นางจึงไม่หวาดหวั่น

ในความคิดของนาง แม้นางไม่อาจเอาชะเทียนยี่ได้ แต่มันก็ใช่ว่าจะทำอะไรนางได้เช่นกัน ยิ่งหากผู้อาวุโสของนางอีก 2 คนมา ร่วมมือกันรับมือกับเที่ยนยี่ ก็ไม่มีอะไรต้องกลัว

ทองคำดำเปล่งประกายอัสนีสีดำแปรบปราบ ขยายขนาดกลายเป็นภูเขาขนาดเล็กที่สูงกว่า 100 จ้าง ถล่มเข้าใส่ชู่ซวนเชียนสื่อจากเหนือศีรษะ

เหนือยอดเขาลูกนั้น ปรากฏแสงเปล่งประกาย ทำให้อานุภาพของภูเขาเพิ่มพูนขึ้นอีก 3 ใน 10 ส่วน!

“นี่มัน ‘วิญญาณพิภพ’!” สือหยินประหลาดใจ ‘วิญญาณพิภพ’ คือทักษะเสริมวิญญาณที่เสริมความสามารถพิเศษให้กับสมบัติวิญญาณ หทำให้อานุภาพของมันเพิ่มพูน

สมบัติวิญญาณทองคำดำอยู่ไม่ห่างจากสมบัติวิญญาณระดับสูงสุดมากนัก เมื่ออานุภาพของมันเพิ่มพูน จึงอาจทำให้มันทรงพลังเทียบเท่าสมบัติระดับสูงสุด

ฉากที่ปรากฏเบื้องหน้าทำให้ศิษย์ของนิกายจี๋หลิงหวาดกลัว ยิ่งยามที่พวกมันมองไปยังศิษย์ของนิกายเต๋าสวรรค์ที่ไร้ชีวิต พวกมันยิ่งหวาดกลัว

เมื่อภูเขาขนาดเล็กเข้าประชิด ชู่ซวนเชียนสื่อเร่งถอยหลบ แต่โลหิตและปราณของนางยังผันผวนจากผลกระทบ นางตกตะลึงกับความแข็งแกร่งของเทียนยี่ นางรู้ว่าอาจไม่อาจเป็นคู่มือของมัน แต่หากถ่วงเวลาได้ นางก็บรรลุเป้าหมาย

นางสัมผัสกระเป๋านำยันต์ออกมาหนึ่งแผ่น โยนสูงขึ้นไปบนท้องนภา ขยับนิ้วเป็นท่าทาง ทำให้ยันต์แผ่นนั้นแปรเปลี่ยนเป็นแสงสีทองเจิดจ้า ก่อนแตกกระจายเป็นประกายทองคำขนาดเล็ก แล้วก่อตัวเป็นปีกขึ้นที่แผ่นหลังของนาง

นางขยับมือเคลื่อนไหว สร้อยข้อมือปรากฏหยกปรากฏที่ข้อมือ ก่อนแปรเปลี่ยนเป็นวงหยกขนาดยักษ์… วงหยกนี้คือสมบัติวิญญาณระดับสูงของนาง มีนามว่า ‘วงหยกวารี’

นางโคจรปราณขยับปีกที่แผ่นหลัง ทำให้ร่างของนางแปรเปลี่ยนเป็นลำแสง ถอยห่างจากตำแหน่งเดิมออกไปพันจ้างในพริบตา แล้วปรากฏกายด้านหลังเทียนยี่พร้อมกับวงหยกวารี!

การที่นางสามารถเคลื่อนไหวในระยะพันจ้างได้ในพริบตานั้น เป็นเหมือนวิชาของผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม

เมื่อครู่นางถูกภูเขาขนาดเล็กจู่โจม แต่เมื่อภูเขาลูกนั้นเคลื่อนเข้าใกล้ นางกลับนำยันต์ออกมาแล้วเคลื่อนไหวออกจากตำแหน่งนั้นในพริบตา แม้นางจะเป็นสตรี แต่ก็สมที่แล้วตัวตนระดับสูงของนิกายไท่ชูไพ่

เทียนยี่ดูแคลนชู่ซวนเชียนสื่อ มันคิดว่าเพียงกระบวนท่าเดียวก็ทำให้นางสยบได้แล้ว

แม้มันต้องเผชิญหน้ากับการจู่โจมของวงหยกวารี มันไม่กลัวและยิ้มอย่างเย็นชา

“หยกวารี… ย่างก้าวพริบตา… สมบัติวิญญาณระดับสูง… เพียงเท่านี้ก็นับว่าดีกับสตรีมากแล้ว ในเมื่อเจ้ายังไม่ยอมหลีกทาง ก็อย่าหากข้าว่าไม่สุภาพ!”

ในขณะที่วงหยกวารีกำลังจะเข้าสัมผัสตัวเทียนยี่ โลงศพที่มันนำมาด้วยกลับเปิดออก แขนของศพที่เน่าเปื่อยยื่นออกมา คว้าจับวงหยกวารีเอาไว้

สมบัติวิญญาณระดับสูงกลับถูกตรึงไว้ด้วยมีเปล่าได้อย่างง่ายดาย ก่อนที่มือข้างนั้นจะออกแรง บีบวงหยกวารีจนแตกเป็นเสี่ยงๆ

สมบัติวิญญาณถูกทำลาย ชู่ซวนเชียนสื่อที่อยู่ไกลออกไปได้รับผลกระทบ นางกระอักโลหิตคำโต เปื้อนผ้าบนบังใบหน้าของนาง

นางไม่อยากเชื่อว่าสมบัติวิญญาณระดับสูงจะถูกทำลาย… โลงศพนั่นซ่อนสิ่งใดไว้!

เทียนยี่หันมองชู่ซวนเชียนสื่อ ดวงตาอันแดงฉานกลางหน้าผากปรากฏ นางสัมผัสได้ถึงอันตรายร้ายแรงจากมัน ก่อนที่นางจะเร่งถอยห่างมันอีกพันจ้างทันที

“ดวงตาของมันก็คือวิชา… หากข้าถอยห่างช้ากว่านี้อีกก้าว ข้าไม่รอดแน่...”

นางตกตะลึงและเริ่มหวาดกลัวเทียนยี่ แม้ทั้งสองจะอยู่ในขอบเขตกึ่งดวงจิตแรกเริ่มเหมือนกัน แต่วิชาของเทียนยี่ลึกล้ำกว่า กระทั่งอาจรับมือกับผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกแริ่มได้

แต่ถึงอย่างนั้น ผู้ที่ตกตะลึงไม่ได้มีแค่นาง สือหยินเองก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน

“เกิดอะไรขึ้นกับเทียนยี่… เมื่อ 10 ปีที่แล้วมันยังไม่แข็งแกร่งขนาดนี้… ช่างเถอะ มันเป็นสหายไม่ใช่ศัตรู ยังไงซะก็ต้องทำลายเมืองหนิงให้ได้ก่อน ถ้ายังยืดเยื้ออยู่แบบนี้ ตาเฒ่าสองคนของนิกายไท่ชูไพ่จะตามมาทัน”

สือหยินที่กำลังขบคิดเผยสีหน้ามืดมน มันแหงนมองขึ้นไปบนท้องนภาเบื้องบน

เทียนยี่ไม่ได้ติดตามชู่ซวนเชียนสื่อ มันเพียงจ้องมองนางด้วยสายตาอาฆาต

“ดูเหมือนตาเฒ่าสองคนนั้นจะมาแล้ว… แต่พวกมันไม่ปรากฏตัว” เทียนยี่เย้ยหยัน ดวงตาที่ 3 ของมันเปล่งแสง ภูเขาขนาดเล็กแปรเปลี่ยนเป็นก้อนทองคำสีดำดั่งเก่า

การแสดงพลังของเทียนยี่ ทำให้สามกองทัพปีศาจทมิฬของเมืองหนิงฮึกเหิม

แม้พวกมันจะหวาดกลัว แต่กลับตื่นเต้นมากกว่า เพราะในอดีต หานหยวนจี๋ได้พาพวกมันออกรบในระดับนี้มานับครั้งไม่ถ้วน!

หนานกงได้สั่งกองทัพไว้ว่าให้รอดูสถานะการณ์เงียบๆ

“กองทัพทั้ง 4 แห่งเมืองหนิงรับคำสั่ง! หากไม่มีผู้ใดบุกจู่โจม ห้ามเคลื่อนไหวเด็ดขาด!” แววตาหนานกงแปรเปลี่ยนจริงจัง เสียงคำสั่งของมันดังสะท้อนไปทั่วเมือง

ทหารแต่ละนายสงสัย… แม้พวกมันจะรู้ว่ากำลังจะเกิดสงคราม แต่พวกมันไม่รู้ว่าศัตรูจะแข็งแกร่งขนาดนี้ พวกมันต้องการกำลังเสริม แต่นอกเหนือจากตระกูลใหญ่ทั้ง 4 แห่งเมืองฉีเหม่ยแล้ว ก็เหลือก็เพียงนิกายกุ่ยเชว่ ไม่รู้ว่าคนเหล่านั้นจะมาช่วยหรือเปล่า?

“หากชู่ซวนเชียนสื่อตกอยู่ในอันตราย… ข้าจะช่วยหรือไม่ช่วยดี...” หนานกงลังเล มันรู้ว่าหนิงฝานมีสตรีอยู่หลายคน แต่เมื่อได้เห็นชู่ซวนเชียนสื่อแห่งนิกายไท่ชูไพ่ ต่อกรกับนิกายฝ่ายธรรมจากแคว้นหวู่เพียงลำพัง หากกล่าวว่านางไม่เกี่ยวข้องกับหนิงฝาน มันคงไม่เชื่อ

ไม่ว่ายังไงมันก็ต้องช่วยนาง...

หลังจากชู่ซวนเชียนสื่อใช้วิชาก้าวย่างพริบตาไป 2 ครั้ง นางเริ่มหายใจหอบเหนื่อย ใบหน้าที่งดงามซีดขาว มุมปากปรากฏโลหิต

ก้าวย่างพริบตาเป็นวิชาที่เสริมให้กับหยกวิญญาณของนาง มันทำให้นางเคลื่อนไหวได้เทียบเท่ากับผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม แต่ปราณที่ใช้ไปกลับมหาศาลเช่นกัน

นางใช้ก้าวย่างพริบตาไป 2 ครั้ง ครั้งแรกเพื่อลอบจู่โจมเทียนลี่ ส่วนอีกครั้งเพื่อถอยห่างจากมัน ยามนี้ปราณของนางแทบหมดตัว ผิดกับเทียนยี่ที่ยังมีท่าทีสบาย นั่นหมายความว่าทั้งสองห่างชั้นกันมาก

“ลำพังข้าคงไม่อาจช่วยเมืองหนิงได้… อีกไม่นานผู้อาวุโสทั้งสองน่าจะมาถึง...”

ในขณะที่นางกำลังสับสนนั้น นางกลับเผยรอยยิ้ม

เพราะเหนือท้องนภาเมืองหนิง ได้ปรากฏกลิ่นอายของ 2 คนที่นางคุ้นเคย!

“ผู้อาวุโสทั้งสองเร่งร่วมมือกับข้าจัดการมันเถอะ!” จิตใจของนางสงบลง แต่คำกล่าวของชายชราทั้งสองกลับทำให้นางรู้สึกราวกับถูกน้ำเย็นสาดใส่

“สหายแคว้นหวู่… เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความเข้าใจผิด นิกายไท่ชูไพ่เราไม่ได้ตั้งใจ… หวังว่าท่านจะใจกว้าง”

ชายชราทั้งสองมองเทียนยี่ด้วยสายตาที่หวาดกลัว

ทั้งดวงตาที่ 3… โลงศพสีดำ… และแขนที่ยื่นออกมาจากโลงศพนั่น ทำให้ชายชราทั้งสองหวาดกลัว

“เชียนสื่อ เร่งกลับนิกายกับพวกข้าได้แล้ว...” ชายชราตำหนิชู่ซวนเชียนสื่อ เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้พวกมันไม่อาจสอดมือ...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด